ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 92 ไม่รีบลงมือ ให้ข้าคำนวณก่อน

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 92 ไม่รีบลงมือ ให้ข้าคำนวณก่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 92 ไม่รีบลงมือ ให้ข้าคำนวณก่อน

ความคิดของเยี่ยเว่ยหมิงนั้นเรียบง่ายมาก ขอเพียงกำจัด NPC ที่ชื่ออ๋าวป้ายคนนี้ได้ ก็จะผ่านดันเจี้ยนนี้ได้แล้ว

ทว่า อ๋าวป้ายที่อยู่ในเกมคนนี้ ไม่ได้ฆ่าตายง่ายๆ ขนาดนั้น

เมื่อเห็นคมกระบี่จ่อมาอยู่ตรงหน้า ในดวงตาอ๋าวป้ายก็ไม่ได้เผยความหวาดกลัวใดๆ เลย กลับเผยเจตนาสังหารอันสุดสะพรึงออกมาด้วยซ้ำ!

ทว่าภายใต้เจตนาสังหารอันเข้มข้นนี้ เท้าของอ๋าวป้ายกลับถอยหลังต่อเนื่องหลายก้าว ถอยไปจนถึงริมกำแพงแล้ว

เยี่ยเว่ยหมิงรู้ว่าอ๋าวป้ายอยากจะล่อให้เขาเข้าสู่ขอบเขตการโจมตีของตัวเอง แต่เขากลับใช้ท่าหน้าบุปผาใต้แสงจันทร์อย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย ทั้งคนทั้งกระบี่ฟันลงไปกลางศีรษะของอ๋าวป้าย

เขาต้องการฆ่าอีกฝ่ายเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ หากต้องการฆ่าอีกฝ่ายให้ตายก็จะต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยงอันตราย ไม่มีอะไรต้องลังเล

สิ่งที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงคิดไม่ถึงก็คือ ตอนเผชิญหน้ากับกระบี่ที่ฟันลงมาบนศีรษะ อ๋าวป้ายไม่หลบไม่หลีก ปล่อยให้กระบี่ชิงจู๋ที่เหมือนแสงจันทร์ฟันลงมาบนยอดศีรษะของตัวเอง

ทว่า…

แกร๊ง!

กระบี่ล้ำค่าฟันไปบนยอดศีรษะของอ๋าวป้าย แต่กลับเหมือนฟันโดนเหล็กทอง ตามด้วยเสียงโลหะกระทบกันดังแสบแก้วหู ไม่น่าเชื่อว่ากระบี่ชิงจู๋คุณภาพทองคำจะฟันไม่เข้าหนังศีรษะของอ๋าวป้าย ตัดได้เพียงผมขาวจำนวนมากเท่านั้น แล้วกระบี่ก็ถูกพลังป้องกันของอีกฝ่ายดีดออกมา

-1

โจมตีครั้งเดียวก็เกิดพลังสะท้อนกลับมหาศาล ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงสะเทือนจนแขนชา เขาที่มีพละกำลังสองร้อยยี่สิบแปดแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าแทบจะจับกระบี่ยาวเอาไว้ไม่อยู่!

พลังป้องกันของเจ้าหมอนี่น่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้เชียวหรือ!

ตกลงว่ามันคือครอบระฆังทองหรือชุดเหล็กกันแน่

ไม่ให้เวลาเยี่ยเว่ยหมิงคิดมาก อ๋าวป้ายที่โดนกระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิงโจมตีไปหนึ่งที ไม่น่าเชื่อว่าจะฉวยโอกาสตอนที่กระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิงสะเทือนออกไปด้านข้าง ฟาดฝ่ามือมาตรงหน้าอกของเยี่ยเว่ยหมิงหนึ่งที

ถ้าปล่อยให้โดนฝ่ามือนี้ฟาดจริงๆ ด้วยพละกำลังอันแข็งแกร่งของอีกฝ่าย เกรงว่าเยี่ยเว่ยหมิงต่อให้ไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัส!

เพียงแต่ในเมื่อเยี่ยเว่ยหมิงกล้าปล่อยให้สองเท้ายกออกจากพื้น ใช้วิธีการนี้เสี่ยงใช้เข้าโจมตี ก็ย่อมต้องมีวิธีการป้องกันตัวอยู่แล้ว

ท่า ‘หน้าบุปผาใต้แสงจันทร์’ ในเคล็ดกระบี่ฉวนเจิน ที่จริงแล้วตอนบุกไปข้างหน้าจะเป็นท่าโจมตี ส่วนถอยหลังจะเป็นท่าป้องกัน หากเป็นเมื่อหลายวันก่อน เยี่ยเว่ยหมิงอาจจะเสียเปรียบเพราะฝ่ามือนี้ แต่หลังจากเขาเพิ่มระดับ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ให้เป็นเลเวลห้า ทำให้เขามีความมั่นใจที่จะรับมือกับการโจมตีอย่างนี้แล้ว

ขณะที่ตัวลอยอยู่กลางอากาศ เยี่ยเว่ยหมิงก็พลันเพิ่มปราณแท้ การเคลื่อนไหวที่เดิมทีบุกไปข้างหน้าช้าลงเล็กน้อย อาศัยช่วงเวลาสั้นๆ ที่ไม่ถึงศูนย์จุดหนึ่งวินาทีนี้ กระบี่ชิงจู๋ที่เพิ่งสะเทือนออกไปหักเลี้ยวกลับมาอีกครั้งแล้ว กระบี่กวาดไปบนฝ่ามือของอ๋าวป้าย

แกร๊ง!

นี่คือเสียงปะทะกันของเหล็กทอง อ๋าวป้ายที่มีวิชาเทพปกป้องย่อมถูกระบบหักพลังชีวิตไปเพียงแต้มเดียวเท่านั้น ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็อาศัยพลังสะท้อนกลับลอยถอยหลังไปอยู่นอกระยะที่อ๋าวป้ายที่โดนมัดจะโจมตีไปถึงเช่นกัน

เมื่อชักกระบี่แล้วหมุนตัว เยี่ยเว่ยหมิงเห็นอ๋าวป้ายที่อยู่ตรงหน้าเริ่มมีสายตาจริงจังขึ้นมาแล้ว

อ๋าวป้ายคนนี้ไม่ว่าจะเป็นการโจมตี หรือค่าพลังชีวิต ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าอวี๋ชางไห่ในตอนแรกๆ เลย ทั้งยังมีพลังป้องกันอันน่าหวาดกลัวที่ต้านทานกระบี่ชิงจู๋ของเขาได้อีก เกรงว่าแม้แต่ศักยภาพโดยรวม ก็อาจจะไม่ได้ด้อยกว่าอวี๋ชางไห่ที่อยู่ในโหมดภารกิจด้วยซ้ำ

พอเป็นแบบนี้ เลเวลของอ๋าวป้ายที่ถูกกดให้เหลือเลเวลสามสิบห้า เกรงว่าสาเหตุหลักคงจะเป็นเพราะเขาถูกโซ่มัดไว้ ทำให้เคลื่อนไหวได้จำกัด สร้างภัยคุกคามใดๆ ต่อคนที่อยู่นอกระยะการโจมตีไม่ได้?

นอกจากสาเหตุนี้แล้ว ยังจะมีอะไรได้อีก

สวมชุดนักโทษทั้งตัว ไม่มีอาวุธไม่ใช่หรือ

กระบวนท่าก็เรียบง่าย ไม่ว่องไวมากพอ

สองสิ่งที่เรียกว่าเป็นข้อด้อยนี้ ล้วนถูกเติมเต็มด้วยร่างกายอันแข็งแกร่งดูจกระดูกเหล็กของเขาหมดแล้ว!

ในขณะนี้เอง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงต่อสู้ดังแว่วมา ได้ยินเสียงตะโกนดังมาแล้ว

เยี่ยเว่ยหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่อ๋าวป้ายกลับหัวเราะลั่น “ไอ้หนู ทหารผู้ช่วยของข้ามาแล้ว ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็จะโจมตีมาถึงที่นี่และช่วยข้าออกไป ถึงตอนนั้นข้าจะทำให้เจ้าทรมานจนอยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้!”

เมื่อเสียงของอ๋าวป้ายเงียบลง อินเตอร์เฟซภารกิจที่ระบบส่งให้เยี่ยเว่ยหมิงก็ปรากฏสัญลักษณ์นับถอยหลัง

[4:59!]

[ทหารฝ่ายศัตรูจะมาถึงสนามต่อสู้ภายในเวลาห้านาที]

หรือพูดได้อีกอย่างว่า ภารกิจนี้ให้เวลาฉันแค่ห้านาทีเองเหรอ

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วเลิกคิ้ว “หมายความว่า ข้าจะต้องรีบสังหารเจ้าทิ้งก่อนที่พวกเขาจะตามมาถึง”

“จะสังหารข้าให้ได้ภายในเวลาสั้นๆ นี้หรือ” อ๋าวป้ายได้ยินแล้วกลับแสยะยิ้ม “ร่างกายข้าเหมือนกระดูกเหล็กหนังทองแดง อาวุธฟันแทงไม่เข้า ต่อให้ให้เวลาเจ้าห้าชั่วยาม ก็ไม่แน่ว่าเจ้าจะทำอะไรข้าได้แม้แต่น้อย อยากจะสังหารข้าให้ตายภายในเวลาสั้นๆ อย่างนั้นหรือ ช่างน่าขำเสียจริง!”

เมื่อรู้สึกได้ว่าแขนขวาที่ใช้ต้านทานการโจมตีของอ๋าวป้ายต่อเนื่องสองครั้งก่อนหน้านี้ยังอยู่ในสถานะอ่อนแอ พลังและความเร็วที่ใช้ได้ลดลง เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่รีบร้อนดันทุรังโจมตีเช่นกัน เขาวิเคราะห์อย่างเชื่องช้าแทนว่า “ไม่ๆๆ ต่อให้ใส่เสื้อเหล็กก็ยังมีจุดอ่อนอยู่ดี”

อ๋าวป้ายยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ร่างกายคนมีจุดเลือดลมร้อยแปดจุด เจ้าอยากจะหาจุดอ่อนของข้าให้เจอภายในเวลาสั้นๆ จะทำได้ง่ายๆ หรือ”

เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ในจุดเลือดลมร้อยแปดจุดนั้นมีจุดเลือดลมตายสามสิบหกจุด แล้วในนั้นก็มีจุดเลือดลมใหญ่อีกห้าจุด ข้าเดาว่าจุดอ่อนของเจ้าต้องอยู่ตรงจุดไป่ฮุ่ย จุดไท่หยาง ลูกกระเดือก จุดทะลวงใจ จุดเซี่ยยิน อยู่ภายในจุดเลือดลมใหญ่ทั้งห้าจุดนี้แหละ ลองโจมตีดูสักหน่อยก็รู้แล้ว”

“เช่นนั้นก็มาลองเลยสิ”

“ไม่รีบหรอก” แม้จะมีการนับถอยหลังเร่งเวลา แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่รีบร้อนเลยสักนิด หลังจากรู้สึกได้ว่สภาพร่างกายฟื้นฟูกลับมาอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดแล้ว ก็ยกมือขวาขึ้นมาตรงหน้าอย่างช้าๆ “รอข้าคำนวณก่อนสักประเดี๋ยว”

……

“เจ้าเด็กเปรตนี่ มีอุบายชั่วร้ายอะไรกันแน่ ข้าจะฆ่าเจ้า อ๊ากๆๆๆๆๆ!”

เมื่อสัมผัสได้ถึงการกระตุ้นอย่างรุนแรงของ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ อ๋าวป้ายก็โผเข้าหาเยี่ยเว่ยหมิงราวกับเป็นบ้า แต่โซ่บนตัวกลับตรึงให้เขาอยู่นอกระยะโจมตี ไม่มีทางเข้าไปใกล้เยี่ยเว่ยหมิงได้แม้เพียงก้าวเดียว

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่สนใจเสียงร้องของอ๋าวป้ายเลย ขณะที่จดจ่ออยู่กับการคำนวณ ปากก็ยังพึมพำว่า “แปดหนึ่งแปด สามเก้ายี่สิบเจ็ด ห้าเจ็ดสามสิบห้า…”

หลังจากนั้นหนึ่งนาที ในที่สุดปากของเยี่ยเว่ยหมิงก็เผยรอยยิ้มของผู้ที่มั่นใจในชัยชนะ ตามด้วยแทงกระบี่ออกมาหนึ่งครั้ง แทงโดนจุดตันเถียนที่อยู่ใต้ท้องของอ๋าวป้ายสามชุ่น

อ๋าวป้ายเห็นดังนั้นก็แสยะยิ้มเหยียดหยาม แต่กลับต้อนรับโดยไม่หลบหลีก ประกบฝ่ามือสองข้าง แล้วใช้ท่าฝ่ามือคู่ฟาดหูโจมตีไปตรงจุดไท่หยางซ้ายขวาของเยี่ยเว่ยหมิง

การที่เขาทำอย่างนี้ ย่อมคิดจะอาศัยพลังป้องกันของตัวเองมาสู้ตายกับเยี่ยเว่ยหมิงอยู่แล้ว

ทว่าเยี่ยเว่ยหมิงที่คำนวณเสร็จแล้ว มีหรือที่จะตกหลุมพรางนี้ของเขา

เยี่ยเว่ยหมิงงอเท้าสองข้าง ขณะที่หลบสองฝ่ามือของอ๋าวป้ายได้อย่างหวุดหวิด กระบี่ชิงจู๋ในมือก็พุ่งไปข้างหน้าสามชุ่น

กระบี่นี้แทงทะลุกางเกงของอ๋าวป้ายแล้ว แต่กลับแทงไม่เข้าผิวของเขาเลยแม้แต่น้อย

เคล็ดจิตไท้ซัวเป็นไฉนที่ใช้ได้อย่างราบรื่นทุกครั้ง เหตุใดครั้งนี้จึงแทงพลาดเสียแล้ว

ในขณะที่กระบี่ยาวของเยี่ยเว่ยหมิงคว้าน้ำเหลว อ๋าวป้ายก็พลันหุบขาสองข้าง ไม่น่าเชื่อว่าจะหนีบกระบี่ชิงจู๋ของเยี่ยเว่ยหมิงเอาไว้ใต้หว่างขา ตอนนี้ขยับกระบี่ไม่ได้อีกแล้ว!

ใช้แค่ท่าเดียวก็ควบคุมกระบี่ยาวอันเป็นความภาคภูมิใจของเยี่ยเว่ยหมิงได้แล้ว บนใบหน้าอ๋าวป้ายเผยรอยยิ้มมากกว่า ขณะกำลังคิดจะทำสีหน้าโอ้อวดว่า ‘ร่างกายที่เหมือนเสื้อเหล็กของข้าไม่มีจุดอ่อน’ กลับพบว่ามือข้างหนึ่งของเยี่ยเว่ยหมิงยังจับด้ามกระบี่ชิงจู๋อย่างมั่นคงต่อไป แต่ร่างกายกลับนั่งยองๆ ลง และหมุนรอบตัวเขาอย่างปราดเปรียว

หลังจากนั้น ก็เห็นเยี่ยเว่ยหมิงพลิกข้อมือ ตะปูเจ็ดดาวเล่มหนึ่งที่ได้จากสำนักคุ้มภัยหลงเหมินและเคยใช้งานมาแล้วปรากฏอยู่ในมือเขา นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลางคีบตะปูเจ็ดดาวไว้แน่น ก่อนจะทิ่มไปบนจุดปลายกระดูกสันหลังของอ๋าวป้ายอย่างแรง

ตะปูเจ็ดดาว ท่าสังหารพันปี!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 92 ไม่รีบลงมือ ให้ข้าคำนวณก่อน

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 92 ไม่รีบลงมือ ให้ข้าคำนวณก่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 92 ไม่รีบลงมือ ให้ข้าคำนวณก่อน

ความคิดของเยี่ยเว่ยหมิงนั้นเรียบง่ายมาก ขอเพียงกำจัด NPC ที่ชื่ออ๋าวป้ายคนนี้ได้ ก็จะผ่านดันเจี้ยนนี้ได้แล้ว

ทว่า อ๋าวป้ายที่อยู่ในเกมคนนี้ ไม่ได้ฆ่าตายง่ายๆ ขนาดนั้น

เมื่อเห็นคมกระบี่จ่อมาอยู่ตรงหน้า ในดวงตาอ๋าวป้ายก็ไม่ได้เผยความหวาดกลัวใดๆ เลย กลับเผยเจตนาสังหารอันสุดสะพรึงออกมาด้วยซ้ำ!

ทว่าภายใต้เจตนาสังหารอันเข้มข้นนี้ เท้าของอ๋าวป้ายกลับถอยหลังต่อเนื่องหลายก้าว ถอยไปจนถึงริมกำแพงแล้ว

เยี่ยเว่ยหมิงรู้ว่าอ๋าวป้ายอยากจะล่อให้เขาเข้าสู่ขอบเขตการโจมตีของตัวเอง แต่เขากลับใช้ท่าหน้าบุปผาใต้แสงจันทร์อย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย ทั้งคนทั้งกระบี่ฟันลงไปกลางศีรษะของอ๋าวป้าย

เขาต้องการฆ่าอีกฝ่ายเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ หากต้องการฆ่าอีกฝ่ายให้ตายก็จะต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยงอันตราย ไม่มีอะไรต้องลังเล

สิ่งที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงคิดไม่ถึงก็คือ ตอนเผชิญหน้ากับกระบี่ที่ฟันลงมาบนศีรษะ อ๋าวป้ายไม่หลบไม่หลีก ปล่อยให้กระบี่ชิงจู๋ที่เหมือนแสงจันทร์ฟันลงมาบนยอดศีรษะของตัวเอง

ทว่า…

แกร๊ง!

กระบี่ล้ำค่าฟันไปบนยอดศีรษะของอ๋าวป้าย แต่กลับเหมือนฟันโดนเหล็กทอง ตามด้วยเสียงโลหะกระทบกันดังแสบแก้วหู ไม่น่าเชื่อว่ากระบี่ชิงจู๋คุณภาพทองคำจะฟันไม่เข้าหนังศีรษะของอ๋าวป้าย ตัดได้เพียงผมขาวจำนวนมากเท่านั้น แล้วกระบี่ก็ถูกพลังป้องกันของอีกฝ่ายดีดออกมา

-1

โจมตีครั้งเดียวก็เกิดพลังสะท้อนกลับมหาศาล ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงสะเทือนจนแขนชา เขาที่มีพละกำลังสองร้อยยี่สิบแปดแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าแทบจะจับกระบี่ยาวเอาไว้ไม่อยู่!

พลังป้องกันของเจ้าหมอนี่น่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้เชียวหรือ!

ตกลงว่ามันคือครอบระฆังทองหรือชุดเหล็กกันแน่

ไม่ให้เวลาเยี่ยเว่ยหมิงคิดมาก อ๋าวป้ายที่โดนกระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิงโจมตีไปหนึ่งที ไม่น่าเชื่อว่าจะฉวยโอกาสตอนที่กระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิงสะเทือนออกไปด้านข้าง ฟาดฝ่ามือมาตรงหน้าอกของเยี่ยเว่ยหมิงหนึ่งที

ถ้าปล่อยให้โดนฝ่ามือนี้ฟาดจริงๆ ด้วยพละกำลังอันแข็งแกร่งของอีกฝ่าย เกรงว่าเยี่ยเว่ยหมิงต่อให้ไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัส!

เพียงแต่ในเมื่อเยี่ยเว่ยหมิงกล้าปล่อยให้สองเท้ายกออกจากพื้น ใช้วิธีการนี้เสี่ยงใช้เข้าโจมตี ก็ย่อมต้องมีวิธีการป้องกันตัวอยู่แล้ว

ท่า ‘หน้าบุปผาใต้แสงจันทร์’ ในเคล็ดกระบี่ฉวนเจิน ที่จริงแล้วตอนบุกไปข้างหน้าจะเป็นท่าโจมตี ส่วนถอยหลังจะเป็นท่าป้องกัน หากเป็นเมื่อหลายวันก่อน เยี่ยเว่ยหมิงอาจจะเสียเปรียบเพราะฝ่ามือนี้ แต่หลังจากเขาเพิ่มระดับ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ให้เป็นเลเวลห้า ทำให้เขามีความมั่นใจที่จะรับมือกับการโจมตีอย่างนี้แล้ว

ขณะที่ตัวลอยอยู่กลางอากาศ เยี่ยเว่ยหมิงก็พลันเพิ่มปราณแท้ การเคลื่อนไหวที่เดิมทีบุกไปข้างหน้าช้าลงเล็กน้อย อาศัยช่วงเวลาสั้นๆ ที่ไม่ถึงศูนย์จุดหนึ่งวินาทีนี้ กระบี่ชิงจู๋ที่เพิ่งสะเทือนออกไปหักเลี้ยวกลับมาอีกครั้งแล้ว กระบี่กวาดไปบนฝ่ามือของอ๋าวป้าย

แกร๊ง!

นี่คือเสียงปะทะกันของเหล็กทอง อ๋าวป้ายที่มีวิชาเทพปกป้องย่อมถูกระบบหักพลังชีวิตไปเพียงแต้มเดียวเท่านั้น ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็อาศัยพลังสะท้อนกลับลอยถอยหลังไปอยู่นอกระยะที่อ๋าวป้ายที่โดนมัดจะโจมตีไปถึงเช่นกัน

เมื่อชักกระบี่แล้วหมุนตัว เยี่ยเว่ยหมิงเห็นอ๋าวป้ายที่อยู่ตรงหน้าเริ่มมีสายตาจริงจังขึ้นมาแล้ว

อ๋าวป้ายคนนี้ไม่ว่าจะเป็นการโจมตี หรือค่าพลังชีวิต ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าอวี๋ชางไห่ในตอนแรกๆ เลย ทั้งยังมีพลังป้องกันอันน่าหวาดกลัวที่ต้านทานกระบี่ชิงจู๋ของเขาได้อีก เกรงว่าแม้แต่ศักยภาพโดยรวม ก็อาจจะไม่ได้ด้อยกว่าอวี๋ชางไห่ที่อยู่ในโหมดภารกิจด้วยซ้ำ

พอเป็นแบบนี้ เลเวลของอ๋าวป้ายที่ถูกกดให้เหลือเลเวลสามสิบห้า เกรงว่าสาเหตุหลักคงจะเป็นเพราะเขาถูกโซ่มัดไว้ ทำให้เคลื่อนไหวได้จำกัด สร้างภัยคุกคามใดๆ ต่อคนที่อยู่นอกระยะการโจมตีไม่ได้?

นอกจากสาเหตุนี้แล้ว ยังจะมีอะไรได้อีก

สวมชุดนักโทษทั้งตัว ไม่มีอาวุธไม่ใช่หรือ

กระบวนท่าก็เรียบง่าย ไม่ว่องไวมากพอ

สองสิ่งที่เรียกว่าเป็นข้อด้อยนี้ ล้วนถูกเติมเต็มด้วยร่างกายอันแข็งแกร่งดูจกระดูกเหล็กของเขาหมดแล้ว!

ในขณะนี้เอง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงต่อสู้ดังแว่วมา ได้ยินเสียงตะโกนดังมาแล้ว

เยี่ยเว่ยหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่อ๋าวป้ายกลับหัวเราะลั่น “ไอ้หนู ทหารผู้ช่วยของข้ามาแล้ว ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็จะโจมตีมาถึงที่นี่และช่วยข้าออกไป ถึงตอนนั้นข้าจะทำให้เจ้าทรมานจนอยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้!”

เมื่อเสียงของอ๋าวป้ายเงียบลง อินเตอร์เฟซภารกิจที่ระบบส่งให้เยี่ยเว่ยหมิงก็ปรากฏสัญลักษณ์นับถอยหลัง

[4:59!]

[ทหารฝ่ายศัตรูจะมาถึงสนามต่อสู้ภายในเวลาห้านาที]

หรือพูดได้อีกอย่างว่า ภารกิจนี้ให้เวลาฉันแค่ห้านาทีเองเหรอ

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วเลิกคิ้ว “หมายความว่า ข้าจะต้องรีบสังหารเจ้าทิ้งก่อนที่พวกเขาจะตามมาถึง”

“จะสังหารข้าให้ได้ภายในเวลาสั้นๆ นี้หรือ” อ๋าวป้ายได้ยินแล้วกลับแสยะยิ้ม “ร่างกายข้าเหมือนกระดูกเหล็กหนังทองแดง อาวุธฟันแทงไม่เข้า ต่อให้ให้เวลาเจ้าห้าชั่วยาม ก็ไม่แน่ว่าเจ้าจะทำอะไรข้าได้แม้แต่น้อย อยากจะสังหารข้าให้ตายภายในเวลาสั้นๆ อย่างนั้นหรือ ช่างน่าขำเสียจริง!”

เมื่อรู้สึกได้ว่าแขนขวาที่ใช้ต้านทานการโจมตีของอ๋าวป้ายต่อเนื่องสองครั้งก่อนหน้านี้ยังอยู่ในสถานะอ่อนแอ พลังและความเร็วที่ใช้ได้ลดลง เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่รีบร้อนดันทุรังโจมตีเช่นกัน เขาวิเคราะห์อย่างเชื่องช้าแทนว่า “ไม่ๆๆ ต่อให้ใส่เสื้อเหล็กก็ยังมีจุดอ่อนอยู่ดี”

อ๋าวป้ายยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ร่างกายคนมีจุดเลือดลมร้อยแปดจุด เจ้าอยากจะหาจุดอ่อนของข้าให้เจอภายในเวลาสั้นๆ จะทำได้ง่ายๆ หรือ”

เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ในจุดเลือดลมร้อยแปดจุดนั้นมีจุดเลือดลมตายสามสิบหกจุด แล้วในนั้นก็มีจุดเลือดลมใหญ่อีกห้าจุด ข้าเดาว่าจุดอ่อนของเจ้าต้องอยู่ตรงจุดไป่ฮุ่ย จุดไท่หยาง ลูกกระเดือก จุดทะลวงใจ จุดเซี่ยยิน อยู่ภายในจุดเลือดลมใหญ่ทั้งห้าจุดนี้แหละ ลองโจมตีดูสักหน่อยก็รู้แล้ว”

“เช่นนั้นก็มาลองเลยสิ”

“ไม่รีบหรอก” แม้จะมีการนับถอยหลังเร่งเวลา แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่รีบร้อนเลยสักนิด หลังจากรู้สึกได้ว่สภาพร่างกายฟื้นฟูกลับมาอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดแล้ว ก็ยกมือขวาขึ้นมาตรงหน้าอย่างช้าๆ “รอข้าคำนวณก่อนสักประเดี๋ยว”

……

“เจ้าเด็กเปรตนี่ มีอุบายชั่วร้ายอะไรกันแน่ ข้าจะฆ่าเจ้า อ๊ากๆๆๆๆๆ!”

เมื่อสัมผัสได้ถึงการกระตุ้นอย่างรุนแรงของ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ อ๋าวป้ายก็โผเข้าหาเยี่ยเว่ยหมิงราวกับเป็นบ้า แต่โซ่บนตัวกลับตรึงให้เขาอยู่นอกระยะโจมตี ไม่มีทางเข้าไปใกล้เยี่ยเว่ยหมิงได้แม้เพียงก้าวเดียว

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่สนใจเสียงร้องของอ๋าวป้ายเลย ขณะที่จดจ่ออยู่กับการคำนวณ ปากก็ยังพึมพำว่า “แปดหนึ่งแปด สามเก้ายี่สิบเจ็ด ห้าเจ็ดสามสิบห้า…”

หลังจากนั้นหนึ่งนาที ในที่สุดปากของเยี่ยเว่ยหมิงก็เผยรอยยิ้มของผู้ที่มั่นใจในชัยชนะ ตามด้วยแทงกระบี่ออกมาหนึ่งครั้ง แทงโดนจุดตันเถียนที่อยู่ใต้ท้องของอ๋าวป้ายสามชุ่น

อ๋าวป้ายเห็นดังนั้นก็แสยะยิ้มเหยียดหยาม แต่กลับต้อนรับโดยไม่หลบหลีก ประกบฝ่ามือสองข้าง แล้วใช้ท่าฝ่ามือคู่ฟาดหูโจมตีไปตรงจุดไท่หยางซ้ายขวาของเยี่ยเว่ยหมิง

การที่เขาทำอย่างนี้ ย่อมคิดจะอาศัยพลังป้องกันของตัวเองมาสู้ตายกับเยี่ยเว่ยหมิงอยู่แล้ว

ทว่าเยี่ยเว่ยหมิงที่คำนวณเสร็จแล้ว มีหรือที่จะตกหลุมพรางนี้ของเขา

เยี่ยเว่ยหมิงงอเท้าสองข้าง ขณะที่หลบสองฝ่ามือของอ๋าวป้ายได้อย่างหวุดหวิด กระบี่ชิงจู๋ในมือก็พุ่งไปข้างหน้าสามชุ่น

กระบี่นี้แทงทะลุกางเกงของอ๋าวป้ายแล้ว แต่กลับแทงไม่เข้าผิวของเขาเลยแม้แต่น้อย

เคล็ดจิตไท้ซัวเป็นไฉนที่ใช้ได้อย่างราบรื่นทุกครั้ง เหตุใดครั้งนี้จึงแทงพลาดเสียแล้ว

ในขณะที่กระบี่ยาวของเยี่ยเว่ยหมิงคว้าน้ำเหลว อ๋าวป้ายก็พลันหุบขาสองข้าง ไม่น่าเชื่อว่าจะหนีบกระบี่ชิงจู๋ของเยี่ยเว่ยหมิงเอาไว้ใต้หว่างขา ตอนนี้ขยับกระบี่ไม่ได้อีกแล้ว!

ใช้แค่ท่าเดียวก็ควบคุมกระบี่ยาวอันเป็นความภาคภูมิใจของเยี่ยเว่ยหมิงได้แล้ว บนใบหน้าอ๋าวป้ายเผยรอยยิ้มมากกว่า ขณะกำลังคิดจะทำสีหน้าโอ้อวดว่า ‘ร่างกายที่เหมือนเสื้อเหล็กของข้าไม่มีจุดอ่อน’ กลับพบว่ามือข้างหนึ่งของเยี่ยเว่ยหมิงยังจับด้ามกระบี่ชิงจู๋อย่างมั่นคงต่อไป แต่ร่างกายกลับนั่งยองๆ ลง และหมุนรอบตัวเขาอย่างปราดเปรียว

หลังจากนั้น ก็เห็นเยี่ยเว่ยหมิงพลิกข้อมือ ตะปูเจ็ดดาวเล่มหนึ่งที่ได้จากสำนักคุ้มภัยหลงเหมินและเคยใช้งานมาแล้วปรากฏอยู่ในมือเขา นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลางคีบตะปูเจ็ดดาวไว้แน่น ก่อนจะทิ่มไปบนจุดปลายกระดูกสันหลังของอ๋าวป้ายอย่างแรง

ตะปูเจ็ดดาว ท่าสังหารพันปี!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+