ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 491 เวรกรรมชัดๆ!

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 491 เวรกรรมชัดๆ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 491 เวรกรรมชัดๆ!

[กระบี่เจินซื่อ (ทองคำ)] กระบี่ล้ำค่าที่รูปลักษณ์ภายนอกดูตลก แต่กลับมีประสิทธิภาพไม่ธรรมดา เพียงแต่มันดึงดูดความแค้นของศัตรูได้ง่าย ต้องใช้อย่างระมัดระวัง!

โจมตี +250

ป้องกัน +250

ความเร็วในการสะสมค่าความแค้นเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่า!

……

เมื่อเห็นชื่อของกระบี่ล้ำค่าเล่มนี้ ในหัวเยี่ยเว่ยหมิงก็อดนึกถึงใบหน้าใหญ่ๆ อันแสนประหลาดของเปาปู้ถงไม่ได้

เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้นึกถึงสิ่งที่ไม่สะอาดพวกนั้น แล้วเก็บกระบี่อีกรอบ

กระบี่เจินซื่อเล่มนี้ แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นอุปกรณ์ที่ทำมาเพื่อตัวแทงค์

เพราะการจะดึงค่าความแค้นของมอนสเตอร์ได้หรือไม่ ถือเป็นคุณสมบัติอันดับหนึ่งที่จะวัดว่าตัวแทงค์ผ่านมาตรฐานหรือไม่

พลังป้องกันโง่ๆ ก็ยิ่งทำให้มันกลายเป็นอุปกรณ์ชั้นดีของตัวแทงค์

เพราะสำหรับตัวแทงค์ พลังป้องกันสำคัญกว่าพลังโจมตีตั้งเยอะ

แต่สำหรับเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว หากมีกระบี่เล่มนี้อยู่ในมือ ประโยชน์ที่นับไม่ถ้วนของมันก็แทบจะกลายเป็นศูนย์ทันที

ประการแรกเป็นเพราะเขามีทักษะ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ซึ่งไม่ต่างกับการยั่วเย้าแบบระบุเป้าหมาย ขอเพียงไม่ใช่ร่างแท้ของ BOSS โหมดปกติ แค่กระดิกนิ้ว อีกฝ่ายก็วิ่งเข้ามาสู้ตายกับเขาแล้ว ขอเพียงการคำนวณไม่หยุดชะงักกลางคัน ก็จะไม่เกิดปรากฏการณ์ OT (ค่าความแค้นเสียการควบคุม) แน่นอน

แต่สำหรับ BOSS ร่างแท้โหมดปกติที่แม้แต่ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ก็ยังควบคุมไม่ได้ กระบี่เล่มนี้ก็ยิ่งทำอะไรไม่ได้แล้ว

พูดกรณีที่แย่ที่สุด ต่อให้ไม่ใช่ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ เขาก็ยังมีกระบี่ทองปัวสวินที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดสองเท่าไม่ใช่หรอกหรือ

ความเจ็บปวดสองเท่าแม้จะต่างกับความแค้นสองเท่านิดหน่อย แต่สรุปแล้วก็ต่างไม่มาก

[ชุดเจินเหนิง(ทองคำ)] ชุดที่ดูเหมือนธรรมดาชุดหนึ่ง แต่กลับมีประสิทธิภาพลึกลับ

ป้องกัน +100

พลังชีวิตสูงสุด +1000

ความเร็วในการสะสมค่าความแค้นเพิ่มขึ้น 50%!

……

เป็นอุปกรณ์ทองคำสำหรับตัวแทงค์อีกแล้ว แม้จะไม่ได้แพงเท่าอุปกรณ์ล้ำค่า แต่สำหรับตัวแทงค์ของทีม ความแพงของมันก็อาจจะไม่ด้อยกว่าอาวุธล้ำค่าทั่วไป

ซึ่งดูจากค่าสเตตัสของอุปกรณ์สองชิ้นนี้ก็รู้แล้วว่าเปาปู้ถงมีศีรษะเอาไว้โดนตี หลังจากเห็นแล้วไม่ซ้อมเขาสักยก ก็จะรู้สึกอึดอัดใจ

อุปกรณ์สองชิ้นนี้ เยี่ยเว่ยหมิงเตรียมจะห่อไปโยนให้ร้านอุปกรณ์กิตติมศักดิ์ คงจะขายได้ราคาดีมาก

ไอเทมดรอปมีแค่สองอย่างเท่านั้น ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงบอสโหมดภารกิจ เยี่ยเว่ยหมิงเองก็ไม่ใช่ผู้โชคดีอะไร คลำศพแล้วไม่เจอตำราลับทักษะยุทธ์ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้วเช่นกัน

จากนั้นก็เป็นตำราลับตระหนักรู้สามเล่มที่ดรอปได้จากเปาปู้ถง

[ตระหนักรู้วิชากระบี่] บันทึกเคล็ดกระบี่ของเปาปู้ถงจากสกุลมู่หรง เมื่อใช้เคล็ดกระบี่ที่กำหนด ก็จะเพิ่มค่าประสบการณ์ 25000 แต้ม!

[ตระหนักรู้วิชาหมัดฝ่ามือ] …ค่าประสบการณ์ 25000 แต้ม !

[ตระหนักรู้วิชากำลังภายใน] … ค่าประสบการณ์ 25000 แต้ม!

ค่าประสบการณ์ที่ได้จากสามเล่มนี้เหมือนกันหมด ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าจอมเสียดสีคนนี้มีวาสนากับเลขสองห้าศูนย์[1]ขนาดไหน

ค่าประสบการณ์ที่ได้จากตำราลับสามเล่มนี้ สำหรับเยี่ยเว่ยหมิงในตอนนี้ถือว่าเป็นน้ำแก้วหนึ่งกับรถขนฟืนที่ไฟไหม้[2]

หลังจากอ่านศึกษาอย่างละเอียดรอบหนึ่ง ตำราวิชากระบี่กับวิชากำลังภายในอย่าง ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ กับ ‘อรูปฌาน’ ก็เพิ่มค่าประสบการณ์ขึ้นมา 37500 แต้ม

ส่วน ‘ตระหนักรู้วิชาหมัดฝ่ามือ’ ที่เหลือ เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่เพิ่มฝ่ามือไม่ได้ เขาจึงใช้วิธีเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกันแล้วเพิ่มไปบน ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ เพิ่มค่าประสบการณ์ให้มัน 9375 แต้ม

เอาเป็นว่ายังดีกว่าไม่มีอะไรเลย

ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงจึงถือว่าจัดการผลตอบแทนที่ได้จากเปาปู้ถงเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เยี่ยเว่ยหมิงยืนขึ้น แล้วเดินตรงออกนอกบ้านไป

หลังจากสู้กับวานรแขนยักษ์ก่อนหน้านี้ นอกจากเยี่ยเว่ยหมิงจะได้ชัยชนะอย่างราบรื่น ทำให้ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ เพิ่มคุณภาพเป็นระดับกลางแล้ว ขณะเดียวกันยังทำให้เขาประยุกต์ใช้งาน ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ กับ กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ ได้อีกด้วย เกิดกระบวนการรับรู้ใหม่จริงๆ

ยกตัวอย่างเช่นลักษณะพิเศษของ ‘มังกรบินอยู่สวรรค์’ ที่ยิ่งกระโดดสูงเท่าไร พลังโจมตีก็จะยิ่งแข็งแกร่งเท่านั้น อิงตามประสบการณ์การต่อสู้ก็สรุปได้ว่า เคล็ดฝ่ามือนี้ใช้แรงโน้มถ่วงบวกความเร็วเพื่อทำให้การโจมตีแบบนี้เป็นจริงขึ้นมาได้

เช่นนั้นก็เกิดปัญหาแล้ว การใช้ความเร็วของแรงโน้มถ่วงมาเพิ่มประสิทธิภาพเคล็ดฝ่ามือ แม้ตามทฤษฎีจะทำได้ไร้ขีดจำกัด

ถ้าลองทำขึ้นมาจริงๆ จะทำได้อย่างไร้ขีดจำกัดจริงหรือ

ปัจจัยที่ไม่แน่นอนแบบนี้ ถ้านำไปทดลองสู้กับยอดฝีมือ ก็อาจจะอันตรายเกินไป

ก่อนที่จะสู้กับวานรแขนยักษ์ เนื่องจากเขาไม่ได้คิดล่วงหน้า ถึงได้เลือกใช้ BOSS ประเภทนี้มาทดสอบประสิทธิภาพ

ในเมื่อตอนนี้คิดได้แล้ว ก็ย่อมต้องพิสูจน์สิ่งที่ยังไม่แน่ใจเมื่อตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างปลอดภัยอยู่แล้ว

มีเพียงการทำแบบนั้น เวลาที่เจอศัตรูที่แข็งแกร่งถึงจะรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดเหตุไม่คาดคิด!

นอกจากความเร็วแรงโน้มถ่วงของ ‘มังกรบินอยู่สวรรค์’ แล้ว ยังมีกระแทกพื้นของ ‘มังกรซ่อนกบดาน’ เหมือนก่อนหน้านี้ด้วย มันทำให้ศัตรูติดสถานะลอยได้

การโจมตีแบบนี้ จะมีกระบวนท่าอื่นที่เหมาะสมกว่ามาทดแทนหรือเปล่า

แม้กระทั่งทักษะยุทธ์อื่นที่มีผลโจมตีให้ศัตรูล่าถอย ถ้าเปลี่ยนมุมโจมตี ก็จะทำได้แบบนี้เหมือนกันหรือเปล่า

นอกจากนี้ หลังจากทำให้ศัตรูติดสถานะลอยแล้ว ตอนหลังต้องใช้กระบวนท่าแบบใดต่อกัน ประสิทธิภาพถึงจะออกมาดีที่สุด

ทุกอย่างที่กล่าวมานี้ ล้วนต้องพิสูจน์ในการต่อสู้จริง

มีแต่ต้องสะสมประสบการณ์ให้เยอะๆ เวลารับมือสถานการณ์ถึงจะทำได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ!

ต้องใช้เวลาอีกสองวันกว่าจะออกจากเจิ้นเจียงไปเจอน้องดาบ เขาเตรียมจะใช้เวลานี้ให้เกิดประสิทธิภาพ หาจุดฝึกอัปเลเวลที่มีมอนสเตอร์เยอะกว่าคน ทดลองสิ่งต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นสักรอบ

แต่กลับคาดไม่ถึงว่าตอนที่เขาเพิ่งเปิดประตูห้อง ก็เห็นคนหัวโล้นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีกำลังมองเขาด้วยสีหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม

เมื่อเห็นคนคนนี้ กล้ามเนื้อของเยี่ยเว่ยหมิงก็ตึงไปทั้งตัว โคจรกำลังภายในจนถึงขีดจำกัดสูงสุดด้วยเช่นกัน

ทำท่าเหมือนเจอศัตรูที่แข็งแกร่ง

แต่คนนอกประตูกลับลงมืออย่างไม่รีบร้อน โค้งตัวทักทายเขาแบบชาวพุทธพร้อมเอ่ยว่า “อามิตาภพุทธ! จอมยุทธ์น้อยเยี่ย นึกไม่ถึงสินะ พวกเราเจอกันอีกแล้ว”

ขณะมองพระที่ภายนอกดูสง่าน่าเกรงขามแต่ความจริงใจดำอำมหิต เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกปวดประสาท

สาเหตุก็ไม่ใช่เพราะอะไร เพราะเขาสู้ไม่ไหวจริงๆ!

ผู้ที่มาไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นคนที่แค่ชื่ออย่างเดียวก็ยาวสิบสี่ตัวแล้ว พระธรรมจักรใหญ่แห่งภูเขาต้าเสวี่ยซาน ราชครูถู่ปัว จิวหมัวจื้อ!

เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงยืนอยู่ตรงประตู ไม่ได้ตอบสนองใดๆ จิวหมัวจื้อก็อดถามพร้อมรอยยิ้มไม่ได้ “วันนี้อาตมาตั้งใจมาเยี่ยมถึงที่ จอมยุทธ์น้อยเยี่ยจะไม่เรียกให้ข้านั่งสักหน่อยหรือ”

ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงอยากจะบีบคอพระรูปนี้ให้ตาย ถ้าไม่ใช่เพราะสู้ไม่ไหว เขาก็ถึงขั้นไม่ถือสาที่จะนำความคิดนี้ไปปฏิบัติจริง

แต่สถานการณ์บีบบังคับคน เขาทำได้เพียงเชิญอีกฝ่ายเข้าห้องอย่างกลุ้มใจ พร้อมถามว่า “ส่วนหนึ่งของ ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ ที่เกี่ยวข้องกับข้าสิ้นสุดแล้ว ไต้ซือยังไม่ยอมแพ้อีกหรือ”

ขณะที่กำลังพูด เยี่ยเว่ยหมิงก็เรียกให้จิวหมัวจื้อนั่งลงข้างโต๊ะอาหารในห้องแล้ว อีกฝ่ายส่ายหน้าเล็กน้อยพร้อมบอกว่า “เป็นอย่างที่จอมยุทธ์น้อยเยี่ยบอก เรื่อง ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ จบแล้ว อาตมาแพ้แล้วก็คือแพ้ ต่อให้คุณชายเป็นฝ่ายอยากเขียนตำราลับส่งให้อาตมาเอง แต่อาตมาก็ไม่มีทางรับได้อยู่ดี”

เยี่ยเว่ยหมิงชะงักเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้ากลับสดใสขึ้น “ภารกิจ ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ แม้จะจบแล้ว แต่บนตัวคุณชายกลับมีของที่อาตมาสนใจมากเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง…

…ต้องบอกเลยว่า นี่เป็นทั้งความบังเอิญและวาสนา”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วแอบทอดถอนใจ

เวรกรรมชัดๆ!

[1] สองห้าศูนย์ 250 หมายถึงโง่ ปัญญาอ่อน

[2] น้ำแก้วหนึ่งกับรถขนฟืนที่ไฟไหม้ 杯水车薪 หมายถึงมีจำนวนน้อยกว่า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด