ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 109 รีดไถมู่หรง

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 109 รีดไถมู่หรง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 109 รีดไถมู่หรง

เยี่ยเว่ยหมิงสังเกตดูอุปกรณ์แต่ละชิ้นที่ตระกูลมู่หรงมีให้แลกอยู่นานมาก ในจำนวนนั้นมีอุปกรณ์หลายชิ้นที่ทำให้เขาใจเต้น แต่สุดท้ายเขาก็ยังข่มตัวเองไม่ให้วู่วามไปแลกไอเทมเหล่านั้น เขานำคะแนนสะสมทั้งหมดไปแลกเป็นแต้มค่าตบะแล้ว

สำหรับผู้เล่นทุกคน แต้มค่าตบะมักเป็นสิ่งที่ไม่พอใช้เสมอ แต่เยี่ยเว่ยหมิงที่มีสกิลบรรจุศพก็สถานการณ์ดีกว่าคนอื่นเยอะ

แต่ตอนนี้เขากำลังมีบางสิ่งให้รีบใช้งานค่าตบะ!

เงื่อนไขการฝึกอย่างอื่นของกำลังภายในระดับสูงอย่าง ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ก็เต็มหมดแล้ว เหลือเพียงแค่เพิ่มเลเวลของ ‘เคล็ดชำระปราณ’ ให้ถึงเลเวลสิบ

หรือพูดได้อีกอย่างว่า ขอเพียงเขารีบเพิ่มกำลังภายในวิชานี้ให้ถึงเลเวลสิบ เขาก็ไม่เพียงแค่จะได้ดีใจกับเคล็ดวิชาอันสมบูรณ์ ยิ่งไปกว่านั้นคือจะได้เริ่มฝึก ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ที่เป็นกำลังภายในระดับสูงด้วย

เมื่อดูโบนัสสเตตัสของกำลังภายในระดับกลางอย่าง ‘หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น’ ก็จินตนาการได้แล้วว่า ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ที่เป็นกำลังภายในระดับสูงจะนำความตื่นเต้นดีใจอย่างไรมาให้

เพื่อให้เกิดความตื่นเต้นดีใจสองอย่างนี้ ถ้าจะให้ควบคุมความอยากในการเพิ่มระดับความสามารถในทันที เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่เขารับได้อยู่แล้ว

หลังจากนำคะแนนสะสมไปแลกเสร็จเรียบร้อย เยี่ยเว่ยหมิงรออีกสักพักหนึ่ง ซานเย่ว์กับหนิวจื้อชุนก็แลกรางวัลเสร็จแล้วเช่นกัน หลังจากถามไถ่กันนิดหน่อย ก็พบว่าพวกเขาเลือกนำคะแนนสะสมไปแลกเป็นค่าตบะเหมือนกัน แม้ซานเย่ว์จะยังรู้สึกอาลัยอาวรณ์กับอุปกรณ์คุณภาพสีทองที่ดูสวยงามพวกนั้นอยู่ก็ตาม

ในด้านคะแนนสะสม ที่จริงจำนวนคะแนนรวมของพวกเขาสามคนไม่ได้ต่างกันเยอะมาก แต่เลเวลเคล็ดวิชาของแต่ละคนต่างกันพอสมควร

สำหรับเยี่ยเว่ยหมิงในตอนนี้ คะแนนสะสมหนึ่งหมื่นกว่าอาจจะทำให้เขาเพิ่มความสามารถทีละเยอะๆ ได้ยาก ความสามารถที่เพิ่มขึ้นอาจจะเทียบกับอุปกรณ์คุณภาพสีทองหนึ่งชิ้นไม่ติดเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับซานเย่ว์กับหนิวจื้อชุน เห็นได้ชัดว่าการแลกค่าตบะมานั้นเอื้อประโยชน์ที่แท้จริงมากกว่า

หลังจากแลกคะแนนสะสมเสร็จแล้ว ทั้งสามถึงได้มุ่งตรงไปยังโถงหลักของหมู่บ้าน

เมื่อมีบทเรียนเรื่องความซวยหลายครั้งก่อนหน้านี้มาแล้ว จึงไม่มีผู้เล่นคนไหนกล้าเป็นฝ่ายท้า PK ในหมู่บ้านชื่อสยาอีก พวกเขาสามคนไปพบเจ้าบ้านกงเหย่เฉียนได้อย่างราบรื่นมาก

หลังจากกงเหย่เฉียนได้เห็นพวกเยี่ยเว่ยหมิงครั้งนี้ บนใบหน้ากลับเผยรอยยิ้มอันสดใสไร้ที่เปรียบ ยิ้มตาหยีราวกับเทพแห่งสายน้ำ “จอมยุทธ์น้อยทั้งสาม พวกท่านกำลังจะกลายเป็นศิษย์ของตระกูลมู่หรงแล้วสินะ หรือจะเป็นแขกขุนนางดีล่ะ หรือเตรียมจะใช้ป้ายอาญาสิทธิ์เข้าประตูแลกเป็นผลประโยชน์อย่างอื่น”

เมื่อได้ยินดังนั้น หนิวจื้อชุนก็ก้าวเข้าไปคนแรก ยื่นป้ายอาญาสิทธิ์เข้าประตูในมือให้กงเหย่เฉียน พร้อมยิงฟันยิ้มกล่าวว่า “ผู้น้อยหนิวจื้อชุนจากสำนักฉวนเจิน ต้องการเป็นแขกขุนนางของตระกูลมู่หรง”

“จอมยุทธ์น้อยหนิวไม่อยากทิ้งสำนักเดิม น่าเสียดายแล้ว…” ขณะที่พูด กงเหย่เฉียนก็เก็บป้ายอาญาสิทธิ์ของหนิวจื้อชุนไว้ และดูจากรอยยิ้มสับปลับของหนิวจื้อชุนก็รู้เลยว่าเขาบรรลุเป้าหมายแล้ว

ตอนที่เดินกลับมาจากข้างกายกงเหย่เฉียน หนิวจื้อชุนก็ยังขยิบตาให้เยี่ยเว่ยหมิงอย่างเจ้าเล่ห์ด้วย ทำสีหน้าภาคภูมิใจมาก

ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงก้าวขึ้นไปเป็นคนที่สอง ยื่นป้ายอาญาสิทธิ์ให้กงเหย่เฉียนพร้อมบอกว่า “ข้าก็อยากเป็นแขกขุนนางเช่นกัน”

“ตระกูลมู่หรงได้รับความช่วยเหลือจากยอดฝีมืออย่างจอมยุทธ์น้อยเยี่ย ถือเป็นเรื่องที่โชคดีจริงๆ” ดูจากสายตาของกงเหย่เฉียนก็รู้แล้วว่าความสามารถของเยี่ยเว่ยหมิงเหนือกว่าหนิวจื้อชุน ท่าทีที่แสดงออกมาจึงต่างกัน หลังจากสรรเสริญเยินยอด้วยความกระตือรือร้น ก็ถามเหมือนไม่ได้ตั้งใจอีกว่า “พวกเรารู้จักกันมานานขนาดนี้ ยังไม่ได้ขอคำแนะนำเลยว่าจอมยุทธ์น้อยเยี่ยมาจากสำนักไหน”

“ไม่ปิดบังความจริง ข้าเป็นศิษย์ของสำนักมือปราบเทพ”

เมื่อเยี่ยเว่ยหมิงกล่าวคำนี้ออกมา รอยยิ้มอันสดใสของกงเหย่เฉียนก็ถูกแช่แข็งทันที

ชั่วขณะนั้น ในโถงใหญ่เงียบจนต่อให้เป็นเสียงเข็มเล่มเดียวตกพื้นก็ได้ยิน

บรรยากาศอึดอัดอย่างนี้คงอยู่ห้าวินาทีเต็มๆ กว่ากงเหย่เฉียนจะดึงสติกลับมา แล้วกล่าวด้วยสีหน้าขออภัย “นึกไม่ถึงว่าจอมยุทธ์น้อยเยี่ยจะเป็นคนของทางการ ตระกูลมู่หรงไม่กล้ารับคนใหญ่คนโตอย่างท่านมาเป็นแขกขุนนาง ท่านเลือกใช้ป้ายอาญาสิทธิ์มาแลกเป็นของรางวัลดีกว่าไหม”

“ไม่!” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว “ข้าอยากเป็นแขกขุนนางของตระกูลมู่หรง เจ้าบ้านกงเหย่เล่นแง่อย่างนี้ หรือว่ามีอคติกับศิษย์สำนักมือปราบเทพอย่างพวกเรา”

ในช่องทีม…

[ดำมืด! ดำมืดจริงๆ!] หนิวจื้อชุนกล่าว

[ทำไมหรือ] ซานเย่ว์ถาม

หนิวจื้อชุนตอบว่า [ในเมื่อกงเหย่เฉียนบอกแล้วว่าไม่รับคนของสำนักมือปราบเทพ ก็แสดงว่าไม่มีข้อยกเว้นแน่นอน ที่เขาเกาะแกะเช่นนี้ก็เพื่อรอรีดไถเอาเงินเท่านั้นเอง เจ้าโชคดีแล้ว อยู่กับเขาต้องได้ผลประโยชน์มากกว่าคนอื่นแน่]

เป็นอย่างที่คาดไว้ กงเหย่เฉียนมองเยี่ยเว่ยหมิงด้วยสีหน้าไม่พอใจ ทำได้เพียงใช้คำพูดดีๆ โน้มน้าว

อย่างไรเสียประชาชนก็ไม่วิวาทกับคนของทางการ เขาไม่กล้าเป็นแพะรับบาปข้อหาดูถูกศิษย์ของสำนักมือปราบเทพ

หลังจากต่อรองกันไปยกหนึ่ง สุดท้ายกงเหย่เฉียนก็รับปากจะนำตำราลับทักษะยุทธ์ระดับกลางเล่มหนึ่งที่เหมาะกับเยี่ยเว่ยหมิงมาแลกกับป้ายอาญาสิทธิ์เข้าประตู

“เอ่อ คือ…” ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็นำป้ายอาญาสิทธิ์ออกมาอีกแผ่น “เจ้าบ้านกงเหย่ ที่ข้ายังมีป้ายอาญาสิทธิ์เข้าประตูอีกแผ่น ท่านดูหน่อยว่านำป้ายอาญาสิทธิ์สองแผ่นนี้รวมรางวัลได้หรือไม่ เพิ่มรางวัลให้ข้าอีกระดับหนึ่ง”

กงเหย่เฉียนเห็นดังนั้น สีหน้าก็เริ่มแย่กว่าเดิม อดขมวดคิ้วไม่ได้ว่า “โห ไม่สอดคล้องกับกติกานี่”

“เช่นนั้นพวกเราก็ใช้วิธีการที่สอดคล้องกับกติกาแล้วกัน” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวอย่างจริงจังมาก “ข้าอยากกลายเป็นแขกขุนนางของตระกูลมู่หรง”

“นี่คือตำราลับเคล็ดกระบี่ระดับสูง ท่านรับไปได้เลย!”

[ตำราลับเคล็ดกระบี่ระดับสูง: นี่คือเคล็ดกระบี่ระดับสูงที่ยังไม่รู้จัก ตอนนี้ถูกล็อกไว้ หลังจากออกจากหมู่บ้านชื่อสยาแล้ว ตำราลับจะปลดล็อกโดยอัตโนมัติ]

ในข้อมูลแนะนำตำราลับ เยี่ยเว่ยหมิงเหมือนเห็นคำว่า ‘กับดัก’ ตัวใหญ่

แต่เขากลับไม่ได้ต่อรองกับกงเหย่เฉียนอีกแล้ว เก็บตำราลับเอาไว้เสียเลย

มองออกเลยว่าตำราลับเล่มนี้คือผลประโยชน์สูงสุดที่อีกฝ่ายจะหามาได้แล้ว แม้สิ่งนี้จะเป็นกับดักมาก แต่ต่อให้เป็นกับดักอย่างไรก็ยังเป็นเคล็ดกระบี่ระดับสูง!

และตั้งแต่เข้าเกมมา เยี่ยเว่ยหมิงเจอเรื่องที่เป็นกับดักน้อยเสียที่ไหนล่ะ

สำนักมือปราบเทพยังมีสุดยอดวิชาเคล็ดจิต ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ มีอะไรบ้างที่ไม่เป็นกับดัก

ทว่าความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าไอเทมแบบเดียวกันนี้ ขณะที่มันมีด้านที่เป็นกับดัก แต่ในด้านอื่นก็จะต้องมีข้อดีที่ไอเทมประเภทเดียวกันไม่มีแน่นอน

เยี่ยเว่ยหมิงมีความมั่นใจ ต่อให้เป็นไอเทมที่เป็นกับดักแค่ไหน แต่เขาก็เล่นมันได้อย่างสวยงามอยู่ดี

แต่ความมั่นใจในตัวเองของเขา สาวน้อยไร้เดียงสาอย่างซานเย่ว์กลับไม่มี ดังนั้นหลังจากเก็บตำราลับแล้ว ก็ยังไม่ลืมที่จะกล่าวเสริมว่า “ศิษย์น้องของข้าคนนี้ก็ได้รับป้ายอาญาสิทธิ์เข้าประตูมาแผ่นหนึ่งเช่นกัน ข้าหวังว่าเจ้าบ้านกงเหย่จะให้ตำราลับที่เหมาะสมกับนางอย่างแท้จริงสักเล่ม ไม่เอาไอเทมลับที่ต้องรอออกจากที่นี่ก่อนถึงจะปลดล็อกได้ เจ้าบ้านกงเหย่ ท่านเข้าใจความหมายของข้าใช่ไหม”

“แน่นอนอยู่แล้ว!”

สำหรับคำขอของเยี่ยเว่ยหมิง กงเหย่เฉียนตอบรับอย่างสบายใจมาก หลังจากรับป้ายอาญาสิทธิ์เข้าประตูของซานเย่ว์มาแล้ว ก็นำตำราลับอาวุธลับเล่มหนึ่งออกมา “ตำราลับเล่มนี้ชื่อว่า ‘สิบแปดทลายอักษรนคร’ ตามที่ข้ารู้มา แม้จะไร้ผู้สืบทอดที่สำนักชิงเฉิงแล้ว แต่เดิมทีเป็นชุดเดียวกับ ‘อักษรชิงเก้าโหล’ คาดว่าคงเหมาะสมกับแม่นางซานเย่ว์”

หลังจากซานเย่ว์รับตำราลับมาแล้ว ก็กดเลือกเรียนรู้ทันที

จากนั้น ใบหน้าของสาวน้อยก็เผยรอยยิ้มที่ตื่นเต้นดีใจสุดๆ ออกมา ยิ้มจนดวงตาโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวคู่หนึ่ง

ขณะที่กำลังตื่นเต้นดีใจ นางก็จับภาพหน้าค่าสเตตัสสกิลส่งไปในช่องทีมโดยไม่พะว้าพะวงแม้แต่น้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 109 รีดไถมู่หรง

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 109 รีดไถมู่หรง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 109 รีดไถมู่หรง

เยี่ยเว่ยหมิงสังเกตดูอุปกรณ์แต่ละชิ้นที่ตระกูลมู่หรงมีให้แลกอยู่นานมาก ในจำนวนนั้นมีอุปกรณ์หลายชิ้นที่ทำให้เขาใจเต้น แต่สุดท้ายเขาก็ยังข่มตัวเองไม่ให้วู่วามไปแลกไอเทมเหล่านั้น เขานำคะแนนสะสมทั้งหมดไปแลกเป็นแต้มค่าตบะแล้ว

สำหรับผู้เล่นทุกคน แต้มค่าตบะมักเป็นสิ่งที่ไม่พอใช้เสมอ แต่เยี่ยเว่ยหมิงที่มีสกิลบรรจุศพก็สถานการณ์ดีกว่าคนอื่นเยอะ

แต่ตอนนี้เขากำลังมีบางสิ่งให้รีบใช้งานค่าตบะ!

เงื่อนไขการฝึกอย่างอื่นของกำลังภายในระดับสูงอย่าง ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ก็เต็มหมดแล้ว เหลือเพียงแค่เพิ่มเลเวลของ ‘เคล็ดชำระปราณ’ ให้ถึงเลเวลสิบ

หรือพูดได้อีกอย่างว่า ขอเพียงเขารีบเพิ่มกำลังภายในวิชานี้ให้ถึงเลเวลสิบ เขาก็ไม่เพียงแค่จะได้ดีใจกับเคล็ดวิชาอันสมบูรณ์ ยิ่งไปกว่านั้นคือจะได้เริ่มฝึก ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ที่เป็นกำลังภายในระดับสูงด้วย

เมื่อดูโบนัสสเตตัสของกำลังภายในระดับกลางอย่าง ‘หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น’ ก็จินตนาการได้แล้วว่า ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ที่เป็นกำลังภายในระดับสูงจะนำความตื่นเต้นดีใจอย่างไรมาให้

เพื่อให้เกิดความตื่นเต้นดีใจสองอย่างนี้ ถ้าจะให้ควบคุมความอยากในการเพิ่มระดับความสามารถในทันที เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่เขารับได้อยู่แล้ว

หลังจากนำคะแนนสะสมไปแลกเสร็จเรียบร้อย เยี่ยเว่ยหมิงรออีกสักพักหนึ่ง ซานเย่ว์กับหนิวจื้อชุนก็แลกรางวัลเสร็จแล้วเช่นกัน หลังจากถามไถ่กันนิดหน่อย ก็พบว่าพวกเขาเลือกนำคะแนนสะสมไปแลกเป็นค่าตบะเหมือนกัน แม้ซานเย่ว์จะยังรู้สึกอาลัยอาวรณ์กับอุปกรณ์คุณภาพสีทองที่ดูสวยงามพวกนั้นอยู่ก็ตาม

ในด้านคะแนนสะสม ที่จริงจำนวนคะแนนรวมของพวกเขาสามคนไม่ได้ต่างกันเยอะมาก แต่เลเวลเคล็ดวิชาของแต่ละคนต่างกันพอสมควร

สำหรับเยี่ยเว่ยหมิงในตอนนี้ คะแนนสะสมหนึ่งหมื่นกว่าอาจจะทำให้เขาเพิ่มความสามารถทีละเยอะๆ ได้ยาก ความสามารถที่เพิ่มขึ้นอาจจะเทียบกับอุปกรณ์คุณภาพสีทองหนึ่งชิ้นไม่ติดเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับซานเย่ว์กับหนิวจื้อชุน เห็นได้ชัดว่าการแลกค่าตบะมานั้นเอื้อประโยชน์ที่แท้จริงมากกว่า

หลังจากแลกคะแนนสะสมเสร็จแล้ว ทั้งสามถึงได้มุ่งตรงไปยังโถงหลักของหมู่บ้าน

เมื่อมีบทเรียนเรื่องความซวยหลายครั้งก่อนหน้านี้มาแล้ว จึงไม่มีผู้เล่นคนไหนกล้าเป็นฝ่ายท้า PK ในหมู่บ้านชื่อสยาอีก พวกเขาสามคนไปพบเจ้าบ้านกงเหย่เฉียนได้อย่างราบรื่นมาก

หลังจากกงเหย่เฉียนได้เห็นพวกเยี่ยเว่ยหมิงครั้งนี้ บนใบหน้ากลับเผยรอยยิ้มอันสดใสไร้ที่เปรียบ ยิ้มตาหยีราวกับเทพแห่งสายน้ำ “จอมยุทธ์น้อยทั้งสาม พวกท่านกำลังจะกลายเป็นศิษย์ของตระกูลมู่หรงแล้วสินะ หรือจะเป็นแขกขุนนางดีล่ะ หรือเตรียมจะใช้ป้ายอาญาสิทธิ์เข้าประตูแลกเป็นผลประโยชน์อย่างอื่น”

เมื่อได้ยินดังนั้น หนิวจื้อชุนก็ก้าวเข้าไปคนแรก ยื่นป้ายอาญาสิทธิ์เข้าประตูในมือให้กงเหย่เฉียน พร้อมยิงฟันยิ้มกล่าวว่า “ผู้น้อยหนิวจื้อชุนจากสำนักฉวนเจิน ต้องการเป็นแขกขุนนางของตระกูลมู่หรง”

“จอมยุทธ์น้อยหนิวไม่อยากทิ้งสำนักเดิม น่าเสียดายแล้ว…” ขณะที่พูด กงเหย่เฉียนก็เก็บป้ายอาญาสิทธิ์ของหนิวจื้อชุนไว้ และดูจากรอยยิ้มสับปลับของหนิวจื้อชุนก็รู้เลยว่าเขาบรรลุเป้าหมายแล้ว

ตอนที่เดินกลับมาจากข้างกายกงเหย่เฉียน หนิวจื้อชุนก็ยังขยิบตาให้เยี่ยเว่ยหมิงอย่างเจ้าเล่ห์ด้วย ทำสีหน้าภาคภูมิใจมาก

ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงก้าวขึ้นไปเป็นคนที่สอง ยื่นป้ายอาญาสิทธิ์ให้กงเหย่เฉียนพร้อมบอกว่า “ข้าก็อยากเป็นแขกขุนนางเช่นกัน”

“ตระกูลมู่หรงได้รับความช่วยเหลือจากยอดฝีมืออย่างจอมยุทธ์น้อยเยี่ย ถือเป็นเรื่องที่โชคดีจริงๆ” ดูจากสายตาของกงเหย่เฉียนก็รู้แล้วว่าความสามารถของเยี่ยเว่ยหมิงเหนือกว่าหนิวจื้อชุน ท่าทีที่แสดงออกมาจึงต่างกัน หลังจากสรรเสริญเยินยอด้วยความกระตือรือร้น ก็ถามเหมือนไม่ได้ตั้งใจอีกว่า “พวกเรารู้จักกันมานานขนาดนี้ ยังไม่ได้ขอคำแนะนำเลยว่าจอมยุทธ์น้อยเยี่ยมาจากสำนักไหน”

“ไม่ปิดบังความจริง ข้าเป็นศิษย์ของสำนักมือปราบเทพ”

เมื่อเยี่ยเว่ยหมิงกล่าวคำนี้ออกมา รอยยิ้มอันสดใสของกงเหย่เฉียนก็ถูกแช่แข็งทันที

ชั่วขณะนั้น ในโถงใหญ่เงียบจนต่อให้เป็นเสียงเข็มเล่มเดียวตกพื้นก็ได้ยิน

บรรยากาศอึดอัดอย่างนี้คงอยู่ห้าวินาทีเต็มๆ กว่ากงเหย่เฉียนจะดึงสติกลับมา แล้วกล่าวด้วยสีหน้าขออภัย “นึกไม่ถึงว่าจอมยุทธ์น้อยเยี่ยจะเป็นคนของทางการ ตระกูลมู่หรงไม่กล้ารับคนใหญ่คนโตอย่างท่านมาเป็นแขกขุนนาง ท่านเลือกใช้ป้ายอาญาสิทธิ์มาแลกเป็นของรางวัลดีกว่าไหม”

“ไม่!” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว “ข้าอยากเป็นแขกขุนนางของตระกูลมู่หรง เจ้าบ้านกงเหย่เล่นแง่อย่างนี้ หรือว่ามีอคติกับศิษย์สำนักมือปราบเทพอย่างพวกเรา”

ในช่องทีม…

[ดำมืด! ดำมืดจริงๆ!] หนิวจื้อชุนกล่าว

[ทำไมหรือ] ซานเย่ว์ถาม

หนิวจื้อชุนตอบว่า [ในเมื่อกงเหย่เฉียนบอกแล้วว่าไม่รับคนของสำนักมือปราบเทพ ก็แสดงว่าไม่มีข้อยกเว้นแน่นอน ที่เขาเกาะแกะเช่นนี้ก็เพื่อรอรีดไถเอาเงินเท่านั้นเอง เจ้าโชคดีแล้ว อยู่กับเขาต้องได้ผลประโยชน์มากกว่าคนอื่นแน่]

เป็นอย่างที่คาดไว้ กงเหย่เฉียนมองเยี่ยเว่ยหมิงด้วยสีหน้าไม่พอใจ ทำได้เพียงใช้คำพูดดีๆ โน้มน้าว

อย่างไรเสียประชาชนก็ไม่วิวาทกับคนของทางการ เขาไม่กล้าเป็นแพะรับบาปข้อหาดูถูกศิษย์ของสำนักมือปราบเทพ

หลังจากต่อรองกันไปยกหนึ่ง สุดท้ายกงเหย่เฉียนก็รับปากจะนำตำราลับทักษะยุทธ์ระดับกลางเล่มหนึ่งที่เหมาะกับเยี่ยเว่ยหมิงมาแลกกับป้ายอาญาสิทธิ์เข้าประตู

“เอ่อ คือ…” ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็นำป้ายอาญาสิทธิ์ออกมาอีกแผ่น “เจ้าบ้านกงเหย่ ที่ข้ายังมีป้ายอาญาสิทธิ์เข้าประตูอีกแผ่น ท่านดูหน่อยว่านำป้ายอาญาสิทธิ์สองแผ่นนี้รวมรางวัลได้หรือไม่ เพิ่มรางวัลให้ข้าอีกระดับหนึ่ง”

กงเหย่เฉียนเห็นดังนั้น สีหน้าก็เริ่มแย่กว่าเดิม อดขมวดคิ้วไม่ได้ว่า “โห ไม่สอดคล้องกับกติกานี่”

“เช่นนั้นพวกเราก็ใช้วิธีการที่สอดคล้องกับกติกาแล้วกัน” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวอย่างจริงจังมาก “ข้าอยากกลายเป็นแขกขุนนางของตระกูลมู่หรง”

“นี่คือตำราลับเคล็ดกระบี่ระดับสูง ท่านรับไปได้เลย!”

[ตำราลับเคล็ดกระบี่ระดับสูง: นี่คือเคล็ดกระบี่ระดับสูงที่ยังไม่รู้จัก ตอนนี้ถูกล็อกไว้ หลังจากออกจากหมู่บ้านชื่อสยาแล้ว ตำราลับจะปลดล็อกโดยอัตโนมัติ]

ในข้อมูลแนะนำตำราลับ เยี่ยเว่ยหมิงเหมือนเห็นคำว่า ‘กับดัก’ ตัวใหญ่

แต่เขากลับไม่ได้ต่อรองกับกงเหย่เฉียนอีกแล้ว เก็บตำราลับเอาไว้เสียเลย

มองออกเลยว่าตำราลับเล่มนี้คือผลประโยชน์สูงสุดที่อีกฝ่ายจะหามาได้แล้ว แม้สิ่งนี้จะเป็นกับดักมาก แต่ต่อให้เป็นกับดักอย่างไรก็ยังเป็นเคล็ดกระบี่ระดับสูง!

และตั้งแต่เข้าเกมมา เยี่ยเว่ยหมิงเจอเรื่องที่เป็นกับดักน้อยเสียที่ไหนล่ะ

สำนักมือปราบเทพยังมีสุดยอดวิชาเคล็ดจิต ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ มีอะไรบ้างที่ไม่เป็นกับดัก

ทว่าความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าไอเทมแบบเดียวกันนี้ ขณะที่มันมีด้านที่เป็นกับดัก แต่ในด้านอื่นก็จะต้องมีข้อดีที่ไอเทมประเภทเดียวกันไม่มีแน่นอน

เยี่ยเว่ยหมิงมีความมั่นใจ ต่อให้เป็นไอเทมที่เป็นกับดักแค่ไหน แต่เขาก็เล่นมันได้อย่างสวยงามอยู่ดี

แต่ความมั่นใจในตัวเองของเขา สาวน้อยไร้เดียงสาอย่างซานเย่ว์กลับไม่มี ดังนั้นหลังจากเก็บตำราลับแล้ว ก็ยังไม่ลืมที่จะกล่าวเสริมว่า “ศิษย์น้องของข้าคนนี้ก็ได้รับป้ายอาญาสิทธิ์เข้าประตูมาแผ่นหนึ่งเช่นกัน ข้าหวังว่าเจ้าบ้านกงเหย่จะให้ตำราลับที่เหมาะสมกับนางอย่างแท้จริงสักเล่ม ไม่เอาไอเทมลับที่ต้องรอออกจากที่นี่ก่อนถึงจะปลดล็อกได้ เจ้าบ้านกงเหย่ ท่านเข้าใจความหมายของข้าใช่ไหม”

“แน่นอนอยู่แล้ว!”

สำหรับคำขอของเยี่ยเว่ยหมิง กงเหย่เฉียนตอบรับอย่างสบายใจมาก หลังจากรับป้ายอาญาสิทธิ์เข้าประตูของซานเย่ว์มาแล้ว ก็นำตำราลับอาวุธลับเล่มหนึ่งออกมา “ตำราลับเล่มนี้ชื่อว่า ‘สิบแปดทลายอักษรนคร’ ตามที่ข้ารู้มา แม้จะไร้ผู้สืบทอดที่สำนักชิงเฉิงแล้ว แต่เดิมทีเป็นชุดเดียวกับ ‘อักษรชิงเก้าโหล’ คาดว่าคงเหมาะสมกับแม่นางซานเย่ว์”

หลังจากซานเย่ว์รับตำราลับมาแล้ว ก็กดเลือกเรียนรู้ทันที

จากนั้น ใบหน้าของสาวน้อยก็เผยรอยยิ้มที่ตื่นเต้นดีใจสุดๆ ออกมา ยิ้มจนดวงตาโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวคู่หนึ่ง

ขณะที่กำลังตื่นเต้นดีใจ นางก็จับภาพหน้าค่าสเตตัสสกิลส่งไปในช่องทีมโดยไม่พะว้าพะวงแม้แต่น้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+