ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 425 พวกท่านมาช่วยคนใช่หรือไม่

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 425 พวกท่านมาช่วยคนใช่หรือไม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 425 พวกท่านมาช่วยคนใช่หรือไม่

“อยากให้ข้าปล่อยต้วนอวี้อย่างนั้นหรือ”

หลังจากได้ยินคำถามสุดท้ายของเยี่ยเว่ยหมิง ต้วนเหยียนชิ่งก็แสยะยิ้ม แล้วชูสามนิ้วให้ผู้เล่นกลุ่มนี้

เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วพูดต่ออย่างใจเย็น “ที่ข้าเพิ่งถามไปเมื่อครู่นี้ ก็คือคำถามที่สามของพวกเรา คิดว่าด้วยความใจกว้างของผู้อาวุโส คงไม่ถึงขั้นเล่นตุกติกกับข้าเพราะคำถามนี้ด้วยการบอกว่าถ้าเจ้าจะให้ปล่อยต้วนอวี้นั้นมีสามเงื่อนไข อีกคำถามที่เหลือของพวกเราถามได้เพียงหนึ่งหนึ่งเงื่อนไขจากในนั้น”

“หึ! เจ้าคิดว่าข้าเป็นเจ้าหรือ”

เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดประชดแบบนี้ ในที่สุดต้วนเหยียนชิ่งก็หมดอารมณ์ที่จะอุบเรื่องนี้ไว้ บอกตรงๆ เสียเลยว่า “ที่ข้าชูสามนิ้ว ไม่ได้แปลว่าต้องการให้ต้วนเจิ้งหมิงตอบรับสามเงื่อนไข แต่ข้าจะให้ทางออกเขาสามทาง ให้เขาเลือกหนึ่งในนั้น”

“สามทางไหน”

อิงตามที่ต้วนเหยียนชิ่งบอก นี่ไม่นับเป็นคำถามที่สี่ แต่ดูท่าแล้ว ต้วนเหยียนชิ่งก็มีเจตนาจะให้พวกผู้เล่นที่มาทำภารกิจเป็นกระบอกเสียงให้สักครั้ง ถึงขั้นว่าหลังจากเขาตอบสามคำถามแล้ว ก็เหมือนจะไม่ลงมือกลั่นแกล้งพวกเขาด้วยเช่นกัน

ตอนนี้กลับได้ยินต้วนเหยียนชิ่งกล่าวอย่างไม่ทุกข์ร้อน “หนทางแรก ขอเพียงต้วนเจิ้งหมิงรับปากข้าว่าจะไปบวชที่วัดเทียนหลง มอบตำแหน่งฮ่องเต้ให้ข้า ข้าก็จะถอนพิษในตัวต้วนอวี้ คืนตัวหลานชายแสนดีที่แข็งแรงดุจพยัคฆ์มังกร ไม่ด่างพร้อยเรื่องคุณธรรมให้เขา”

เหลวไหลสิ้นดี!

ราชวงศ์ต้าหลี่ในโลกของจอมยุทธ์ แม้จะมีธรรมเนียมอันดีงามว่าเมื่อถึงอายุกำหนดแล้วจะออกบวช และสละตำแหน่งให้ผู้มีความสามารถอย่างเต็มใจ แต่ก็ต้องดูว่าจะสละให้ใคร!

ถ้าจะให้ต้วนเจิ้งหมิงมอบตำแหน่งฮ่องเต้ให้ต้วนเจิ้งฉุน หรือมอบให้ต้วนอวี้โดยตรง บางทีเขาอาจจะไม่ลังเล แต่หากเขามอบตำแหน่งฮ่องเต้ให้พี่ใหญ่ของสี่คนโฉดที่ชื่อเสียงฉาวโฉ่ทั่วยุทธภพ เขาจะไม่กลายเป็นคนบาปแห่งประวัติศาสตร์ของแคว้นต้าหลี่หรอกหรือ

ลองคิดดูสิ ฉากประหลาดๆ ที่ขุนนางคนสำคัญแคว้นต้าหลี่เปลี่ยนเป็นเยี่ยเอ้อร์เหนียง เย่ว์เหล่าซานและอวิ๋นจงเฮ่อ นั่นจะทำให้คนรู้สึกขนลุกหรือเปล่า

แต่นี่ล้วนเป็นเรื่องที่ต้วนเจิ้งหมิงต้องตัดสินเอง ภารกิจของพวกเยี่ยเว่ยหมิงก็แค่มาสืบข่าว ขอเพียงนำคำพูดของต้วนเหยียนชิ่งไปบอกต้วนเจิ้งหมิงให้เหมือนต้นฉบับ ก็ถือว่าทำภารกิจครั้งนี้ให้สำเร็จได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

ส่วนที่บอกว่าช่วยคน?

นั่นก็คือขั้นตอนต่อไปของภารกิจ หรือไม่ก็เป็นภารกิจถัดไป

ดังนั้น เยี่ยเว่ยหมิงจึงไม่คิดจะเถียงกับต้วนเหยียนชิ่งเลย กลับถามต่อด้วยน้ำเสียงปกติ “แล้วอีกสองทางล่ะ”

เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงซักไซ้ แล้วมองผู้เล่นคนอื่นที่ท่าทางดูใจเย็นมาก จู่ๆ ต้วนเหยียนชิ่งก็รู้สึกว่ากำลังของตัวเองโจมตีไปก็เจอแต่ความว่างเปล่าทั้งนั้น เมื่อได้พูดคุยกับผู้เล่นที่ไม่มีจุดยืนแน่นอนพวกนี้ บางครั้งก็ประหยัดแรงจริงๆ แต่บางครั้งก็ทำให้คนเดือดดาลมากเช่นกัน

ต้วนเหยียนชิ่งโบกมือแล้วอธิบายต่ออย่างหงุดหงิดเล็กน้อย “หนทางที่สอง ให้ต้วนเจิ้งหมิงวางแผนลับ สังหารข้าโดยไม่ทันตั้งตัว เช่นนั้นเขาก็จะปล่อยต้วนอวี้ออกมาได้แล้ว”

จากนั้นก็ไม่รอให้ใครพูดอะไรต่อ เขาประกาศหนทางสุดท้ายออกมาอีก “หนทางที่สาม ให้เจ้าต้วนอวี้นั่นใช้ดรรชนีเอกสุริยันสู้กับข้า ขอเพียงเอาชนะข้าได้ เขาเองก็จะหนีออกไปได้แล้วไม่ใช่หรอกหรือ”

นี่คือสามหนทางที่ต้วนเหยียนชิ่งเสนอให้ แต่แต่ละหนทางฟังเหลวไหลขึ้นเรื่อยๆ จากจุดนี้จะเห็นได้ว่าเขาไม่มีความจริงใจที่จะเจรจาเงื่อนไขเลย

แม้แต่เจ้าอ้วนชนะฟ้าที่ฝึกจิตใจมาดีมาก พอได้ยินแบบนี้ก็ยังอดถากถางไม่ได้ “หรือไม่ท่านก็ปล่อยต้วนอวี้ก่อน เงื่อนไขก็คือหลังจากผ่านไปหนึ่งปีค่อยให้เขาตัดสินแพ้ชนะกับท่าน ต่อให้ไม่ใช้ดรรชนีเอกสุริยันแต่ก็ใช้ดรรชนีกระบี่หกชีพจรได้ นำบัลลังก์ฮ่องเต้ของต้าหลี่มาเดิมพันเป็นอย่างไร”

สำหรับคำพูดประชดปนสปอยล์เนื้อเรื่องของเจ้าอ้วนชนะฟ้า ต้วนเหยียนชิ่งกลับไม่สนใจเช่นกัน ได้แต่พึมพำกับตัวเองต่อไป “ถ้าต้วนเจิ้งหมิงไม่ยอมตอบรับเงื่อนไขสามข้อที่บอกไป ต่อให้เขาระดมทัพทหารรักษาวังต้องห้ามหรือทัพราชองครักษ์มาที่นี่ อำนาจของข้าแม้จะเทียบเขาไม่ติด แต่ถ้าจะให้ฆ่าเจ้าโจรต้วนอวี้นี่ก่อนก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ”

เมื่อฟังเงื่อนไขของต้วนเหยียนชิ่งจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็พยักหน้า จากนั้นก็กุมหมัดคารวะอีกฝ่ายอย่างมีมารยาทมาก “สิ่งที่ผู้อาวุโสกล่าวมา ผู้น้อยจะบอกให้จักรพรรดิเป่าติ้งแห่งต้าหลี่ทราบแน่นอน หากไม่มีธุระอย่างอื่นแล้ว พวกเราขอตัวก่อน”

“ดีมาก!” ต้วนเหยียนชิ่งพยักหน้าให้พวกเขา จากนั้นใช้สองไม้เท้าค้ำพื้น ร่างกายทะยานขึ้นมา หายไปทางหุบเขาว่านเจี๋ยที่อยู่ลึกเข้าไปในป่าทึบทันที

ความเร็วแบบนี้ ต่อให้เทียบกับอวิ๋นจงเฮ่อและเยี่ยเอ้อร์เหนียงก่อนหน้านี้ก็ไม่ด้อยกว่าเลย!

เมื่อเห็นท่าร่างระดับนี้ของอีกฝ่าย เยี่ยเว่ยหมิงก็อดปาดเหงื่อไม่ได้ ก่อนหน้านี้เขายังคิดอยู่เลยว่าถ้าสู้ไม่ได้ก็ยังหนีได้ ทว่าพอได้เห็นตอนนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าต้วนเหยียนชิ่ง เกรงว่าต่อให้เขาอยากจะอาศัยท่าร่างหนีไป แต่ก็เป็นเรื่องยากมากอยู่ดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าต้องดึงซานเย่ว์หนีไปด้วยอีก

อย่างไรเสียต้วนเหยียนชิ่งก็เป็นคนไม่ใช่เสือ วิ่งเร็วกว่าพวกต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียงก็ใช่ว่าจะมีประโยชน์

เมื่อเห็นว่าล้วงข้อมูลจากต้วนเหยียนชิ่งได้ชัดเจนแล้ว พวกเขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะสืบข่าวในหุบเขาว่านเจี๋ยต่อ เลี้ยวออกจากหุบเขาว่านเจี๋ยผ่านทางเดิมทันที

ขณะที่เดินออกมา เจ้าอ้วนชนะฟ้าก็ส่งข้อความในช่องทีม [ข้ารู้สึกว่าภารกิจของพวกเราไม่ได้จบง่ายขนาดนี้ เกรงว่าภารกิจสำคัญที่ต้องช่วยต้วนอวี้ออกมาก็ต้องตกอยู่ที่ผู้เล่นอย่างพวกเราอยู่ดี สำหรับเรื่องนี้ สหายเยี่ยมีคำแนะนำอะไรดีๆ หรือไม่]

[คำแนะนำ?] เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มอย่างใจเย็น [ก็ต้องโจมตีเตาไป๋เฟิ่งอยู่แล้ว มีความได้เปรียบด้านเนื้อเรื่องขนาดนี้ ถ้าไม่ใช้จะถูกทัณฑ์อัสนีบาตเอานะ]

เจ้าอ้วนชนะฟ้าส่ายหน้า [คิดจะโจมตีนาง จะทำได้ง่ายอย่างที่พูดหรือ]

ถึงอย่างไรการมีสัมพันธ์กับชายอื่นลับหลังสามี ไม่ว่าจะเป็นสำหรับยุคไหนก็เป็นข่าวฉาวโฉ่ที่ทำลายชื่อเสียงทั้งนั้น นับประสาอะไรกับยุคโบราณ]

[พวกเราไม่มีหลักฐานอะไร พูดปากเปล่า นางไม่มีทางเชื่อหรอก]

[ที่จริงแล้ว ตามต้นฉบับเดิม ตอนที่นางเห็นต้วนอวี้กำลังจะตาย นางถึงได้ใช้วิธีการคลุมเครือเตือนต้วนเหยียนชิ่งว่าต้วนอวี้เป็นลูกชายของเขา ตอนหลังต้วนอวี้จะไปฆ่าล้างแค้นต้วนเหยียนชิ่ง กลายเป็นโศกนาฏกรรมระหว่างความสัมพันธ์ของมนุษย์ นางถึงต้องยอมพูดความจริงออกมา]

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วกลับยิ้มอย่างมั่นใจ จากนั้นดึงซานเย่ว์มาแล้วบอกว่า “ศิษย์น้องของข้าคนนี้ มีทักษะสังเกตสีหน้าท่าทาง รับมือกับ NPC ได้ผลดีเป็นพิเศษ แม้จะทำไม่ได้ถึงขั้นอ่านใจคน แต่มองสิ่งที่คนอื่นมองไม่ออกได้แน่นอน”

พอเยี่ยเว่ยหมิงพูดจบก็ยื่นมือไปชี้หลิวอวิ๋นอีก “ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินสหายหลิวอวิ๋นเอ่ยถึงเจ้า คิดว่าเจ้าน่าจะรู้จักความสารถของเขาพอสมควร เจ้าคิดว่าถ้าให้พวกเขาสองคนลงมือพร้อมกัน จะไม่มีโอกาสง้างปากเตาไป๋เฟิ่งเชียวหรือ”

เจ้าอ้วนชนะฟ้าได้ยินแล้วหันไปมองหลิวอวิ๋น มุมปากกลับเผยยิ้มอย่างเข้าใจ

เป็นอย่างนั้นจริง เรื่องที่เฉพาะทางก็ควรส่งให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางทำ

ก็เหมือนที่เขาไม่เกรงกลัวอะไรตอนอยู่บนกระดานหมากล้อม ส่วนหลิวอวิ๋นก็ถนัดเรื่องการโน้มน้าว บวกกับมีซานเย่ว์ที่มองทะลุความคิดของ NPC คอยช่วยอยู่ข้างๆ เช่นนั้นโอกาสชนะก็มีอย่างน้อยแปดส่วนขึ้นไป

ตอนที่พวกเขากำลังเริ่มเตรียมตัวล่วงหน้า ปรึกษากันว่าควรจะช่วยคนออกมาอย่างไรในภารกิจภาคต่อ กลับเห็นสาวน้อยคนหนึ่งออกมาจากป่าข้างหน้า มาขวางทางออกจากหุบเขา

แต่พอได้เห็นท่าร่างของนาง ก็เหมือนจะไม่ใช่ยอดฝีมืออะไร

หลังจากปรากฏตัว สาวน้อยก็มองพวกเยี่ยเว่ยหมิง ดวงตากลมโตงดงามกวาดมองบนตัวของทุกคน พร้อมถามว่า “พวกท่านมาช่วยพี่ใหญ่ต้วนใช่หรือไม่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด