ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 128 การคาดเดาของเฟยอวี๋

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 128 การคาดเดาของเฟยอวี๋ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อเข้ามาในห้องลับแล้ว ทั้งสามก็พบว่าการตกแต่งภายในค่อนข้างพิถีพิถัน มีเตียงนอน ชุดเครื่องนอน โต๊ะและเก้าอี้ ถึงขั้นมีเครื่องเรือนมากมายหลายแบบ แม้แต่การระบายอากาศก็ทำไว้ดีมาก ไม่ต่างจากห้องนอนขนาดกลางห้องหนึ่งเลย

หากจะพูดถึงข้อเสียเพียงอย่างเดียว ก็คงเป็นจุดที่ไม่มีแหล่งกำเนิดแสง

อย่างไรเสียก็เป็นห้องลับ

หากเปิดหน้าต่างอีกสองบาน เช่นนั้นก็ไม่ค่อยเหมือนห้องลับแล้ว

อาศัยแสงแดดที่ส่องเข้ามาจากทางเข้า เยี่ยเว่ยหมิงหาเชิงเทียนในห้องจนพบ เขานำตะบันไฟจากห่อสัมภาระออกมาจุดเทียน ทำให้ห้องนี้สว่างวาบขึ้นในคราเดียว

“ไม่ถูกสิ!” หลังจากกวาดสายตามองในห้องลับรอบหนึ่ง ซานเย่ว์ก็ขมวดคิ้ว “ก่อนหน้านี้ข้ายืนยันจากสีหน้าของชวีหลิงเฟิงแล้ว ของที่เขาขโมยมาพวกนั้นซ่อนอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งนี้แน่นอน ไม่มีทางผิดพลาด แต่เครื่องเรือนในห้องลับนี้เรียบง่ายมาก ไม่มีจุดไหนที่ดูเหมือนซ่อนของได้เลย”

ตอนนี้เอง เยี่ยเว่ยหมิงเดินมาถึงหน้าโต๊ะตัวหนึ่งที่อยู่ติดผนัง

โต๊ะยาวตัวนี้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า จัดเป็นโต๊ะยาวแบบพิเศษที่ใช้เพื่อวางเครื่องประดับสะสมขนาดเล็กโดยเฉพาะ บนนั้นวางกระบี่วิเศษพร้อมฝักไว้เล่มหนึ่งอย่างเรียบร้อย

เยี่ยเว่ยหมิงใช้นิ้ววาดผ่านฝักกระบี่อย่างเชื่องช้า จากนั้นก็ยื่นมือไปคว้าไว้ แต่กลับหยิบขึ้นมาไม่ได้

นึกไม่ถึงว่ากระบี่วิเศษเล่มนี้จะเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกับโต๊ะยาว!

การกระทำอันแปลกประหลาดของเขาดึงดูดสายตาของซานเย่ว์และสะพานสวรรค์น้อยพร้อมกันแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เขาพูดอะไร สองสาวก็เดาออกว่าเขาต้องใช้ทักษะอักษร ‘ฟ้า’ ของสำนักมือปราบเทพจนพบว่ากระบี่เล่มนี้มีปัญหาแน่นอน

ในตอนนี้เอง มือขวาของเยี่ยเว่ยหมิงก็กำด้ามกระบี่ไว้ แล้วดึงกระบี่วิเศษออกมาด้านนอกเบาๆ

ชิ้ง!

กระบี่วิเศษเคลื่อนออกจากฝัก แสงสะท้อนจากคมกระบี่พลันสาดส่องให้ทั้งห้องสว่างวาบ

ทว่าเยี่ยเว่ยหมิงไม่ทันได้ตรวจสอบคุณสมบัติของกระบี่วิเศษเล่มนี้ จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าตรงใต้เท้าว่างเปล่า ทั้งตัวของเขาอยู่ในภาวะไร้น้ำหนักและตกลงไปยังห้องใต้ดินที่ซ่อนอยู่ในห้องลับอย่างไม่ทันระวังตัวแล้ว

สองสาวเห็นแล้วอุทานตกใจพร้อมกัน รีบพุ่งเข้าไปยังปากทางใต้ดินที่ตรงดิ่ง เมื่อมองลงไปกลับเห็นเพียงหลุมสีดำ

ซานเย่ว์รีบถามเยี่ยเว่ยหมิงถึงสถานการณ์ข้างล่างผ่านช่องทีม คำตอบที่ได้รับกลับเป็น [ข้างล่างไม่มีอันตราย แต่ที่นี่กำลังจะกลายเป็นสนามต่อสู้สุดท้ายของพวกเรากับชวีหลิงเฟิง ถ้ารู้ตัวแล้วก็กระโดดลงมาเถอะ]

ซานเย่ว์กับสะพานสวรรค์น้อยเห็นข้อความแล้วสบตากันปราดหนึ่ง จากนั้นก็กระโดดลงไปพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

……

ขณะเดียวกันนี้เอง ในบ้านโกโรโกโสกลางไร่แตงโมแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านหนิวเจียห้าลี้ ชวีหลิงเฟิงหาที่พักให้ลูกสาวตัวเองได้แล้วก็กำชับว่า “ลูกเอ๋ย สงสัยครั้งนี้พวกเราจะต้องย้ายบ้านแล้ว แต่ก่อนหน้านั้น พ่อมีเรื่องบางอย่างต้องไปจัดการ ไม่อย่างนั้นแล้ว พวกเราสองคนจะถูกออกหมายจับไปทั่วแคว้น เลิกคิดไปได้เลยว่าชาตินี้จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข”

“อื้ม!” ลูกสาวของชวีหลิงเฟิงพยักหน้าอย่างว่านอนสอนง่าย “ท่านพ่อไปเถอะ ข้าจะรอท่านกลับมา”

หลังจากตบศีรษะลูกสาวเบาๆ ด้วยความเวทนา ชวีหลิงเฟิงก็ยันไม้เท้าคู่อีกครั้ง หันตัวออกจากกระท่อมผุพังของไร่แตงโม มุ่งตรงไปทางหมู่บ้านหนิวเจียอย่างรวดเร็ว

บรรดามือปราบที่เคยเห็นเขากับลูกสาวจะต้องตายให้หมด!

ไม่อย่างนั้นพวกเขาสองพ่อลูกจะถูกทั้งแคว้นออกหมายจับ ต่อให้ใต้หล้ากว้างใหญ่ แต่ก็ยากจะหาที่อยู่อาศัยได้

บางทีอาศัยทักษะยุทธ์ของเขาอาจจะหนีเข้าป่าไปเป็นมหาโจรได้ แต่เขากลับไม่หวังให้ลูกของตัวเองเติบโตในรังโจร

คิดถึงดินแดนแห่งความฝันที่โดดเดี่ยวอยู่กลางทะเลนั่นจริงๆ!

“เฮ้อ!”

หลังจากถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง ชวีหลิงเฟิงก็เร่งความเร็วขึ้นอีก เป็นฉากที่เกิดขึ้นประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น เขาก็หายไปจากสายตาของลูกสาวแล้ว

ในตอนนี้เอง ในพงหญ้าด้านหลังต้นไทรใหญ่ต้นหนึ่ง เฟยอวี๋ที่อาศัยทักษะของสำนักจับตาดูสองพ่อลูกมาตลอดก็ตาเป็นประกายทันที เขาบอกถังซานไฉ่ที่อยู่ข้างกายว่า “เป็นอย่างที่เยี่ยเว่ยหมิงคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด ชวีหลิงเฟิงทิ้งลูกสาวไว้ชั่วคราว แล้วกลับไปที่หมู่บ้านหนิวเจียคนเดียวแล้ว”

ถังซานไฉ่ได้ยินแล้วพยักหน้า “การคำนวณของสหายเยี่ยน่านับถือมาตลอด ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดเจ้าถึงดึงดันจะช่วงชิงตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักมือปราบเทพกับเขาให้ได้ ตำแหน่งนี้สำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ”

เฟยอวี๋ได้ยินแล้วกลับส่ายหน้าเบาๆ ไม่ตอบ แต่ถามกลับว่า “หากอยู่ในชีวิตจริง มีสามตำแหน่งวางอยู่ตรงหน้าเจ้า ตำแหน่งรองหนึ่งตำแหน่งกับตำแหน่งหัวหน้าสองตำแหน่ง เจ้าจะไปช่วงชิงตำแหน่งรองนั่นหรือเปล่า”

ถังซานไฉ่ได้ยินแล้วงุนงงทันที “นั่นจะเหมือนกันได้อย่างไร”

“นี่ก็คือข้อสรุปที่ข้าได้หลังจากได้คลุกคลีอยู่กับคนบางกลุ่มและเรื่องบางเรื่องในระหว่างทำภารกิจ แล้วนำมาเชื่อมโยงกับการวิเคราะห์ของตัวเอง” เฟยอวี๋อธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง

“ยานอวกาศของผู้อพยพให้พวกเราเล่นเกม นอกจากทำเพื่อรักษาการทำงานของสมองพวกเราแล้ว จะไม่มีเจตนาอย่างอื่นแล้วจริงๆ น่ะหรือ การแสดงความสามารถต่างๆ ของพวกเราตอนอยู่ในเกม เป็นเพียงความบันเทิงที่ทางการจัดให้พวกเราเท่านั้นหรือ”

“เอ่อ…” เมื่อถังซานไฉ่ถูกเขาถามเช่นนี้ก็อ้าปากค้างเล็กน้อย แต่กลับไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร

เฟยอวี๋กลับอธิบายต่อว่า “ข้าคิดว่าการแสดงความสามารถของพวกเราตอนอยู่ในเกม ได้ถูกระบบกรอกเข้าชุดข้อมูลขนาดใหญ่หมดแล้ว และชุดข้อมูลพวกนี้ก็อาจส่งผลกระทบต่อฐานะตำแหน่งของพวกเราหลังจากไปถึงดาวเฉาหยาง…แค่กๆ ส่งผลต่อการแบ่งงานทำในสังคม”

สำหรับคำพูดของเฟยอวี๋ ถังซานไฉ่ฟังไปพยักหน้าไป

เมื่อลองคิดให้ดี ก่อนที่ผู้อพยพต่างดาวครั้งนี้ออกเดินทาง ก็ไม่ได้บอกไว้ว่าจะให้พวกเขาไปทำอะไรที่ดาวดวงนั้น

อีกทั้งการเตรียมคนไปเยอะขนาดนั้นภายในครั้งเดียว ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะจัดสรรตำแหน่งงานให้ครบทุกคน ถึงอย่างไรตำแหน่งที่ต่างกันก็ต้องการคนที่ต่างกัน งานประเภทใช้แรงงานอะไรนั่นก็ยิ่งมีหุ่นยนต์มาทำแทน

เช่นนั้นผู้ที่อพยพไปอย่างพวกเขา จะแบ่งงานในอนาคตกันอย่างไรล่ะ

ถังซานไฉ่รู้สึกว่า การคาดเดาของเฟยอวี๋แม้จะกล้าหาญเกินไป แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นเรื่องจริง!

เมื่อเห็นถังซานไฉ่ตั้งใจฟัง เฟยอวี๋ก็อธิบายต่อเสียเลย “ดังนั้น ข้าถึงอยากช่วงชิงตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่กับเยี่ยเว่ยหมิงอย่างไรล่ะ แล้วก็หวังด้วยว่าหลังจากบรรลุเป้าหมายแล้ว ข้าจะมีจุดเริ่มต้นที่ดีกว่าเดิม เพียงแต่การช่วงชิงนี้ จะต้องทำอย่างสง่าผ่าเผย อาศัยศักยภาพและผลงาน หากอาศัยแผนการเจ้าเล่ห์ที่เปิดเผยไม่ได้เพื่อขึ้นสู่ตำแหน่ง เกรงว่านอกจากจะไม่บรรลุเป้าหมายแล้ว ยังจะเป็นการอวดฉลาดแต่ทำงานพังด้วย”

ทันใดนั้น ถังซานไฉ่ก็สีหน้าเปลี่ยน “หากนับเช่นนี้ ในเกมมีคนตั้งมากมาย เมื่อไปถึงดาวดวงนั้นแล้ว จะไม่ถูกลากออกไปยิงทิ้งสักห้านาทีหรอกหรือ”

“ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก” เฟยอวี๋ยักไหล่แล้วพูดปลอบใจ “ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงเกม เป็นไปไม่ได้ที่ผู้เล่นจะถูกตัดสินคดีเพราะพฤติกรรมในเกม เพียงแต่พวกที่ทำความผิดร้ายแรงสิบประการ[1] จะถูกจัดเป็นเป้าหมายที่ต้องเตรียมการป้องกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่นตอนที่สำนักถังเหมินแย่งชิงหน้าไม้เทพจูเก๋อในระหว่างภารกิจนั่น เกรงว่าคงมีหลายคนถูกหักคะแนนความประทับใจไปไม่น้อย”

ส่วนถังซานไฉ่ก็ยิ้มเจื่อน บอกว่า “รวมทั้งข้าด้วย”

“แต่ก็ไม่สำคัญหรอก หลังจากนี้ระวังตัวหน่อยก็พอแล้ว” เฟยอวี๋ตบบ่าสหาย กล่าวว่า “ไปกันเถอะ ชวีหลิงเฟิงกลับไปที่หมู่บ้านหนิวเจียแล้ว พวกเราควรจะไปทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ”

……

อีกด้านหนึ่ง ในห้องลับใต้ดินของโรงเตี๊ยมซานชวี

เยี่ยเว่ยหมิงจุดตะเกียงด้านล่าง ภายใต้แสงสว่างของตะเกียง ทั้งสามกลับพบว่าข้างล่างมีพื้นที่กว้างกว่าข้างบนเยอะมาก

ตรงกึ่งกลางห้องลับวางหีบเหล็กขนาดใหญ่เอาไว้ใบหนึ่ง หีบใบนั้นเปิดอยู่ ทำให้เห็นว่าในนั้นบรรจุถ้วยโถโอชามที่ทำจากทองคำและเหล็ก เครื่องประดับเพชรพลอย ที่มากกว่านั้นคือมีบรรดาภาพอักษรโบราณบรจุไว้เต็ม

“สะพานสวรรค์น้อย รับไว้” ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็โยนกระบี่วิเศษที่ดึงออกจากกลไกก่อนหน้านี้ให้สะพานสวรรค์น้อยแล้ว หลังจากนางรับไว้ ก็อดตกตะลึงกับมันไม่ได้

[กระบี่จินสยา (ทองคำ)]

กระบี่วิเศษที่ทำจากทองคุณภาพดี ตอนควงกระบี่จะมีแสงอาทิตย์ไหลเวียน

โจมตี +275

ท่าร่าง +12

กำลังภายใน +20%!

……

“เอ่อ…” เมื่อได้เห็นค่าสเตตัสของกระบี่เล่มนี้ สะพานสวรรค์น้อยก็เบิกตากว้างทันที รีบปฏิเสธว่า “ไม่ได้ กระบี่วิเศษที่ล้ำค่าขนาดนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้!”

“ข้าไม่ได้บอกว่าจะมอบกระบี่ให้เจ้าเสียหน่อย” คำพูดของเยี่ยเว่ยหมิงทำให้สะพานสวรรค์น้อยงง เขาจึงอธิบายต่อ “ข้าเดาว่ามีความเป็นไปได้เก้าในสิบว่ากระบี่เล่มนี้เป็นของที่ชวีหลิงเฟิงขโมยมา หลังจากภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว ก็ต้องนำของล้ำค่าเหล่านั้นส่งมอบขึ้นไปพร้อมกัน”

สะพานสวรรค์น้อยได้ยินแล้วกลับกะพริบดวงตากลมโตอันงดงาม “เจ้าไม่กลัวหรือว่าหลังจากจบเรื่องแล้วข้าจะหอบสมบัติหนีไป”

เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ “นั่นเป็นเรื่องของเจ้า ของโจรถูกคนในยุทธภพชิงไป หลักการนี้นับอย่างไร ข้าเองก็ไม่รู้ชัดเจนนัก แต่หากมันอยู่ในมือข้า หลังจากจบเรื่องจะต้องถูกส่งขึ้นไปเบื้องบนแน่นอน เพราะข้าเป็นเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของราชสำนัก”

กระบี่จินสยาเป็นของดีจริงๆ ดีกว่ากระบี่ชิงจู๋ในมือเยี่ยเว่ยหมิงตั้งเยอะ แต่เขาเก็บของสิ่งนี้ไว้ในมือไม่ได้ หากจะส่งมอบขึ้นไป ไม่สู้ให้โอกาสสะพานสวรรค์น้อยสักครั้งดีกว่า ส่วนนางจะรักษาไว้ได้หรือไม่ หรือจะจัดการกับมันอย่างไร นั่นก็ขึ้นอยู่กับนางแล้ว

ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ เยี่ยเว่ยหมิงพอจะรู้สึกได้นิดหน่อยว่าหากเขายอมทุ่มเทกำลังเพื่อช่วยโหยวจิ้นทำภารกิจยิ่งใหญ่อย่างการจับเป็น BOSS เลเวล 65 ได้จริงๆ ผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับก็ไม่ใช่แค่อุปกรณ์คุณภาพทองคำชิ้นเดียวแน่นอน

หรือจะเป็นอาวุธวิเศษที่เพิ่มเลเวลได้หนึ่งชิ้น?

เพื่อให้ทำภารกิจสำเร็จได้ดีกว่าเดิม ลงทุนสักหน่อยจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร

ยิ่งไปกว่านั้น แต่ไหนแต่ไรมาเยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ใช่คนที่ฮุบของไว้เองคนเดียวอยู่แล้ว

เยี่ยเว่ยหมิงไม่อยากเสียเวลากับคำถามที่ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป เขาเปลี่ยนประเด็นสนทนาเสียเลย “แต่ก่อนจะทำอย่างนั้น พวกเราต้องพยายามทำให้พลังต่อสู้สมดุลกันก่อน แสดงประสิทธิภาพสูงสุดของกระบี่คู่ผนึกรวมออกมาให้ได้”

ขณะที่พูด สายตาของเยี่ยเว่ยหมิงก็ไปหยุดอยู่บนหีบเหล็กในห้องลับแล้ว “ดูเครื่องประดับในนั้นอีกสิ ชิ้นไหนที่ค่าสเตตัสพอใช้ได้ก็ใส่ไว้ก่อน เพิ่มค่าสเตตัสให้ตัวเองสักหน่อย ทำเช่นนี้จะได้มีโอกาสชนะสูงขึ้น”

“ข้ากล้ารับประกันเลย อีกประเดี๋ยวหากชวีหลิงเฟิงปรากฏตัวอีกครั้ง ก็จะไม่ได้รับมือด้วยง่ายเหมือนก่อนหน้านี้แน่นอน!”

ขณะที่พูดอยู่นั้น ทั้งสามก็เดินมาถึงตรงหน้าหีบเหล็กที่อยู่กลางห้องแล้ว เริ่มเลือกของดีที่อาจจะช่วยเพิ่มพลังต่อสู้ได้ในทันที

ก่อนหน้านี้หลังจากใช้สกิล ‘เวทชันสูตรศพ’ ตรวจสอบแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็พบว่าข้างในมีเครื่องประดับไม่น้อยเลย ทั้งหมดถูกจัดเป็นสมบัติประเภทอุปกรณ์

ยิ่งไปกว่านั้น สมบัติล้ำค่าที่ตกทอดอยู่ในพระราชวัง คาดว่าค่าสเตตัสคงไม่แย่แน่นอน

[1] ความผิดร้ายแรงสิบประการ 十恶不赦 ในสมัยโบราณของจีน มีสิบข้อหาร้ายแรงที่เป็นภัยต่อระบบศักดินา จะไม่ได้รับการอภัยโทษ ได้แก่

1. วางแผนกบฏการปกครอง

2. ทำลายศาสนสถานของพระราชวัง สุสานจักรพรรดิและพระราชวัง

3. ทรยศราชสำนัก

4. ตบตีทำร้ายหรือฆ่าบิดามารดาและผู้อาวุโสในบ้าน

5. ฆ่าหั่นศพผู้บริสุทธิ์ยกครอบครัว

6. ขโมยของในพระราชวัง

7. อกตัญญูต่อบิดามารดา

8. ฆ่าญาติตัวเอง ทำร้ายสตรี ฟ้องร้องสามีตัวเอง

9. ขุนนางฆ่ากันเอง ทหารฆ่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ศิษย์ฆ่าอาจารย์ สตรีได้ข่าวสามีตายแล้วแต่งงานใหม่ทันที เป็นต้น

10. มีความสัมพันธ์ทางเพศหรือขืนใจญาติพี่น้องทางสายเลือด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 128 การคาดเดาของเฟยอวี๋

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 128 การคาดเดาของเฟยอวี๋ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อเข้ามาในห้องลับแล้ว ทั้งสามก็พบว่าการตกแต่งภายในค่อนข้างพิถีพิถัน มีเตียงนอน ชุดเครื่องนอน โต๊ะและเก้าอี้ ถึงขั้นมีเครื่องเรือนมากมายหลายแบบ แม้แต่การระบายอากาศก็ทำไว้ดีมาก ไม่ต่างจากห้องนอนขนาดกลางห้องหนึ่งเลย

หากจะพูดถึงข้อเสียเพียงอย่างเดียว ก็คงเป็นจุดที่ไม่มีแหล่งกำเนิดแสง

อย่างไรเสียก็เป็นห้องลับ

หากเปิดหน้าต่างอีกสองบาน เช่นนั้นก็ไม่ค่อยเหมือนห้องลับแล้ว

อาศัยแสงแดดที่ส่องเข้ามาจากทางเข้า เยี่ยเว่ยหมิงหาเชิงเทียนในห้องจนพบ เขานำตะบันไฟจากห่อสัมภาระออกมาจุดเทียน ทำให้ห้องนี้สว่างวาบขึ้นในคราเดียว

“ไม่ถูกสิ!” หลังจากกวาดสายตามองในห้องลับรอบหนึ่ง ซานเย่ว์ก็ขมวดคิ้ว “ก่อนหน้านี้ข้ายืนยันจากสีหน้าของชวีหลิงเฟิงแล้ว ของที่เขาขโมยมาพวกนั้นซ่อนอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งนี้แน่นอน ไม่มีทางผิดพลาด แต่เครื่องเรือนในห้องลับนี้เรียบง่ายมาก ไม่มีจุดไหนที่ดูเหมือนซ่อนของได้เลย”

ตอนนี้เอง เยี่ยเว่ยหมิงเดินมาถึงหน้าโต๊ะตัวหนึ่งที่อยู่ติดผนัง

โต๊ะยาวตัวนี้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า จัดเป็นโต๊ะยาวแบบพิเศษที่ใช้เพื่อวางเครื่องประดับสะสมขนาดเล็กโดยเฉพาะ บนนั้นวางกระบี่วิเศษพร้อมฝักไว้เล่มหนึ่งอย่างเรียบร้อย

เยี่ยเว่ยหมิงใช้นิ้ววาดผ่านฝักกระบี่อย่างเชื่องช้า จากนั้นก็ยื่นมือไปคว้าไว้ แต่กลับหยิบขึ้นมาไม่ได้

นึกไม่ถึงว่ากระบี่วิเศษเล่มนี้จะเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกับโต๊ะยาว!

การกระทำอันแปลกประหลาดของเขาดึงดูดสายตาของซานเย่ว์และสะพานสวรรค์น้อยพร้อมกันแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เขาพูดอะไร สองสาวก็เดาออกว่าเขาต้องใช้ทักษะอักษร ‘ฟ้า’ ของสำนักมือปราบเทพจนพบว่ากระบี่เล่มนี้มีปัญหาแน่นอน

ในตอนนี้เอง มือขวาของเยี่ยเว่ยหมิงก็กำด้ามกระบี่ไว้ แล้วดึงกระบี่วิเศษออกมาด้านนอกเบาๆ

ชิ้ง!

กระบี่วิเศษเคลื่อนออกจากฝัก แสงสะท้อนจากคมกระบี่พลันสาดส่องให้ทั้งห้องสว่างวาบ

ทว่าเยี่ยเว่ยหมิงไม่ทันได้ตรวจสอบคุณสมบัติของกระบี่วิเศษเล่มนี้ จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าตรงใต้เท้าว่างเปล่า ทั้งตัวของเขาอยู่ในภาวะไร้น้ำหนักและตกลงไปยังห้องใต้ดินที่ซ่อนอยู่ในห้องลับอย่างไม่ทันระวังตัวแล้ว

สองสาวเห็นแล้วอุทานตกใจพร้อมกัน รีบพุ่งเข้าไปยังปากทางใต้ดินที่ตรงดิ่ง เมื่อมองลงไปกลับเห็นเพียงหลุมสีดำ

ซานเย่ว์รีบถามเยี่ยเว่ยหมิงถึงสถานการณ์ข้างล่างผ่านช่องทีม คำตอบที่ได้รับกลับเป็น [ข้างล่างไม่มีอันตราย แต่ที่นี่กำลังจะกลายเป็นสนามต่อสู้สุดท้ายของพวกเรากับชวีหลิงเฟิง ถ้ารู้ตัวแล้วก็กระโดดลงมาเถอะ]

ซานเย่ว์กับสะพานสวรรค์น้อยเห็นข้อความแล้วสบตากันปราดหนึ่ง จากนั้นก็กระโดดลงไปพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

……

ขณะเดียวกันนี้เอง ในบ้านโกโรโกโสกลางไร่แตงโมแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านหนิวเจียห้าลี้ ชวีหลิงเฟิงหาที่พักให้ลูกสาวตัวเองได้แล้วก็กำชับว่า “ลูกเอ๋ย สงสัยครั้งนี้พวกเราจะต้องย้ายบ้านแล้ว แต่ก่อนหน้านั้น พ่อมีเรื่องบางอย่างต้องไปจัดการ ไม่อย่างนั้นแล้ว พวกเราสองคนจะถูกออกหมายจับไปทั่วแคว้น เลิกคิดไปได้เลยว่าชาตินี้จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข”

“อื้ม!” ลูกสาวของชวีหลิงเฟิงพยักหน้าอย่างว่านอนสอนง่าย “ท่านพ่อไปเถอะ ข้าจะรอท่านกลับมา”

หลังจากตบศีรษะลูกสาวเบาๆ ด้วยความเวทนา ชวีหลิงเฟิงก็ยันไม้เท้าคู่อีกครั้ง หันตัวออกจากกระท่อมผุพังของไร่แตงโม มุ่งตรงไปทางหมู่บ้านหนิวเจียอย่างรวดเร็ว

บรรดามือปราบที่เคยเห็นเขากับลูกสาวจะต้องตายให้หมด!

ไม่อย่างนั้นพวกเขาสองพ่อลูกจะถูกทั้งแคว้นออกหมายจับ ต่อให้ใต้หล้ากว้างใหญ่ แต่ก็ยากจะหาที่อยู่อาศัยได้

บางทีอาศัยทักษะยุทธ์ของเขาอาจจะหนีเข้าป่าไปเป็นมหาโจรได้ แต่เขากลับไม่หวังให้ลูกของตัวเองเติบโตในรังโจร

คิดถึงดินแดนแห่งความฝันที่โดดเดี่ยวอยู่กลางทะเลนั่นจริงๆ!

“เฮ้อ!”

หลังจากถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง ชวีหลิงเฟิงก็เร่งความเร็วขึ้นอีก เป็นฉากที่เกิดขึ้นประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น เขาก็หายไปจากสายตาของลูกสาวแล้ว

ในตอนนี้เอง ในพงหญ้าด้านหลังต้นไทรใหญ่ต้นหนึ่ง เฟยอวี๋ที่อาศัยทักษะของสำนักจับตาดูสองพ่อลูกมาตลอดก็ตาเป็นประกายทันที เขาบอกถังซานไฉ่ที่อยู่ข้างกายว่า “เป็นอย่างที่เยี่ยเว่ยหมิงคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด ชวีหลิงเฟิงทิ้งลูกสาวไว้ชั่วคราว แล้วกลับไปที่หมู่บ้านหนิวเจียคนเดียวแล้ว”

ถังซานไฉ่ได้ยินแล้วพยักหน้า “การคำนวณของสหายเยี่ยน่านับถือมาตลอด ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดเจ้าถึงดึงดันจะช่วงชิงตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักมือปราบเทพกับเขาให้ได้ ตำแหน่งนี้สำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ”

เฟยอวี๋ได้ยินแล้วกลับส่ายหน้าเบาๆ ไม่ตอบ แต่ถามกลับว่า “หากอยู่ในชีวิตจริง มีสามตำแหน่งวางอยู่ตรงหน้าเจ้า ตำแหน่งรองหนึ่งตำแหน่งกับตำแหน่งหัวหน้าสองตำแหน่ง เจ้าจะไปช่วงชิงตำแหน่งรองนั่นหรือเปล่า”

ถังซานไฉ่ได้ยินแล้วงุนงงทันที “นั่นจะเหมือนกันได้อย่างไร”

“นี่ก็คือข้อสรุปที่ข้าได้หลังจากได้คลุกคลีอยู่กับคนบางกลุ่มและเรื่องบางเรื่องในระหว่างทำภารกิจ แล้วนำมาเชื่อมโยงกับการวิเคราะห์ของตัวเอง” เฟยอวี๋อธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง

“ยานอวกาศของผู้อพยพให้พวกเราเล่นเกม นอกจากทำเพื่อรักษาการทำงานของสมองพวกเราแล้ว จะไม่มีเจตนาอย่างอื่นแล้วจริงๆ น่ะหรือ การแสดงความสามารถต่างๆ ของพวกเราตอนอยู่ในเกม เป็นเพียงความบันเทิงที่ทางการจัดให้พวกเราเท่านั้นหรือ”

“เอ่อ…” เมื่อถังซานไฉ่ถูกเขาถามเช่นนี้ก็อ้าปากค้างเล็กน้อย แต่กลับไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร

เฟยอวี๋กลับอธิบายต่อว่า “ข้าคิดว่าการแสดงความสามารถของพวกเราตอนอยู่ในเกม ได้ถูกระบบกรอกเข้าชุดข้อมูลขนาดใหญ่หมดแล้ว และชุดข้อมูลพวกนี้ก็อาจส่งผลกระทบต่อฐานะตำแหน่งของพวกเราหลังจากไปถึงดาวเฉาหยาง…แค่กๆ ส่งผลต่อการแบ่งงานทำในสังคม”

สำหรับคำพูดของเฟยอวี๋ ถังซานไฉ่ฟังไปพยักหน้าไป

เมื่อลองคิดให้ดี ก่อนที่ผู้อพยพต่างดาวครั้งนี้ออกเดินทาง ก็ไม่ได้บอกไว้ว่าจะให้พวกเขาไปทำอะไรที่ดาวดวงนั้น

อีกทั้งการเตรียมคนไปเยอะขนาดนั้นภายในครั้งเดียว ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะจัดสรรตำแหน่งงานให้ครบทุกคน ถึงอย่างไรตำแหน่งที่ต่างกันก็ต้องการคนที่ต่างกัน งานประเภทใช้แรงงานอะไรนั่นก็ยิ่งมีหุ่นยนต์มาทำแทน

เช่นนั้นผู้ที่อพยพไปอย่างพวกเขา จะแบ่งงานในอนาคตกันอย่างไรล่ะ

ถังซานไฉ่รู้สึกว่า การคาดเดาของเฟยอวี๋แม้จะกล้าหาญเกินไป แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นเรื่องจริง!

เมื่อเห็นถังซานไฉ่ตั้งใจฟัง เฟยอวี๋ก็อธิบายต่อเสียเลย “ดังนั้น ข้าถึงอยากช่วงชิงตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่กับเยี่ยเว่ยหมิงอย่างไรล่ะ แล้วก็หวังด้วยว่าหลังจากบรรลุเป้าหมายแล้ว ข้าจะมีจุดเริ่มต้นที่ดีกว่าเดิม เพียงแต่การช่วงชิงนี้ จะต้องทำอย่างสง่าผ่าเผย อาศัยศักยภาพและผลงาน หากอาศัยแผนการเจ้าเล่ห์ที่เปิดเผยไม่ได้เพื่อขึ้นสู่ตำแหน่ง เกรงว่านอกจากจะไม่บรรลุเป้าหมายแล้ว ยังจะเป็นการอวดฉลาดแต่ทำงานพังด้วย”

ทันใดนั้น ถังซานไฉ่ก็สีหน้าเปลี่ยน “หากนับเช่นนี้ ในเกมมีคนตั้งมากมาย เมื่อไปถึงดาวดวงนั้นแล้ว จะไม่ถูกลากออกไปยิงทิ้งสักห้านาทีหรอกหรือ”

“ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก” เฟยอวี๋ยักไหล่แล้วพูดปลอบใจ “ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงเกม เป็นไปไม่ได้ที่ผู้เล่นจะถูกตัดสินคดีเพราะพฤติกรรมในเกม เพียงแต่พวกที่ทำความผิดร้ายแรงสิบประการ[1] จะถูกจัดเป็นเป้าหมายที่ต้องเตรียมการป้องกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่นตอนที่สำนักถังเหมินแย่งชิงหน้าไม้เทพจูเก๋อในระหว่างภารกิจนั่น เกรงว่าคงมีหลายคนถูกหักคะแนนความประทับใจไปไม่น้อย”

ส่วนถังซานไฉ่ก็ยิ้มเจื่อน บอกว่า “รวมทั้งข้าด้วย”

“แต่ก็ไม่สำคัญหรอก หลังจากนี้ระวังตัวหน่อยก็พอแล้ว” เฟยอวี๋ตบบ่าสหาย กล่าวว่า “ไปกันเถอะ ชวีหลิงเฟิงกลับไปที่หมู่บ้านหนิวเจียแล้ว พวกเราควรจะไปทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ”

……

อีกด้านหนึ่ง ในห้องลับใต้ดินของโรงเตี๊ยมซานชวี

เยี่ยเว่ยหมิงจุดตะเกียงด้านล่าง ภายใต้แสงสว่างของตะเกียง ทั้งสามกลับพบว่าข้างล่างมีพื้นที่กว้างกว่าข้างบนเยอะมาก

ตรงกึ่งกลางห้องลับวางหีบเหล็กขนาดใหญ่เอาไว้ใบหนึ่ง หีบใบนั้นเปิดอยู่ ทำให้เห็นว่าในนั้นบรรจุถ้วยโถโอชามที่ทำจากทองคำและเหล็ก เครื่องประดับเพชรพลอย ที่มากกว่านั้นคือมีบรรดาภาพอักษรโบราณบรจุไว้เต็ม

“สะพานสวรรค์น้อย รับไว้” ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็โยนกระบี่วิเศษที่ดึงออกจากกลไกก่อนหน้านี้ให้สะพานสวรรค์น้อยแล้ว หลังจากนางรับไว้ ก็อดตกตะลึงกับมันไม่ได้

[กระบี่จินสยา (ทองคำ)]

กระบี่วิเศษที่ทำจากทองคุณภาพดี ตอนควงกระบี่จะมีแสงอาทิตย์ไหลเวียน

โจมตี +275

ท่าร่าง +12

กำลังภายใน +20%!

……

“เอ่อ…” เมื่อได้เห็นค่าสเตตัสของกระบี่เล่มนี้ สะพานสวรรค์น้อยก็เบิกตากว้างทันที รีบปฏิเสธว่า “ไม่ได้ กระบี่วิเศษที่ล้ำค่าขนาดนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้!”

“ข้าไม่ได้บอกว่าจะมอบกระบี่ให้เจ้าเสียหน่อย” คำพูดของเยี่ยเว่ยหมิงทำให้สะพานสวรรค์น้อยงง เขาจึงอธิบายต่อ “ข้าเดาว่ามีความเป็นไปได้เก้าในสิบว่ากระบี่เล่มนี้เป็นของที่ชวีหลิงเฟิงขโมยมา หลังจากภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว ก็ต้องนำของล้ำค่าเหล่านั้นส่งมอบขึ้นไปพร้อมกัน”

สะพานสวรรค์น้อยได้ยินแล้วกลับกะพริบดวงตากลมโตอันงดงาม “เจ้าไม่กลัวหรือว่าหลังจากจบเรื่องแล้วข้าจะหอบสมบัติหนีไป”

เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ “นั่นเป็นเรื่องของเจ้า ของโจรถูกคนในยุทธภพชิงไป หลักการนี้นับอย่างไร ข้าเองก็ไม่รู้ชัดเจนนัก แต่หากมันอยู่ในมือข้า หลังจากจบเรื่องจะต้องถูกส่งขึ้นไปเบื้องบนแน่นอน เพราะข้าเป็นเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของราชสำนัก”

กระบี่จินสยาเป็นของดีจริงๆ ดีกว่ากระบี่ชิงจู๋ในมือเยี่ยเว่ยหมิงตั้งเยอะ แต่เขาเก็บของสิ่งนี้ไว้ในมือไม่ได้ หากจะส่งมอบขึ้นไป ไม่สู้ให้โอกาสสะพานสวรรค์น้อยสักครั้งดีกว่า ส่วนนางจะรักษาไว้ได้หรือไม่ หรือจะจัดการกับมันอย่างไร นั่นก็ขึ้นอยู่กับนางแล้ว

ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ เยี่ยเว่ยหมิงพอจะรู้สึกได้นิดหน่อยว่าหากเขายอมทุ่มเทกำลังเพื่อช่วยโหยวจิ้นทำภารกิจยิ่งใหญ่อย่างการจับเป็น BOSS เลเวล 65 ได้จริงๆ ผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับก็ไม่ใช่แค่อุปกรณ์คุณภาพทองคำชิ้นเดียวแน่นอน

หรือจะเป็นอาวุธวิเศษที่เพิ่มเลเวลได้หนึ่งชิ้น?

เพื่อให้ทำภารกิจสำเร็จได้ดีกว่าเดิม ลงทุนสักหน่อยจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร

ยิ่งไปกว่านั้น แต่ไหนแต่ไรมาเยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ใช่คนที่ฮุบของไว้เองคนเดียวอยู่แล้ว

เยี่ยเว่ยหมิงไม่อยากเสียเวลากับคำถามที่ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป เขาเปลี่ยนประเด็นสนทนาเสียเลย “แต่ก่อนจะทำอย่างนั้น พวกเราต้องพยายามทำให้พลังต่อสู้สมดุลกันก่อน แสดงประสิทธิภาพสูงสุดของกระบี่คู่ผนึกรวมออกมาให้ได้”

ขณะที่พูด สายตาของเยี่ยเว่ยหมิงก็ไปหยุดอยู่บนหีบเหล็กในห้องลับแล้ว “ดูเครื่องประดับในนั้นอีกสิ ชิ้นไหนที่ค่าสเตตัสพอใช้ได้ก็ใส่ไว้ก่อน เพิ่มค่าสเตตัสให้ตัวเองสักหน่อย ทำเช่นนี้จะได้มีโอกาสชนะสูงขึ้น”

“ข้ากล้ารับประกันเลย อีกประเดี๋ยวหากชวีหลิงเฟิงปรากฏตัวอีกครั้ง ก็จะไม่ได้รับมือด้วยง่ายเหมือนก่อนหน้านี้แน่นอน!”

ขณะที่พูดอยู่นั้น ทั้งสามก็เดินมาถึงตรงหน้าหีบเหล็กที่อยู่กลางห้องแล้ว เริ่มเลือกของดีที่อาจจะช่วยเพิ่มพลังต่อสู้ได้ในทันที

ก่อนหน้านี้หลังจากใช้สกิล ‘เวทชันสูตรศพ’ ตรวจสอบแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็พบว่าข้างในมีเครื่องประดับไม่น้อยเลย ทั้งหมดถูกจัดเป็นสมบัติประเภทอุปกรณ์

ยิ่งไปกว่านั้น สมบัติล้ำค่าที่ตกทอดอยู่ในพระราชวัง คาดว่าค่าสเตตัสคงไม่แย่แน่นอน

[1] ความผิดร้ายแรงสิบประการ 十恶不赦 ในสมัยโบราณของจีน มีสิบข้อหาร้ายแรงที่เป็นภัยต่อระบบศักดินา จะไม่ได้รับการอภัยโทษ ได้แก่

1. วางแผนกบฏการปกครอง

2. ทำลายศาสนสถานของพระราชวัง สุสานจักรพรรดิและพระราชวัง

3. ทรยศราชสำนัก

4. ตบตีทำร้ายหรือฆ่าบิดามารดาและผู้อาวุโสในบ้าน

5. ฆ่าหั่นศพผู้บริสุทธิ์ยกครอบครัว

6. ขโมยของในพระราชวัง

7. อกตัญญูต่อบิดามารดา

8. ฆ่าญาติตัวเอง ทำร้ายสตรี ฟ้องร้องสามีตัวเอง

9. ขุนนางฆ่ากันเอง ทหารฆ่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ศิษย์ฆ่าอาจารย์ สตรีได้ข่าวสามีตายแล้วแต่งงานใหม่ทันที เป็นต้น

10. มีความสัมพันธ์ทางเพศหรือขืนใจญาติพี่น้องทางสายเลือด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+