ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 261 สามปฏิญาณพิฆาตหมาป่า

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 261 สามปฏิญาณพิฆาตหมาป่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 261 สามปฏิญาณพิฆาตหมาป่า

[หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน(ระดับสูง)]

ไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์ หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน!

(เป็นเคล็ดวิชาพิเศษ ไม่มีการเลื่อนระดับ)

หลักจากเปิดใช้งานทักษะนี้ ความแข็งแกร่ง พละกำลัง ท่าร่าง ความว่องไวจะเพิ่มขึ้นพร้อมกัน 50%!

เวลาต่อเนื่อง: 10 วินาที

หลังจากสถานะคลั่งจบลง ตกอยู่ในสถานะบาดเจ็บสาหัส ความแข็งแกร่ง พละกำลัง ท่าร่าง ความว่องไวลดลงครึ่งหนึ่ง เวลาต่อเนื่อง: 1 ชั่วโมง (ใช้วิธีโคจรกำลังภายในหรือกินยาเพื่อลดระยะเวลาบาดเจ็บสาหัสได้)

……

นี่ก็คือค่าสเตตัสที่แสดงอยู่ในคอลัมน์สกิลหลังจากเรียนรู้ ‘หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน’ แล้ว

ไม่เหมือน ‘คนผีร่วมวิถี’ กับ ‘ตราบชั่วฟ้าดิน’ ที่ใช้วิธีโจมตีรุนแรงอย่างเลือดแลกเลือด ดาเมจแลกดาเมจ เพราะ ‘หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน’ คือวิทยายุทธ์พิเศษที่ระเบิดพลังต่อสู้อันน่าทึ่งได้ในชั่วพริบตาเดียว หลังจากผ่านช่วงนั้นไปแล้วก็จะตกอยู่ในสถานะอ่อนแอรอความตาย

เพียงแต่ว่า…

ถ้าปลิดชีพศัตรูได้ภายในระยะเวลาที่ติดสถานะคลั่ง เช่นนั้นพอติดสถานะบาดเจ็บสาหัสแล้ว ก็เหมือนจะนั่งลงปรับสภาพตัวเองอย่างค่อยเป็นค่อยไปได้เช่นกัน

เพียงแต่ตาแก่นี่เหมือนโดราเอม่อน บนตัวมีตำราลับสารพัด แต่กลับนำตำราลับเล่มนี้มาเป็นรางวัลให้เยี่ยเว่ยหมิง นี่เตรียมจะให้เขาเดินบนเส้นทางคนโหดเวอร์ชั่นอัปเกรดต่อไปโดยไม่ให้ย้อนกลับอย่างนั้นหรือ

ติ๊ง!

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังบ่นในใจ จู่ๆ เสียงแจ้งเตือนของระบบกลับดังขึ้นข้างหู

[‘หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน’ ‘คนผีร่วมวิถี’ และ ‘ตราบชั่วฟ้าดิน’ ที่คุณฝึกแม้จะมาจากสำนักที่ต่างกัน แต่มีความสอดคล้องกันสูงมาก สามารถรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ รวมเป็นเคล็ดกระบี่หนึ่งชุด คุณจะร่วมหรือไม่]

[ใช่/ปฏิเสธ]

แม่งเอ๊ย มีฟังก์ชั่นนี้ด้วยหรือ

ด้วยความตื่นเต้นดีใจ เยี่ยเว่ยหมิงรีบเลือก ‘ใช่’

[ติ๊ง! หลังจากรวมกันแล้วกรุณาตั้งชื่อวิทยายุทธ์ใหม่]

นำท่าไม้ตายสู้ตายทั้งสามที่โหดขนาดนี้มารวมกัน ทักษะยุทธ์ที่โหดเหี้ยมขนาดนี้ เกรงว่าทั้ง ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ คงไม่เคยมีใครทำแบบนี้มาก่อน!

ไม่ต้องไตร่ตรองใดๆ ความคิดที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ก็ผุดขึ้นมาจากสมองของเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว เขากรอกชื่อเข้าไปทันที

สามปฏิญาณพิฆาตหมาป่า!

[ติ๊ง! หลอมรวมวิทยายุทธ์เรียบร้อย กรุณาดูผลลัพธ์โดยละเอียดที่แถบคอลัมน์สกิล]

เยี่ยเว่ยหมิงตรวจดู แล้วพบว่าค่าสเตตัสของสามทักษะนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เพียงแต่ในคอลัมน์สกิลกลับแสดงชื่อ ‘สามปฏิญาณพิฆาตหมาป่า’ ขึ้นมา หลังจากกดตรงชื่อนี้ก็จะเห็นค่าสเตตัสโดยละเอียดของสามกระบวนท่านี้

สรุปก็คือ เท่ากับประหยัดคอลัมน์สกิลไปสองช่อง ก็ไม่เลวเหมือนกัน

ทุกคนได้ของที่ทำให้ตัวเองพอใจแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงกลับพูดกับเหอจู๋เต้าว่า “ผู้อาวุโสเหอ ศักยภาพของตัวท่าน เมื่อเทียบกับสองเฒ่าเสวียนหมิงรวมกันยังเก่งกว่า ตอนนี้มีกระบี่อิงฟ้าอยู่ในมือแล้ว คาดว่าถ้าสู้แบบหนึ่งต่อสอง ฆ่าพวกเขาสองคนตรงนี้ ก็คงไม่มีปัญหากระมัง”

พอได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงจู่ๆ ก็ถามแบบนี้ สามคนที่อยู่ตรงข้ามก็ตกใจมากทันที อาต้าถามอย่างโมโหว่า “นี่เจ้าคิดจะกลับคำหรือ”

เยี่ยเว่ยหมิงขี้คร้านจะสนใจแล้ว พูดกับเหอจู๋เต้าด้วยท่าทีขอคำชี้แนะว่า “แน่นอน ตอนนี้ท่านอายุมากแล้ว ถ้าให้ท่านสู้แบบหนึ่งต่อสอง ต่อให้มีกระบี่อิงฟ้าอยู่ในมือ ก็ถือเป็นเรื่องที่ผิดมนุษย์มนาเกินไปแล้ว…

…แต่ข้างหลังท่านยังมียอดฝีมือคุนหลุนอยู่มากมายไม่ใช่หรือ หากทุกคนสู้พร้อมกัน ทำให้สองเฒ่าเสวียนหมิงตายก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร…

…พวกท่านมีกันเยอะขนาดนี้แต่เกือบตายเพราะอุบายของพวกเขา อย่าบอกนะว่าไม่อยากล้างแค้น”

เมื่อได้ยินคำแนะนำของเยี่ยเว่ยหมิง กลุ่มยอดฝีมือสำนักคุนหลุนที่นำโดยไป๋ลู่จื่อก็เผยสีหน้ากระเหี้ยนกระหือรือพร้อมกัน

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็พูดกับเหอจู๋เต้าต่อว่า “ส่วนพวกเราน่ะ ก็ผูกแค้นกับคนที่ชื่ออาต้าพอดี ส่งเจ้าหมอนั่นมาให้พวกเราจัดการก็พอ”

ยอดฝีมือกระบี่ที่ไร้กระบี่อยู่ในมือ ยามต่อสู้กันขึ้นมาจะต้องถึงอกถึงใจแน่นอน!

หึหึหึ…

พอได้ฟังถึงตรงนี้ แม้แต่จ้าวหมิ่นก็ร้อนใจแล้วเช่นกัน “นี่! เจ้าทำไมเป็นคนเช่นนี้ ก่อนหน้านี้เจ้ารับปากข้าแล้วแท้ๆ ว่าขอเพียงพวกเราส่งกระบี่อิงฟ้าให้ เจ้าก็จะปล่อยพวกเราไม่ใช่หรือ”

“ขอแก้ไขสักหน่อย” เยี่ยเว่ยหมิงตอบอย่างมีเหตุผลชอบธรรม “ที่ข้ารับปากไว้ก็คือ ขอเพียงเจ้าส่งกระบี่อิงฟ้าออกมา ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป แต่ไม่ได้บอกนี่ว่าจะปล่อยลูกน้องของเจ้าไปด้วย เจ้าก็คือเจ้า พวกเจ้าก็คือพวกเจ้า สองฝ่ายไม่นับรวมกัน…

…แต่เจ้าวางใจได้ ในเมื่อรับปากแล้วว่าจะปล่อยเจ้า ก็จะต้องรับหน้าที่ส่งเจ้ากลับบ้านอย่างปลอดภัยแน่นอน ส่วนความเป็นความตายของพวกเขา ตอนนี้ยังไม่ถึงคราวที่เจ้าจะพูดได้”

พูดจบก็ไม่สนใจจ้าวหมิ่นที่กำลังกระทืบเท้าอย่างโมโห พูดหลอกลวงผู้เฒ่าเหอต่อไปว่า “แต่พวกเราก็รู้เช่นกันว่าเจ้ามีเมตตากรุณา แม้จะเป็นความแค้นเรื่องความเป็นความตาย ก็ทำใจคร่าชีวิตคนไม่ลงอยู่ดี เรื่องนี้พวกเราก็จะทำแทนด้วยเหมือนกัน ขอเพียงเจ้าถูกพวกเขาโจมตีจนเสียความสามารถในการป้องกันตัว ผู้น้อยอย่างพวกเราจะแบกรับชื่อคนบาป กำจัดภัยของยุทธภพแทนท่านเอง…

…หากข้าไม่ลงนรก แล้วใครจะลงนรก”

เมื่อได้ยินข้อเสนอไร้ยางอายของเยี่ยเว่ยหมิง บรรดาสหายร่วมทีมก็พากันเหล่ตามอง

พวกเขาเคยเจอคนไร้ยางอายมากก่อน แต่ไม่เคยเจอใครไร้ยางอายขนาดนี้!

เข้ามาอยู่ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ นานขนาดนี้แล้ว เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินเรื่องการแย่งฆ่าบอสที่ไร้ยางอายขนาดนี้ แต่กลับยกมาพูดด้วยท่าทีจริงจังขนาดนี้ได้

แต่สุดท้ายเยี่ยเว่ยหมิงก็ยังไม่สมหวัง สำหรับข้อเสนอของเขา ผู้เฒ่าเหอกล่าวอย่างแน่วแน่ว่า “ทำเช่นนี้ไม่สอดคล้องกับกติกา”

ดูจากท่าทีที่ไม่ยอมให้ปฏิเสธของเขาก็รู้แล้ว

ที่เขาบอกว่าไม่สอดคล้องกับกติกา ย่อมไม่ได้หมายถึงกติกาที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรของยุทธภพแน่นอน แต่ระบบไม่อนุญาตให้ผู้เล่นใช้วิธีการแบบนี้มากำจัดบอสใหญ่เลเวลหกสิบห้า!

ต่อให้เป็นบอสเวอร์ชันถูกตอนในโหมดภารกิจก็ไม่ได้!

หลังจากเจอคำปฏิเสธที่เคร่งขรึมของผู้เฒ่าเหอ เยี่ยเว่ยหมิงก็กลับเนื้อกลับตัวจากความหน้าด้านของตัวเองโดยฉับพลัน

ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าต่อให้เป็นชีวิตของศัตรู ก็ถือเป็นชีวิตเหมือนกัน

ขอเพียงเป็นชีวิต ก็ควรค่าแก่การเคารพ!

พอคำนึงว่าสหายของผู้ตายอยู่ตรงนี้ด้วย เขาจึงนำอาเอ้อร์ที่เพิ่งบรรจุเข้าโลง รวมทั้งเฉิงคุน ฟ่านเหยา อาซาน จ้าวอีซาง เฉียนเอ้อร์ไป้…ส่งให้สองเฒ่าเสวียนหมิงทั้งหมด และกำชับว่าต้องนำกลับไปฝังให้ดี ทำให้ผู้ตายได้พักอย่างสงบ

เพราะมีเพียงการทำอย่างนี้ เขาถึงจะไม่รู้สึกผิดกับพฤติกรรมการสังหารก่อนหน้านี้ของตัวเองเกินไป

มีเพียงการทำอย่างนี้เท่านั้น เขาจึงจะไม่เปลืองแรงไปขุดหลุมฝังศพและเสียโลงศพกับเสื่อมากขนาดนั้นแล้ว…

ประหยัดแรง เป็นเรื่องที่งดงาม!

เนื่องจากทีมนี้ล่วงเกินราชสำนักมองโกลอย่างถึงที่สุดแล้ว จินตนาการได้เลยว่าในเมืองต้าตูคงวางกับดักรอจับตายพวกเขาแล้วแน่นอน

เยี่ยเว่ยหมิงจึงปรึกษากับบรรดาเพื่อนร่วมทีม ตัดสินใจจะข้ามผ่านทุ่งหญ้าถอยกลับภาคกลาง

สะพานสวรรค์น้อย ฉางซิงอวี่ ถังซานไฉ่ต่างคนต่างกลับไปรายงานผลภารกิจที่สำนักตัวเอง เดินผ่านด่านประตูห่านป่าย่อมใกล้กว่า

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ถูกน้องดาบดึงตัวไปเมืองเจิ้นเจียงเพื่อทำภารกิจที่ต้องใช้ ‘กระสอบข้าวแสนสาหัส’ พวกเขาตัดสินใจไปทางด่านประตูหยกซึ่งเป็นทางลัด

ส่วนสหายหนิวจื้อชุนก็ได้รับค่าวีรบุรุษห้าร้อยแต้มหลังจากรายงานผลภารกิจสำนักคุนหลุน เปลี่ยนชื่อจาก ‘คนชั่วร้าย’ กลับมาเป็น ‘โจร’ จากนั้นนั่งรถม้าคุนหลุนกลับภาคกลาง

ยังไม่ต้องพูดถึงคนอื่น เหลือแค่เยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบ

ระหว่างทาง คู่กัดทั้งสองยอมตีฝีปากกันไม่หยุด เพียงแต่ประหยัดคำพูดมาก

“เจ้าวิ่งน่าเกลียดมากจริงๆ!”

“เจ้าวิ่งช้าจริงๆ!”

“พูดจริงๆ เลยนะ เจ้ารู้แค่วิชาตัวเบาขยะระดับต้นเอง ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเจ้าใช้ท่าร่างได้สูงขนาดนั้นได้อย่างไร”

“ไม่เข้าใจสินะ นี่เรียกว่ากลับคืนสู่ความเรียบง่าย”

“เหลวไหล!” น้องดาบเบะปากไม่หยุด “แต่ตามที่แสดงในแผนที่ ถ้าพวกเราไปถึงด่านประตูหยกก่อนฟ้ามืดได้ก็ยังมีจุดพักม้าอยู่ ไม่อย่างนั้นก็ทำได้เพียงค้างแรมในที่เปล่าเปลี่ยวแล้ว”

“เช่นนั้นก็วิ่งไวๆ หน่อย เจ้าคงไม่อยากค้างแรมในที่เปล่าเปลี่ยวกับผู้ชายที่เต็มไปด้วยสันดานหมาป่าอย่างข้าหรอกมั้ง”

“ชิ! เจ้าวิ่งได้น่าเกลียดมากจริงๆ!”

“เจ้าก็วิ่งช้ามากจริงๆ!”

เถียงกันไปเถียงกันมา ทั้งสองก็เข้าใกล้ด่านประตูหยกแล้ว ตอนผ่านป่าภูเขาที่ทิวทัศน์ไม่เลวผืนหนึ่ง เยี่ยเว่ยหมิงกลับเลิกคิ้วบอกว่า “เจ้าฟังสิ เหมือนมีคนกำลังร้องเพลง”

น้องดาบได้ยินแล้วงุนงงนิดหน่อย โคจรกำลังภายในไปที่สองหู แล้วกล่าวคล้อยตามทันทีว่า “เป็นเสียงเพลงที่ไพเราะมาก! ข้าอยากไปดูสักหน่อย…”

เยี่ยเว่ยหมิงขมวดคิ้ว “ถ้าพวกเราเสียเวลาอยู่ที่นี่ อาศัยความเร็วของเจ้าเกรงว่าจะหาที่พักแรมไม่ทันแล้วจริงๆ เจ้ากล้าค้างแรมในที่เปล่าเปลี่ยวกับข้าจริงหรือ”

น้องดาบกลอกตามองเขาไม่หยุด “เจ้าเก่งนักก็ถอดกางเกงออกสิ แล้วข้าจะถือว่าเจ้าเก่ง”

“ถ้าไม่มีความสามารถนั้น…”

ขณะที่คุยกัน ทั้งสองก็เดินไปทางที่เสียงเพลงดังมาโดยไม่รู้ตัว ยิ่งเดินก็ยิ่งเข้าใกล้ เสียงเพลงนั้นเปลี่ยนเป็นชัดเจนยิ่งขึ้น

“เคยหรรษากับฟ้าดิน วาดหวังชีวิตเช่นนี้ เดินข้ามผ่านพันภูผาหมื่นวารี ย้อนกลับมิทัน…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 261 สามปฏิญาณพิฆาตหมาป่า

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 261 สามปฏิญาณพิฆาตหมาป่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 261 สามปฏิญาณพิฆาตหมาป่า

[หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน(ระดับสูง)]

ไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์ หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน!

(เป็นเคล็ดวิชาพิเศษ ไม่มีการเลื่อนระดับ)

หลักจากเปิดใช้งานทักษะนี้ ความแข็งแกร่ง พละกำลัง ท่าร่าง ความว่องไวจะเพิ่มขึ้นพร้อมกัน 50%!

เวลาต่อเนื่อง: 10 วินาที

หลังจากสถานะคลั่งจบลง ตกอยู่ในสถานะบาดเจ็บสาหัส ความแข็งแกร่ง พละกำลัง ท่าร่าง ความว่องไวลดลงครึ่งหนึ่ง เวลาต่อเนื่อง: 1 ชั่วโมง (ใช้วิธีโคจรกำลังภายในหรือกินยาเพื่อลดระยะเวลาบาดเจ็บสาหัสได้)

……

นี่ก็คือค่าสเตตัสที่แสดงอยู่ในคอลัมน์สกิลหลังจากเรียนรู้ ‘หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน’ แล้ว

ไม่เหมือน ‘คนผีร่วมวิถี’ กับ ‘ตราบชั่วฟ้าดิน’ ที่ใช้วิธีโจมตีรุนแรงอย่างเลือดแลกเลือด ดาเมจแลกดาเมจ เพราะ ‘หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน’ คือวิทยายุทธ์พิเศษที่ระเบิดพลังต่อสู้อันน่าทึ่งได้ในชั่วพริบตาเดียว หลังจากผ่านช่วงนั้นไปแล้วก็จะตกอยู่ในสถานะอ่อนแอรอความตาย

เพียงแต่ว่า…

ถ้าปลิดชีพศัตรูได้ภายในระยะเวลาที่ติดสถานะคลั่ง เช่นนั้นพอติดสถานะบาดเจ็บสาหัสแล้ว ก็เหมือนจะนั่งลงปรับสภาพตัวเองอย่างค่อยเป็นค่อยไปได้เช่นกัน

เพียงแต่ตาแก่นี่เหมือนโดราเอม่อน บนตัวมีตำราลับสารพัด แต่กลับนำตำราลับเล่มนี้มาเป็นรางวัลให้เยี่ยเว่ยหมิง นี่เตรียมจะให้เขาเดินบนเส้นทางคนโหดเวอร์ชั่นอัปเกรดต่อไปโดยไม่ให้ย้อนกลับอย่างนั้นหรือ

ติ๊ง!

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังบ่นในใจ จู่ๆ เสียงแจ้งเตือนของระบบกลับดังขึ้นข้างหู

[‘หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน’ ‘คนผีร่วมวิถี’ และ ‘ตราบชั่วฟ้าดิน’ ที่คุณฝึกแม้จะมาจากสำนักที่ต่างกัน แต่มีความสอดคล้องกันสูงมาก สามารถรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ รวมเป็นเคล็ดกระบี่หนึ่งชุด คุณจะร่วมหรือไม่]

[ใช่/ปฏิเสธ]

แม่งเอ๊ย มีฟังก์ชั่นนี้ด้วยหรือ

ด้วยความตื่นเต้นดีใจ เยี่ยเว่ยหมิงรีบเลือก ‘ใช่’

[ติ๊ง! หลังจากรวมกันแล้วกรุณาตั้งชื่อวิทยายุทธ์ใหม่]

นำท่าไม้ตายสู้ตายทั้งสามที่โหดขนาดนี้มารวมกัน ทักษะยุทธ์ที่โหดเหี้ยมขนาดนี้ เกรงว่าทั้ง ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ คงไม่เคยมีใครทำแบบนี้มาก่อน!

ไม่ต้องไตร่ตรองใดๆ ความคิดที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ก็ผุดขึ้นมาจากสมองของเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว เขากรอกชื่อเข้าไปทันที

สามปฏิญาณพิฆาตหมาป่า!

[ติ๊ง! หลอมรวมวิทยายุทธ์เรียบร้อย กรุณาดูผลลัพธ์โดยละเอียดที่แถบคอลัมน์สกิล]

เยี่ยเว่ยหมิงตรวจดู แล้วพบว่าค่าสเตตัสของสามทักษะนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เพียงแต่ในคอลัมน์สกิลกลับแสดงชื่อ ‘สามปฏิญาณพิฆาตหมาป่า’ ขึ้นมา หลังจากกดตรงชื่อนี้ก็จะเห็นค่าสเตตัสโดยละเอียดของสามกระบวนท่านี้

สรุปก็คือ เท่ากับประหยัดคอลัมน์สกิลไปสองช่อง ก็ไม่เลวเหมือนกัน

ทุกคนได้ของที่ทำให้ตัวเองพอใจแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงกลับพูดกับเหอจู๋เต้าว่า “ผู้อาวุโสเหอ ศักยภาพของตัวท่าน เมื่อเทียบกับสองเฒ่าเสวียนหมิงรวมกันยังเก่งกว่า ตอนนี้มีกระบี่อิงฟ้าอยู่ในมือแล้ว คาดว่าถ้าสู้แบบหนึ่งต่อสอง ฆ่าพวกเขาสองคนตรงนี้ ก็คงไม่มีปัญหากระมัง”

พอได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงจู่ๆ ก็ถามแบบนี้ สามคนที่อยู่ตรงข้ามก็ตกใจมากทันที อาต้าถามอย่างโมโหว่า “นี่เจ้าคิดจะกลับคำหรือ”

เยี่ยเว่ยหมิงขี้คร้านจะสนใจแล้ว พูดกับเหอจู๋เต้าด้วยท่าทีขอคำชี้แนะว่า “แน่นอน ตอนนี้ท่านอายุมากแล้ว ถ้าให้ท่านสู้แบบหนึ่งต่อสอง ต่อให้มีกระบี่อิงฟ้าอยู่ในมือ ก็ถือเป็นเรื่องที่ผิดมนุษย์มนาเกินไปแล้ว…

…แต่ข้างหลังท่านยังมียอดฝีมือคุนหลุนอยู่มากมายไม่ใช่หรือ หากทุกคนสู้พร้อมกัน ทำให้สองเฒ่าเสวียนหมิงตายก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร…

…พวกท่านมีกันเยอะขนาดนี้แต่เกือบตายเพราะอุบายของพวกเขา อย่าบอกนะว่าไม่อยากล้างแค้น”

เมื่อได้ยินคำแนะนำของเยี่ยเว่ยหมิง กลุ่มยอดฝีมือสำนักคุนหลุนที่นำโดยไป๋ลู่จื่อก็เผยสีหน้ากระเหี้ยนกระหือรือพร้อมกัน

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็พูดกับเหอจู๋เต้าต่อว่า “ส่วนพวกเราน่ะ ก็ผูกแค้นกับคนที่ชื่ออาต้าพอดี ส่งเจ้าหมอนั่นมาให้พวกเราจัดการก็พอ”

ยอดฝีมือกระบี่ที่ไร้กระบี่อยู่ในมือ ยามต่อสู้กันขึ้นมาจะต้องถึงอกถึงใจแน่นอน!

หึหึหึ…

พอได้ฟังถึงตรงนี้ แม้แต่จ้าวหมิ่นก็ร้อนใจแล้วเช่นกัน “นี่! เจ้าทำไมเป็นคนเช่นนี้ ก่อนหน้านี้เจ้ารับปากข้าแล้วแท้ๆ ว่าขอเพียงพวกเราส่งกระบี่อิงฟ้าให้ เจ้าก็จะปล่อยพวกเราไม่ใช่หรือ”

“ขอแก้ไขสักหน่อย” เยี่ยเว่ยหมิงตอบอย่างมีเหตุผลชอบธรรม “ที่ข้ารับปากไว้ก็คือ ขอเพียงเจ้าส่งกระบี่อิงฟ้าออกมา ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป แต่ไม่ได้บอกนี่ว่าจะปล่อยลูกน้องของเจ้าไปด้วย เจ้าก็คือเจ้า พวกเจ้าก็คือพวกเจ้า สองฝ่ายไม่นับรวมกัน…

…แต่เจ้าวางใจได้ ในเมื่อรับปากแล้วว่าจะปล่อยเจ้า ก็จะต้องรับหน้าที่ส่งเจ้ากลับบ้านอย่างปลอดภัยแน่นอน ส่วนความเป็นความตายของพวกเขา ตอนนี้ยังไม่ถึงคราวที่เจ้าจะพูดได้”

พูดจบก็ไม่สนใจจ้าวหมิ่นที่กำลังกระทืบเท้าอย่างโมโห พูดหลอกลวงผู้เฒ่าเหอต่อไปว่า “แต่พวกเราก็รู้เช่นกันว่าเจ้ามีเมตตากรุณา แม้จะเป็นความแค้นเรื่องความเป็นความตาย ก็ทำใจคร่าชีวิตคนไม่ลงอยู่ดี เรื่องนี้พวกเราก็จะทำแทนด้วยเหมือนกัน ขอเพียงเจ้าถูกพวกเขาโจมตีจนเสียความสามารถในการป้องกันตัว ผู้น้อยอย่างพวกเราจะแบกรับชื่อคนบาป กำจัดภัยของยุทธภพแทนท่านเอง…

…หากข้าไม่ลงนรก แล้วใครจะลงนรก”

เมื่อได้ยินข้อเสนอไร้ยางอายของเยี่ยเว่ยหมิง บรรดาสหายร่วมทีมก็พากันเหล่ตามอง

พวกเขาเคยเจอคนไร้ยางอายมากก่อน แต่ไม่เคยเจอใครไร้ยางอายขนาดนี้!

เข้ามาอยู่ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ นานขนาดนี้แล้ว เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินเรื่องการแย่งฆ่าบอสที่ไร้ยางอายขนาดนี้ แต่กลับยกมาพูดด้วยท่าทีจริงจังขนาดนี้ได้

แต่สุดท้ายเยี่ยเว่ยหมิงก็ยังไม่สมหวัง สำหรับข้อเสนอของเขา ผู้เฒ่าเหอกล่าวอย่างแน่วแน่ว่า “ทำเช่นนี้ไม่สอดคล้องกับกติกา”

ดูจากท่าทีที่ไม่ยอมให้ปฏิเสธของเขาก็รู้แล้ว

ที่เขาบอกว่าไม่สอดคล้องกับกติกา ย่อมไม่ได้หมายถึงกติกาที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรของยุทธภพแน่นอน แต่ระบบไม่อนุญาตให้ผู้เล่นใช้วิธีการแบบนี้มากำจัดบอสใหญ่เลเวลหกสิบห้า!

ต่อให้เป็นบอสเวอร์ชันถูกตอนในโหมดภารกิจก็ไม่ได้!

หลังจากเจอคำปฏิเสธที่เคร่งขรึมของผู้เฒ่าเหอ เยี่ยเว่ยหมิงก็กลับเนื้อกลับตัวจากความหน้าด้านของตัวเองโดยฉับพลัน

ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าต่อให้เป็นชีวิตของศัตรู ก็ถือเป็นชีวิตเหมือนกัน

ขอเพียงเป็นชีวิต ก็ควรค่าแก่การเคารพ!

พอคำนึงว่าสหายของผู้ตายอยู่ตรงนี้ด้วย เขาจึงนำอาเอ้อร์ที่เพิ่งบรรจุเข้าโลง รวมทั้งเฉิงคุน ฟ่านเหยา อาซาน จ้าวอีซาง เฉียนเอ้อร์ไป้…ส่งให้สองเฒ่าเสวียนหมิงทั้งหมด และกำชับว่าต้องนำกลับไปฝังให้ดี ทำให้ผู้ตายได้พักอย่างสงบ

เพราะมีเพียงการทำอย่างนี้ เขาถึงจะไม่รู้สึกผิดกับพฤติกรรมการสังหารก่อนหน้านี้ของตัวเองเกินไป

มีเพียงการทำอย่างนี้เท่านั้น เขาจึงจะไม่เปลืองแรงไปขุดหลุมฝังศพและเสียโลงศพกับเสื่อมากขนาดนั้นแล้ว…

ประหยัดแรง เป็นเรื่องที่งดงาม!

เนื่องจากทีมนี้ล่วงเกินราชสำนักมองโกลอย่างถึงที่สุดแล้ว จินตนาการได้เลยว่าในเมืองต้าตูคงวางกับดักรอจับตายพวกเขาแล้วแน่นอน

เยี่ยเว่ยหมิงจึงปรึกษากับบรรดาเพื่อนร่วมทีม ตัดสินใจจะข้ามผ่านทุ่งหญ้าถอยกลับภาคกลาง

สะพานสวรรค์น้อย ฉางซิงอวี่ ถังซานไฉ่ต่างคนต่างกลับไปรายงานผลภารกิจที่สำนักตัวเอง เดินผ่านด่านประตูห่านป่าย่อมใกล้กว่า

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ถูกน้องดาบดึงตัวไปเมืองเจิ้นเจียงเพื่อทำภารกิจที่ต้องใช้ ‘กระสอบข้าวแสนสาหัส’ พวกเขาตัดสินใจไปทางด่านประตูหยกซึ่งเป็นทางลัด

ส่วนสหายหนิวจื้อชุนก็ได้รับค่าวีรบุรุษห้าร้อยแต้มหลังจากรายงานผลภารกิจสำนักคุนหลุน เปลี่ยนชื่อจาก ‘คนชั่วร้าย’ กลับมาเป็น ‘โจร’ จากนั้นนั่งรถม้าคุนหลุนกลับภาคกลาง

ยังไม่ต้องพูดถึงคนอื่น เหลือแค่เยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบ

ระหว่างทาง คู่กัดทั้งสองยอมตีฝีปากกันไม่หยุด เพียงแต่ประหยัดคำพูดมาก

“เจ้าวิ่งน่าเกลียดมากจริงๆ!”

“เจ้าวิ่งช้าจริงๆ!”

“พูดจริงๆ เลยนะ เจ้ารู้แค่วิชาตัวเบาขยะระดับต้นเอง ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเจ้าใช้ท่าร่างได้สูงขนาดนั้นได้อย่างไร”

“ไม่เข้าใจสินะ นี่เรียกว่ากลับคืนสู่ความเรียบง่าย”

“เหลวไหล!” น้องดาบเบะปากไม่หยุด “แต่ตามที่แสดงในแผนที่ ถ้าพวกเราไปถึงด่านประตูหยกก่อนฟ้ามืดได้ก็ยังมีจุดพักม้าอยู่ ไม่อย่างนั้นก็ทำได้เพียงค้างแรมในที่เปล่าเปลี่ยวแล้ว”

“เช่นนั้นก็วิ่งไวๆ หน่อย เจ้าคงไม่อยากค้างแรมในที่เปล่าเปลี่ยวกับผู้ชายที่เต็มไปด้วยสันดานหมาป่าอย่างข้าหรอกมั้ง”

“ชิ! เจ้าวิ่งได้น่าเกลียดมากจริงๆ!”

“เจ้าก็วิ่งช้ามากจริงๆ!”

เถียงกันไปเถียงกันมา ทั้งสองก็เข้าใกล้ด่านประตูหยกแล้ว ตอนผ่านป่าภูเขาที่ทิวทัศน์ไม่เลวผืนหนึ่ง เยี่ยเว่ยหมิงกลับเลิกคิ้วบอกว่า “เจ้าฟังสิ เหมือนมีคนกำลังร้องเพลง”

น้องดาบได้ยินแล้วงุนงงนิดหน่อย โคจรกำลังภายในไปที่สองหู แล้วกล่าวคล้อยตามทันทีว่า “เป็นเสียงเพลงที่ไพเราะมาก! ข้าอยากไปดูสักหน่อย…”

เยี่ยเว่ยหมิงขมวดคิ้ว “ถ้าพวกเราเสียเวลาอยู่ที่นี่ อาศัยความเร็วของเจ้าเกรงว่าจะหาที่พักแรมไม่ทันแล้วจริงๆ เจ้ากล้าค้างแรมในที่เปล่าเปลี่ยวกับข้าจริงหรือ”

น้องดาบกลอกตามองเขาไม่หยุด “เจ้าเก่งนักก็ถอดกางเกงออกสิ แล้วข้าจะถือว่าเจ้าเก่ง”

“ถ้าไม่มีความสามารถนั้น…”

ขณะที่คุยกัน ทั้งสองก็เดินไปทางที่เสียงเพลงดังมาโดยไม่รู้ตัว ยิ่งเดินก็ยิ่งเข้าใกล้ เสียงเพลงนั้นเปลี่ยนเป็นชัดเจนยิ่งขึ้น

“เคยหรรษากับฟ้าดิน วาดหวังชีวิตเช่นนี้ เดินข้ามผ่านพันภูผาหมื่นวารี ย้อนกลับมิทัน…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+