ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 555 เด็กชายแฝดหก

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 555 เด็กชายแฝดหก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 555 เด็กชายแฝดหก

[โม่บดหยินหยาง (ระดับกลาง): …]

[ผงแปรสภาพศพ: พิษร้ายกาจที่แปรสภาพศพให้กลายเป็นน้ำข้นๆ ได้!]

[ตำราอาหารงานเลี้ยงฮั่น-แมนจู] ตำราอาหารที่บันทึกเมนูอาหารไว้หนึ่งร้อยแปดอย่าง อาหารบันทึกไว้แบ่งเป็น: เนื้อแกะนึ่ง อุ้งตีนหมีนึ่ง หางกวางนึ่ง เป็ดย่าง…

[อาภรณ์แดงหยินหยาง (อาวุธล้ำค่า)]

ชุดคลุมยาวสีแดงที่ทำจากวัสดุพิเศษและงานตัดเย็บประณีต ค่าสเตตัสอยู่ระหว่างหยินกับหยาง แต่กลับไม่รวมเป็นหนึ่งเดียวกับหยินหยาง ผู้ที่ใช้จะได้เจอผลลัพธ์อัศจรรย์

ป้องกัน +300

พลังชีวิตสูงสุด +1000

กำลังภายในสูงสุด +1000

เลเวลวิชากำลังภายใน +1!

เงื่อนไขการติดตั้ง: ในโลกนี้มีเพียงคนสองประเภทที่ติดตั้งอุปกรณ์ไม่ได้ นอกจากนี้ล้วนใส่ชุดนี้ได้หมด! (คนสองประเภทที่ใส่อุปกรณ์นี้ไม่ได้คือ: ผู้ชายกับผู้หญิง)

……

[ดาบกระดูก (อาวุธล้ำค่า)]

ตัวกระบี่ดำขลับ ผอมเหมือนกระดูกยาว เนื่องจากทำจากวัสดุพิเศษ หลังจากถูกพิษแล้วจะคงความเป็นพิษไว้ได้นานมาก

โจมตี +450

กำลังภายใน +30%

ผลชุบพิษ +100%

เวลาชุบพิษ +500%!

[เงิน: 2121 เหรียญทอง!]

……

อาจจะเป็นเพราะเจ้าหมอนี่เป็น BOSS เลเวลเก้าสิบห้า ตัวเองไม่มีทักษะยุทธ์ระดับสูงก็น่าขำแล้ว ดังนั้นระบบจึงชดเชยให้เขาด้วยไอเทมดรอปอย่างอื่น

ซึ่งการชดเชยนี้ก็ยอดเยี่ยมมากจริงๆ

โดยเฉพาะสำหรับยอดฝีมือที่ไม่ขาดแคลนทักษะยุทธ์อย่างพวกเขา ของพวกนี้ก็ยิ่งล้ำค่าดฮณ๊ฯดฯฌซ,

ในบรรดาของสี่ชิ้น ที่จริงสิ่งที่เยี่ยเว่ยหมิงชอบที่สุดก็คือ…

ตำราอาหารงานเลี้ยงฮั่น-แมนจู!

ผงแปรสภาพศพแม้จะฟังดูแข็งแกร่งดุดัน แต่เกิดเป็นคนอย่าลืมรากเหง้าของตัวเอง

เยี่ยเว่ยหมิงมีความสามารถได้อย่างทุกวันนี้ รากเหง้าที่เขาอาศัยคืออะไร

แน่นอนว่าเป็น ‘เวทบรรจุศพ’!

หากทำให้ศพแปรสภาพแล้ว ยังจะเก็บศพได้อีกหรือ

ดังนั้นของที่ชงกับห้าธาตุของเขา จะเก็บไว้ไม่ได้เด็ดขาด!

แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามารีบร้อนแบ่งของกัน หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงนำโลงไม้หนานมู่ออกมาเก็บศพไห่ต้าฟู่ ก็ถือโอกาสพูดกับเพื่อนร่วมทีมข้างกายว่า “เก็บของไว้ที่ข้าก่อน รอให้บุกดันเจี้ยนอื่นเสร็จก่อนแล้วค่อยแบ่งกัน เป็นอย่างไร”

ในบรรดาสหายร่วมทีมที่เยี่ยเว่ยหมิงสนิท สถานการณ์แบบนี้เห็นมาจนชินแล้ว ถือเป็นการกระทำปกติ

ประกอบกับทุกคนมั่นใจต่อการวางตัวของเยี่ยเว่ยหมิง เชื่อว่าเขาไม่ฮุบของคนอื่นไว้แน่นอน

แต่วันนี้ไม่เหมือนอดีต เนื่องจากในทีมไม่ได้มีเพียงคนสนิทของตัวเองเท่านั้น

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงเสนอว่ากลับไปค่อยแบ่งของกัน เชิญร่ำสุราก็เสนอความเห็นทันที “ของอย่างอื่นค่อยๆ แบ่งกันได้ แต่ข้าอยากได้ชุดกับกระบี่พิษเล่มนี้มาก ให้ข้าเก็บไปก่อน แล้วตอนแบ่งของกันตอนสุดท้ายค่อยคิดบัญชีรวมกัน”

“ได้!”

ต้องบอกเลยว่าวันนี้เจ้าหมอนี่ดวงดีใช้ได้ สองอย่างนี้แทบจะสร้างมาเพื่อเขา

เสื้อผ้าชุดนั้นไม่ต้องพูดถึงแล้ว เป็นของดีท่ามกลางของดีแน่นอน โดยเฉพาะค่าสเตตัสที่ ‘เลเวลวิชากำลังภายใน +1’ ขนาดเยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วยังอยากได้ แต่เงื่อนไขการติดตั้งอุปกรณ์ที่เหมือนกับดักนั่น ก็ทำให้คนรู้สึกจนใจจนพูดไม่ออก

แม้ในคำอธิบายจะบอกไว้แล้วว่า ‘นอกจากคนสองประเถท ใครก็ใส่ได้ทั้งนั้น’ แต่ในบรรดาผู้เล่นทั้งเกมนี้ นอกจากเชิญร่ำสุราแล้ว คนอื่นก็จัดเป็นหนึ่งในคนสองประเภทนั้นหมดเลยกระมัง

ส่วนกระบี่พิษเล่มนั้นก็เป็นของดีจริงๆ แต่การใช้อาวุธที่มีพิษจะถูกหักค่าวีรบุรุษ!

ตั้งแต่เล่นเกมมาจนถึงตอนนี้ ค่าสเตตัสแบบนี้ไม่ใช่ความลับอีกต่อไปแล้ว

แต่ค่าวีรบุรุษก็เป็นของดี อย่าว่าแต่ศิษย์สำนักฝ่ายธรมมมะเลย ต่อให้เป็นสำนักที่วางตัวเป็นกลางก็สนใจมากเช่นกันไอรีนโนเวล

ดังนั้น แม้ขีดจำกัดของกระบี่เล่มนี้ไม่ได้เยอะเหมือนอาภรณ์แดงหยินหยาง แต่ความนิยมก็น้อยกว่ากระบี่ล้ำค่าธรรมดาเยอะ นอกจากเชิญร่ำสุราแล้ว เพื่อนร่วมทีมที่อยู่ตรงนั้นไม่ค่อยมีใครสนใจกระบี่เล่มนี้มากนัก

แต่เชิญร่ำสุราไม่เป็นไร เขาคือคนของสำนักดาวดึงส์ ค่าวีรบุรุษยิ่งต่ำก็ยิ่งดี แน่นอนว่าไม่สนใจผลกระทบด้านลบอยู่แล้ว ประกอบกับสำนักดาวดึงส์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพิษ เมื่อมีกระบี่เล่มนี้แล้ว จะต้องทำให้ศักยภาพของเขาก้าวหน้าถึงระดับใหม่แน่นอน!

เยี่ยเว่ยหมิงจึงส่ง ‘อุปกรณ์เฉพาะ’ สองชิ้นนี้ให้อีกฝ่ายเสียเลย จากนั้นพวกเขาก็ออกจากดันเจี้ยน ‘ขันทีผู้แข็งแกร่ง’ แล้วก็เปลี่ยนมาเข้าประตูเหล็กบานที่เขียนว่า ‘หนึ่งกระบี่โลหิตสาด’

เฝิงซีฟ่าน ในฐานะที่เป็น BOSS ก็เหมือนจะเตรียมตัวสำหรับการมาเยือนของพวกเขาไว้นานแล้วเช่นกัน ทันทีที่พบกับพวกเขา ก็เผยค่าสเตตัส BOSS ทันที

[เฝิงซีฟ่าน]

ยอดฝีมือสำนักคุนหลุน ฉายา ‘หนึ่งกระบี่ไร้เลือด’ ใจคอเหี้ยมโหด หน้าเนื้อใจเสือ

เลเวล: 105

พลังชีวิต: 1500000/1500000

กำลังภายใน: 400000/400000

……

เฝิงซีฟ่านคนนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นยอดฝีมือเลเวลหนึ่งร้อยห้า!

เยี่ยเว่ยหมิงตีมอนสเตอร์ที่เลเวลสูงกว่าตัวเองสี่สิบเลเวลได้ไม่มีปัญหา ถ้ามากกว่าห้าสิบเลเวลก็ลำบากแล้ว แต่เฝิงซีฟ่านเลเวลสูงกว่าเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ตั้งห้าสิบสี่เลเวล!

เมื่อเจอกับ BOSS เลเวลนี้ อย่าว่าแต่พวกเพื่อนๆ ที่อยู่ข้างกายเลย ต่อให้เป็นเยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกกดดันเหมือนกัน

เช่นเดียวกับอ๋าวป้ายและไห่ต้าฟู่ ตอนนี้เฝิงซีฟ่านอยู่ในร่างแท้โหมดปกติ ไม่ได้ต่อสู้คนเดียว แต่ถ้าเทียบกับกำลังพลกลุ่มใหญ่ของอ๋าวป้ายและไห่ต้าฟู่แล้ว ลูกสมุนของเฝิงซีฟ่านนับจำนวนน้อยกว่าเยอะ นอกจากเขาแล้ว ก็ยังพาผู้ช่วยมาอีกหกคน

[เด็กชายแฝดหก (1)]

องครักษ์ประจำตัวเฝิงซีฟ่าน หนึ่งในเด็กชายแฝดหก

เลเวล: 66

พลังชีวิต: 666666/666666

กำลังภายใน: 66666/66666

……

[เด็กชายแฝดหก (2)]

……

……

เด็กชายแฝดหกนอกจากตัวเลขพิเศษในวงเล็บแล้ว หน้าตา ชื่อและค่าสเตตัสก็เหมือนกันหมด มีแต่หกทั้งนั้น คนที่ไม่รู้จะนึกว่าเป็นซุนอู่คงที่แยกร่างได้!

เมื่อเจอกับกระบวนทัพที่สวยงามเช่นนี้ แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งอย่างเชิญร่ำสุราก็ยังเหม่อเล็กน้อย

“BOSS เลเวลหนึ่งร้อยห้าคนหนึ่ง บวกกับ BOSS เล็กๆ เลเวลหกสิบหกอีกหกคน!…

…เท่านั้นยังไม่พอ ค่าสเตตัสของ BOSS เล็กๆ พวกนี้โหดไปหน่อยหรือเปล่า…

…ขนาด BOSS เลเวลเจ็ดสิบทั่วไป พลังชีวิตยังไม่สูงกว่าหกคนนี้เลยมั้ง?” ขณะที่กำลังชุบยาพิษให้ดาบกระดูก เชิญร่ำสุรากล่าวอย่างกลุ้มใจ “มารดาเจ้าเถอะ แล้วแบบนี้จะสู้กันอย่างไร”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วยิ้มเรียบๆ ถามกลับว่า “สหายร่ำสุราคงไม่ค่อยได้สู้กับ BOSS ที่ทรงพลังแบบนี้บ่อยๆ สินะ?”

เชิญร่ำสุราได้ยินแล้วงง “หมายความว่าอย่างไร”

เยี่ยเว่ยหมิงอธิบายอย่างใจเย็น “เพราะมาตรฐานเดียวที่วัดพลังต่อสู้โดยรวมของ BOSS คนหนึ่งก็คือเลเวลไง! ถ้าเป็นในชีวิตจริง เจ้าลองมองเลเวลเป็นทรัพย์สินโดยรวมของ BOSS คนหนึ่งก็ได้ ในจำนวนนั้นรวมสินทรัพย์ถาวร เงินทุน หุ้น พันธบัตรเป็นต้น….ส่วนค่าพลังชีวิตที่เจ้าเห็น เป็นเพียงหนึ่งในรายการเหล่านั้น คงจะเทียบเท่ากับเงินเก็บในธนาคารมั้ง?…

…แต่ถ้าดูค่าสเตตัสรายการใดรายการหนึ่งอย่างเดียว กลับไม่มีทางตัดสินความแตกต่างระหว่าง BOSS สองคนได้ นอกเสียจากต้องดูเลเวล!…

…BOSS สองคนที่เลเวลเดียวกัน โดยทั่วไปจะกำหนดว่ามีพื้นฐานเท่ากัน…

…”เด็กชายแฝดหกพวกนี้ค่าพลังชีวิตสูงจนเหลือเชื่อไปหน่อย นั่นก็อธิบายได้ว่าด้านอื่นๆ จะต้องมีจุดอ่อนใหญ่มากจนถึงขั้นดึงเลเวลให้ต่ำแค่หกสิบหกได้…

…ส่วนรายละเอียดก็พูดยากแล้ว แต่เดี๋ยวถ้าประมือกันสักครู่ พวกเจ้าก็จะรู้เอง”

ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงนำกระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงออกมาแล้ว สายตาจ้องอยู่บนตัวเฝิงซีฟ่าน “อีกประเดี๋ยวถ้าลงมือขึ้นมา พวกเจ้าแบ่งกันจัดการเด็กชายแฝดหกแบบหนึ่งต่อหนึ่ง เดี๋ยวข้าจะถ่วงเวลาเฝิงซีฟ่านเอง รอพวกกำจัดเด็กชายแฝดหกแล้ว ค่อยมาช่วยข้าอีกที…

…ทุกคนต่างเข้าใจจุดนี้ดี ดันเจี้ยนพวกนี้แต่ละคนมีโอกาสท้าสู้เพียงครั้งเดียว ถ้าแพ้แล้ว ต่อไปก็ไม่มีโอกาสท้าสู้เป็นครั้งที่สองอีก”

ระหว่างที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังพูด ตัวก็พุ่งตามกระบี่ออกไปแล้ว เริ่มโจมตีเฝิงซีฟ่านด้วย ‘ท่าปลุกปั่นกระบี่’

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด