Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1452

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1452 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1452 หนึ่งวจีสยบหมื่นชาติ

หลี่ชิเย่พักอยู่ที่เมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เขาอาศัยอยู่ในโรงเตี้ยมแห่งหนึ่งของเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์รวดเดียวหลายวัน อีกทั้งยังไม่เคยก้าวเท้าออกไปจากห้องพักอีกด้วย

การที่หลี่ชิเย่กลับกลายเป็นสงบเสงี่ยมอย่างกะทันหัน โดยพักอยู่แต่ในห้องนั้น ได้สร้างความประหลาดใจให้กับเย่เสี่ยวเสี่ยว พวกนางต่างก็รู้ว่าหลี่ชิเย่หาใช่คนที่ชอบอยู่อย่างสงบ

“เจ้าคนอวดดี เจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะ? หรือเจ้าคิดจะเป็นกุลสตรีหัดเป็นแม่ศรีเรือนหรืออย่างไร? ” เมื่อเย่เสี่ยวเสี่ยวเห็นหลี่ชิเย่ไม่ก้าวเท้าออกจากห้องเลย จึงเอ่ยด้วยความสงสัย

หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย แล้วกล่าวว่า “รอคนๆ หนึ่ง”

“รอใครรึ? แล้วต้องรอนานแค่ไหน? ” นับตั้งแต่หลี่ชิเย่กลับมาหลังจากที่จากไปหลายวันแล้ว ก็มีท่าทางที่ดูแปลกไปเย่เสี่ยวเสี่ยวมั่ใจว่าหลี่ชิเย่ต้องมีความในใจ แต่ว่า ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร

เมื่อเย่เสี่ยวเสี่ยวถามถึงเรื่องนี้ ทำให้หลี่ชิเย่ถึงกับนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เขามองออกไปนอกหน้าต่าง สุดท้ายได้กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “รออีกสักหลายวันก็แล้วกัน ถ้าหากยังมาไม่ถึง พวกเราก็ไปจากเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ไปสถานที่อีกแห่งหนึ่ง”

เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้ว เขาถึงกับทอดถอนภายในใจเบาๆ การมาแดนวิญญาณสวรรค์ของเขาในครั้งนี้ นอกจากมาเพื่อสิ่งที่เรียกว่าหน้าแห่งศักราชแล้ว เขายังต้องการจัดการบุญคุณความแค้นเรื่องหนึ่งในครั้งครานั้นให้เรียบร้อย หลังจากที่จัดการบุญคุณความแค้นนี้เสร็จสิ้นแล้ว ในอนาคตนับว่าสามารถสู้รบจนถึงสุดปลายทางของโลกนี้ได้โดยไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใดอีกเลย

แต่ว่า หากนางไม่ยินดีที่จะไปเผชิญกับมัน ไม่ยินยอมแก้ไขร่วมกับเขาล่ะก็ เขาเองก็จนด้วยเกล้า บางที ในท้ายที่สุดแล้ว เขาคงทำได้เพียงพกพาเอาคำว่าเสียใจไปจากแดนวิญญาณสวรรค์

เย่เสี่ยวเสี่ยวมองเห็นท่าทางของหลี่ชิเย่แล้วจึงไม่ซักถามต่อไป แม้ว่านางอายุยังน้อยไม่เข้าใจเรื่องราวในโลก แต่ พลันที่ได้เห็นท่าทีของหลี่ชิเย่แล้ว นางก็เข้าใจได้ว่าในใจของหลี่ชิเย่กำลังสับสนอยู่

ระหว่างที่หลี่ชิเย่ รอคอยอยู่ในเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นั้น เมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์มีความคึกคักจนบรรยายไม่ถูก กระทั่งเรียกได้ว่าผู้คนล้นหลาม ผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างพากันมาที่เมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์

แรกทีเดียว หลังจากที่ข่าวเกี่ยวกับสมุนไพรอายุวัฒนาะที่ได้แพร่ออกไปแล้วนั้น ทำให้ผู้คนจำนวนมากพากันมาอย่างล้นหลาม เดิมทีหลายคนยังรู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แม้ว่าผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากจะเดินทางมาที่เทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ แต่ว่า ส่วนใหญ่มาด้วยท่าทีของการรอดูเหตุการณ์

แต่ว่า หลายวันมานี้มีข่าวที่น่าตกใจถูกแพร่ออกมา เมิ่งเจิ้นเทียนและองค์ชายแห่งความชั่วร้ายของเทพเจ้าโบราณทะเลลึกได้มาที่เมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ด้วยตนเอง

พลันที่ข่าวนี้ปรากฏออกมา ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกตระหนก ข่าวเรื่องเมิ่งเจิ้นเทียนมาที่เสินจื่อโจวเป็นข่าวมาหลายวันแล้ว ทุกคนยังเข้าใจว่าเมิ่งเจิ้นเทียนได้ไปจากเสินจื่อโจวแล้ว

เวลานี้ เมิ่งเจิ้นเทียนและองค์ชายแห่งความชั่วร้ายมาที่เมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ด้วยตนเอง พลันทำให้ทุกคนรู้สึกว่ามันไม่ปรกติ กระทั่งมีระดับผู้ยิ่งใหญ่บางคนเหมือนได้กลิ่นดินปืนกับการมาเมิ่งเจิ้นเทียนและองค์ชายแห่งความชั่วร้าย

“หรือว่าเมิ่งเจิ้นเทียนจะร่วมมือกับองค์ชายแห่งความชั่วร้ายเพื่อเล่นงานหลี่ชิเย่อย่างนั้นรึ? ” การมายังเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ด้วยกันของเมิ่งเจิ้นเทียนและองค์ชายแห่งความชั่วร้าย ทำให้ผู้คนอดที่จะมีความคิดหลายอย่างผุดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย

“มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกแต่อย่างไร หลี่ชิเย่คือศัตรูตัวฉกรรจ์ของเมิ่งเจิ้นเทียนในการแย่งชิงชะตาฟ้า อีกทั้งหลี่ชิเย่ยังเป็นศตรูที่จะต้องตายไปข้างหนึ่งกับเทพเจ้าโบราณทะเลลึก สำนักเสินเมิ่งเทียนและเทพเจ้าโบราณทะเลลึกเดิมก็คือครอบครัวเดียวกัน เวลานี้ หากเมิ่งเจิ้นเทียนจะร่วมมือกับองค์ชายแห่งความชั่วร้ายก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล” เจ้าสำนักที่มีฐานะกษัตริย์ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เหนือความคาดคิด สำหรับการมายังเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งเจิ้นเทียน และองค์ชายแห่งความชั่วร้ายสองคน

“คนโหดอันดับหนึ่งนะเนี่ย ท่าทางของเขาน้ากลัวมาก ท่าทีที้ผงาดขึ้นมาไม่มีสิ่งใดขัดขวางเขาได้ ชาตินี้ยังจะมีใครที่มีโอกาสได้เป็นราชันเซียนมากกว่าเขาอีก? ” ต่อให้เทพเจ้าแห่งทะเลที่ไม่ยอมรับในตัวของหลี่ชิเย่ ยังอดที่จะทอดถอนใจออกมา

ก่อนหน้านั้น ไม่มีใครมองหลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงผู้เยาว์ที่เพิ่งเข้าสู่ยุทธภพมาเปรียบเทียบกับระดับอย่างเมิ่งเจิ้นเทียนที่เป็นพวกผิดยุค แต่ทว่า ภายในระยะเวลาอันสั้น ปรากฏว่าท่าทีของหลี่ชิเย่ไม่มีใครสามารถขวางเอาไว้ได้ เทพขวางฆ่าเทพ มารขวางสังหารมาร เรียกได้ว่ายโสโอหังยิ่งนัก แม้แต่ร่างที่เป็นตัวแทนของเมิ่งเจิ้นเทียนก็ถูกเขาบดขยี้ทำลาย เรียกว่าสุดจะบรรยาย

ด้วยชื่อเสียงและอิทธิพลของหลี่ชิเย่ในขณะนี้ ทุกคนต่างมองว่าเขาได้กลายเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งสำหรับเมิ่งเจิ้นเทียนในการที่จะก้าวสู่ตำแหน่งราชันเซียนเสียแล้ว!

มาวันนี้ หากจะบอกว่าเมิ่งเจิ้นเทียนจะร่วมมือกับองค์ชายแห่งความชั่วร้ายเล่นงานหลี่ชิเย่ล่ะก็ มันหาใช่เรื่องที่ทำให้ผู้คนรู้สึกตกใจระคนกับความแปลกใจอีกต่อไปแล้ว มิฉะนั้น หากเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนหน้า มันจะเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเหลือเชื่อและสุดจะจินตนาการได้

ถ้าจะบอกว่า การมายังเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งเจิ้นเทียนและองค์ชายแห่งความชั่วร้ายก็เพื่อต้องการเล่นงานหลี่ชิเย่ถือว่าสมเหตุผล แต่ หลังจากที่เมิ่งเจิ้นเทียนกับองค์ชายแห่งความชั่วร้ายมาถึงเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แล้วนั้น กลับตามติดด้วยข่าวๆ หนึ่ง เทพธิดาเจินหวู่แห่งเกาะเจินหวู่ก็ได้มาถึงเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แล้วเช่นกัน

พลันที่ข่าวนี้ถูกแพร่ออกมา ได้ทำให้ผู้คนจำนวนมากรู้สึกเหนือความคาดคิด การมาถึงเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของเทพธิดาเจินหวู่ เรียกได้ว่าได้สร้างความคึกคักให้ทั่วทั้งเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เลยก็ว่าได้

“บรรพบุรุษผู้แข็งแกร่งและเก่าแก่ที่สุดของสำนักแตรสังข์ได้กลับคืนสู่ยุทธภพ และมาที่เมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ด้วยตนเอง! ” ไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ออกมา

“บรรพบุรุษผู้แข็งแกร่งและเก่าแก่ที่สุด? เขาเป็นใคร? ” บางคนถึงกับเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินข่าวเรื่องนี้แล้ว

“จักรพรรดิหอยสังข์! ”ต่อให้ระดับอ๋องเทพรุ่นเก่าแก่โบราณยังมีสายตาที่กระตุกทีหนึ่ง และมีสีหน้าที่หนักแน่นจริงจังยิ่ง เมื่อได้ยินข่าวนี้

“จักรพรรดิหอยสังข์คือใครกัน? ” กลุ่มคนรุ่นใหม่ไม่เคยได้ยินชื่อของ “จักรพรรดิหอยสังข์” ชื่อนี้อยู่แล้ว ความจริง บรรพบุรุษผู้แข็งแกร่งและเก่าแก่ที่สุดของสำนักแตรสังข์สมควรเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังจึงจะถูก

“เขาก็คือบุตรของเทพหอยสังข์ เทพเจ้าแห่งทะเล ปฐมบรรพบุรุษของสำนักแตรสังข์” อ๋องเทพผู้นี้ได้เล่าให้กับผู้เยาว์ของเขาฟังอย่างช้าๆ

“บุตรชายของเทพหอยสังข์ เทพเจ้าแห่งทะเล ซึ่งเป็นปฐมบรรพบุรุษของสำนักแตรสังข์” ผู้ที่อยู่ในฐานะผู้เยาว์เมื่อได้รับรู้ถึงประวัติความเป็นมาเช่นนี้แล้ว ถึงกับเสียวสันหลังวาบบขึ้นมา

ความจริงแล้ว ผู้ที่รู้ถึงประวัติความเป็นมาของจักรพรรดิหอยสังข์ต่างรู้สึกหวาดกลัวขนลุกขนพอง ถึงกับพึมพำออกมาว่า “ชาตินี้มันเป็นอย่างไรกัน เริ่มจากเทพธิดาเจินหวู่กลับสู่ยุทธภพ เวลานี้จักรพรรดิหอยสังข์ก็คืนสู่ยุทธภพอีก บุตรชายบุตรสาวของเทพเจ้าแห่งทะเลพากันออกมาทั้งหมด หรือนี่จะเป็นการแย่งชิงความเป็นเจ้าครั้งใหญ่อย่างนั้นรึ? ”

แต่ก็มีผู้คาดเดาว่า “การปรากฏตัวของจักรพรรดิหอยสังข์คงต้องการเป็นผู้คุ้มครองให้กับโอรสสวรรค์ปกสมุทรอย่างนั้นรึ? ”

ความจริงแล้ว การคาดเดาเช่นนี้ใช่จะไม่มีเหตุผล เนื่องจากหลังจักรพรรดิหอยสังข์มาถึงเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้ไม่นาน ข่าวอีกข่าวหนึ่งก็กระจายออกมา ราชินีเทพเจ็ดสมุทรแห่งหอสัตตะยุทธได้มาที่เมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แล้วเช่นกัน!

ทุกคนต่างตระหนักถึงอะไรบางอย่าง เมื่อได้ยินข่าวการมาของราชินีเทพเจ็ดสมุทร ปีศาจทะเลเฒ่าถึงกับบอกว่า “การแย่งชิงความเป็นเทพเจ้าแห่งทะเลคราวนี้โหดร้ายเสียจริง บุตรชายและบุตรสาวของเทพเจ้าแห่งทะเลต่างมากันหมด ฐานะของราชินีเทพเจ็ดสมุทรต้องถูกคุกคามนะเนี่ย”

จากการมาของบุคคลเช่นจักรพรรดิหอยสังข์ ทำให้ทั่วทั้งเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในเวลานี้ระส่ำ ข่าวลือจำนวนนับไม่ถ้วนปลิวว่อนไปทั่ว

“เจ้าคนอวดดี เจ้าจะโชคร้ายแล้วสิ” ขณะที่หลี่ชิเย่รอคอยอยู่ภายในโรงเตี้ยม นังหนูเย่เสี่ยวเสี่ยวทนอยู่ในโรงเตี้ยมไม่ไหว จึงหลบออกไปเที่ยวข้างนอกเสมอๆ

วันนี้ พลันที่เย่เสี่ยวเสี่ยวกลับมาจากข้างน้องก็กล่าวด้วยความรู้สึกดีใจที่เห็นผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนว่า “ได้ยินมาว่าบรรพบุรุษผู้แข็งแกร่งและเก่าแก่ที่สุดของสำนักแตรสังข์จะปรากฎออกมาแล้ว เขามีชื่อว่าจักรพรรดิหอยสังข์ แหะ เจ้าฆ่าศิษย์ของสำนักแตรสังข์ไปเป็นจำนวนมาก เกรงว่าเขาอาจจะมาเพราะเจ้า ต้องการมาหาเรื่องกับเจ้าแล้วล่ะ”

“จักรพรรดิหอยสังข์? ” หลี่ชิเย่ หัวเราะไปตามอารมณ์ กล่าวว่า “ที่เจ้าพูดถึงก็คือเจ้าเต่าหดหัวที่มุดหัวมาเป็นพันล้านปีแล้วไม่กล้าออกมาของสำนักแตรสังข์อะไรนั่นรึ? ”

“เต่าหดหัวอะไร? ” เย่เสี่ยวเสี่ยวถึงกับเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “เขาคือบุตรชายของเทพหอยสังข์เทพเจ้าแห่งทะเล เป็นบุตรชายแท้จริงของเทพเจ้าแห่งทะเล”

“บุตรชายเทพเจ้าแห่งทะเลแล้วไง” หลี่ชิเย่หัวเราะตามอารมณ์แล้วกล่าวว่า “เนื่องจากคำพูดเพียงคำเดียวของราชันเซียนเจียวเหิง เขาก็กลายเป็นเต่าหดหัวไปพันล้านปี ไม่กล้าออกมาอีกเลย พันธุ์แย่ๆ แบบนี้ข้าไม่เห็นมันอยู่ในสายตา”

“คำพูดคำเดียวของราชันเซียนเจียวเหิง? ” เมื่อเย่เสี่ยวเสี่ยวได้ยินคำพูดนี้ถึงกับนัยน์ตาเบิกกว้าง รู้สึกสนใจอย่างยิ่ง กล่าวว่า “เป็นเรื่องจริงหรือ? เรื่องราวเป็นอย่างไรล่ะ? ”

ความจริงแล้ว ไม่เพียงแต่เย่เสี่ยวเสี่ยวเท่านั้นที่รู้สึกสนใจ แม้แต่ซือหม่ายวี่เจี้ยนที่เยือกเย็นก็ยังฟังอย่างตั้งใจในเวลานี้ นางรู้สึกสนใจในเรื่องที่เป็นตำนานเหมือนกัน

“มันเป็นเรื่องที่นานมากมาแล้ว “ เมื่อหลี่ชิเย่เห็นว่าเย่เสี่ยวเสี่ยวนั้นรู้สึกสนใจมาก และบังเอิญไม่มีอะไรทำ จึงยิ้มกล่าวว่า “ในอดีตที่นานมาแล้ว เจ้าคนที่ชื่อว่าจักรพรรดิหอยสังข์ในครั้งนั้นยังเป็นเพียงบุตรชายของเทพเจ้าแห่งทะเลเท่านั้น เนื่องจากบิดาของเขาเป็นเทพเจ้าแห่งทะเล เขาจึงเข้าใจว่าตนเองสามารถวางอำนาจบาตรใหญ่ได้…………”

“…………..เจ้าหนูนี่ทำกร่างจนเคยตัวในแดนวิญญาณสวรรค์ และกำเริบเสิบสาน อยู่มาวันหนึ่ง เขาได้เจอะเจอกับราชันเซียนเจียวเหิง ด้วยความโอหังอวดดีพูดจาล่วงเกินต่อราชันเซียนเจียวเหิงเข้า” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่ถึงกับเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มเต็มใบหน้า กล่าวต่อว่า “ราชันเซียนเจียวเหิงในครั้งนั้นเพียงมองหน้าเขาทีหนึ่ง และพูดออกมาคำหนึ่ง หลังจากนั้นก็ไม่มีหลังจากนั้นอีกแล้ว”

“มันหมายความว่าอะไร? ” เย่เสี่ยวเสี่ยวถึงกับเอ่ยถามขึ้นมา

“หมายความว่าเขาหลบซ่อนตัวตลอดไป ไม่กล้าปรากฏตัวออกมาอีกเลย” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว

“หลบซ่อนตัวตลอดไป? ” เย่เสี่ยวเสี่ยวถึงกับตะลึง อดที่จะสงสัยไม่ได้ กล่าวว่า “ราชันเซียนเจียวเหิงพูดคำอะไรออกมากันแน่? ”

“ไม่อนุญาตให้เป็นเทพเจ้าแห่งทะเลตลอดไป! ” หลี่ชิเย่

“ไม่อนุญาตให้เป็นเทพเจ้าแห่งทะเลตลอดไป? ” เย่เสี่ยวเสี่ยวงงงันนิดหนึ่ง กล่าวว่า “แค่คำพูดคำเดียว จักรพรรดิหอยสังข์ก็หลบซ่อนตัวเสียแล้วรึ? มัน มันเป็นเรื่องจริงรึ? ”

“นี่ยังต้องพูดอีกรึ ? เป็นเรื่องจริงแน่นอน” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “เจ้าอย่าได้ดูแคลนคำพูดคำเดียวของราชันเซียนเจียวเหิง ควรจะรู้ว่า เขาคือราชันเซียนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีสิบสองลัคนานับแต่โบราณกาลเป็นต้นมา ทั้งยังเป็นราชันเซียนเพียงคนเดียวจากทั้งหมดที่มีที่ไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับผู้ใดตลอดชีวิต”

“แต่ จะอย่างไรเสียมันก็เป็นเพียงคำพูดคำเดียวเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น บิดาของจักรพรรดิหอยสังข์ยังเป็นเทพเจ้าแห่งทะเลเลยนะ”

“เจ้าน่ะประเมินฐานะที่สูงส่งของราชันเซียนเจียวเหิงต่ำเกินไปแล้ว” หลี่ชิเย่หัวเราะและส่ายหน้าเบาๆ กล่าวว่า “เทพเจ้าแห่งทะเลรึ นับเป็นตัวอะไร! ถ้าหากราชันเซียนเจียวเหิงจะลงมือสังหารบิดาของเขาล่ะก็ บิดาของเขาก็ยากจะหลีกหนีความตายไปได้พ้น! ”

“ยิ่งไปกว่านั้น ราชันเซียนเจียวเหิงในครั้งนั้นใช่จะแค่คำพูดคำเดียวเท่านั้น คำพูดคำเดียวของเขาก็คือคำสั่งที่มีอำนาจสูงสุด เป็นกฎเกณฑ์สูงสุดที่เหมือนตราประทับที่ประทับลงบนตัวของจักรพรรดิหอยสังข์”

“แต่ ข้าเคยได้ยินมาว่า จักรพรรดิหอยสังข์ในครั้งนั้นได้รับการยอมรับจากทวนสามง่ามเลยนะ” เย่เสี่ยวเสี่ยวถึงกับกล่าวออกมาเช่นนี้

“เรื่องนี้ไม่ผิด ขณะที่บิดาของเขายังคงเป็นเทพเจ้าแห่งทะเลอยู่นั้น เขาเคยไปทดลองควบคุมทวนสามง่ามเหมือนกัน ทวนสามง่ามไม่ปฏิเสธตัวเขา กระทั่งกล่าวได้ว่า ทวนสามง่ามขณะอยู่ในมือของเขาสามารถสำแดงอานุภาพที่รุนแรงมาก เป็นความจริง ภายใต้การคุ้มครองจากบิดาของเขา การที่เขาจะบรรลุเป็นเทพเจ้าแห่งทะเลนั้นมีโอกาสที่สูงมากๆ…………”

“………….เสียดาย เขาล่วงเกินต่อราชันเซียนเจียวเหิงเข้า เพียงคำพูดคำเดียวก็เพียงพอที่จะทำลายเขาทั้งชีวิต ต่อให้บิดาเขามีฐานะเป็นเทพเจ้าแห่งทะเล ก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้” หลี่ชิเย่ถึงกับกล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉย

…………………………………………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *