ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 11 อู่ตัง อินปู้คุย

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 11 อู่ตัง อินปู้คุย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 11 อู่ตัง อินปู้คุย

ดูจากท่าทางผู้เล่นเส้าหลินสองคนนี้แล้ว เหมือนเตรียมจะเคลียร์สนามนะ!

สิ่งที่เรียกว่าเคลียร์สนาม ก็คือการที่กลุ่มผู้เล่นล้อมพื้นที่บริเวณหนึ่งเพื่ออัปเลเวล หรือไม่ก็ตี BOSS ทำภารกิจ อะไรประมาณนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีคนมาก่อกวน จะใช้วิธีการเจรจาก่อนใช้กำลัง ‘โน้มน้าว’ ผู้เล่นที่อยู่ใกล้บริเวณรอบๆ ออกไป

เรื่องแบบนี้เห็นบ่อยในเกมออนไลน์ ถึงขนาดเรียกได้ว่าไม่มีความรู้สึกแปลกใหม่เลยสักนิด

ถ้านี่คือการตี BOSS อยู่นอกป่าอะไรทำนองนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็ขี้คร้านจะเอาจริงเอาจังกับพวกเขา แต่ภารกิจนี้เกี่ยวข้องกับรางวัลภารกิจที่เป็นเคล็ดกระบี่ระดับกลาง ทั้งยังมีบทลงโทษภารกิจที่ทำให้คนยอมรับได้ยากอีก แล้วเขาจะ ‘หลีกทาง’ ให้ได้อย่างไร

หลังจากส่ายหน้าน้อยๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยักไหล่บอกว่า “ขออภัย ข้าก็มีภารกิจเหมือนกัน”

“เช่นนั้นก็ขออภัยแล้ว” ขณะที่พูด ผู้เล่นเส้าหลินหนึ่งในนั้นก็ควงกระบองยาวฟาดแสกหน้ามาทางเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว

วินาทีถัดไปที่ผู้เล่นเส้าหลินคนนี้ลงมือ ผู้เล่นเส้าหลินอีกคนที่อยู่ข้างกายเขาก็ตอบสนองรวดเร็วเช่นกัน ชิงก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว ชกหมัดไปที่หน้าอกเยี่ยเว่ยหมิง

สองคนนี้ร่วมมืออย่างรู้ใจกันมาก เป็นการเจรจาก่อนใช้กำลังจริงๆ ไม่ชักช้ายืดยาดเลยแม้แต่น้อย

ตามขอบเขตการตระหนักรู้ที่มาพร้อมกับการอัปเลเวลทักษะยุทธ์ เยี่ยเว่ยหมิงแทบจะตัดสินได้ทันทีที่ทั้งสองลงมือ ว่าเจ้าหัวโล้นสองคนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตัวเอง

แม้จะเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ถูกคนสองคนล้อมโจมตี แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อย ชักกระบี่หลงเฉวียนออกจากฝัก ตวัดใส่กระบองยาวของหลวงจีนฝั่งซ้ายที่เพิ่งฟาดเข้ามาพอดี

ได้ยินเสียง แกร๊ง! ดังชัดเจน กำลังภายในของหลวงจีนเส้าหลินด้อยกว่าเยี่ยเว่ยหมิง สะเทือนจนเซถอยหลังไปครึ่งก้าว ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็อาศัยแรงสะเทือนกลับของอาวุธที่กระทบกัน ชั่วพริบตาเดียวก็เพิ่มความเร็วของกระบี่ได้ถึงขีดสุด เขาพลิกมือกวาดไปทางข้อมือของผู้เล่นเส้าหลินคนที่ใช้หมัด นี่ก็คือ ‘ลมแฉลบหลิว’ หนึ่งในกระบวนท่าของเคล็ดกระบี่วีรสตรี

เห็นได้ชัดว่าผู้เล่นเส้าหลินที่ใช้หมัดนึกไม่ถึงว่าการโจมตีของเยี่ยเว่ยหมิงจะรวดเร็วขนาดนี้ อยากจะหลบแต่ก็หลบไม่ทัน บนแขนถูกกรีดเป็นรอยแผลลึกถึงกระดูกทันที จากนั้นตัวคนก็ยิ่งเก็บหมัดถอยออกไปอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

นี่ก็คือการตั้งค่าให้คล้ายคลึงมนุษย์ของเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ เพื่อปกป้องผู้เล่น ความรู้สึกเจ็บในเกมจะถูกปรับให้เล็กน้อยจนแทบไม่สังเกต แต่ตอนถูกโจมตี กลับไม่อาจหลีกเลี่ยงการตอบสนองตามธรรมชาติของร่างกายได้ ไม่อย่างนั้นผู้เล่นทุกคนก็จะทนดาเมจสู้กันเหมือนใช้สกิลร่างคลั่ง[1] แบบนั้นก็ไม่ค่อยเหมือนจอมยุทธ์คุณธรรมเท่าไรแล้ว

แน่นอน ถ้าคุณอยากจะเปิดใช้สกิลร่างคลั่ง ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้

ขอเพียงปรับความรู้สึกเจ็บให้ถึง 100% แล้วคุณทนความเจ็บปวดที่เหมือนการบาดเจ็บจริงเพื่อไปต่อสู้ได้ แม้แต่ระบบก็ยังต้องนับถือว่าคุณเป็นลูกผู้ชายตัวจริง

เห็นได้ชัดว่าผู้เล่นเส้าหลินที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้เป็นลูกผู้ชายเลือดเหล็กแบบนั้น ภายใต้ความรู้สึกเจ็บที่แทบจะเป็นศูนย์ ร่างถอยหลังตามสัญชาตญาณ ขณะเดียวกันมือขวาก็ตกอยู่ในสภาพไร้แรง ใช้กระบวนท่าอะไรไม่ได้ชั่วคราว

ตอนนี้ศิษย์เส้าหลินที่ใช้กระบองปรับสภาพของตัวเองแล้ว กระบองยาวในมือเปลี่ยนจากแทงเป็นเสย โจมตีไปที่หน้าอกของเยี่ยเว่ยหมิง

เยี่ยเว่ยหมิงเห็นดังนั้นก็ใช้กระบี่กดกลับอย่างไม่รีบร้อน กดไว้บนตัวกระบองของอีกฝ่ายพอดี ขณะที่ทำให้ทิศทางการโจมตีของอีกฝ่ายเบี่ยงเบนไป ก็ถือโอกาสผลักไปข้างหน้าหนึ่งครั้ง ใช้ท่า ‘เข็นเรือตามน้ำ’ ไถลตามตัวกระบองฟันไปยังสองมือของหลวงจีนที่กำลังถือกระบอง

ถ้าถูกเยี่ยเว่ยหมิงฟันโดน สองมือของหลวงจีนที่ถือกระบองจะต้องขาดทั้งยวงแน่นอน ถึงตอนนั้นศิษย์เส้าหลินที่ใช้กระบี่ก็จะพิจารณาได้ว่า จะฆ่าตัวตายเพื่อฟื้นชีพใหม่ให้ค่าพลังชีวิตเต็มดีหรือไม่

ในเกมนี้ความตายไม่ได้น่ากลัว แต่เมื่อตัวอยู่ในภารกิจ ความตายจะเป็นตัวตัดสินว่าภารกิจล้มเหลว เห็นได้ชัดว่าหลวงจีนที่ใช้กระบองไม่อยากจ่ายด้วยราคานี้ จึงปล่อยมือทิ้งระบองทันที ปลีกตัวถอยไปข้างหลังแล้ว

เยี่ยเว่ยหมิงแสดงจุดเด่นที่ปราดเปรียวและวิจิตรอ่อนช้อยของเคล็ดกระบี่วีรสตรีออกมาจนหมด ใช้แค่สองกระบวนท่าก็แทงแขนผู้เล่นเส้าหลินบาดเจ็บคนหนึ่ง ส่วนอีกคนก็อาวุธหลุดมือแล้ว

เห็นได้ชัดว่าหลวงจีนถือกระบองไม่ได้ฝึกวิชากระบองเป็นหลัก จะได้ทักษะหมัดมวยหรือเปล่าก็ยังก้ำกึ่งอยู่เลย ถ้าเป็นแค่การสู้แบบหนึ่งต่อสอง ตอนนี้ขอแค่เขาบุกไปข้างหน้าอีกสักก้าว แค่ท่า ‘ไซซีกุมดวงใจ’ ก็ทำให้อีกฝ่ายแม้จะไม่ตายแต่ก็หนังถลอกหนึ่งชั้นได้

ทว่าคู่ต่อสู้ของเขาไม่ได้มีแค่สองคนนี้ ตอนที่เขาเอาชนะผู้เล่นเส้าหลินได้สองคนต่อเนื่องกัน ก็มีศิษย์เส้าหลินสี่คนล้อมมาทางเขาแล้ว ถ้าเขายังโจมตีต่อไป จะต้องตกอยู่ในวงล้อมโจมตีของสี่คนนี้แน่นอน

หนึ่งต่อสี่ เยี่ยเว่ยหมิงไม่มีความมั่นใจว่าจะชนะ ถึงขนาดว่าถ้ามีหนึ่งในสี่คนนี้เป็นผู้เล่นที่ร้ายกาจ ก็มีความเป็นไปได้สูงมากว่าเขาอาจจะตกอยู่ในวิกฤติ

ชั่วพริบตาเดียวเขาก็เข้าใจกุญแจสำคัญทันที เยี่ยเว่ยหมิงเก็บกระบี่และถอยหลังอย่างไม่ลังเล เท้าก็ใช้ท่าร่าง ‘แปดก้าวไล่ทันคางคก’ พอเสียง ฟิ้ว! ดังสองครั้ง ก็ดึงระยะห่างออกจากอีกฝ่ายแล้ว ไปหยุดอยู่ตรงจุดที่ห่างจากค่ายทัพของผู้เล่นอู่ตังห้าเมตร

สถานการณ์ในสนามตอนนี้ก็คือ พระเยอะนักพรตเต๋าน้อย ไม่ว่าจะเป็น NPC หรือผู้เล่นก็ตาม

สถานการณ์ฝั่ง NPC ยังดีหน่อย พอเปิดใช้โหมดถืออาวุธคู่ก็จะทำให้ฝีมือร้ายกาจ ต่อให้เป็นหนึ่งสู้เจ็ดก็ไม่ได้ด้อยกว่าแม้แต่น้อย แต่ทางฝั่งผู้เล่นทำอย่างนั้นไม่ได้ ทุกคนล้วนเป็นมือใหม่ที่เพิ่งกราบอาจารย์เข้าสำนัก ความสามารถแตกต่างกับอีกฝ่ายมาก จำนวนคนมากกว่ามักจะแสดงถึงความได้เปรียบโดยสมบูรณ์

จำนวนคนของสองฝ่ายเมื่อเทียบกันแล้วเป็นเจ็ดต่อสิบสาม!

เพราะด้วยเหตุนี้เอง ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงปรากฏตัวกะทันหัน คนที่มาเคลียร์สนามก็คือผู้เล่นเส้าหลิน

เช่นเดียวกัน ฝั่งผู้เล่นอู่ตังที่ตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ จะกลายเป็นพันธมิตรกันง่ายกว่า

รวดเร็วเหมือนกระต่ายโผล่เหยี่ยวโฉบ การแสดงฝีมือของเยี่ยเว่ยหมิงเรียกได้ว่าทำให้ตื่นตาทั้งสนาม ชั่วขณะนั้นสายตาของผู้เล่นสำนักเส้าหลินและสำนักอู่ตังล้วนจับจ้องไปบนตัวเด็กหนุ่มที่สวมเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ทางการ ถึงขนาดทำให้การต่อสู้ระหว่างกันหยุดชะงักไปชั่วคราว

“สหายท่านนี้” ผู้ที่เอ่ยปากก่อนก็คือหนึ่งในศิษย์สำนักอู่ตังที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้า เขาพุ่งเข้ามากุมหมัดคารวะเยี่ยเว่ยหมิงก่อน ตามด้วยถามว่า “ผู้น้อยอินปู้คุยจากอู่ตัง เมื่อครู่เพิ่งได้ยินเจ้าคุยกับพระสองรูปนั้น อย่าบอกนะว่าสหายก็มาที่นี่เพื่อสืบความจริงด้วยเหมือนกัน?”

ศิษย์สำนักอู่ตังที่ชื่ออินปู้คุยคนนี้ดูขาวเกลี้ยงเกลา ทั้งยังหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ให้ความรู้สึกว่าน่าเข้าใกล้โดยธรรมชาติ อีกทั้งวิธีการพูดของเขาก็มีชั้นเชิงมาก แค่ใช้คำง่ายๆ ว่า ‘ด้วยเหมือนกัน’ ก็ดึงให้ยอดฝีมือที่ปรากฏตัวกะทันหันอย่างเยี่ยเว่ยหมิงเข้ามาในแนวรบเดียวเดียวกับตัวเองแล้ว

“สหายเว่ยหมิง!” ตอนนี้ จู่ๆ ในฝั่งผู้เล่นเส้าหลินกลับมีหลวงจีนหน้าเหลี่ยมรูปหนึ่งเดินออกมาเป็นฝ่ายทักทายเยี่ยเว่ยหมิงก่อนด้วยใบหน้าเจือรอยยิ้ม ราวกับไม่ถือสาเรื่องที่เขาเอาชนะสองคนก่อนหน้านี้ “นึกไม่ถึงว่าจะได้พบกันอีกเร็วขนาดนี้ แถมความสามารถของสหายเว่ยหมิงก็เพิ่มขึ้นเร็วขนาดนี้ด้วย”

“ก่อนหน้านี้เห็นระบบประกาศว่าเจ้าฆ่า BOSS เลเวลยี่สิบห้าสำเร็จ ข้าเกือบนึกว่าตัวเองอ่านผิดไปเสียแล้ว ก่อนหน้านี้เจ้ายังเอาแต่บ่นว่าสำนักลับจอมหลอกลวงอยู่เลย ดูท่าแล้ว เจ้าคงได้ตักตวงผลประโยชน์แต่กลับไม่ซึ้งน้ำใจเลยแม้แต่น้อย”

เมื่อได้ยินว่าเยี่ยเว่ยหมิงสังหาร BOSS เลเวลยี่สิบห้าได้ อินปู้คุยที่อยู่อีกฝั่งก็ตาเป็นประกายทันที จากนั้นก็เริ่มกังวล เจ้าหนุ่มที่สามารถฆ่า BOSS เลเวลยี่สิบห้าได้ ไม่ว่าจะร่วมทีมกับกี่คน ก็เรียกได้ว่ามีความสามารถไม่ธรรมดา

สิ่งเดียวที่ต้องกังวลตอนนี้ก็คือ จุดยืนของเขา และฟังจากที่หลวงจีนรูปนั้นเรียกเขา…

อันที่จริง ก่อนหน้านี้แม้เยี่ยเว่ยหมิงจะเคยออกทีวีเพราะฆ่าโฉวป้าได้ แต่ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ก็มีผู้เล่นออนไลน์พร้อมกันจำนวนหนึ่งล้านคน คนเก่งที่ออกทีวีได้มีถมเถไป ตั้งแต่เปิดเกมมาจนถึงตอนนี้ ประกาศของระบบก็รีเฟรชไปไม่รู้ตั้งกี่ร้อยรอบแล้ว ใครจะมีกะจิตกะใจมาจดจำชื่อมากมายขนาดนั้นทั้งหมดได้

และสาเหตุที่ผู้เล่นเส้าหลินคนนั้นจำได้ ก็เพราะเขากับเยี่ยเว่ยหมิงรู้จักกันมาก่อนก็เท่านั้นเอง

ทว่าอีกฝ่ายรู้จักเยี่ยเว่ยหมิง แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับนึกไม่ออกไปชั่วขณะว่าหลวงจีนที่อยู่ตรงหน้านี้คือพี่ชายที่เคารพท่านไหนกันแน่ หลังจากพยายามแยกแยะหน้าตาของอีกฝ่ายอย่างละเอียดครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เข้าใจอย่างฉับพลัน “ท่านคือบะหมี่หมั่นโถว?”

หมั่นโถวคนนี้ก็คือผู้เล่นที่เยี่ยเว่ยหมิงรู้จักที่หมู่บ้านมือใหม่ เคยตั้งทีมตีมอนด้วยกัน บะหมี่หมั่นโถวเป็นหัวหน้าทีม ภาพพจน์ที่ติดอยู่ในความทรงจำเยี่ยเว่ยหมิงก็คือเขาเป็นคนช่างพูดช่างเจรจา ตอนนั้นในทีมมีทั้งหมดห้าคน ส่วนอีกสี่คนที่เหลือกลายเป็น นาย ก. นาย ข. นาย ค. นาย ง. ในความทรงจำเยี่ยเว่ยหมิงไปแล้ว มีแค่คุณหมั่นโถวที่เป็นฝ่ายมาขอเพิ่มเพื่อนเขาก่อนที่ทำให้เขาพอจำได้บ้าง

หลังจากเข้าสำนักแล้ว มีเพื่อนคนหนึ่งบอกเยี่ยเว่ยหมิงว่าสำนักเส้าหลินมีเจ็ดสิบสองสุดยอดทักษะ เพื่อนคนนั้นก็คือคนที่อยู่ตรงหน้านี้เอง

นึกไม่ถึงว่าเพิ่งจบการศึกษาจากหมู่บ้านมือใหม่ได้ไม่นาน ทั้งสองก็บังเอิญมาพบกันอีกในระหว่างทำภารกิจแล้ว

เพียงแต่จุดยืนของทั้งคู่ทำให้รู้สึกอึดอัดนิดหน่อย…

[1] 霸体 ร่างคลั่ง หรือสกิล Endure เมื่อถูกโจมตี แม้จะได้รับดาเมจ แต่ตัวละครจะไม่ถูกควบคุม จะไม่กระตุก ถอยหลังหรือเคลื่อนไหวช้าลง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 11 อู่ตัง อินปู้คุย

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 11 อู่ตัง อินปู้คุย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 11 อู่ตัง อินปู้คุย

ดูจากท่าทางผู้เล่นเส้าหลินสองคนนี้แล้ว เหมือนเตรียมจะเคลียร์สนามนะ!

สิ่งที่เรียกว่าเคลียร์สนาม ก็คือการที่กลุ่มผู้เล่นล้อมพื้นที่บริเวณหนึ่งเพื่ออัปเลเวล หรือไม่ก็ตี BOSS ทำภารกิจ อะไรประมาณนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีคนมาก่อกวน จะใช้วิธีการเจรจาก่อนใช้กำลัง ‘โน้มน้าว’ ผู้เล่นที่อยู่ใกล้บริเวณรอบๆ ออกไป

เรื่องแบบนี้เห็นบ่อยในเกมออนไลน์ ถึงขนาดเรียกได้ว่าไม่มีความรู้สึกแปลกใหม่เลยสักนิด

ถ้านี่คือการตี BOSS อยู่นอกป่าอะไรทำนองนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็ขี้คร้านจะเอาจริงเอาจังกับพวกเขา แต่ภารกิจนี้เกี่ยวข้องกับรางวัลภารกิจที่เป็นเคล็ดกระบี่ระดับกลาง ทั้งยังมีบทลงโทษภารกิจที่ทำให้คนยอมรับได้ยากอีก แล้วเขาจะ ‘หลีกทาง’ ให้ได้อย่างไร

หลังจากส่ายหน้าน้อยๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยักไหล่บอกว่า “ขออภัย ข้าก็มีภารกิจเหมือนกัน”

“เช่นนั้นก็ขออภัยแล้ว” ขณะที่พูด ผู้เล่นเส้าหลินหนึ่งในนั้นก็ควงกระบองยาวฟาดแสกหน้ามาทางเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว

วินาทีถัดไปที่ผู้เล่นเส้าหลินคนนี้ลงมือ ผู้เล่นเส้าหลินอีกคนที่อยู่ข้างกายเขาก็ตอบสนองรวดเร็วเช่นกัน ชิงก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว ชกหมัดไปที่หน้าอกเยี่ยเว่ยหมิง

สองคนนี้ร่วมมืออย่างรู้ใจกันมาก เป็นการเจรจาก่อนใช้กำลังจริงๆ ไม่ชักช้ายืดยาดเลยแม้แต่น้อย

ตามขอบเขตการตระหนักรู้ที่มาพร้อมกับการอัปเลเวลทักษะยุทธ์ เยี่ยเว่ยหมิงแทบจะตัดสินได้ทันทีที่ทั้งสองลงมือ ว่าเจ้าหัวโล้นสองคนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตัวเอง

แม้จะเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ถูกคนสองคนล้อมโจมตี แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อย ชักกระบี่หลงเฉวียนออกจากฝัก ตวัดใส่กระบองยาวของหลวงจีนฝั่งซ้ายที่เพิ่งฟาดเข้ามาพอดี

ได้ยินเสียง แกร๊ง! ดังชัดเจน กำลังภายในของหลวงจีนเส้าหลินด้อยกว่าเยี่ยเว่ยหมิง สะเทือนจนเซถอยหลังไปครึ่งก้าว ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็อาศัยแรงสะเทือนกลับของอาวุธที่กระทบกัน ชั่วพริบตาเดียวก็เพิ่มความเร็วของกระบี่ได้ถึงขีดสุด เขาพลิกมือกวาดไปทางข้อมือของผู้เล่นเส้าหลินคนที่ใช้หมัด นี่ก็คือ ‘ลมแฉลบหลิว’ หนึ่งในกระบวนท่าของเคล็ดกระบี่วีรสตรี

เห็นได้ชัดว่าผู้เล่นเส้าหลินที่ใช้หมัดนึกไม่ถึงว่าการโจมตีของเยี่ยเว่ยหมิงจะรวดเร็วขนาดนี้ อยากจะหลบแต่ก็หลบไม่ทัน บนแขนถูกกรีดเป็นรอยแผลลึกถึงกระดูกทันที จากนั้นตัวคนก็ยิ่งเก็บหมัดถอยออกไปอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

นี่ก็คือการตั้งค่าให้คล้ายคลึงมนุษย์ของเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ เพื่อปกป้องผู้เล่น ความรู้สึกเจ็บในเกมจะถูกปรับให้เล็กน้อยจนแทบไม่สังเกต แต่ตอนถูกโจมตี กลับไม่อาจหลีกเลี่ยงการตอบสนองตามธรรมชาติของร่างกายได้ ไม่อย่างนั้นผู้เล่นทุกคนก็จะทนดาเมจสู้กันเหมือนใช้สกิลร่างคลั่ง[1] แบบนั้นก็ไม่ค่อยเหมือนจอมยุทธ์คุณธรรมเท่าไรแล้ว

แน่นอน ถ้าคุณอยากจะเปิดใช้สกิลร่างคลั่ง ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้

ขอเพียงปรับความรู้สึกเจ็บให้ถึง 100% แล้วคุณทนความเจ็บปวดที่เหมือนการบาดเจ็บจริงเพื่อไปต่อสู้ได้ แม้แต่ระบบก็ยังต้องนับถือว่าคุณเป็นลูกผู้ชายตัวจริง

เห็นได้ชัดว่าผู้เล่นเส้าหลินที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้เป็นลูกผู้ชายเลือดเหล็กแบบนั้น ภายใต้ความรู้สึกเจ็บที่แทบจะเป็นศูนย์ ร่างถอยหลังตามสัญชาตญาณ ขณะเดียวกันมือขวาก็ตกอยู่ในสภาพไร้แรง ใช้กระบวนท่าอะไรไม่ได้ชั่วคราว

ตอนนี้ศิษย์เส้าหลินที่ใช้กระบองปรับสภาพของตัวเองแล้ว กระบองยาวในมือเปลี่ยนจากแทงเป็นเสย โจมตีไปที่หน้าอกของเยี่ยเว่ยหมิง

เยี่ยเว่ยหมิงเห็นดังนั้นก็ใช้กระบี่กดกลับอย่างไม่รีบร้อน กดไว้บนตัวกระบองของอีกฝ่ายพอดี ขณะที่ทำให้ทิศทางการโจมตีของอีกฝ่ายเบี่ยงเบนไป ก็ถือโอกาสผลักไปข้างหน้าหนึ่งครั้ง ใช้ท่า ‘เข็นเรือตามน้ำ’ ไถลตามตัวกระบองฟันไปยังสองมือของหลวงจีนที่กำลังถือกระบอง

ถ้าถูกเยี่ยเว่ยหมิงฟันโดน สองมือของหลวงจีนที่ถือกระบองจะต้องขาดทั้งยวงแน่นอน ถึงตอนนั้นศิษย์เส้าหลินที่ใช้กระบี่ก็จะพิจารณาได้ว่า จะฆ่าตัวตายเพื่อฟื้นชีพใหม่ให้ค่าพลังชีวิตเต็มดีหรือไม่

ในเกมนี้ความตายไม่ได้น่ากลัว แต่เมื่อตัวอยู่ในภารกิจ ความตายจะเป็นตัวตัดสินว่าภารกิจล้มเหลว เห็นได้ชัดว่าหลวงจีนที่ใช้กระบองไม่อยากจ่ายด้วยราคานี้ จึงปล่อยมือทิ้งระบองทันที ปลีกตัวถอยไปข้างหลังแล้ว

เยี่ยเว่ยหมิงแสดงจุดเด่นที่ปราดเปรียวและวิจิตรอ่อนช้อยของเคล็ดกระบี่วีรสตรีออกมาจนหมด ใช้แค่สองกระบวนท่าก็แทงแขนผู้เล่นเส้าหลินบาดเจ็บคนหนึ่ง ส่วนอีกคนก็อาวุธหลุดมือแล้ว

เห็นได้ชัดว่าหลวงจีนถือกระบองไม่ได้ฝึกวิชากระบองเป็นหลัก จะได้ทักษะหมัดมวยหรือเปล่าก็ยังก้ำกึ่งอยู่เลย ถ้าเป็นแค่การสู้แบบหนึ่งต่อสอง ตอนนี้ขอแค่เขาบุกไปข้างหน้าอีกสักก้าว แค่ท่า ‘ไซซีกุมดวงใจ’ ก็ทำให้อีกฝ่ายแม้จะไม่ตายแต่ก็หนังถลอกหนึ่งชั้นได้

ทว่าคู่ต่อสู้ของเขาไม่ได้มีแค่สองคนนี้ ตอนที่เขาเอาชนะผู้เล่นเส้าหลินได้สองคนต่อเนื่องกัน ก็มีศิษย์เส้าหลินสี่คนล้อมมาทางเขาแล้ว ถ้าเขายังโจมตีต่อไป จะต้องตกอยู่ในวงล้อมโจมตีของสี่คนนี้แน่นอน

หนึ่งต่อสี่ เยี่ยเว่ยหมิงไม่มีความมั่นใจว่าจะชนะ ถึงขนาดว่าถ้ามีหนึ่งในสี่คนนี้เป็นผู้เล่นที่ร้ายกาจ ก็มีความเป็นไปได้สูงมากว่าเขาอาจจะตกอยู่ในวิกฤติ

ชั่วพริบตาเดียวเขาก็เข้าใจกุญแจสำคัญทันที เยี่ยเว่ยหมิงเก็บกระบี่และถอยหลังอย่างไม่ลังเล เท้าก็ใช้ท่าร่าง ‘แปดก้าวไล่ทันคางคก’ พอเสียง ฟิ้ว! ดังสองครั้ง ก็ดึงระยะห่างออกจากอีกฝ่ายแล้ว ไปหยุดอยู่ตรงจุดที่ห่างจากค่ายทัพของผู้เล่นอู่ตังห้าเมตร

สถานการณ์ในสนามตอนนี้ก็คือ พระเยอะนักพรตเต๋าน้อย ไม่ว่าจะเป็น NPC หรือผู้เล่นก็ตาม

สถานการณ์ฝั่ง NPC ยังดีหน่อย พอเปิดใช้โหมดถืออาวุธคู่ก็จะทำให้ฝีมือร้ายกาจ ต่อให้เป็นหนึ่งสู้เจ็ดก็ไม่ได้ด้อยกว่าแม้แต่น้อย แต่ทางฝั่งผู้เล่นทำอย่างนั้นไม่ได้ ทุกคนล้วนเป็นมือใหม่ที่เพิ่งกราบอาจารย์เข้าสำนัก ความสามารถแตกต่างกับอีกฝ่ายมาก จำนวนคนมากกว่ามักจะแสดงถึงความได้เปรียบโดยสมบูรณ์

จำนวนคนของสองฝ่ายเมื่อเทียบกันแล้วเป็นเจ็ดต่อสิบสาม!

เพราะด้วยเหตุนี้เอง ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงปรากฏตัวกะทันหัน คนที่มาเคลียร์สนามก็คือผู้เล่นเส้าหลิน

เช่นเดียวกัน ฝั่งผู้เล่นอู่ตังที่ตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ จะกลายเป็นพันธมิตรกันง่ายกว่า

รวดเร็วเหมือนกระต่ายโผล่เหยี่ยวโฉบ การแสดงฝีมือของเยี่ยเว่ยหมิงเรียกได้ว่าทำให้ตื่นตาทั้งสนาม ชั่วขณะนั้นสายตาของผู้เล่นสำนักเส้าหลินและสำนักอู่ตังล้วนจับจ้องไปบนตัวเด็กหนุ่มที่สวมเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ทางการ ถึงขนาดทำให้การต่อสู้ระหว่างกันหยุดชะงักไปชั่วคราว

“สหายท่านนี้” ผู้ที่เอ่ยปากก่อนก็คือหนึ่งในศิษย์สำนักอู่ตังที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้า เขาพุ่งเข้ามากุมหมัดคารวะเยี่ยเว่ยหมิงก่อน ตามด้วยถามว่า “ผู้น้อยอินปู้คุยจากอู่ตัง เมื่อครู่เพิ่งได้ยินเจ้าคุยกับพระสองรูปนั้น อย่าบอกนะว่าสหายก็มาที่นี่เพื่อสืบความจริงด้วยเหมือนกัน?”

ศิษย์สำนักอู่ตังที่ชื่ออินปู้คุยคนนี้ดูขาวเกลี้ยงเกลา ทั้งยังหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ให้ความรู้สึกว่าน่าเข้าใกล้โดยธรรมชาติ อีกทั้งวิธีการพูดของเขาก็มีชั้นเชิงมาก แค่ใช้คำง่ายๆ ว่า ‘ด้วยเหมือนกัน’ ก็ดึงให้ยอดฝีมือที่ปรากฏตัวกะทันหันอย่างเยี่ยเว่ยหมิงเข้ามาในแนวรบเดียวเดียวกับตัวเองแล้ว

“สหายเว่ยหมิง!” ตอนนี้ จู่ๆ ในฝั่งผู้เล่นเส้าหลินกลับมีหลวงจีนหน้าเหลี่ยมรูปหนึ่งเดินออกมาเป็นฝ่ายทักทายเยี่ยเว่ยหมิงก่อนด้วยใบหน้าเจือรอยยิ้ม ราวกับไม่ถือสาเรื่องที่เขาเอาชนะสองคนก่อนหน้านี้ “นึกไม่ถึงว่าจะได้พบกันอีกเร็วขนาดนี้ แถมความสามารถของสหายเว่ยหมิงก็เพิ่มขึ้นเร็วขนาดนี้ด้วย”

“ก่อนหน้านี้เห็นระบบประกาศว่าเจ้าฆ่า BOSS เลเวลยี่สิบห้าสำเร็จ ข้าเกือบนึกว่าตัวเองอ่านผิดไปเสียแล้ว ก่อนหน้านี้เจ้ายังเอาแต่บ่นว่าสำนักลับจอมหลอกลวงอยู่เลย ดูท่าแล้ว เจ้าคงได้ตักตวงผลประโยชน์แต่กลับไม่ซึ้งน้ำใจเลยแม้แต่น้อย”

เมื่อได้ยินว่าเยี่ยเว่ยหมิงสังหาร BOSS เลเวลยี่สิบห้าได้ อินปู้คุยที่อยู่อีกฝั่งก็ตาเป็นประกายทันที จากนั้นก็เริ่มกังวล เจ้าหนุ่มที่สามารถฆ่า BOSS เลเวลยี่สิบห้าได้ ไม่ว่าจะร่วมทีมกับกี่คน ก็เรียกได้ว่ามีความสามารถไม่ธรรมดา

สิ่งเดียวที่ต้องกังวลตอนนี้ก็คือ จุดยืนของเขา และฟังจากที่หลวงจีนรูปนั้นเรียกเขา…

อันที่จริง ก่อนหน้านี้แม้เยี่ยเว่ยหมิงจะเคยออกทีวีเพราะฆ่าโฉวป้าได้ แต่ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ก็มีผู้เล่นออนไลน์พร้อมกันจำนวนหนึ่งล้านคน คนเก่งที่ออกทีวีได้มีถมเถไป ตั้งแต่เปิดเกมมาจนถึงตอนนี้ ประกาศของระบบก็รีเฟรชไปไม่รู้ตั้งกี่ร้อยรอบแล้ว ใครจะมีกะจิตกะใจมาจดจำชื่อมากมายขนาดนั้นทั้งหมดได้

และสาเหตุที่ผู้เล่นเส้าหลินคนนั้นจำได้ ก็เพราะเขากับเยี่ยเว่ยหมิงรู้จักกันมาก่อนก็เท่านั้นเอง

ทว่าอีกฝ่ายรู้จักเยี่ยเว่ยหมิง แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับนึกไม่ออกไปชั่วขณะว่าหลวงจีนที่อยู่ตรงหน้านี้คือพี่ชายที่เคารพท่านไหนกันแน่ หลังจากพยายามแยกแยะหน้าตาของอีกฝ่ายอย่างละเอียดครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เข้าใจอย่างฉับพลัน “ท่านคือบะหมี่หมั่นโถว?”

หมั่นโถวคนนี้ก็คือผู้เล่นที่เยี่ยเว่ยหมิงรู้จักที่หมู่บ้านมือใหม่ เคยตั้งทีมตีมอนด้วยกัน บะหมี่หมั่นโถวเป็นหัวหน้าทีม ภาพพจน์ที่ติดอยู่ในความทรงจำเยี่ยเว่ยหมิงก็คือเขาเป็นคนช่างพูดช่างเจรจา ตอนนั้นในทีมมีทั้งหมดห้าคน ส่วนอีกสี่คนที่เหลือกลายเป็น นาย ก. นาย ข. นาย ค. นาย ง. ในความทรงจำเยี่ยเว่ยหมิงไปแล้ว มีแค่คุณหมั่นโถวที่เป็นฝ่ายมาขอเพิ่มเพื่อนเขาก่อนที่ทำให้เขาพอจำได้บ้าง

หลังจากเข้าสำนักแล้ว มีเพื่อนคนหนึ่งบอกเยี่ยเว่ยหมิงว่าสำนักเส้าหลินมีเจ็ดสิบสองสุดยอดทักษะ เพื่อนคนนั้นก็คือคนที่อยู่ตรงหน้านี้เอง

นึกไม่ถึงว่าเพิ่งจบการศึกษาจากหมู่บ้านมือใหม่ได้ไม่นาน ทั้งสองก็บังเอิญมาพบกันอีกในระหว่างทำภารกิจแล้ว

เพียงแต่จุดยืนของทั้งคู่ทำให้รู้สึกอึดอัดนิดหน่อย…

[1] 霸体 ร่างคลั่ง หรือสกิล Endure เมื่อถูกโจมตี แม้จะได้รับดาเมจ แต่ตัวละครจะไม่ถูกควบคุม จะไม่กระตุก ถอยหลังหรือเคลื่อนไหวช้าลง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+