ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 503 ลมหนาวจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 503 ลมหนาวจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 503 ลมหนาวจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

“ฮ่าๆๆ…”

เมื่อสิ้นเสียงของหมิ่นโหรว ในวัดร้างก็มีเสียงหัวเราะลั่นที่เหิมเกริมกังอยู่พักหนึ่ง เพียงแต่เสียงหัวเราะนี้ทำให้คนรู้สึกไม่มีความสุขหรือภาคภูมิใจเลยสักนิด มีแต่ความรู้สึกสิ้นหวังเลยที่สิ้นสุด “อวี้เอ๋อร์บ้านเจ้า? เขาทำให้ข้า ไป๋วั่นเจี้ยนบ้านแตกสาแหรกขาด!…

…เขาอยากได้อาซิ่วของข้าก่อน ทำเอาอาซิ่วของข้าอับอายจนกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตาย!…

…เมียข้าโศกเศร้าจนเป็นบ้า!…

…พ่อข้าเดือดดาลจนอุปนิสัยเปลี่ยนไป ลงมือฟันลูกศิษย์ตัวเองบาดเจ็บไปหลายคน ไหนจะศิษย์พี่ของข้าอีก เฟิงวั่นหลี่ ‘สหายรัก’ ของพวกเจ้าสองผัวเมียก็ถูกฟันแขนขวาขาด! มังกรเทพไปวายุคนหนึ่งกลับกลายเป็นคนพิการแล้ว!…

…ตอนนี้ทั้งสำนักภูเขาหิมะพากันหวาดกลัว อาจจะเกิดความขัดแย้งภายในได้ทุกเมื่อ!…

…ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นฝีมือของสือจงอวี้ ลูกชายตัวดีของเจ้า!”

ยิ่งพูด เสียงผู้ชายคนนั้นก็ยิ่งฟังดูอ้างว้าง จนกระทั่งตอนสุดท้าย เสียงพูดถึงขั้นปนเสียงสะอื้นด้วย

เมื่อได้ฟังคำพูดของอีกฝ่าย หมิ่นโหรวก็เถียงไม่ออกแล้ว

แต่ผู้ชายที่พูดยังรู้สึกว่าไม่พอ ยังเงยหน้าทอดถอนใจเฮือกหนึ่ง กล่าวต่อว่า “แม้แต่ภรรยากับลูกสาวยังปกป้องไม่ได้ ข้ายังนับเป็นวีรบุรุษที่ไหนได้อีก จะเอาหน้าจากไหนไปคุยเรื่องความสามารถกับคนอื่น…

…สือฮูหยิน ข้าไป๋วั่นเจี้ยนนับถือการประพฤติตัวของพวกเจ้าสองสามีภรรยา รับประกันได้ว่าก่อนกลับเมืองหลิงเซียว ข้าจะไม่ทำร้ายพวกเจ้าสองแม่ลูกแม้แต่เส้นขน…

…แต่หลังจากกลับถึงเมืองหลิงเซียวแล้ว การลงโทษทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับท่านพ่อข้า…

…สิ่งที่ข้าทำได้ก็มีเพียงเท่านี้”

เมื่อได้ยินบทสนทนาในวัดร้าง สือชิงก็ตัวสั่นเบาๆ

ด้วยลักษณะนิสัยของเขา อยากสืบให้เรื่องนี้กระจ่างมาก

แต่ตัวอยู่ในยุทธภพ บางครั้งก็ทำตามใจตัวเองไม่ได้

ยกตัวอย่างเช่นเรื่องที่อยู่ตรงหน้า ฟังจากที่ไป๋วั่นเจี้ยนพูดแล้ว แม้สือจงอวี้คนเดียวจะทำให้สำนักภูเขาหิมะลำบากเหมือนตกนรกทั้งเป็น แต่สือจงอวี้ในฐานะที่เป็นบิดา เขาก็ต้องพิจารณาว่าเรื่องนี้อาจไม่ใช่ความจริง หรือไม่ก็มีความจริงอีกอย่างปิดบังอยู่

ถ้ามีความจริงอีกอย่างปิดบังอยู่ เช่นนั้นการปล่อยให้ลูกชายถูกจับตัวไปเมืองหลิงเซียว ไม่เท่ากับเป็นการผลักเขาลงหลุมไฟหรอกหรือ

อย่างไรเสีย เมืองหลิงเซียวก็คือสถานที่ที่ไป๋จื้อไจ้มีอำนาจตัดสินใจเพียงคนเดียว!

ตรงกันข้าม หากพวกเขาช่วยลูกได้ตอนนี้ อย่างน้อยก็พาลูกไปขอรับโทษที่เมืองหลิงเซียวด้วยกันได้ ทำแบบนี้อย่างน้อยก็เป็นฝ่ายได้เปรียบมากกว่าถูกจับตัวกลับไป ตอนที่แยกแยะถูกผิดจะได้มีช่องว่างมากขึ้น

เพียงแต่ถ้าเป็นแบบนี้ กลับต้องขัดใจไป๋วั่นเจี้ยนอีกครั้งอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งฟังจากสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้…

ตอนที่สือชิงกำลังลังเล เยี่ยเว่ยหมิงที่อยู่ข้างๆ กลับส่ายหน้าบอกว่า “ถ้าจะให้ข้าแสดงความเห็น ข้าว่าที่ไป๋วั่นเจี้ยนพูดเป็นความจริงทุกอย่าง แต่เขากลับใส่ร้ายคนดีแล้ว”

สือชิงได้ยินแล้วงง “จอมยุทธ์น้อยเยี่ย ได้ยินแล้วงง”

“เพราะ ‘สือพั่วเทียน’ ที่พวกเขาจับตัวไป ที่จริงแล้วเป็นคนอื่น หากข้าเดาไม่ผิด มีความเป็นไปได้สูงว่าเป็นอาจ่งที่หน้าตาเหมือนสือจงอวี้ เป็นน้องชายคนหนึ่งของข้าเอง” ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็เตือนด้วยเจตนาดีอีกว่า “สือจงอวี้ตัวจริงตายไปแล้ว ข้าสังหารเอง!”

เมื่อถูกคำพูดทิ่มแทงใจอีกครั้ง สือชิงก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรแล้ว

ยังดีที่เสียงของไป๋วั่นเจี้ยนดังขึ้นถูกเวลาพอดี ทำลายบรรยากาศอึดอัดแล้ว

“ใครกัน!”

ที่แท้เสียงบทสนทนาของพวกเขาที่อยู่ข้างนอกแม้จะเบา แต่กลับสะเทือนถึงไป๋วั่นเจี้ยนที่อยู่ในวัดร้างแล้ว

เมื่อเสียงตะคอกของไป๋วั่นเจี้ยนดังขึ้น ศิษย์สำนักภูเขาหิมะห้าสิบหกสิบคนก็พุ่งออกจากวัดร้าง มาล้อมเยี่ยเว่ยหมิงกับสือชิงไว้หลายชั้นทันที

ยามเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่หวาดกลัวเลยสักนิด เขาตะโกนเสียงดังใส่วัดร้างอย่างไม่สะทกสะท้าน “อาจ่ง เจ้าอยู่ข้างในหรือเปล่า”

พอเสียงของเขาเงียบลง ในวัดร้างก็มีเสียงที่คุณเคยตอบกลับมาทันที “พี่ใหญ่ เป็นท่านหรือเปล่า”

พอได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของอาจ่ง ในหัวเยี่ยเว่ยหมิงก็ปรากฏภาพรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาของหนุ่มน้อยอีกครั้ง มุมปากเขาเผยรอยยิ้มเรียบๆ

แต่รอยยิ้มนี้เพิ่งปรากฏออกมา ก็ถูกแทนที่ด้วยความงุนงงแล้ว

หลังจากงงเสร็จ กลับยิ้มอย่างสดใสยิ่งกว่าเดิม

[ติ๊ง! พบภารกิจลับ ‘เคล็ดกระบี่ภูเขาหิมะ’]

[เคล็ดกระบี่ภูเขาหิมะ]

เคล็ดกระบี่สำนักภูเขาหิมะมีจุดที่พิเศษ ศัตรูทุกคนที่คุณเผชิญหน้าด้วยวันนี้ ล้วนเป็นยอดฝีมือที่ฝึก ‘เคล็ดกระบี่ภูเขาหิมะ’

ตอนนี้ไป๋วั่นเจี้ยน บุคคลที่มีอิทธิพลในบรรดาศิษย์รุ่นสองของสำนักภูเขาหิมะกำลังเข้าใจผิด คิดว่าอาจ่งเพื่อนรักของคุณเป็นสือจงอวี้สวะยุทธภพ ทั้งยังจับตัวหมิ่นโหรว ผู้ที่มาช่วยชีวิตเป็นตัวประกันด้วย

ในฐานะวีรบุรุษผดุงคุณธรรม คุณตัดสินใจจะไม่ถือสาเรื่องในอดีต ร่วมมือกับสือชิงโจมตีกลุ่มยอดฝีมือของสำนักภูเขาหิมะ ช่วยอาจ่งกับหมิ่นโหรวออกมา

ระดับภารกิจ: ไม่ทราบ

รางวัลภารกิจ:

ทุกครั้งที่โจมตีศัตรูให้ล่าถอยได้ จะได้รับค่าประสบการณ์ 100000 แต้ม ค่าตบะ 10000 แต้ม!

ร่วมมือกับสือชิงโจมตีไป๋วั่นเจี้ยนให้ล่าถอยได้ จะได้รับค่าประสบการณ์ 1000000 แต้ม ค่าตบะ 100000 แต้ม!

โจมตีไป๋วั่นเจี้ยนให้ล่าถอยได้โดยการท้าสู้ตัวต่อตัว จะได้รับค่าประสบการณ์ 2000000 แต้ม ค่าตบะ 200000 แต้ม!

หลังจากทำภารกิจช่วยชีวิตสำเร็จ จะได้รับรางวัลพิเศษ (รายละเอียดรางวัลกำหนดตามระดับความสำเร็จของภารกิจ)

บทลงโทษภารกิจล้มเหลว: ไม่มี

(หมายเหตุ: เนื่องจากภารกิจครั้งนี้เป็นภารกิจเนื้อเรื่องแบบพิเศษที่มีหลายคนเข้าร่วม โหมดการต่อสู้จะถูกกำหนดเป็น ‘ประลองวัดฝีมือ’ ทั้งฝ่ายตัวเองและฝ่ายศัตรูรวมทั้ง NPC หากตายในภารกิจ จะคืนชีพอยู่นอกสนามต่อสู้ และติดสถานะบาดเจ็บสาหัส

เมื่ออยู่ในสถานะนี้จะเคลื่อนไหว พูด หรือถึงขั้นเปิดหน้าอินเตอร์เฟสระบบไม่ได้จนกว่าภารกิจจะจบ

ตอนติดสถานะนี้ จะเลี่ยงบทลงโทษตายได้ จะได้รับการคุ้มครองจากระบบไม่ให้ถูกโจมตี

หลังจากจบภารกิจครั้งนี้ ผู้เล่นและ NPC ที่ติดสถานะ ‘บาดเจ็บสาหัส’ จะออกจากสถานะนี้โดยอัตโนมัติ ค่าสเตตัสทั้งหมดจะกลับไปเต็มเหมือนเดิม)

……

หรือพูดได้อีกอย่างว่า นี่คือสังเวียนประลองพิเศษ หลังจากตายแล้วไม่มีบทลงโทษ

ผู้เล่นที่เข้าร่วมภารกิจไม่ต้องกังวลใดๆ เลย สู้ได้เต็มที่!

เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบอย่างต่อเนื่อง ดวงตาเยี่ยเว่ยหมิงก็เป็นประกายมาก เขากวาดสายตามองบนตัวลูกศิษย์สำนักภูเขาหิมะตรงหน้า พร้อมใช้มือซ้ายคำนวณเงียบๆ

ตรงหน้ามี NPC สำนักภูเขาหิมะทั้งหมดยี่สิบสี่คน ผู้เล่นสำนักภูเขาหิมะสามสิบเอ็ดคน ตัดไป๋วั่นเจี้ยนที่คนเดียวมีค่าเท่าสิบคน ค่าประสบการณ์ที่เหลือก็มีมูลค่าประมาณห้าล้านสี่แสนแต้ม บวกค่าตบะอีกห้าแสนสี่หมื่นแต้ม!

ถ้านับไป๋วั่นเจี้ยนที่มีค่าเท่าสิบคนด้วย นั่นก็กลายเป็นค่าประสบการณ์เจ็ดล้านสี่แสนแต้ม ค่าตบะเจ็ดแสนสี่หมื่นแต้ม!

ชั่วพริบตาเดียวเยี่ยเว่ยหมิงก็คำนวณตัวเลขที่ซับซ้อนเสร็จแล้ว เขากล่าวเสียงดังว่า “ไม่ผิดหรอก เป็นข้าเอง! อาจ่ง เจ้ารอก่อน ข้าจะช่วยเจ้าออกมาเดี๋ยวนี้!”

“โอ้อวดไร้ยางอาย!” เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงไม่เห็นตนอยู่ในสายตา พออ้าปากก็บอกว่าจะช่วยคนทันที ไป๋วั่นเจี้ยนก็ไม่สบอารมณ์แล้ว ชี้กระบี่ล้ำค่าไปที่เยี่ยเว่ยหมิงพร้อมกล่าวเสียงเย็น “ถ้าอยากช่วยคน ก็เอาชนะกระบี่ของไป๋ผู้นี้ให้ได้ก่อน!”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วกลับส่ายหน้าเล็กน้อย “แม้ผู้น้อยจะเห็นใจกับเรื่องราวที่ผู้อาวุโสเผชิญ แต่ก็อดพูดไม่ได้ว่าท่านจำคนผิดแล้ว คนในวัดร้างไม่ใช่สือจงอวี้ ลูกศิษย์ทรยศของสำนักภูเขาหิมะ แต่เป็นน้องชายของข้าที่ชื่ออาจ่ง สือจงอวี้ตัวจริงถูกข้าและสหายฆ่าตายไปนานแล้ว”

“พูดซี้ซั้วอะไรหลักฐาน!” ไป๋วั่นเจี้ยนทำเสียงฮึดฮัด จากนั้นกวาดสายมองสือชิงแล้วบอกว่า “หากเป็นอย่างนั้นจริง เจ้ากับสือชิงเดิมทีควรจะเป็นศัตรูที่อยู่ร่วมฟ้ากันไม่ได้ มีหรือที่จะร่วมมือกันมาช่วยคนคนนี้…

…เจ้าคิดว่าข้าหลอกง่ายเหมือนเด็กสามขวบหรือ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด