ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 520 เกลียวคลื่นซัดหมีควาย

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 520 เกลียวคลื่นซัดหมีควาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 520 เกลียวคลื่นซัดหมีควาย

ตามข้อมูลที่อินปู้คุยให้มา ติงปู๋ซื่อคนนี้ก็คือชายเสเพล+ขี้ประจบ

ตัวเองมีลูกมีเมียแล้วแท้ๆ แต่ปรากฏว่าพอเห็นสื่อเสี่ยวชุ่ยหน้าตางดงามก็ทิ้งลูกทิ้งเมีย ไปเป็นสุนัขขี้ประจบของสื่อเสี่ยวชุ่ยอย่างหน้าไม่อาย

ด้วยความหยิ่งในศักดิ์ศรีของสื่อเสี่ยวชุ่ย มีหรือที่นางจะชายตามองผู้ชายห่วยๆ เช่นนี้

เมื่อมีติงปู๋ซื่อคอยเสียสละดันให้คู่แข่งโดดเด่นขึ้นมาอย่างไร้ความเห็นแก่ตัว สื่อเสี่ยวชุ่ยก็ย่อมกลายเป็นสามีของไป๋จื้อไจ้อย่างสมเหตุสมผลอยู่แล้ว

ผลปรากฏว่าเจ้าหมอนี่ยังไม่ล้มเลิกความคิดแย่ๆ เดิมทีก็ไม่เคยคิดจะกลับไปหาลูกเมียตัวเองอยู่แล้ว ทั้งชีวิตนี้คิดถึงแต่สื่อเสี่ยวชุ่ย

เห็นๆ กันอยู่ว่าทั้งคู่อายุปาเข้าไปเจ็ดสิบแปดสิบแล้ว แต่ก็ยังเกาะแกะสื่อเสี่ยวชุ่ยไม่เลิก

นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์เขาทำกันหรือ

สาเหตุที่เหมยฟางกู แม่บุญธรรมของอาจ่งนิสัยเจ้าอารมณ์ขนาดนั้น ก็ไม่พ้นความรับผิดชอบของติงปู๋ซื่อคนนี้แน่นอน!

สำหรับคนแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงไม่เคยคิดว่าต้องเกรงใจเขาเลย

ก่อนที่จะลงมือกันจริงจัง เขาตัดสินใจจะตบหน้าอีกฝ่ายแรงๆ สักฉาด!

กรรร!

พอปล่อย ‘มังกรผยองได้สำนึก’ ออกมา พลังฝ่ามือรูปมังกรสีฟ้าใสประกายก็บินออกมาอยู่ในระยะห่างสามจั้ง แล้วก็โผเข้าไปหาหน้าทะเล้นของติงปู๋ซื่อ

เห็นได้ชัดว่าติงปู๋ซื่อคิดไม่ถึงว่าบนเรือน้อยจะมีคนที่โจมตีพลังฝ่ามือผ่านอากาศที่ดุดันขนาดนี้ได้ การโจมตีแบบนี้ถ้าอยู่บนพื้นราบ เขาย่อมไม่กลัวอยู่แล้ว แต่เมื่อตัวอยู่กลางอากาศแบบนี้ เขาไม่รู้จะอาศัยแรงตรงไหนเลย

ดังนั้นยามเผชิญหน้ากับ ‘มังกรผยองได้สำนึก’ ของเยี่ยเว่ยหมิงที่เห็นได้ชัดว่ารับมือยาก ก็ทำได้เพียงแข็งใจโบกหมัดเข้ามารับเช่นกัน

ตอนที่พลังฝ่ามือของเยี่ยเว่ยหมิงชนกับสองหมัดของอีกฝ่าย ก็อยู่ห่างจากเขาประมาณสามจั้งแล้ว ซึ่งระหว่างที่ปราณแท้ออกจากร่างกายเขา ต่อให้มีเอฟเฟ็กต์พิเศษของ ‘วิชาอรูปฌาน’ รักษาอยู่ แต่ประสิทธิภาพของเคล็ดฝ่ามือก็ถูกทำให้อ่อนลงจนเหลือประมาณห้าส่วนแล้ว

พลังโจมตีแบบนี้ ถ้าอยากจะสร้างภัยคุกคามต่อติงปู๋ซื่อที่พลังฝีมือเทียบเท่ากับไป๋วั่นเจี้ยน ก็เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่ถ้าอยากขัดจังหวะการกระโดดของเขา กลับทำได้สบายอยู่แล้ว!

บึ้ม!

ไม่เหนือความคาดหมาย ฝ่ามือนี้ของเยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้สร้างคริติคอลดาเมจ แต่ก็เป็นไปตามคาดเช่นกัน ทำให้ติงปู๋ซื่อที่ไร้จุดอาศัยแรงกระเด็นไปข้างหลังทันที จากนั้นก็หน้าทิ่มลงในแม่น้ำ

ตู้ม!

บนผิวแม่น้ำถูกกระตุ้นจนเกิดน้ำกระจายขนาดใหญ่ เกลียวคลื่นซัดหมีควายได้ทั้งตัว!

เมื่อใช้ฝ่ามือเดียวทำให้ติงปู๋ซื่อหัวทิ่มลงแม่น้ำได้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ชักกระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงออกมาทันที

ตัวเองมีความสามารถเท่าไร เยี่ยเว่ยหมิงรู้ตัวดี

หนึ่งฝ่ามือก่อนหน้านี้อย่าว่าแต่ฆ่าคนเลย แม้แต่สร้างดาเมจให้ศัตรูก็ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ อย่างมากก็ทำได้เพียงตบหน้าตัวเองเท่านั้น

หลังจากรอให้ตาเฒ่าพิลึกนั่นโผล่ขึ้นน้ำอีกครั้ง ก็ต้องทำศึกเดือดกันอีกอย่างเลี่ยงไม่ได้

ทว่าสิ่งที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงคิดไม่ถึงก็คือ เขาใช้เวลารออยู่ตั้งหลายวินาที แต่กลับไม่เห็นติงปู๋ซื่อโผล่ศีรษะขึ้นมาจากน้ำเลย ลึกๆ ในใจอดตระหนกไม่ได้ จึงหลุดอุทานว่า “ท่าไม่ดีแล้ว!”

ขณะที่พูดอยู่นั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็ชิงก้าวขึ้นมาอยู่ใกล้กับขอบเรือ แล้วก้มหน้ามองในน้ำข้างล่าง ในดวงตาเขียนคำว่าระแวดระวังเอาไว้เต็ม

เซียนสาวน้อยนักกินเห็นแล้วอดถามไม่ได้ว่า “สหายเยี่ยกังวลว่าตาเฒ่าพิลึกนั่นจะดำน้ำเข้ามา แล้วขึ้นเรือตรงจุดที่เราคาดไม่ถึงอย่างนั้นหรือ”

เยี่ยเว่ยหมิงตอบกดเสียงต่ำตอบว่า “ข้ากังวลว่าตาแก่นั่นจะเจาะเรือมากกว่า!”

เล่ห์เหลี่ยมอย่างการพังเรือ ตอนรับมือกับจิวหมัวจื้อที่น่านน้ำกูซูก่อนหน้านี้ เยี่ยเว่ยหมิงเคยใช้มาแล้วครั้งหนึ่ง ลองเอาใจตัวเองวัดใจคนอื่น ย่อมคาดไม่ถึงเช่นกันว่าติงปู๋ซื่อจะไว้วิธีการแบบนี้โต้ตอบ

ตอนนี้เขาถึงขั้นเริ่มนึกเสียใจแล้วที่ก่อนหน้านี้ตัวเองอวดเก่งตบหน้าอีกฝ่าย

ให้อีกฝ่ายกระโดดขึ้นเรือมาโดยตรง จากนั้นฉวยโอกาสก่อนที่ผู้เล่นที่เขาพามาด้วยจะมาถึง ร่วมมือกับขุนเขาลำธารและสาวน้อยนักกินตับตาแก่นี้เสีย ไม่ดีหรอกหรือ ไอลีน

ตอนนี้เอง กลับได้ยินขุนเขาลำธารย่อมพานพบกล่าวกลั้หัวเราะ “สหายเยี่ยไม่ต้องกังวล ข้าจะดูทางนั้นเอง”

ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้เก็บสายตาระแวดระวังกลับมา แล้วมองไปทางที่ขุนเขาลำธารย่อมพานพบชี้ กลับเห็นว่าในบรรดาผู้เล่นสามคนที่อยู่ตรงหัวเรือ มีหนึ่งในนั้นกระโดดลงน้ำมาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ตอนนี้กำลังลากติงปู๋ซื่อที่แน่นิ่งเร่งว่ายน้ำไปยังเรือที่พวกเขาอยู่

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงเห็นอีกฝ่าย กลับเห็นคนคนนั้นพลันออกแรง โยนติงปู๋ซื่อจากน้ำขึ้นไปบนเรือทันที

ดูจากการกระทำของอีกฝ่าย ดูไม่ได้เปลืองแรงเลยสักนิดเดียว

ว่ายน้ำเก่งมาก!

ต้องทราบไว้ว่า คนคนหนึ่งหากต้องการออกแรงในน้ำ เมื่อเทียบกับบนบกถือว่ายากกว่ามาก

ว่ากันว่าแรงคือสิ่งที่มาจากพื้น เท่านี้ก็อธิบายได้แล้วว่าก่อนที่คนทั่วไปจะออกแรง อันดับแรกต้องหาจุดส่งแรงที่ค้ำยันพลังจากตัวเขาได้ ซึ่งพื้นราบก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่เมื่อตัวอยู่ในน้ำ วิธีการออกแรงก็ต่างจากตอนอยู่บนบก

คนที่ว่ายน้ำไม่เก่ง ไม่ว่าเจ้าจะมีแรงมากขนาดไหน แต่ตอนอยู่ในน้ำก็ใช้แรงมากไม่ได้อยู่ดี

ซึ่งการที่เขาจับคนตัวใหญ่หนักสองร้อยกว่าจิน (ประมาณร้อยกิโลกรัม) อย่างติงปู๋ซื่อโยนจากน้ำขึ้นมาบนเรือได้โดยตรง นอกจากค่าสเตตัสพละกำลังของตัวเองแล้ว ที่จริงความสามารถในการว่ายน้ำนั้นโหดยิ่งกว่า

อย่างน้อยถ้าเปลี่ยนเป็นเยี่ยเว่ยหมิง เขาถามใจตัวเองแล้ว พบว่าทำไม่ได้ถึงจุดนี้แน่นอน!

ในเมื่อพบภัยคุกคามแล้ว ก็ย่อมต้องกำจัดทิ้งทันที

ไม่มีความลังเลใดๆ เยี่ยเว่ยหมิงพลิกข้อมือ ดีดลูกดีดเหล็กใส่ผู้เล่นคนหนึ่งลูกหนึ่ง

ทว่าสุดท้ายการเคลื่อนไหวของเขาก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง ผู้เล่นตรงหน้าที่กำลังโยนติงปู๋ซื่อขึ้นเรือ ถือโอกาสกระโดดลงน้ำอีกฝั่งหนึ่งแล้ว หลบ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ของเยี่ยเว่ยหมิงล่วงหน้าราวกับคาดคะเนได้

ซึ่งตอนนี้เอง คนพายเรือตรงหน้าที่ได้รับคำสั่งจากผู้เล่นก็ดึงระยะห่างระหว่างเรือสองลำให้กว้างขึ้นอีกครั้ง

เยี่ยเว่ยหมิงเห็นสถานการณ์ดังนั้น ก็อดร้องในใจว่าน่าเสียดายไม่ได้

ในข้อมูลของเจ้าอ้วนชนะฟ้ากับอินปู้คุยล้วนเอ่ยถึงว่ารังของติงปู๋ซื่อชื่อว่าเกาะปี้หลัว นั่นคือเกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในแม่น้ำ

แต่ใครจะคิดว่ายอดฝีมือบู๊ลิ้มที่อยู่บนเกาะโดดเดี่ยวคนหนึ่งจะเป็นเป็ดตัวแห้ง[1]!?

โชคดีที่ก่อนหน้านี้เยี่ยเว่ยหมิงป้องกันเขาเหมือนป้องกันผีพรายน้ำ กลัวว่าเขาจะดำน้ำมาทำเสียเรื่องหมด

แต่ตอนนี้เหมือนจะสายไปแล้วเช่นกัน!

พอคิดถึงตรงนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็กำชับสหายร่วมทั้งสองด้วยเสียงเบาว่า “พวกเจ้ารับหน้าที่ปกป้องเรือลำนี้ให้ดี ข้าจะไปเอาชีวิตพวกเขาเอง!”

พอพูดจบ เขาก็ใช้ท่าร่างทะยานบันไดเมฆากระโดดขึ้นกลางอากาศราวกับเป็นนกยักษ์ตัวหนึ่ง แล้วทะยานไปยังเรือน้อยที่อยู่ตรงข้าม

ตอนนี้เรือน้อยสองลำอยู่ห่างกันสิบจั้งแล้ว ในระยะห่างแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงย่อมไม่มั่นใจว่าจะกระโดดข้ามไปถึง

แต่สำหรับเขาในตอนนี้ นับว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรแล้ว เมื่อเห็นว่าตอนกระโดดกำลังจะหมดแรง เยี่ยเว่ยหมิงก็เรียกเจ้าแดงออกมาทันที เขาใช้สองมือคว้าสองเท้าของเจ้าแดงไว้ จากนั้นบินไปยังเรือน้อยของอีกฝ่าย

หลังจากติงปู๋ซื่อถูกเขาตบลงน้ำเมื่อครู่นี้ เห็นได้ชัดว่าจมน้ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด

เยี่ยเว่ยหมิงตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะฉวยโอกาสเอาชีวิตตอนที่อีกฝ่ายป่วย

เก็บกวาด BOSS อย่างติงปู๋ซื่อรวมทั้งผู้เล่นสามคนนั้นออกจากสนามในคราเดียว!

[1] เป็ดตัวแห้ง 旱鸭子 หมายถึงคนที่ว่ายน้ำไม่เป็น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด