ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 453 ศึกตัดสินจิวหมัวจื้อ

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 453 ศึกตัดสินจิวหมัวจื้อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 453 ศึกตัดสินจิวหมัวจื้อ

เมื่อได้ยินซานเย่ว์พูดแบบนั้น เชิญร่ำสุราก็ขมวดคิ้วทันที เขาหันไปมองข้างหลัง แต่กลับเห็นสหายร่วมทีมสองคนของตนถูกขุนเขาลำธารย่อมพานพบกับเซียนสาวน้อยนักกินใช้ดาบและกระบี่พร้อมกันขวางเอาไว้

“แม้แต่เรื่องนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็คำนวณได้อย่างนั้นหรือ”

พอได้ยินคำพูดของซานเย่ว์ ในที่สุดสีหน้าของเชิญร่ำสุราก็เริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจัง เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ “การคำนวณเหตุการณ์ของเยี่ยเว่ยหมิง ข้านับถือมาตลอด แต่ตอนนี้เขายุ่งจนปลีกตัวไม่ได้ เจ้าคิดว่าอย่างเจ้าจะขวางข้าได้หรือ”

“ไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไร”

ซานเย่ว์สบตากับเชิญร่ำสุราโดยไม่ถอยแม้แต่น้อย ในดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความคิดที่จะต่อสู้!

ตอนที่แบ่งสมาธิสังเกตการเคลื่อนไหวของเชิญร่ำสุรา นางก็ยังไม่ลืมที่จะส่งเสริมความซื่อสัตย์ยุติธรรมอันยิ่งใหญ่ของเยี่ยเว่ยหมิงผ่านช่องทีม [ดูสิ! ข้าบอกแล้วว่าแต่ไหนแต่ไรมา อาหมิงก็ไม่เคยคำนวณพลาด พวกเจ้ายังจำได้ไหมว่าก่อนปฏิบัติการเขาสั่งอะไรข้าไว้ ขอแค่ทำตามที่เขาบอก ทุกคนก็จะได้รับผลตอบแทนที่คาดไม่ถึงแน่นอน!]

ความจริงได้พิสูจน์ที่สิ่งซานเย่ว์พูดแล้ว เพราะก่อนที่จะลงมือ เยี่ยเว่ยหมิงได้วาดแผนผังความคิดมาทั้งคืน วิเคราะห์แรงจูงใจของตัวละครสำคัญที่อยู่ในกระบวนทัพฝ่ายตรงข้าม เป้าหมายรวมทั้งวิธีการที่อีกฝ่ายอาจจะใช้ไปแล้วเจ็ดแปดส่วน

ทั้งยังบอกสหายร่วมทีมก่อนลงมือด้วยว่า

แม้เป้าหมายหลักของพวกเชิญร่ำสุราจะเป็นการทำให้ต้วนเจิ้งหมิงบาดเจ็บ เป้าหมายรองคือดรอปตำราลับ ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ จากตัวสามพี่น้องของสกุลต้วนต้าหลี่

แต่สองเรื่องนี้ก็ต้องอาศัยกำลังของจิวหมัวจื้อถึงจะทำสำเร็จ อีกทั้งตามกระบวนทัพที่ฝ่ายพวกเราวางไว้ ต่อให้จิวหมัวจื้อนั่นจะทำได้ แต่ก็ต้องผ่านศึกที่ยากลำบากก่อนสักยกถึงจะมีโอกาส

และก่อนหน้านั้นพวกเขาต้องไม่รออยู่เฉยๆ แน่

ถ้าข้าเป็นเชิญร่ำสุรา…

จะต้องใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของสองตัวละครตรงหน้า เหตุการณ์วุ่นวายเหมือนเชือกที่พันกันคือโอกาสที่ฟ้าประทานมาให้ เขาแค่กวนน้ำให้ขุ่นขึ้นกว่าเดิม ทางทีดีที่สุดคือทำให้กลายเป็นศึกตะลุมบอนขนาดใหญ่ที่ทุกคนเข้าร่วม

นั่นต่างหากคือทิศทางการปฏิบัติการของพวกเขา!

เพราะมีแต่การทำแบบนี้เท่านั้น พวกเขาถึงจะมีโอกาสใช้กลยุทธ์กวนน้ำจับปลา

ซึ่งภารกิจที่พวกเราได้รับก่อนหน้านี้ ก็คือต้องรับประกันว่า NPC จะไม่ตาย อย่างน้อยก็ต้องปกป้องตัวละครที่จะส่งผลกระทบสำคัญต่อเนื้อเรื่องในภายหลัง ถ้าจะให้ดีที่สุดก็คืออย่าตายแม้แต่คนเดียว

ดูจากผลกระทบที่ตัวละครเหล่านี้มีต่อเนื้อเรื่องในหลายหลัง คนที่สำคัญที่สุดก็คือต้วนอวี้แน่นอน แต่เจ้าหมอนี่มีระบบคอยปกป้องอยู่แล้ว พวกเราไม่ต้องกังวลมาก รองลงมาก็คือต้วนเจิ้งฉุน ต้วนเจิ้งหมิง ต้วนเหยียนชิ่ง เตาไป๋เฟิ่ง…

แต่พวกเขาเหล่านี้เป็นเพียงเป้าหมายที่พวกเราพิจารณาปกป้องก่อน แต่สาเหตุที่อีกฝ่ายลงมือเก็บเกี่ยวก่อน ต้องไม่ใช่เพราะลำพองใจว่าตัวเองเก่งหรือมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งคอยปกป้องแน่นอน

เช่นนั้น ‘เคล็ดกระบี่พิชิตมาร’ ของเชิญร่ำสุรามีจุดเด่นคือท่าร่างกับท่ากระบี่ ถ้าอยากเพิ่มฝีมือให้สูงขึ้น จะต้องเลือกจัดการกับคนที่ดรอปไอเทมที่้เพิ่มค่าสเตตัสท่าร่างได้ง่ายที่สุดแน่ๆ

ส่วนอีกสองคนแม้จะมีความต้องการแตกต่างกันไป แต่ข้าเชื่อว่าเชิญร่ำสุราจะต้องโน้มน้าวพวกเขาได้แน่

จากที่กล่าวมาข้างต้น เป้าหมายแรกที่พวกเขาจะสังหาร มีความเป็นไปได้แปดเก้าส่วนว่าจะเป็นปาเทียนสือที่พวกเราช่วยชีวิตไว้ก่อนหน้านี้

พอถึงตอนนั้น พวกเจ้าแค่ลงมือก่อกวนพวกเขาสามคนให้ทันเวลาก็พอ

ส่วนจิวหมัวจื้อ?

ส่งให้ข้าจัดการเอง!

พอนึกถึงกลยุทธ์โดยละเอียดที่เยี่ยเว่ยหมิงวางไว้ จิตวิญญาณการต่อสู้ที่ฉายอยู่ในดวงตาคู่งามของซานเย่ว์ก็เริ่มเข้มข้นขึ้นแล้ว

เมื่อเชิญร่ำสุราเห็นท่าทางแบบนี้ของนาง ก็รู้เช่นกันว่าใช้คำพูดขู่ให้น้องสาวคนนี้ถอยไม่สำเร็จ เขาจึงแสยะยิ้มพร้อมถลันตัวมาข้างขวาของซานเย่ว์ทันที ใช้กระบี่แทงเฉียงลงมาใต้ซี่โครงของนาง

เมื่อเห็นเชิญร่ำสุราอาศัยท่าร่างที่รวดเร็วสุดขีดถลันออกจากสายตาตน ซานเย่ว์กลับไม่ตื่นตระหนก นางรู้สึกได้ถึงคลื่นอากาศที่มาพร้อมคมกระบี่ พอถอยหลังหนึ่งก้าว ก็หลบกระบี่ที่คิดว่าต้องโดนแน่ๆ ของเชิญร่ำสุราได้อย่างสบายๆ

เชิญร่ำสุราเห็นแล้วขมวดคิ้ว แล้วก็ใช้กระบี่โจมตีต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ทันที แต่ละกระบี่เล็งเป้าหมายไม่ห่างจากจุดสำคัญบนตัวนาง

ทุกกระบี่เคลื่อนไหวเร็วขึ้นเรื่อยๆ โหดขึ้นได้อีก มีการพลิกแพลงมากขึ้นทุกท่า!

ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีต่อเนื่องที่ทำให้คนป้องกันไม่ชนะของเชิญร่ำสุรา ร่างของซานเย่ว์กลับลอยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ตามการพลิกแพลงของท่าร่าง ก็เกิดเป็นภาพที่เหมือนสร้างกายมายาขึ้นมาจำนวนมากลางอากาศ ส่วนร่างที่แท้จริงของนางก็ซ่อนอยู่ในเงามายาเหล่านั้น ปรากฏให้เห็นบ้างเป็นบางคราว!

เงามายาเหล่านั้นที่ซานเย่ว์อาศัยท่าร่างสร้างขึ้นมา ถ้าจะบอกว่าสมจริงมากก็ไม่แน่เสมอไป แต่ภายใต้การเคลื่อนย้ายร่างกายด้วยความเร็วสูงของนาง กลับเหมือนว่านางสร้างหมอกหนาขึ้นมากลุ่มหนึ่งได้

นางไม่ได้หวังว่าหมอกเหล่านี้จะปิดกั้นสัมผัสทั้งห้าของคนอื่นได้ แต่ตราบใดที่สร้างผลกระทบต่อคู่ต่อสู้ได้นิดหน่อย เท่านั้นก็พอแล้ว

ระหว่างที่ท่าร่างมังกรเมฆาเก้ากายากำลังแสดงอานุภาพอย่างสุดกำลัง ขอเพียงการตัดสินใจของเจ้าถูกรบกวนด้วยท่าร่างเหล่านี้แม้เพียงศูนย์จุดหนึ่งวินาที เช่นนั้นเจ้าก็เลิกคิดไปได้เลยว่าจะหาร่างที่แท้จริงของนางเจอ

เพราะตอนที่เจ้าตัดสินได้แม่นยำ ร่างแท้ของนางก็ไปโผล่อยู่ที่อื่นตั้งนานแล้ว!

เหตุการณ์เป็นอย่างนั้น ซานเย่ว์อาศัยท่าร่าง ‘มังกรเมฆาเก้ากายา’ ที่เพิ่งเรียนมา หลบการโจมตีสิบห้ากระบี่ของเชิญร่ำสุราได้อย่างต่อเนื่อง

ตอนที่เชิญร่ำสุราคิดจะโจมตีกระบี่ที่สิบหก จู่ๆ กลับรู้สึกว่ามีเงาสีเขียวแวบผ่านหน้า จากนั้นมือหยกเรียวงามก็ตบเข้ามาที่หัวใจของเขาโดยตรง

ถ้าดันทุรังโจมตีต่อไป สิ่งที่ได้มาก็มีแต่ความพินาศย่อยยับสองฝ่าย สำหรับเชิญร่ำสุราที่มีความได้เปรียบด้านกระบวนท่า นี่ไม่ต่างอะไรกับการค้าขายที่ขาดทุน ภายใต้ความจนใจ เขาทำได้เพียงเก็บกระบี่แล้วถอยหลังพร้อมกล่าวเสียงต่ำว่า “ไม่เจอกันแค่คืนเดียว นึกไม่ถึงว่าฝีมือของเจ้าจะก้าวหน้าขึ้นขนาดนี้”

“แน่นอนอยู่แล้ว อย่าคิดนะว่าคนที่ได้สุดยอดวิชามีแค่เจ้าคนเดียว!” ซานเย่ว์ไม่ได้ปฏิบัติต่อเชิญร่ำสุราอย่างว่านอนสอนง่ายเหมือนที่ปฏิบัติต่อเยี่ยเว่ยหมิง ตอนนี้นางต่อปากต่อคำคล่องแคล่วมาก

ในคำพูดคำจาเผยความสามารถออกมาหมด!

ระหว่างที่คุยกัน มือหยกงามอีกข้างก็ยกขึ้นมา ยิงอาวุธลับเก้าชิ้นใส่เชิญร่ำสุราพร้อมกันทีเดียว วิธีการที่ใช้ก็ยิ่งปลุกความทรงจำมากมายของอีกฝ่ายขึ้นมา…อักษรชิงเก้าโหล!

เมื่อเห็นซานเย่ว์ใช้ ‘อักษรชิงเก้าโหล’ ได้ชำนาญกว่าศิษย์ทรยศอย่างตน เชิญร่ำสุราก็เผยสีหน้าผิดหวังอย่างอดไม่ได้ จากนั้นร่างกายก็กลายเป็นเงามายา ขณะที่หลบอาวุธทุกชิ้นได้ก็โจมตีไปทางซานเย่ว์อีกครั้ง

……

อีกด้านหนึ่ง ขุนเขาลำธารย่อมพานพบกับเซียนสาวน้อยนักกินใช้ ‘เคล็ดกระบี่ภูเขาหิมะ’ กับ ‘วิชาดาบวิหคทอง’ แต่เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ตอนนี้พวกเขาสองคนฝึกวิทยายุทธ์ระดับกลางสองวิชานี้จนถึงขอบเขตที่ล้ำลึกที่สุดแล้ว ให้ความร่วมมือกันได้ดีกว่าแต่ก่อนมาก

แม้ศักยภาพที่แท้จริงจะยังสู้คู่ต่อสู้สองคนที่มีวิทยายุทธ์ระดับสูงหรือส่วนหนึ่งของสุดยอดวิชาไม่ได้ แต่อาศัยความร่วมมือที่รู้ใจกัน ชั่วขณะนั้นก็ไม่ถึงขั้นมีอันตรายอะไร

……

แต่ทางฝั่งสนามต่อสู้หลักที่สู้แบบห้าต่อหนึ่ง สถานการณ์ยังคงไม่คืบหน้าเหมือนก่อนหน้านี้

จิวหมัวจื้อแม้ฝีมือจะเหนือกว่าสี่ยอดฝีมือหนึ่งระดับ แต่ได้รับผลกระทบจาก ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ของเยี่ยเว่ยหมิง แต่ผ่านไปนานก็ยังดึงความได้เปรียบด้านฝีมือให้ตัวเองกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบในการต่อสู้ไม่ได้สักที

“อามิตตาภพุทธ!” เมื่อเห็นการต่อสู้ยังตัดสินแพ้ชนะได้ยาก จู่ๆ หลิวอวิ๋น สมาชิกทีมที่ไม่ได้ต่อสู้กลับเอ่ยนามพระพุทธเจ้าเสียงดัง

จากนั้นหลวงจีนจิตแพทย์ท่านนี้ก็นั่งขัดสมาธิตรงจุดที่ห่างจากสนามต่อสู้สิบจั้ง พร้อมโคจรวิชา ‘วิชาราชสีห์คำราม’ แต่ปากกลับท่อง ‘ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร’

“พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เมื่อกาลที่พิจารณาด้วยพระปัญญาบารมีอยู่นั้น รู้แจ้งชัดว่าปัญจขันธ์ล้วนว่างเปล่า ข้ามพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง สารีริกธาตุ[1] ค่าตระหนักรู้ +1…”

ท่องไปท่องมา พระสูตรที่เดิมทีท่องได้อย่างคล่องปาก ไม่น่าเชื่อว่าหลวงจีนที่พุทธธรรมเลเวลเก้าท่านนี้จะ…

ท่องผิดแล้ว!?

[1] ที่ถูกต้องคือสารีบุตร

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด