ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 286 เรื่องราวที่เหมือนเคยได้ยินมาก่อน

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 286 เรื่องราวที่เหมือนเคยได้ยินมาก่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 286 เรื่องราวที่เหมือนเคยได้ยินมาก่อน

ผู้เฒ่าฉินเดิมทีเป็นชาวนาคนหนึ่ง บุกเบิกที่นาผืนหนึ่งใกล้ป่าที่อยู่ห่างจากอำเภอไปประมาณสิบลี้ อาศัยทำการเกษตรเพื่อเลี้ยงชีพทุกปี

กอปรกับทักษะการจับงูของเขา ทำให้จับงูพิษแช่สุราไปขายในอำเภออยู่บ่อยๆ ใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้องและความเป็นอยู่

แต่งูพิษที่เขาจับได้กลับถูกใจผู้พิพากษาอำเภอหลี่คูโหลว อีกฝ่ายสั่งมาว่าต้องการงูพิษเป็นๆ ยิ่งมีพิษมากเท่าไรก็ยิ่งดี

ช่วงแรกคนของศาลาว่าการอำเภอก็ยังจ่ายเงินตำลึงซื้อด้วยความเกรงใจ แต่ตอนหลังเมื่อพบว่าผู้เฒ่าฉินบุกเบิกที่ดินทำกินแล้ว ก็กลายเป็นใช้งูมาจ่ายภาษี ตอนหลังบีบให้เขาส่งงูไปให้เกือบทุกวัน แต่งูในป่านอกเมืองมีให้เขาจับเยอะขนาดนั้นเชียวหรือ

เรื่องราวก็เป็นอย่างนี้ ผู้เฒ่าฉินถูกผู้พิพากษาอำเภอหลี่คูโหลวกดดันจนทุกข์ทรมานเกินบรรยาย

จนกระทั่งก่อนหน้านี้ไม่นาน หลานสาวของผู้เฒ่าฉินกลับมาจากข้างนอก แต่กลับนำมาซึ่งเรื่องราวหายนะ

ที่แท้ผู้เฒ่าฉินก็ยังมีหลานสาวอยู่คนหนึ่ง หน้าตางดงามมาก เมื่อครึ่งปีก่อนตอนช่วยผู้เฒ่าฉินจับงูอยู่ข้างนอก จู่ๆ นางก็หายตัวไป จนกระทั่งเมื่อครึ่งเดือนก่อนถึงได้กลับมาบ้าน

ได้ยินว่าถูกนายน้อยชั่วที่มีฐานะไม่ธรรมดาคนหนึ่งจับไปเป็นอนุภรรยา กระทั่งเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ จอมยุทธ์คนหนึ่งที่ผ่านมาลงมือสังหารนายน้อยชั่วคนนั้น ช่วยนางออกมาจากปากเสือได้ นางถึงได้กลับบ้านมาอยู่กับผู้เฒ่าฉินอีกครั้ง

แต่ในระหว่างนั้น แม่นางฉินตั้งครรภ์แล้ว

ตั้งครรภ์โดยที่ยังไม่ได้แต่งงาน แม่นางฉินต้องขายไม่ออกแน่นอน แต่ที่น่าเศร้ากว่านั้นก็คือ ผู้พิพากษาอำเภอหลี่คูโหลวถูกใจนางแล้ว จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ที่ใต้บังคับบัญชาตนจี้จับตัวแม่นางฉินไปที่ศาลาว่าการอำเภอ โดยอ้างว่าให้ผู้เฒ่าฉินนำงูมาจ่ายแลก

ผู้เฒ่าฉินหางูมาให้ไม่ได้ ทำได้เพียงมาต่อว่าต่อขานที่ศาลาว่าการอำเภอ แต่กลับถูกบ่าวชั่วซ้อมจนบาดเจ็บสาหัส ยังเดินไปได้ไม่ไกลก็หัวคะมำพื้น ไม่มีวันลุกขึ้นมาได้อีกแล้ว

เมื่อได้ฟังสิ่งที่ผู้เฒ่าฉินประสบพบเจอ เยี่ยเว่ยหมิงกลับอดขมวดคิ้วไม่ได้

เรื่องนี้ทำไมฟังดูคุ้นหู

แต่อย่างน้อยก็ยืนยันเรื่องบางอย่างได้แล้ว ผู้พิพากษาอำเภอหลี่คูโหลวนั่นต้องไม่ใช่คนดีอะไรแน่นอน

ดูท่าแล้ว คงไม่ต้องไปโรงน้ำชาโจวจี้อะไรนั่นแล้ว

การทดสอบอีกอย่างหนึ่งของเจ็ดประหลาดแห่งเจียงหนาน มีความเป็นไปได้แปดส่วนว่าเกี่ยวข้องกับหลี่คูโหลว

อย่างไรเสียแม้เจ็ดคนนี้จะไม่ได้เก่งมาก แต่ความยึดมั่นและยืนหยัดต่อความเป็นธรรมก็เป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะช่วยเหลือผู้อื่นอย่างกล้าหาญจริงๆ หรือเป็นอย่างที่เขาเรียกกันว่า ตบหน้าตัวเองจนบวมให้เห็นว่าเป็นคนอ้วน[1] แต่หากทำเรื่องบางเรื่องได้ตลอดชีวิตโดยไม่สั่นคลอน แม้จะเป็นการแกล้งทำ แต่ก็เหมือนเป็นความจริงอยู่ดี!

เหมือนเรื่อง ‘ยิ้มเย้ยยุทธจักร’ ที่เยี่ยเว่ยหมิงฟังมาจากอินปู้คุย ความเข้าใจที่มีต่อบทบาทของเย่ว์ปู้ฉวินก็คือกล้ำกลืนความอัปยศ เป็นผู้ที่ทำการใหญ่คนหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะวาสนาทำให้เขาได้รับ ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ ทำให้เขามีศักยภาพที่จะทะเยอทะยาน เช่นนั้นเขาก็ต้องใส่หน้ากากกระบี่วิญญูชนไปตลอดชีวิต

และหากคนคนหนึ่งเป็นวิญญูชนจอมปลอมและไม่ก่อกรรมทำชั่วได้ทั้งชีวิต เช่นนั้นเขาก็คือวิญญูชนแล้วจริงๆ!

พูดนอกประเด็นไปไกลแล้ว กลับมาที่ประเด็นเดิม ด้วยความยืนหยัดที่เจ็ดประหลาดมีต่อคำว่ายุติธรรม กอปรกับเบาะแสของภารกิจชี้ว่าเป็นผู้พิพากษาอำเภอหลี่คูโหลวแห่งอำเภออินกู่ เยี่ยเว่ยหมิงก็มีเหตุผลให้เชื่อได้เต็มที่ว่านี่คือบททดสอบจิตวิญญาณวีรบุรุษของผู้เล่นอย่างพวกเขา

ทดสอบว่าผู้เล่นจะยอมทิ้งการช่วงชิงผลประโยชน์ที่อยู่ตรงหน้าเพื่อความยุติธรรมหรือไม่ สละเวลาภารกิจอันล้ำค่าไปที่ศาลาว่าการอำเภอสักรอบ แล้วช่วยแม่นางฉินผู้โชคร้ายคนนั้นออกมา ถือโอกาสทวงความยุติธรรมแทนสวรรค์!

เมื่อเข้าใจข้อต่อสำคัญต่างๆ แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็สืบพฤติกรรมของผู้พิพากษาหลี่จากชาวบ้านที่มุงดูอยู่รอบๆ คำตอบที่ได้ก็เหมือนที่เขาคาดการณ์ไว้

เจ้าหมอนี่เป็นขุนนางโลภตั้งแต่หัวจดเท้า ไม่เพียงแค่โลภ ทั้งยังชั่วร้ายอีกด้วย ตอนแรกยังรักษาภาพลักษณ์อยู่บ้าง ตอนหลังรู้สึกว่าสวรรค์สูงฮ่องเต้ห่างไกล[2] จึงเริ่มวางอำนาจบาตรใหญ่ ทำตัวเป็นฮ่องเต้ท้องถิ่นจริงๆ!

หลังจากได้รับคำตอบอย่างนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็นำโลงไม้หวงฮว่าออกมาเงียบๆ แล้วเก็บศพผู้เฒ่าฉิน

ได้รับ ‘ตระหนักรู้การจับงู’ x1!

ครั้งนี้ เยี่ยเว่ยหมิงไม่หวังอะไรจากศพคนแก่น่าสงสารริมถนนเลยจริงๆ ไม่ได้ถือสาตำราลับตระหนักรู้ที่ได้มาเท่าไรนัก

และเมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงเก็บศพให้ชายชราที่ไม่รู้จักกันคนนี้ ผู้หวังดีที่อยู่ข้างๆ ก็อดเตือนไม่ได้ว่า “น้องชาย ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่ายุ่งเรื่องชาวบ้านดีกว่า ถ้าผู้พิพากษาอำเภอหลี่นั่นรู้เข้าว่าเจ้าช่วยเก็บศพให้ผู้เฒ่าฉิน ดีไม่ดีอาจมีภัยมาถึงตัว”

“มีภัยมาถึงตัว?” เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มเหยียดหยาม “อย่างเขาคู่ควรด้วยหรือ!”

ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็ใช้พลังจิต ระบบเปลี่ยนชุดให้อัตโนมัติ เครื่องแบบขุนนางทั้งชุดปรากฏขึ้นบนตัวเขาในชั่วพริบตาเดียว

เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงสวมเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ทั้งตัว กลุ่มชาวบ้านที่มามุงดูรอบๆ ก็พากันเผยสีหน้าระแวดระวัง ต่อให้คนพวกนั้นซาบซึ้งที่เขาช่วยเก็บศพผู้เฒ่าฉินก่อนหน้านี้ แต่การถูกผู้พิพากษาอำเภอหลี่รังแกมานานจนเกิดเป็นเงามืดในใจ ก็ยังทำให้พวกเขาหวาดกลัวเยี่ยเว่ยหมิงที่แต่งกายด้วยชุดของเจ้าหน้าที่ทางการ

เยี่ยเว่ยหมิงเห็นดังนั้นแล้วแอบส่ายหน้าเงียบๆ

เมื่อเจ้าหน้าที่ของทางการคนหนึ่งที่รังแกผู้บริสุทธิ์ ก็เพียงพอที่จะทำให้ชาวบ้านในพื้นที่หนึ่งหมดความเชื่อมั่นต่อกฎหมายแล้ว นี่ก็คือความจงใจของสังคมศักดินา ต่อให้เป็นผู้ปกครองที่มีปรีชาชาญขนาดไหน แต่เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมสมัยนั้น แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะดูแลทั่วถึงทุกซอกทุกมุมของบ้านเมือง

แต่ในเมื่อตัวเองได้ตามเรื่องนี้แล้ว เขาก็รู้สึกว่าในฐานะเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายของราชสำนักคนหนึ่ง เขามีหน้าที่สร้างความมั่นใจต่อกฎหมายให้ชาวบ้านอีกครั้ง

เมื่อเก็บโลงศพที่บรรจุร่างของผู้เฒ่าฉินแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็กล่าวเสียงดังว่า “กลางวันฟ้าสว่าง เห็นทุกอย่างกระจ่างชัดเจน ผู้พิพากษาอำเภอขั้นเจ็ดกระจอกๆ คนหนึ่งกล้าใช้อำนาจบาตรใหญ่รังแกชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ขนาดนี้เชียวหรือ วันนี้ก็คือวันที่สวรรค์จะรักษาความเป็นธรรม!”

พอพูดจบ เขาก็เดินก้าวยาวไปทางศาลาว่าการอำเภอท่ามกลางสายตาฉงนของบรรดาชาวบ้านที่มามุงดู

ขณะเดียวกันนี้เอง ในห้องส่วนตัวชั้นสองของโรงน้ำชาโจวจี้ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามศาลาว่าการอำเภอ ทีมเล็กห้าคนที่ร่วมฆ่าหลี่เปียวตายพร้อมกับเยี่ยเว่ยหมิงกำลังดื่มน้ำชากินขนมกันอยู่พลางสังเกตสถานการณ์ข้างนอกไปด้วย

เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงเดินออกมาจากตรอกเล็กแล้วมุ่งตรงไปที่ศาลาว่าการอำเภอด้วยท่าทางดุร้าย ผู้เล่นสำนักถังเหมินก็พูดจาเริงร่าบนความทุกข์ของคนอื่น “เจ้าหมอนั่นพบเบาะแสเรื่องผู้เฒ่าฉินแล้วจริงๆ แต่พอเห็นท่าทางของเขา ดูเหมือนไม่คิดจะรอให้ค่ำก่อนค่อยเข้าไปลอบสังหารที่ศาลาว่าการอำเภอ แต่เตรียมจะฝืนดันทุรังบุกเข้าศาลาว่าการอำเภอเลย”

“จะว่าไป เข้าก็ไม่น่าจะเป็นคนบุ่มบ่ามขนาดนั้นนะ”

พอได้ยินดังนั้น โคมเขียวไฟปีศาจที่เป็นหัวหน้าทีมก็ส่ายหน้าเล็กน้อย “ข้าไม่คิดว่าเจ้าหมอนั่นจะไร้สมองขนาดนั้น ถึงอย่างไรก็เป็นศาลาว่าการอำเภอ นี่กลางวันแสกๆ ถ้าลงมือสังหารขึ้นมา ทหารยามที่รับหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของเมืองก็จะมาถึงทันที ต้องรู้ไว้ว่าพวกนั้นไม่ใช่คนที่พวกผู้เล่นรับมือไหว อย่าไปมองว่าเขามีความสามารถ ถ้าได้เจอกับคนพวกนั้นก็มีแต่จะถูกปลิดชีพอยู่ดี…

…ข้าเดาว่า เขาอาจแค่ไปสำรวจสภาพพื้นที่ แล้วค่อยหาสถานที่เงียบๆ รอให้ฟ้ามืด ไม่แน่นะ อีกประเดี๋ยวเขาอาจมากินข้าวที่โรงเตี๊ยมนี้ก็ได้”

“ไฟปีศาจ ครั้งนี้เหมือนเจ้าจะเดาผิดแล้วนะ เจ้าหมอนั่นตรงไปยังประตูใหญ่ของศาลาว่าการอำเภอแล้วจริงๆ” ผู้เล่นเส้าหลินที่เดิมทีน้ำเสียงราบเรียบ จู่ๆ ตอนนี้ก็เริ่มตื่นเต้นแล้ว “เวรเอ๊ย! ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะลงมือแล้ว ทหารยามที่ลาดตระเวนในเมืองปรากฏตัวแล้ว โอ้แม่เจ้า เจ้าหมอนี่กำลังจะซวยแล้ว!”

[1] ตบหน้าตัวเองจนบวมให้เห็นว่าเป็นคนอ้วน 打肿脸充胖子 เปรียบเปรยว่าไม่มีความสามารถแต่ทำเป็นหน้าใหญ่ใจโต

[2] สวรรค์สูงฮ่องเต้ห่างไกล 天高皇帝远 หมายถึงสถานที่ห่างไกล อำนาจจากศูนย์กลางไปไม่ถึง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด