ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 73 เผยไพ่ใบสุดท้าย

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 73 เผยไพ่ใบสุดท้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 73 เผยไพ่ใบสุดท้าย

เมื่อรู้สึกได้ว่ามีเนื้อย่างร้อนๆ ชิ้นใหญ่มาแปะอยู่บนใบหน้าตัวเอง ใบหน้างามพริ้งของสะพานสวรรค์น้อยเปลี่ยนเป็นแดงก่ำทันที

แต่ครั้งนี้เป็นเพราะความโมโห

ตั้งแต่เด็กจนโต นางไม่เคยเจอผู้ชายที่ตรงไปตรงมาจนซื่อบื้ออย่างนี้มาก่อน!

แต่การที่สะพานสวรรค์น้อยกลายเป็นหนึ่งในยอดฝีมือท่ามกลางผู้เล่นได้ ก็ย่อมเป็นคนที่เข้าใจหลักการเรื่องลำดับความสำคัญอยู่แล้ว แม้ในใจจะไม่พอใจอย่างไร แต่ก็ยังกัดเนื้อย่างคำเล็กๆ กินไปคำหนึ่ง

และตอนที่นางได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบว่าภายในหนึ่งชั่วโมงจะเพิ่มพละกำลังเก้าสิบหกแต้ม นางก็นิ่งอึ้งไปเลย

ตอนนี้ความคิดของนางเหมือนกับตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงได้เจออาจ่งครั้งแรกไม่มีผิด นี่คือเนื้อย่างหรือ

นี่มันยาเทวดามหัศจรรย์แล้วละมั้ง!

นี่มันยาเม็ดระเบิดยีน?

แต่ทันทีหลังจากนั้น ลิ้นของแม่สาวคนนี้ก็ถูกรสชาติของเนื้อย่างสยบโดยสิ้นเชิงแล้ว

แค่เนื้อหมาป่าย่างธรรมดาๆ ชิ้นเดียว ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้รสชาติเยี่ยมได้ถึงขนาดนี้!

ในตอนนี้เอง สะพานสวรรค์น้อยรู้สึกว่าพลังงานในจิตวิญญาณที่ก่อตัวจากความตระหนักรู้ทางจิตวิญญาณกับพลังงานในเซลล์ทั้งร้อยสามสิบล้านล้านเซลล์ในร่างกายเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมาโดยสมบูรณ์และหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว

สัมผัสประสบการณ์อาหารเลิศรสที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน ทำให้นางรู้ว่าตัวเองกำลังแช่อิ่มอยู่ในความรู้สึกสุขสันต์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ราวกับขึ้นสู่ยอดเมฆ ราวกับตกลงสู่เหวลึก!

ฟินจริงๆ!

โดยจิตใต้สำนึก แม่นางน้อยเผยอปากแดงอีกครั้ง ตอนที่เตรียมจะลิ้มรสชาติของอาหารเลิศรสหายากต่อ นางกลับพบว่าเยี่ยเว่ยหมิงพลิกข้อมือ เก็บเนื้อย่างที่ถูกนางกัดไปคำเดียวกลับไปแล้ว

……

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงป้อนอาหารให้สาวนี้เอง อวี๋ชางไห่ก็โบกกระบี่พุ่งสังหารมายังจุดที่พวกเขาอยู่แล้ว

เมื่อเห็นทั้งสองคนได้รับอันตราย โหยวโหยวที่เพิ่งฟื้นฟูการขยับแขนโดยการกินยาจินฉวงก็ยกหน้าไม้ขึ้นมาทันที ในมือนางคือลูกดอกหน้าไม้หกดอกที่ชุบพิษมาแล้ว นางคะเนและยิงไปทางตำแหน่งว่างระหว่างอวี๋ชางไห่กับเพื่อนในทีมอีกสองคน ปิดทางที่เขาจะต้องผ่านเพื่อไล่ตามไปโจมตีสองคนนั้น

“นางเด็กโง่แส่หาเรื่องอีกแล้ว อาศัยแค่ลูกดอกหน้าไม้ของเจ้า เมื่ออยู่ต่อหน้าข้าแล้วมีประโยชน์อะไรกันเล่า” อวี๋ชางไห่หยุดฝีเท้า ปล่อยให้ลูกดอกหน้าไม้หกดอกที่ยิงโดยการคะเนของโหยวโหยวคว้าน้ำเหลวจนหมด ก่อนจะหันตัวมาโบกกระบี่โผไปทางจุดที่โหยวโหยวยืนอยู่

เขาตัดสินใจจะกำจัดคนอื่นที่เป็นอุปสรรคทิ้งให้หมดก่อน แล้วค่อยหันมาจดจ่อรับมือกับคู่ชายหญิงตัวร้ายอย่างเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยก็ยังไม่สาย

“หึ! อย่างเจ้านับเป็นตัวอะไรได้?! ”

ขณะที่เห็นโหยวโหยวกำลังจะเสียสละตัวเองก่อนเขาไปหนึ่งก้าว ถังซานไฉ่ก็แสดงออกว่าทนไม่ไหวแล้ว หากวันนี้ปล่อยให้อวี๋ชางไห่สังหารโหยวโหยวไปอย่างนี้ แล้วในภายหลังศิษย์ในสำนักถังเหมินมาเรียกเขาว่าศิษย์พี่ใหญ่ เขาจะเอาหน้าที่ไหนไปขานรับ

เพื่อปกป้องเกียรติของศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักถังเหมิน ถังซานไฉ่ที่ฟื้นฟูแขนของตัวเองแล้วเช่นกันก็ลงมืออย่างเหี้ยมหาญ เขาพลันยกมือขึ้นอย่างเงียบกริบ แต่เหนือศีรษะของอวี๋ชางไห่ที่อยู่ทางนั้นกลับมีตัวเลขสีแดงสดลอยขึ้นมาสามครั้งแล้ว

-120!

-137!

-115!

ท่ามกลางความเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง ไม่น่าเชื่อว่าถังซานไฉ่จะปล่อยอาวุธลับออกมาสามชิ้นต่อเนื่องกันโดยที่ทุกคนยังไม่ทันสังเกตเห็นด้วยซ้ำ ทั้งยังโจมตีโดนเป้าหมายทุกชิ้นด้วย!

สมกับเป็นตัวละคนที่ถูกเรียกว่าศิษย์พี่ใหญ่ในสำนักถังเหมิน วิธีการที่เป็นความสามารถเฉพาะตัวนี้ ต่อให้เยี่ยเว่ยหมิงไปต้านไว้ซึ่งหน้า เขาก็ไม่มั่นใจเช่นกันว่าจะต้านไหวหรือเปล่า!

ถูกโจมตีกะทันหันเช่นนี้ แต่อวี๋ชางไห่กลับปล่อยเมล็ดโพธิ์มาข้างหลังโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง

ในฐานะเจ้าสำนักชิงเฉิง ต่อให้เป็นวิชาอาวุธลับ แต่ฝีมือของอวี๋ชางไห่ก็ไม่ได้อ่อนด้อยเช่นกัน กอปรกับมีกำลังภายในอันสุดแสนจะเพียบพร้อมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อาวุธลับที่เขายิงออกมา ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างถังซานไฉ่ก็ไม่มีทางหลบหลีกได้อยู่ดี ทำได้เพียงกลิ้งไปด้านข้างอย่างสุดกำลัง แต่ก็หลบได้เพียงหนึ่งในสามชิ้นเท่านั้น

ยิงเก้าแม่นหก แถบค่าพลังชีวิตเหนือศีรษะของถังซานไฉ่ถูกพรากไปจนเกือบมองไม่เห็น ประสิทธิภาพอันแข็งแกร่งของเมล็ดโพธิ์ที่ถูกกรอกกำลังภายในใส่เข้าไป เมื่อโจมตีโดนก็จะจมลึกลงเนื้อทันที ในจำนวนนั้นก็ยิ่งมีสองชิ้นที่ตัดกระดูกแขนสองข้างของศิษย์พี่ใหญ่สำนักถังเหมินท่านนี้พร้อมกัน เขาเจ็บจนต้องรีบปิดระบบความรู้สึกเจ็บทันที

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่เขาที่สองแขนเคลื่อนไหวไม่ได้โดยสิ้นเชิง อย่างน้อยก็เลิกคิดไปได้เลยว่าจะแสดงความสามารถอะไรในสนามรบนี้ได้อีก

หลังจากกำจัดถังซานไฉ่ทิ้งอย่างสบายมือแล้ว กระบี่ยาวในมือขวาของอวี๋ชางไห่ก็ฟันไปทางคอของโหยวโหยวเช่นกัน อาศัยความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดของโหยวโหยว เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของอวี๋ชางไห่ ก็กล่าวได้ว่ามีเคราะห์มากกว่ามีโชค

อย่าบอกนะว่าแม่สาวน้อยสุดแกร่งคนนี้จะกลายเป็นผู้สูญเสียคนที่สองของทีมสำนักมือปราบเทพ

คำตอบก็คือไม่ใช่แน่นอน!

ตอนที่ยอดฝีมือทั้งสองของสำนักถังเหมินกำลังพยายามถ่วงเวลาอันแสนสั้นนี้ไว้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ปล่อยมือออกจากสะพานสวรรค์น้อยแล้ว จากนั้นพลิกข้อมืออีกครั้ง ซาลาเปาไส้เนื้อลูกหนึ่งปรากฏในมือของเขา แล้วก็กัดกินหนึ่งคำท่ามกลางสายตาแปลกประหลาดของหลายคนที่อยู่ตรงนั้น

[ติ๊ง! คุณกินซาลาเปาไส้เนื้อ ค่าความอิ่ม +1 ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นภายในหนึ่งชั่วโมง +1!]

ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ในช่วงเวลาหนึ่ง ผู้เล่นจะรับเอฟเฟ็กต์เพิ่ม buff จากอาหารได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากในมื้อเดียวกินอาหารหลายอย่างพร้อมกัน เช่นนั้นสถานะที่เพิ่มขึ้นก่อนหน้านี้ก็จะถูกกลบด้วยอาหารที่เพิ่งกินทีหลัง ก็เหมือนเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ที่เกินซาลาเปาไปหนึ่งคำ ค่าพละกำลังที่เพิ่มขึ้นแปดสิบหกแต้มตอนเขาตอนกินเนื้อหมาป่าย่างก่อนหน้านี้ ก็จะถูกแทนที่ด้วยความแข็งแกร่งหนึ่งแต้ม

ใช้ค่าความแข็งแกร่งหนึ่งแต้มแลกกับค่าพละกำลังเก้าสิบแปดแต้ม ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติ คนไร้สมองเท่านั้นถึงจะทำเรื่องอย่างนี้

เพียงแต่ในบางครั้ง วิธีการที่ดูเหมือนโง่ที่สุด ก็มักจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงเสมอ

บนรายการคุณสมบัติพิเศษของกระบี่คู่ผนึกรวมได้เขียนไว้ชัดเจนแล้ว ว่ายิ่งทั้งสองคนมีค่าสเตตัสใกล้เคียงกันมากเท่าไร พลังต่อสู้ที่แสดงออกมาก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น หากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งค่าสเตตัสสูงเกินไป ก็กลับจะทำให้ประสิทธิภาพของกระบี่คู่ผนึกรวมถูกหักไปเยอะมากด้วยซ้ำ

ค่าสเตตัสโดยรวมของเยี่ยเว่ยหมิงจะต้องสูงกว่าผู้เล่นทั่วไปเล็กน้อย หลังจากฝึก ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ แล้ว ค่าสเตตัสในรายการพละกำลังกับรากกระดูกก็สูงกว่าผู้เล่นทั่วไปเยอะมาก ก่อนหน้านี้เพื่อที่จะรีบสู้รีบจบ เขาจึงกัดเนื้อหมาป่าย่างเพิ่มอีกคำเพื่อดันค่าสเตตัส เพิ่มค่าพละกำลังให้ถึงขั้นที่ดูวิปริตในสายตาผู้เล่นทั่วไป

ส่วนทางด้านสะพานสวรรค์น้อย ต่อให้กินเนื้อหมาป่าย่างไปแล้ว แต่ก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าเยี่ยเว่ยหมิงตอนก่อนกินเนื้อหมาป่าเล็กน้อยเท่านั้น ตอนนี้เขาล้างค่าพละกำลังเก้าสิบแปดแต้มนั้นทิ้งแล้ว ทำให้ลดความแตกต่างด้านค่าสเตตัสระหว่างเขากับสะพานสวรรค์น้อยได้เยอะมาก

หลังจากทำทุกอย่างนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว กระบี่ล้ำค่าในมือทั้งสองก็ชี้ไปที่อวี๋ชางไห่พร้อมกัน เยี่ยเว่ยหมิงใช้มืออีกข้างขว้างซาลาเปาไส้เนื้อออกไปอย่างไร้จุดหมาย แต่อาวุธกลบกระแทกตรงไปยังศีรษะของอวี๋ชางไห่แล้ว “กินอาวุธลับของข้าซะ กระบวนท่านี้เรียกว่า ‘มาแล้วไม่ได้กลับ’”

เมื่อคนที่อยู่รอบๆ ได้ยินเช่นนั้น ในหัวก็ปรากฏช่องว่างสำหรับเติมคำทันที: ซาลาเปาไส้เนื้อโจมตี (…) ไปแล้วไม่ได้กลับ

ปากนี้มีพลังทำลายล้างเกินไปแล้ว!

แค่อาศัยพลังของความปากจัดนี้ ต่อให้ไม่ใช้เคล็ดจิต ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ก็ดึงค่าความแค้นของ BOSS ได้อย่างมั่นคงอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ยังเปิดใช้สุดยอดสกิลเย้ยหยันพร้อมกันได้อย่างราบรื่นด้วย

เมื่อใช้เคล็ดจิตไท้ซัวเป็นไฉน BOSS ก็ต้องมาอยู่แล้ว

แต่ทุกเรื่องย่อมมีข้อยกเว้น ครั้งนี้เยี่ยเว่ยหมิงล่ออวี๋ชางไห่ออกจากโหยวโหยวไม่สำเร็จ

เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นเจ้าสำนัก เป็น BOSS ใหญ่ประเภทความสามารถรอบตัว! ต่อให้ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน การโจมตีของ BOSS ก็ยังเป็นภัยคุกคามต่อเขาอยู่ดี

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

แต่กลับเห็นว่าในระหว่างที่อวี๋ชางไห่โบกมือ เมล็ดโพธิ์หลายเมล็ดที่โจมตีออกมาก็ถูกจุดสำคัญรอบตัวของเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว!

เยี่ยเว่ยหมิงเห็นสถานการณ์ดังนั้น แต่กลับไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย สะพานสวรรค์คริสตัลที่ยืนหน้ามันเยิ้มอยู่ข้างกายกลับเผยสีหน้าจริงจังไร้ที่เปรียบ นางโบกกระบี่ยาวในมือ ต้านอาวุธลับหลายชิ้นที่อวี๋ชางไห่ที่โจมตีเข้ามาแทนเขาได้แล้ว

เมื่อโจมตีไม่โดน อวี๋ชางไห่ก็ลงมืออีกครั้ง ครั้งนี้เป้าหมายโจมตีเปลี่ยนเป็นสะพานสวรรค์คริสตัลแล้ว พวกเขาต้องรักษาเอฟเฟ็กต์ของกระบี่คู่ผนึกรวมไว้ การโจมตีนี้เยี่ยเว่ยหมิงต้องต้านไว้แทนนาง แม้ในใจจะรู้สึกไม่ยินยอม แต่สหายหมิงน้อยของพวกเราก็ต้องใช้ ‘ลมสารทด่านชายแดน’ หนึ่งในกระบวนท่าของเคล็ดกระบี่ฉวนเจินอยู่ดี เขาโจมตีเมล็ดโพธิ์ที่อวี๋ชางไห่ยิงมาใส่สะพานสวรรค์น้อยจนร่วง แต่กลับถูกบังคับให้เลิกใช้วิธีการอนุมานของเคล็ดจิตไท้ซัวเป็นไฉนกลางคันเช่นกัน

เมื่อรู้สึกว่าวิกฤติหายไปแล้ว อวี๋ชางไห่ก็โบกกระบี่เพื่อเตรียมจะจัดการโหยวโหยวที่ค่าเลือดเหลือน้อยอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับมีดาบเดี่ยวฟันเฉียงลงมาที่เขา เป็นเฟยอวี๋ที่กอนหน้านี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสนั่นเอง เฟยอวี๋ยืดอกสู้อย่างกล้าหาญอีกครั้ง

ทว่าสิ่งนี้กลับไม่มีประโยชน์อะไรทั้งนั้น!

อวี๋ชางไห่ปลิดชีพคนได้หนึ่งครั้ง ก็ย่อมปลิดชีพคนเป็นครั้งที่สองได้เช่นกัน

แค่ชั่วพบหน้ากันเท่านั้น เฟยอวี๋ก็ถูกอวี๋ชางไห่ใช้กระบี่แทงมาตรงหน้าหนึ่งที แทบจะไม่ได้ตายอย่างสมเกียรติเลย

เพียงแต่การลงมือของเขาก็ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์ เมื่ออีกฝ่ายถูกเขาถ่วงเวลาไปเล็กน้อย เยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์คริสตัลก็ตามมาถึงพร้อมกันแล้ว

ในขณะนี้เอง ลมปราณของทั้งสองราวกับเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกัน ในเจ้ามีข้า ในข้ามีเจ้า ลมปราณผสานกันก็ยิ่งแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้แต่อวี๋ชางไห่ที่มาเผชิญหน้ากัน ก็ยังอดเผยสีหน้าหวาดกลัวไม่ได้

ตอนนี้ทั้งสองเผยสีหน้าอันตรายน่าครั่นคร้าม เยี่ยเว่ยหมิงชิงพูดก่อนว่า “ครั้งนี้เปลี่ยนให้ข้าบัญชาการ”

“พเนจรสุดขอบฟ้า!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 73 เผยไพ่ใบสุดท้าย

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 73 เผยไพ่ใบสุดท้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 73 เผยไพ่ใบสุดท้าย

เมื่อรู้สึกได้ว่ามีเนื้อย่างร้อนๆ ชิ้นใหญ่มาแปะอยู่บนใบหน้าตัวเอง ใบหน้างามพริ้งของสะพานสวรรค์น้อยเปลี่ยนเป็นแดงก่ำทันที

แต่ครั้งนี้เป็นเพราะความโมโห

ตั้งแต่เด็กจนโต นางไม่เคยเจอผู้ชายที่ตรงไปตรงมาจนซื่อบื้ออย่างนี้มาก่อน!

แต่การที่สะพานสวรรค์น้อยกลายเป็นหนึ่งในยอดฝีมือท่ามกลางผู้เล่นได้ ก็ย่อมเป็นคนที่เข้าใจหลักการเรื่องลำดับความสำคัญอยู่แล้ว แม้ในใจจะไม่พอใจอย่างไร แต่ก็ยังกัดเนื้อย่างคำเล็กๆ กินไปคำหนึ่ง

และตอนที่นางได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบว่าภายในหนึ่งชั่วโมงจะเพิ่มพละกำลังเก้าสิบหกแต้ม นางก็นิ่งอึ้งไปเลย

ตอนนี้ความคิดของนางเหมือนกับตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงได้เจออาจ่งครั้งแรกไม่มีผิด นี่คือเนื้อย่างหรือ

นี่มันยาเทวดามหัศจรรย์แล้วละมั้ง!

นี่มันยาเม็ดระเบิดยีน?

แต่ทันทีหลังจากนั้น ลิ้นของแม่สาวคนนี้ก็ถูกรสชาติของเนื้อย่างสยบโดยสิ้นเชิงแล้ว

แค่เนื้อหมาป่าย่างธรรมดาๆ ชิ้นเดียว ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้รสชาติเยี่ยมได้ถึงขนาดนี้!

ในตอนนี้เอง สะพานสวรรค์น้อยรู้สึกว่าพลังงานในจิตวิญญาณที่ก่อตัวจากความตระหนักรู้ทางจิตวิญญาณกับพลังงานในเซลล์ทั้งร้อยสามสิบล้านล้านเซลล์ในร่างกายเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมาโดยสมบูรณ์และหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว

สัมผัสประสบการณ์อาหารเลิศรสที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน ทำให้นางรู้ว่าตัวเองกำลังแช่อิ่มอยู่ในความรู้สึกสุขสันต์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ราวกับขึ้นสู่ยอดเมฆ ราวกับตกลงสู่เหวลึก!

ฟินจริงๆ!

โดยจิตใต้สำนึก แม่นางน้อยเผยอปากแดงอีกครั้ง ตอนที่เตรียมจะลิ้มรสชาติของอาหารเลิศรสหายากต่อ นางกลับพบว่าเยี่ยเว่ยหมิงพลิกข้อมือ เก็บเนื้อย่างที่ถูกนางกัดไปคำเดียวกลับไปแล้ว

……

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงป้อนอาหารให้สาวนี้เอง อวี๋ชางไห่ก็โบกกระบี่พุ่งสังหารมายังจุดที่พวกเขาอยู่แล้ว

เมื่อเห็นทั้งสองคนได้รับอันตราย โหยวโหยวที่เพิ่งฟื้นฟูการขยับแขนโดยการกินยาจินฉวงก็ยกหน้าไม้ขึ้นมาทันที ในมือนางคือลูกดอกหน้าไม้หกดอกที่ชุบพิษมาแล้ว นางคะเนและยิงไปทางตำแหน่งว่างระหว่างอวี๋ชางไห่กับเพื่อนในทีมอีกสองคน ปิดทางที่เขาจะต้องผ่านเพื่อไล่ตามไปโจมตีสองคนนั้น

“นางเด็กโง่แส่หาเรื่องอีกแล้ว อาศัยแค่ลูกดอกหน้าไม้ของเจ้า เมื่ออยู่ต่อหน้าข้าแล้วมีประโยชน์อะไรกันเล่า” อวี๋ชางไห่หยุดฝีเท้า ปล่อยให้ลูกดอกหน้าไม้หกดอกที่ยิงโดยการคะเนของโหยวโหยวคว้าน้ำเหลวจนหมด ก่อนจะหันตัวมาโบกกระบี่โผไปทางจุดที่โหยวโหยวยืนอยู่

เขาตัดสินใจจะกำจัดคนอื่นที่เป็นอุปสรรคทิ้งให้หมดก่อน แล้วค่อยหันมาจดจ่อรับมือกับคู่ชายหญิงตัวร้ายอย่างเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยก็ยังไม่สาย

“หึ! อย่างเจ้านับเป็นตัวอะไรได้?! ”

ขณะที่เห็นโหยวโหยวกำลังจะเสียสละตัวเองก่อนเขาไปหนึ่งก้าว ถังซานไฉ่ก็แสดงออกว่าทนไม่ไหวแล้ว หากวันนี้ปล่อยให้อวี๋ชางไห่สังหารโหยวโหยวไปอย่างนี้ แล้วในภายหลังศิษย์ในสำนักถังเหมินมาเรียกเขาว่าศิษย์พี่ใหญ่ เขาจะเอาหน้าที่ไหนไปขานรับ

เพื่อปกป้องเกียรติของศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักถังเหมิน ถังซานไฉ่ที่ฟื้นฟูแขนของตัวเองแล้วเช่นกันก็ลงมืออย่างเหี้ยมหาญ เขาพลันยกมือขึ้นอย่างเงียบกริบ แต่เหนือศีรษะของอวี๋ชางไห่ที่อยู่ทางนั้นกลับมีตัวเลขสีแดงสดลอยขึ้นมาสามครั้งแล้ว

-120!

-137!

-115!

ท่ามกลางความเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง ไม่น่าเชื่อว่าถังซานไฉ่จะปล่อยอาวุธลับออกมาสามชิ้นต่อเนื่องกันโดยที่ทุกคนยังไม่ทันสังเกตเห็นด้วยซ้ำ ทั้งยังโจมตีโดนเป้าหมายทุกชิ้นด้วย!

สมกับเป็นตัวละคนที่ถูกเรียกว่าศิษย์พี่ใหญ่ในสำนักถังเหมิน วิธีการที่เป็นความสามารถเฉพาะตัวนี้ ต่อให้เยี่ยเว่ยหมิงไปต้านไว้ซึ่งหน้า เขาก็ไม่มั่นใจเช่นกันว่าจะต้านไหวหรือเปล่า!

ถูกโจมตีกะทันหันเช่นนี้ แต่อวี๋ชางไห่กลับปล่อยเมล็ดโพธิ์มาข้างหลังโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง

ในฐานะเจ้าสำนักชิงเฉิง ต่อให้เป็นวิชาอาวุธลับ แต่ฝีมือของอวี๋ชางไห่ก็ไม่ได้อ่อนด้อยเช่นกัน กอปรกับมีกำลังภายในอันสุดแสนจะเพียบพร้อมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อาวุธลับที่เขายิงออกมา ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างถังซานไฉ่ก็ไม่มีทางหลบหลีกได้อยู่ดี ทำได้เพียงกลิ้งไปด้านข้างอย่างสุดกำลัง แต่ก็หลบได้เพียงหนึ่งในสามชิ้นเท่านั้น

ยิงเก้าแม่นหก แถบค่าพลังชีวิตเหนือศีรษะของถังซานไฉ่ถูกพรากไปจนเกือบมองไม่เห็น ประสิทธิภาพอันแข็งแกร่งของเมล็ดโพธิ์ที่ถูกกรอกกำลังภายในใส่เข้าไป เมื่อโจมตีโดนก็จะจมลึกลงเนื้อทันที ในจำนวนนั้นก็ยิ่งมีสองชิ้นที่ตัดกระดูกแขนสองข้างของศิษย์พี่ใหญ่สำนักถังเหมินท่านนี้พร้อมกัน เขาเจ็บจนต้องรีบปิดระบบความรู้สึกเจ็บทันที

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่เขาที่สองแขนเคลื่อนไหวไม่ได้โดยสิ้นเชิง อย่างน้อยก็เลิกคิดไปได้เลยว่าจะแสดงความสามารถอะไรในสนามรบนี้ได้อีก

หลังจากกำจัดถังซานไฉ่ทิ้งอย่างสบายมือแล้ว กระบี่ยาวในมือขวาของอวี๋ชางไห่ก็ฟันไปทางคอของโหยวโหยวเช่นกัน อาศัยความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดของโหยวโหยว เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของอวี๋ชางไห่ ก็กล่าวได้ว่ามีเคราะห์มากกว่ามีโชค

อย่าบอกนะว่าแม่สาวน้อยสุดแกร่งคนนี้จะกลายเป็นผู้สูญเสียคนที่สองของทีมสำนักมือปราบเทพ

คำตอบก็คือไม่ใช่แน่นอน!

ตอนที่ยอดฝีมือทั้งสองของสำนักถังเหมินกำลังพยายามถ่วงเวลาอันแสนสั้นนี้ไว้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ปล่อยมือออกจากสะพานสวรรค์น้อยแล้ว จากนั้นพลิกข้อมืออีกครั้ง ซาลาเปาไส้เนื้อลูกหนึ่งปรากฏในมือของเขา แล้วก็กัดกินหนึ่งคำท่ามกลางสายตาแปลกประหลาดของหลายคนที่อยู่ตรงนั้น

[ติ๊ง! คุณกินซาลาเปาไส้เนื้อ ค่าความอิ่ม +1 ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นภายในหนึ่งชั่วโมง +1!]

ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ในช่วงเวลาหนึ่ง ผู้เล่นจะรับเอฟเฟ็กต์เพิ่ม buff จากอาหารได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากในมื้อเดียวกินอาหารหลายอย่างพร้อมกัน เช่นนั้นสถานะที่เพิ่มขึ้นก่อนหน้านี้ก็จะถูกกลบด้วยอาหารที่เพิ่งกินทีหลัง ก็เหมือนเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ที่เกินซาลาเปาไปหนึ่งคำ ค่าพละกำลังที่เพิ่มขึ้นแปดสิบหกแต้มตอนเขาตอนกินเนื้อหมาป่าย่างก่อนหน้านี้ ก็จะถูกแทนที่ด้วยความแข็งแกร่งหนึ่งแต้ม

ใช้ค่าความแข็งแกร่งหนึ่งแต้มแลกกับค่าพละกำลังเก้าสิบแปดแต้ม ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติ คนไร้สมองเท่านั้นถึงจะทำเรื่องอย่างนี้

เพียงแต่ในบางครั้ง วิธีการที่ดูเหมือนโง่ที่สุด ก็มักจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงเสมอ

บนรายการคุณสมบัติพิเศษของกระบี่คู่ผนึกรวมได้เขียนไว้ชัดเจนแล้ว ว่ายิ่งทั้งสองคนมีค่าสเตตัสใกล้เคียงกันมากเท่าไร พลังต่อสู้ที่แสดงออกมาก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น หากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งค่าสเตตัสสูงเกินไป ก็กลับจะทำให้ประสิทธิภาพของกระบี่คู่ผนึกรวมถูกหักไปเยอะมากด้วยซ้ำ

ค่าสเตตัสโดยรวมของเยี่ยเว่ยหมิงจะต้องสูงกว่าผู้เล่นทั่วไปเล็กน้อย หลังจากฝึก ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ แล้ว ค่าสเตตัสในรายการพละกำลังกับรากกระดูกก็สูงกว่าผู้เล่นทั่วไปเยอะมาก ก่อนหน้านี้เพื่อที่จะรีบสู้รีบจบ เขาจึงกัดเนื้อหมาป่าย่างเพิ่มอีกคำเพื่อดันค่าสเตตัส เพิ่มค่าพละกำลังให้ถึงขั้นที่ดูวิปริตในสายตาผู้เล่นทั่วไป

ส่วนทางด้านสะพานสวรรค์น้อย ต่อให้กินเนื้อหมาป่าย่างไปแล้ว แต่ก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าเยี่ยเว่ยหมิงตอนก่อนกินเนื้อหมาป่าเล็กน้อยเท่านั้น ตอนนี้เขาล้างค่าพละกำลังเก้าสิบแปดแต้มนั้นทิ้งแล้ว ทำให้ลดความแตกต่างด้านค่าสเตตัสระหว่างเขากับสะพานสวรรค์น้อยได้เยอะมาก

หลังจากทำทุกอย่างนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว กระบี่ล้ำค่าในมือทั้งสองก็ชี้ไปที่อวี๋ชางไห่พร้อมกัน เยี่ยเว่ยหมิงใช้มืออีกข้างขว้างซาลาเปาไส้เนื้อออกไปอย่างไร้จุดหมาย แต่อาวุธกลบกระแทกตรงไปยังศีรษะของอวี๋ชางไห่แล้ว “กินอาวุธลับของข้าซะ กระบวนท่านี้เรียกว่า ‘มาแล้วไม่ได้กลับ’”

เมื่อคนที่อยู่รอบๆ ได้ยินเช่นนั้น ในหัวก็ปรากฏช่องว่างสำหรับเติมคำทันที: ซาลาเปาไส้เนื้อโจมตี (…) ไปแล้วไม่ได้กลับ

ปากนี้มีพลังทำลายล้างเกินไปแล้ว!

แค่อาศัยพลังของความปากจัดนี้ ต่อให้ไม่ใช้เคล็ดจิต ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ก็ดึงค่าความแค้นของ BOSS ได้อย่างมั่นคงอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ยังเปิดใช้สุดยอดสกิลเย้ยหยันพร้อมกันได้อย่างราบรื่นด้วย

เมื่อใช้เคล็ดจิตไท้ซัวเป็นไฉน BOSS ก็ต้องมาอยู่แล้ว

แต่ทุกเรื่องย่อมมีข้อยกเว้น ครั้งนี้เยี่ยเว่ยหมิงล่ออวี๋ชางไห่ออกจากโหยวโหยวไม่สำเร็จ

เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นเจ้าสำนัก เป็น BOSS ใหญ่ประเภทความสามารถรอบตัว! ต่อให้ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน การโจมตีของ BOSS ก็ยังเป็นภัยคุกคามต่อเขาอยู่ดี

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

แต่กลับเห็นว่าในระหว่างที่อวี๋ชางไห่โบกมือ เมล็ดโพธิ์หลายเมล็ดที่โจมตีออกมาก็ถูกจุดสำคัญรอบตัวของเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว!

เยี่ยเว่ยหมิงเห็นสถานการณ์ดังนั้น แต่กลับไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย สะพานสวรรค์คริสตัลที่ยืนหน้ามันเยิ้มอยู่ข้างกายกลับเผยสีหน้าจริงจังไร้ที่เปรียบ นางโบกกระบี่ยาวในมือ ต้านอาวุธลับหลายชิ้นที่อวี๋ชางไห่ที่โจมตีเข้ามาแทนเขาได้แล้ว

เมื่อโจมตีไม่โดน อวี๋ชางไห่ก็ลงมืออีกครั้ง ครั้งนี้เป้าหมายโจมตีเปลี่ยนเป็นสะพานสวรรค์คริสตัลแล้ว พวกเขาต้องรักษาเอฟเฟ็กต์ของกระบี่คู่ผนึกรวมไว้ การโจมตีนี้เยี่ยเว่ยหมิงต้องต้านไว้แทนนาง แม้ในใจจะรู้สึกไม่ยินยอม แต่สหายหมิงน้อยของพวกเราก็ต้องใช้ ‘ลมสารทด่านชายแดน’ หนึ่งในกระบวนท่าของเคล็ดกระบี่ฉวนเจินอยู่ดี เขาโจมตีเมล็ดโพธิ์ที่อวี๋ชางไห่ยิงมาใส่สะพานสวรรค์น้อยจนร่วง แต่กลับถูกบังคับให้เลิกใช้วิธีการอนุมานของเคล็ดจิตไท้ซัวเป็นไฉนกลางคันเช่นกัน

เมื่อรู้สึกว่าวิกฤติหายไปแล้ว อวี๋ชางไห่ก็โบกกระบี่เพื่อเตรียมจะจัดการโหยวโหยวที่ค่าเลือดเหลือน้อยอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับมีดาบเดี่ยวฟันเฉียงลงมาที่เขา เป็นเฟยอวี๋ที่กอนหน้านี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสนั่นเอง เฟยอวี๋ยืดอกสู้อย่างกล้าหาญอีกครั้ง

ทว่าสิ่งนี้กลับไม่มีประโยชน์อะไรทั้งนั้น!

อวี๋ชางไห่ปลิดชีพคนได้หนึ่งครั้ง ก็ย่อมปลิดชีพคนเป็นครั้งที่สองได้เช่นกัน

แค่ชั่วพบหน้ากันเท่านั้น เฟยอวี๋ก็ถูกอวี๋ชางไห่ใช้กระบี่แทงมาตรงหน้าหนึ่งที แทบจะไม่ได้ตายอย่างสมเกียรติเลย

เพียงแต่การลงมือของเขาก็ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์ เมื่ออีกฝ่ายถูกเขาถ่วงเวลาไปเล็กน้อย เยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์คริสตัลก็ตามมาถึงพร้อมกันแล้ว

ในขณะนี้เอง ลมปราณของทั้งสองราวกับเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกัน ในเจ้ามีข้า ในข้ามีเจ้า ลมปราณผสานกันก็ยิ่งแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้แต่อวี๋ชางไห่ที่มาเผชิญหน้ากัน ก็ยังอดเผยสีหน้าหวาดกลัวไม่ได้

ตอนนี้ทั้งสองเผยสีหน้าอันตรายน่าครั่นคร้าม เยี่ยเว่ยหมิงชิงพูดก่อนว่า “ครั้งนี้เปลี่ยนให้ข้าบัญชาการ”

“พเนจรสุดขอบฟ้า!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+