ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 341 ห้าคนอึดทะลุโลก มีสี่ขาดหนึ่ง

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 341 ห้าคนอึดทะลุโลก มีสี่ขาดหนึ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 341 ห้าคนอึดทะลุโลก มีสี่ขาดหนึ่ง

ตีนเขาชิงเฉิง ภัตตาคารซู่เจิน ห้องส่วนตัว ‘คนฟ้ารวมเป็นหนึ่ง’

“จะว่าไปแล้ว ในห้องส่วนตัวไม่กี่ห้องของภัตตาคารซู่เจินแห่งนี้ ข้าชอบชื่อของ ‘คนฟ้ารวมเป็นหนึ่ง’ ที่สุด ฟังดูชั้นสูง มีสง่าราศี มีระดับ”

เมื่อเห็นทีมห้าคนที่มาจากการประลองยุทธ์เลือกคู่ครั้งก่อน ขาดเพียงจอมยุทธ์ไก่อ่อนเสวียนเสี่ยวปี่คนเดียว เยี่ยเว่ยหมิงก็ได้แต่คุยเรื่องที่ไม่สำคัญเพื่อฆ่าเวลาไปก่อน “เทียบกับชื่อห้องที่เหลืออย่าง บุรุษคึกบนทุ่งหญ้า ร่วมเป็นร่วมตาย นางระบำพิชิตหนอน หินทองฝ่าทะลวง ชื่อ ‘คนฟ้ารวมเป็นหนึ่ง’ ฟังดูมีศิลปะมากกว่าเยอะ”

พอได้ยินเขาพูดอย่างนั้น เซียวเหยาถอนใจที่อยู่ข้างๆ ก็เผยรอยยิ้มที่ผู้ชายเข้าใจกัน แล้วขยิบตาให้เยี่ยเว่ยหมิง “จะว่าไปแล้ว พอเจ้าเอ่ยถึงชื่อพวกนี้ กลับทำให้ข้านึกถึงหลายตัวละครในตำนาน”

ตอนนี้เอง น้องดาบที่นั่งอยู่ข้างๆ ชำเลืองเขาแวบหนึ่งอย่างใจเย็นแล้วกล่าวเสียงเรียบว่า “มีสุภาพสตรีนั่งอยู่ด้วย จะพูดอะไรกันก็ระวังท่าทีหน่อย สิ่งที่ไม่ควรพูดก็อย่าพูดซี้ซั้ว”

เซียวเหยาถอนใจได้ยินแล้วงง “สหายเยี่ยยังไม่ทันพูดอะไรเลยนะ เจ๊ใหญ่ ทำไมเจ้าเกิดอยากปกป้องสะพานสวรรค์น้อยขึ้นมาแล้วล่ะ”

พอได้ยินแบบนี้ สายตาที่น้องดาบมองเขาก็เปลี่ยนเป็นส่อแววอันตรายแล้ว “เจ๊ใหญ่ของเจ้าก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน”

เอ่อ…

กระทั่งตอนนี้ เซียวเหยาถอนใจเพิ่งนึกได้ว่าน้องดาบไม่ชอบฟังเรื่องทะลึ่งพวกนั้น จึงหันหน้าออกนอกหน้าต่างทันที ทำเป็นชมทิวทัศน์ใต้แสงตะวัน พร้อมกล่าวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “คืนนี้ดวงจันทร์ช่างกลมจริงๆ!”

พึ่บพั่บๆๆๆ…

ตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงพิราบขาวตัวหนึ่งกระพือปีกบินมาจากด้านนอก มันมาเกาะบนบ่าของน้องดาบแล้วหายตัวไป

พอมองเนื้อหาในจดหมาย น้องดาบก็ขมวดคิ้วบอกว่า “เสี่ยวปี่มาไม่ได้แล้ว เขาบอกว่าเพิ่งได้รับภารกิจที่จำกัดเวลา รางวัลภารกิจสำคัญต่อเขามาก จึงเสนอให้เลิกปฏิบัติภารกิจจวนท่านอ๋องจ้าวครั้งนี้”

พูดจบก็ยักไหล่ “ดังนั้น คนที่เข้าร่วมภารกิจดันเจี้ยนครั้งนี้เหลือแค่พวกเราสี่คนแล้ว”

“สี่คนก็สี่คน” เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่สื่อว่าไม่มีปัญหา “ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้พวกเราก็มากันครบแล้ว…

…ทีแรกข้าคิดว่าหลังจากพวกเรามาครบห้าคนแล้ว ก็จะเลือกหัวหน้าทีมที่รับหน้าที่บัญชาการปฏิบัติการครั้งนี้ก่อน แต่พอมาดูตอนนี้ คงทำตามแผนเดิมไม่ได้แล้ว…

…ถึงอย่างไรสี่คนก็ลงคะแนนเสียงไม่ได้!”

“หึหึ!”

พอเห็นเยี่ยเว่ยหมิงทำท่าทางลำบากใจ น้องดาบก็หัวเราะเยาะอย่างไม่ไว้หน้า ก่อนจะบอกว่า “ข้าไม่เชื่อหรอกว่าตอนแรกเจ้ามีความคิดที่จะลงคะแนนเสียงเลือกหัวหน้าทีม ตอนนี้พอเห็นเสวียนเสี่ยวปี่มาไม่ได้แล้วก็เลยทำเป็นพูดแบบนี้ เจ้านี่ปลอมจริงๆ เลย”

น้องดาบพูดไม่ผิดสักนิด ในบรรดาห้าคนที่ร่วมปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ เสวียนเสี่ยวปี่กับเซียวเหยาถอนใจล้วนเป็นคนของน้องดาบ แต่ผู้สนับสนุนของเยี่ยเว่ยหมิงกลับมีเพียงสะพานสวรรค์น้อยคนเดียว หากห้าคนนี้ลงคะแนนเลือกหัวหน้าทีม เขาต้องตกเป็นเบี้ยล่างน้องดาบแน่นอน

พอเห็นว่าน้องดาบมองความคิดเจ้าเล่ห์ของตัวเองออก เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่สนใจเช่นกัน แบมือยักไหล่ทันที “ในเมื่อเจ้าไม่เห็นด้วยกับข้า เช่นนั้นก็เชิญวางแผนมาเลย ว่าจะเลือกหัวหน้าทีมอย่างไร”

“ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้นแล้ว” น้องดาบกล่าวอย่างทนรำคาญไม่ไหว “ครั้งนี้เชื่อฟังเจ้าก็แล้วกัน”

เป็นอย่างที่คาดไว้ เพื่อที่จะได้กินเมนูงานกินเลี้ยงงู ไม่น่าเชื่อน้องสาวคนนี้จะเป็นฝ่ายทิ้งโอกาสบัญชาการรบเอง

เยี่ยเว่ยหมิงย้ายสายตาตั้งคำถามไปทางสะพานสวรรค์น้อยกับเซียวเหยาถอนใจ พวกเขาสองคนย่อมไม่มีความเห็นขัดแย้งใดๆ อยู่แล้ว เรื่องราวดำเนินไปตามนั้น ตำแหน่งหัวหน้าทีมในภารกิจครั้งนี้ของเยี่ยเว่ยหมิงถูกกำหนดท่ามกลางเสียงหัวเราะแล้ว

เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มบางๆ ยกจอกสุราขึ้นมาคารวะรอบวง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ขอให้การร่วมงานกันของพวกเราราบรื่น! ทุกคนกินข้าวกันก่อน แล้วค่อยออกเดินทาง!”

หลังจากกินดื่มอิ่มแล้ว ทั้งสี่คนก็ออกเดินทางทันที นั่งรถม้าที่จุดพักม้าตรงตีนเขาชิงเฉิงไปยังเมืองเทียนจินโดยตรง จากนั้นก็ต่างคนต่างใช้ท่าร่างของตัวเองวิ่งไปนอกเมือง หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึงเขาผิงกู่ที่เจอกับหวังชู่อีตอนแรกแล้ว

ทว่าตอนที่พวกเขามาถึงสถานที่เก่าที่เคยพบกับหวังชู่อี กลับไม่เจอหวังชู่อีกับกัวจิ้งแล้ว มีเพียงตัวอักษรขนาดใหญ่ใช้มีดสั้นสลักไว้บนกิ่งไม้หลังโขดหินที่หวังชู่อีเคยนั่งก่อนหน้านี้

โรงเตี๊ยมเย่ว์ไหล!

[ติ๊ง! คุณพบตัวอักษรที่กัวจิ้งสลักทิ้งไว้ กรุณาไปพบกันที่โรงเตี๊ยมเย่ว์ไหลของเมืองเทียนจินเพื่อทำภารกิจในขั้นต่อไป]

ถ้าจะบอกว่าบนต้นไม้สลักอะไรไว้ บางทีอาจมีผู้เล่นมากลั่นแกล้งเพื่อความสนุก แต่เสียงแจ้งเตือนของระบบกลับไม่พูดเหลวไหลแน่นอน ระบบบอกว่านั่นคือตัวอักษรที่กัวจิ้งสลักไว้ ก็แสดงว่าเป็นกัวจิ้งสลักไว้แน่นอน ไม่ใช่หยางคังหรือคนอื่น

ไม่น่าเชื่อว่าภารกิจนี้จะมีการเปลี่ยนแปลง

ทุกคนสบตากันแวบหนึ่ง เยี่ยเว่ยหมิงที่เป็นหัวหน้าทีมโบกมือทันที “กลับเมือง!”

ดังนั้นทุกคนจึงใช้ท่าร่างวิ่งกลับเมืองอีกครั้ง เพียงแต่ปากก็อดด่าไม่ได้ว่า NPC จอมหลอกลวงเชื่อถือไม่ได้ ทำเอาพวกเขาวิ่งมาเสียเที่ยว

เซียวเหยาถอนใจก็ยิ่งเงยหน้าถอนหายใจยาว “พวกเราก็เป็นแค่คนวิ่งเต้น!”

ตอนที่พวกเขามาถึงนอกประตูใหญ่ของโรงเตี๊ยมเย่ว์ไหล ก็เห็นกัวจิ้งที่มีสีหน้ากระวนกระวายรออยู่ตรงนั้นจริงๆ หลังจากเห็นพวกเขาแล้ว ใบหน้าซื่อสัตย์ก็เผยความตื่นเต้นที่ยากจะปิดบังออกมาทันที “ในที่สุดพวกเจ้าก็มาแล้ว!”

จากนั้นเขาก็ไม่รอให้พวกเขาถามถึงสถานการณ์ เป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อนว่า “ก่อนหน้านี้พวกเรานักพรตเต๋าหวังถูกยอดฝีมือของจวนท่านอ๋องจ้าวล้อมโจมตี ระหว่างที่ต่อสู้กันนักพรตเต๋าหวังถูกหลวงจีนหลิงจื้อวางอุบายทำร้าย ตอนนี้ร่างกายถูกพิษร้าย อาการย่ำแย่ใกล้ถึงแก่ชีวิตแล้ว…

…วัตถุดิบยาแก้พิษในเมืองกลับถูกคนของจวนท่านอ๋องจ้าวกว้านซื้อไปหมด เดิมทีข้าคิดจะแฝงตัวเข้าไปขโมยยาในจวนท่านอ๋องจ้าว แต่ถ้ามีเพียงข้ากับหรงเอ๋อร์สองคน ถึงอย่างไรก็คนน้อยอ่อนกำลัง จอมยุทธ์น้อยทั้งหลายเต็มใจจะไปกับข้าหรือไม่”

[ติ๊ง! ภารกิจเปลี่ยนแปลง เนื่องจากหวังชู่อีถูกพิษร้าย กัวจิ้งเชิญให้พวกคุณไปขโมยยาที่จวนท่านอ๋องจ้าวด้วยกัน ตกลงหรือไม่]

ยอมรับ/ปฏิเสธ

ที่แท้ตัวละครที่หวังชู่อีแสดงในภารกิจนี้ก็คงเทียบเท่ากับอาธีนา[1]เวอร์ชั่นปลอมตัวเป็นนักพรตเต๋ากระมัง มีศักยภาพแข็งแกร่งที่สุดในฝ่ายตัวเองแท้ๆ แต่กลับต้องถูกคนปกป้องอยู่ตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ?

แล้วผู้เล่นอย่างพวกเรานับเป็นอะไร ห้าบรอนซ์เซนต์เหรอ

แต่การที่ทุกคนมาครั้งนี้ เดิมทีก็เพื่อปฏิบัติภารกิจที่จวนท่านอ๋องจ้าวอยู่แล้ว ย่อมไม่ถอยเพียงเพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สำคัญอยู่แล้ว จึงเลือกตอบตกลงพร้อมกันทันที

แต่พวกเขากลับคาดไม่ถึงว่า หลังจากกัวจิ้งเห็นพวกเขาเลือกแล้ว ก็ยังกล่าวอย่างไม่พอใจอีกว่า “บรรดาจอมยุทธ์น้อยยินดีช่วยเหลือแม้จะเป็นเรื่องดี แต่จวนท่านอ๋องจ้าวได้เปรียบที่มีกำลังคนเยอะ ยังต้องหาผู้ช่วยให้มากกว่านี้อีก”

[ติ๊ง! เนื่องจากในทีมมีไม่ครบห้าคน ยังไม่เติมเต็มเงื่อนไขการปลดล็อกภารกิจ ‘ปล้นยาที่จวนท่านอ๋องจ้าว’]

ยังต้องรวบรวมให้ครบห้าคนอึดทะลุโลกถึงจะปลดล็อคดันเจี้ยนได้จริงๆ หรือ

ทุกคนมองหน้ากันเลิกลั่ก เซียวเหยาถอนใจพูดก่อนว่า “จอมยุทธ์น้อยกัว ที่จริงพวกเราสี่คนก็มีศักยภาพแข็งแกร่งมาก หากคิดว่าจำนวนคนไม่พอ ก็บอกวัตถุดิบยาที่ต้องใช้ช่วยนักพรตเต๋าหวังให้พวกเรารู้ก็ได้ เดี๋ยวพวกเราจะไปซื้อให้ที่ตลาดอื่น”

กัวจิ้งส่ายหน้า “เจตนาดีของจอมยุทธ์น้อย พวกเรารับรู้แล้ว แต่ในเมื่อพวกเจ้ารับภารกิจมาแล้ว เพียงยังไม่ปลดล็อกเท่านั้นเอง ในระหว่างนี้พวกเจ้าไม่มีทางนั่งรถม้าออกจากเมืองเทียนจินได้ ต้องเดินทางด้วยวิธีอื่น ข้าเกรงว่านักพรตเต๋าหวังจะทนได้ไม่ถึงตอนนั้น…”

“ไม่เป็นไร” เซียวเหยาถอนใจพูดต่อ “ถึงอย่างไรพวกเราก็ต้องหาผู้ช่วยอยู่แล้ว ท่านบอกชื่อวัตถุดิบยาที่ต้องการให้พวกเรารู้ก็ได้ ตอนที่สหายของพวกเรามา…อุ๊บ!”

พออุดปากเจ้าขี้เมาคนนี้แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็พยายามรีบบอกกัวจิ้งโดยเร็วที่สุดว่า “หาผู้ช่วยมากกว่านี้ย่อมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้เสวียนเสี่ยวปี่มาไม่ได้ เดี๋ยวพวกเราจะเรียกเพื่อนอีกคนมาแทน ได้หรือเปล่า”

กัวจิ้งเกาหลังศีรษะอย่างซื่อๆ “ได้อยู่แล้ว”

“เช่นนั้นก็ดี พวกเราจะติดต่อให้ผู้ช่วยคนนั้นมาเดี๋ยวนี้”

“ดี!” กัวจิ้งพยักหน้าอย่างจริงใจ “ที่จริงข้าก็ต้องไปเจอกับหรงเอ๋อร์ก่อนเช่นกัน แล้วค่อยไปเจอกันนอกประตูหลังของจวนท่านอ๋องจ้าว จะได้ไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น”

“ไม่มีปัญหา!”

[1] อาธีน่าและบรอนซ์เซนต์ทั้งห้า เป็นตัวละครจากการ์ตูนเรื่องเซนต์เซย่า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด