Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1609

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1609 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1609 ปืนจิงหวู่สิบแปดลำกล้อง

ยวีไท่จวินนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นกล่าวว่า “ไม่ว่าใต้เท้าคืออะไร มือมืดก็ดี คนฆ่าสัตว์ก็ช่าง ใต้เท้าก็ได้แบกรับในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้าไปแบกรับ!”

“การเป็นราชันเซียนมีช่วงเวลาแห่งความเจิดจรัส มีรัศมีที่ละลานตา แต่ว่า ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาเพียงแค่แบกรับพลังที่ปราศจากผู้ต่อกรเท่านั้น แต่ไม่ได้ไปแบกรับน้ำหนักของเก้าแดน” ยวีไท่จวินกล่าวอย่างหนักแน่นจริงจัง

“ใครเป็นผู้แบกรับน้ำหนักของเก้าแดน? เป็นใครที่คอยแบกรับคำกร่นด่า แต่กลับปกป้องเก้าแดนเอาไว้? ไม่ใช่ราชันเซียน และไม่ใช่หมื่นเผ่าพันธุ์ทั่วหล้า ยิ่งไม่ใช่สำนักใหญ่ใต้หล้า แต่เป็นใต้เท้า มีเพียงใต้เท้าที่คอยเฝ้าปกป้องเก้าแดนเอาไว้ มองอนาคตจากเบื้องบน เป็นเพราะมีใต้เท้าที่เฝ้าคุ้มครองอยู่ มีใต้เท้าที่มองจากเบื้องบน ความมืดมิดจึงไม่ได้ปกคลุมเก้าแดนอีกครั้ง เก้าแดนจึงได้มียุคเหล่าราชันที่เจิดจรัสละลานตา…”

เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ ยวีไท่จวินได้หยุดนิดหนึ่ง จากนั้นกล่าวต่อไปว่า “…หากปราศจากการเฝ้ารักษาจากใต้เท้า บางที ความมืดมิดคงกลับมาปกคลุมอีกครั้งแล้วก็เป็นได้ เป็นใครที่คอยขจัดเผ่าพันธุ์ให้หมดไปตลอดเวลาที่ผ่านมา เป็นใครที่คอยกวาดล้างความมืดมิดที่อาจจะหวนกลับคืนมาอีกครั้งตลอดเวลาที่ผ่านมา? ไม่ใช่ราชันเซียน แต่เป็นใต้เท้า!”

จริงอยู่ ราชันซียนมีสิ่งที่ยอดเยี่ยมในตัว แต่ว่า ราชันเซียนในทุกยุคที่ผ่านมา แม้ว่าพวกเขาเคยเหยียบย่ำผ่านกองกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วนมา แต่ว่า ใครบ้างที่เคยกระทำการเช่นฆ่าล้างบางครั้งยิ่งใหญ่มาบ้างล่ะ? ไม่มี ใช่ว่าพวกเขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่ต้องการทำเช่นนั้น! พวกเขารู้รักษาตัวเอง ไม่ต้องการให้ถูกใครเขาในยุคหลังด่าประณาม พวกเขาเพียงแค่ไม่ต้องการให้ชนรุ่นหลังหาว่าเขาคือคนฆ่าสัตว์ที่เข่นฆ่าคนไม่มีความผิดคนหนึ่ง…”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้แล้ว ยวีไท่จวินถึงกับทอดถอนใจออกมา และกล่าวว่า “…พวกเขาคือราชันเซียน พวกเขาหวงแหนชื่อเสียงในภายหลังของตน แม้ว่าพวกเขาเคยทำเรื่องโหดร้ายมากมายมาก่อน แต่ว่า พวกเขาก็ไม่ต้องการให้ชนรุ่นหลังด่าว่าพวกเขาว่า หลังจากได้กลายเป็นราชันเซียนแล้วยังคงเข่นฆ่าประชาชนธรรมดา ยังไปเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์อีก! มีราชันเซียนจำนวนไม่น้อยที่ภายในใจของพวกเขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ โดยเฉพาะช่วงเริ่มต้นศักราชยุคเหล่าราชัน สายเลือดเผ่าพันธุ์นี้ยังคงหลั่งรินอยู่ในเก้าแดน ยังคงมีสายเลือดที่ผสมข้ามสายพันธุ์คงอยู่ทั่วทุกแห่งในเก้าแดน…”

“…ในเมื่อราชันเซียนสามารถมองเห็นได้ พวกเขาก็ต้องเข้าใจได้ว่า มีความเป็นไปได้ว่าสักวันหนึ่งความมืดมิดอาจหวนคืนกลับมาอีกครั้ง แต่ทว่า เพราะอะไรพวกเขาจึงไม่ทำการกวาดล้างครั้งใหญ่ต่อเก้าแดนอีกครั้ง ทำการเข่นฆ่าอีกครั้ง เพื่อกวาดล้างเผ่าพันธุ์นี้ในเก้าแดนให้สิ้นซาก? เนื่องจากพวกเขาคือราชันเซียน เป็นที่เคารพศรัทธาของชนรุ่นหลัง เป็นที่เลื่อมใสของชนรุ่นหลัง พวกเขาไม่ต้องการเป็นคนฆ่าสัตว์ ไม่ต้องการแบกรับชื่อเสีย! ดังนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา คนที่แบกรับชื่อเสียคือใต้เท้า จุดนี้ มีเพียงใต้เท้าที่ไม่มีความเห็นแก่ตัว ใต้เท้าไม่สนว่าจะถูกชนรุ่นหลังด่าประณาม ไม่สนใจว่าชนรุ่นหลังจะเคารพท่าน หรือว่าหวาดกลัวท่าน และเนื่องจากใต้เท้าไม่มีความเห็นแก่ตัวในเรื่องนี้ ดังนั้น ใต้เท้าจึงยอมทำในสิ่งที่เสี่ยงต่อการถูกผู้คนทั่วหล้าตำหนิติเตียนว่าไม่ถูกต้อง เงื้อมดาบต่อเก้าแดนขึ้นมา ทำการกวาดล้างเผ่าพันธุ์นี้ให้สิ้นซากครั้งแล้วครั้งเล่า!”

“บางที ใต้เท้าอาจเป็นคนฆ่าสัตว์ เป็นมือมืดที่อยู่เบื้องหลัง” ยวีไท่จวินกล่าวด้วยท่าทีที่เข้มและจริงจังว่า “แต่หากว่าไม่มีใต้เท้าที่คอยทำการกวาดล้างครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อเป็นเช่นนี้ เก้าแดนจะมีสภาพเป็นอย่างไร? ก็เหมือนที่ใต้เท้าพูดเอาไว้อย่างนั้น สายเลือดทรยศ หากถึงวันนั้นจริง เบาหน่อย เก้าแดนจะไม่มีสารพัดเผ่าพันธุ์อีกต่อไป เผ่าพันธุ์มนุษย์ เผ่าวิญญาณเทพ เผ่าศิลาอะไรต่างๆ ล้วนแล้วแต่ ไม่หลงเหลืออีกต่อไป บนโลกนี้จะมีอยู่เพียงเผ่าพันธุ์เดียวเท่านั้น หากสาหัสกว่านี้ก็จะเป็นเหมือนเช่นครั้งครานั้น เก้าแดนถูกปกคลุมด้วยความมืดอีกครั้ง เกรงว่าการปกคลุมในครั้งนี้จะไม่ง่ายเหมือนเก้าแดนที่เป็นทาสเท่านั้น เกรงว่าสารพัดเผ่าพันธุ์ล้วนแล้วแต่กลับกลายเป็นหนึ่งเผ่าพันธุ์เท่านั้น…”

“สิ่งมีชีวิตทั้งหมดของเก้าแดนที่มีความเป็นอยู่ในวันนี้ ยังคงมีเผ่าพันธุ์มนุษย์ เผ่าวิญญาณเทพ เผ่ามนุษย์ศิลาต่างๆ จำนวนหลากหลายเผ่าพันธุ์เช่นนี้ สมควรขอบคุณใต้เท้า เนื่องจากการกวาดล้าง การชำระล้างของใต้เท้า จึงทำให้สารพัดเผ่าพันธุ์ยังคงดำรงอยู่ได้ตลอดมา” ยวีไท่จวินทอดถอนใจออกมาเบาๆ และกล่าวว่า “บางทีอาจเหมือนดั่งที่ใต้เท้าพูด เป็นความจริงที่ข้าไม่ได้ผ่านประสบการณ์การเข่นฆ่าครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งครานั้น ไม่ได้เห็นใต้เท้าที่ทำให้เลือดนองทั่วเก้าแดน แต่ ข้าสามารถมองเห็นอนาคตของเก้าแดนที่ปราศจากใต้เท้า ดังนั้น หากต้องมีวันนั้นจริงๆ ข้ายังคงยืนหยัดสนับสนุนต่อใต้เท้า หากว่าใต้เท้าต้องการอาศัยเลือดมากวาดล้างเก้าแดนสักครั้ง ขอเพียงใต้เท้ามีคำสั่ง ข้ายังคงปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด จะไม่มีการสั่นคลอนอย่างเด็ดขาด!”

หลี่ชิเย่นั่งหลับตาฟังคำพูดของยวีไท่จวินอยู่ตรงนั้น เหมือนนอนหลับไปแล้วอย่างนั้น หลังจากผ่านไปนานมาก เขาเพียงยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “ผู้คนบนโลกย่อมมีความคิดของตนเอง แม้แต่ขุนพลแต่ละคนก็มีความคิดของพวกเขาเอง เรื่องบางเรื่องก็ไม่สามารถบังคับฝืนใจเช่นกัน”

“ดังนั้น คงมีเพียงใต้เท้าที่แบกรับชื่อเสียอยู่เงียบๆ ตลอดมา ผู้คนใต้หล้าล้วนแล้วแต่ยกย่องสรรเสริญราชันเซียนมาทุกยุคทุกสมัย คนยุคหลังจำนวนมากต่างสรรเสริญในผลงานอันยอดเยี่ยมของราชันเซียน แต่พวกเขากลับด่าประณามใต้เท้า พวกเขาไม่เคยคิดเข้าใจในตัวใต้เท้าเลย ต่อให้พวกเขารับรู้ถึงการดำรงอยู่ของใต้เท้าจริง ในสายตาของพวกเขาก็มองว่า เป็นเพียงมือมืดที่อยู่เบื้องหลังทำให้พวกเขาต้องหวาดผวาต้องตกใจเท่านั้นเอง พวกเขาขาดการมองการณ์ไกลมาตั้งแต่ต้น!”

“ช่างพวกเขาเถอะ” หลี่ชิเย่หัวเราะตามอารมณ์ และกล่าวว่า “ในเมื่อข้าก็ได้เป็นคนฆ่าสัตว์ไปแล้ว เงื้อมดาบฆ่าสัตว์ต่อเก้าแดนไปแล้ว คำพูดของผู้คนบนโลกก็ช่างเขาไปเถอะ” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้แล้ว เขาทอดถอนใจเบาๆ ทีหนึ่ง

สำหรับการพูดของผู้คนบนโลกนั้น หลี่ชิเย่ในฐานะอีกาทมิฬไม่ใส่ใจอยู่แล้ว แต่ทว่า สำหรับขุนพลที่ซื่อสัตย์ภักดีต่อตน และสร้างผลงานการรบที่ลือลั่นเมื่อทำการต่อต้านตนในเรื่องนี้ เขาได้สั่งประหารชีวิตด้วยตนเอง สิ่งนี้สำหรับตัวเขาที่ดำรงอยู่ในฐานะอีกาทมิฬมันช่างเป็นเรื่องที่จนด้วยเกล้าจริงๆ เป็นทางเลือกที่เจ็บปวดเหลือเกิน!

แต่ว่า เฉกเช่นยวีไท่จวินได้กล่าวเอาไว้อย่างนั้น เรื่องนี้จะต้องมีคนไปทำ ครั้งนั้น สายเลือดที่ยังคงหลงเหลืออยู่จะต้องกำจัดเสีย หาไม่แล้ว อาจเป็นไปได้ที่ความมืดมิดจะหวนกลับมาปกคลุมเก้าแดนอีกครั้ง!

ยวีไท่จวินในฐานะที่ติดตามเขาออกศึกปราบเหนือยันใต้ มองดูหลี่ชิเย่ มองดูผู้ชายที่ดูธรรมดาผู้นี้แล้ว ภายในใจของนางรู้ว่า แม้ว่าเขาได้ทำให้หัวใจของตนด้านชาไปแล้ว แม้ว่าเขาจะมีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียงที่แข็งแกร่งดั่งเหล็กเพชร แต่ว่า ภายในส่วนลึกๆ ของจิตใจได้ซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้มากมาย เป็นความเจ็บปวดจำนวนมากที่ตัวเขาเองยังไม่ต้องการไปรื้อฟื้น!

แต่ ยวีไท่จวินให้ความเคารพเลื่อมใสเขาจากใจ เขาแบกรับความเจ็บปวดเอาไว้กับตัวเองอย่างเงียบๆ แบกรับการด่าประณามทุกๆ อย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้กระทำลงไป ล้วนแล้วแต่เป็นการเฝ้ารักษาเก้าแดน มองดูเก้าแดนจากระยะห่างไกล ในเรื่องนี้ไม่มีใครยิ่งใหญ่มากไปกว่าเขาอีกแล้ว ต่อให้เป็นราชันเซียนเมื่อเปรียบเทียบกับเขาแล้วก็ต้องสลดและอับแสง!

“ไหนๆ ก็กวาดล้างมาแล้ว ก็ทำอีกสักครั้งจะเป็นไรไป” หลังจากหลังจากผ่านไปนานมาก หลี่ชิเย่ชันตัวขึ้นนั่ง ยิ้มกล่าวว่า “ในเมื่อพรรคเซียนเหินจะมา งั้นก็สงเคราะห์พวกเขาก็แล้วกัน ข้ากลับอยากจะรู้นักว่าชาตินี้พรรคเซียนเหินยังซ่อนอะไรเอาไว้!” ครั้นกล่าวถึงตรงนี้แล้ว ดวงตาทั้งสองของเขาดูน่ากลัว

ยวีไท่จวินที่ติดตามหลี่ชิเย่มาโดยตลอด เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้แล้วรู้ว่ามันหมายถึงอะไร พรรคเซียนเหินจะต้องรนหาที่ตายกับการกระทำของตน

“ฆ่าฟันกันไปมาทั้งวัน ชักเบื่อบ้างเสียแล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “ปืนจิงหวู่สิบแปดลำกล้องในมือเจ้าไม่ได้ใช้มานานแล้ว วันนี้ขอนำมาทดสอบอานุภาพของมันสักหน่อย การใช่มีดฆ่าวัวมาเชือดไก่ก็เป็นเรื่องสนุกเรื่องหนึ่งเหมือนกัน”

“ข้าจะหยิบมันมาให้ใต้เท้าเดี๋ยวนี้” ยวีไท่จวินลุกขึ้นยืนโดยไม่ลังเลอะไรเลย

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ยวีไท่จวินได้ยกเอากล่องออกมาสองใบ ที่ถูกจะต้องบอกว่าเป็นลังสองใบ ลังหนึ่งทั้งใหญ่ทั้งยาว ส่วนอีกลังหนึ่งดูแล้วเหมาะแก่การนำติดตัวอย่างยิ่ง

ลังทั้งสองใบถูกผนึกเอาไว้เป็นอย่างดี ลำพังเห็นวิธีการผนึกก็รู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่อยู่ภายในต้องเป็นของล้ำค่ายิ่งนัก

หลังจากที่ยวีไท่จวินได้วางลังทั้งสองใบลงเรียบร้อยแล้ว เปิดผนึกออก ทันทีที่เปิดลังใบใหญ่และยาวออกพลันเปล่งประกายแวววาวออกมา

ภายในลังได้วางปืนที่มีลำกล้องขนาดใหญ่มาก ลำกล้องปืนนี้สร้างขึ้นมาจากก้อนผลึก ซึ่งไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นวัสดุประเภทไหน มันได้เปล่งพลังที่ลึกลับมากออกมา โดยที่ลำกล้องนี้ได้สลักลวดลายเต๋าที่ทรงพลังยิ่งทั้งลำ อย่างไรก็ตาม ลำกล้องดังกล่าวเป็นมัดรวมกันไม่ใช่เป็นลำกล้องเพียงหนึ่งเดียว แต่ประกอบขึ้นมาจากลำกล้องแต่ละลำที่มีขนาดใหญ่เล็กไม่เท่ากันมัดรวมกัน

“ปืนจิงหวู่สิบแปดลำกล้อง” หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มออกมาเมื่อมองดูกระบอกปืนนี้ กล่าวว่า “ก้อนผลึกเหล่านี้นับว่าเป็นสุดยอดในหล้าเลยทีเดียว ในเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินคงมีเพียงเหมืองแร่เซียนปีศาจระกาจึงสามารถให้กำเนิดแร่ที่เป็นก้อนผลึกเช่นนี้ได้ เสียดาย ปีศาจเฒ่าเหล่านั้นขึ้ตืดชะมัดเลย”

ปืนจิงหวู่สิบแปดลำกล้องคือสมบัติประจำตระกูลของตระกูลยวี และเป็นท่าไม้ตายของตระกูลยวี เจ้าสิ่งนี้มีอานุภาพยิ่งใหญ่มาก ในตระกูลยวีต่อให้มีผู้รู้ว่ามีของสิ่งนี้อยู่ แต่ว่า คนที่เคยได้เห็นสิ่งนี้กับตาจริงๆ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

“เป็นความโปรดปรานยิ่งของใต้เท้าที่มีต่อตระกูลยวี อาศัยวัตถุดิบที่ล้ำค่ายิ่งเช่นนี้มาสร้างเป็นสุดยอดอาวุธปราศจากผู้เทียบเทียมในหล้ามาให้กับตระกูลยวีพวกเรา”

หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ข้าก็แค่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ลองทำซ้อมมือไปเท่านั้นเอง”

กรรมวิธีการจัดสร้างปืนจิงหวู่สิบแปดลำกล้องหาใช่เป็นวิธีการผลิตที่มีอยู่ในศักราชนี้ มันเป็นกรรมวิธีการผลิตของยุคที่ยิ่งใหญ่ซึ่งล่มสลายไปแล้ว ทั้งปืนจิงหวู่สิบแปดลำกล้องและกระบอกราชันอเวจีหกเฟืองต่างก็มีกรรมวิธีการสร้างแบบเดียวกัน

เพียงแต่วัตถุดิบที่ใช้สร้างปืนจิงหวู่สิบแปดลำกล้องกับกระบอกราชันอเวจีหกเฟืองแตกต่างกันเท่านั้นเอง วัตถุดิบที่ใช้สร้างกระบอกราชันอเวจีหกเฟืองล้ำค่ายิ่งกว่าเสียอีก ขณะเดียวกันปืนจิงหวู่สิบแปดลำกล้องถูกสร้างขึ้นหลังกระบอกราชันอเวจีหกเฟือง

หลังจากที่มีการสร้างกระบอกราชันอเวจีหกเฟืองแล้ว หลี่ชิเย่น้อยครั้งที่จะสร้างโดยกรรมวิธีเช่นนั้นอีก แต่ว่า ภายหลัง หลี่ชิเย่เห็นแก่ยวีไท่จวินสองสามีภรรยาที่มีผลงานอันโด่งดัง ดังนั้น หลี่ชิเย่จึงได้อาศัยวัตถุดิบที่มีอยู่ในมือสร้างเป็นอาวุธขึ้นมาชุดหนึ่ง ประทานให้กับพวกเขาสองสามีภรรยา

ลังอีกใบถูกเปิดออกมาเช่นกัน ภายในลังปรากฏเพชรที่ถูกจัดเรียงเป็นแถวๆ อย่างเป็นระเบียบ มันคือเพชรอัคคี เพชรอัคคีแต่ละเม็ดเปรียบประดุจเป็นดวงตะวันดวงหนึ่งที่มีเปลวเพลิงร้อนแรงแลบเข้าออกตลอด ประกายไฟของมันละลานตายิ่งนัก

เมื่อลังนี้ถูกเปิดออก ปรากฏคลื่นความร้อนที่สุดทานทนได้พุ่งเข้ามาปะทะใบหน้า

“มังกรไฟ” หลี่ชิเย่มองดูเพชรอัคคีแต่ละเม็ดนัน ยิ้มกล่าวว่า “เมื่อมันเข้าไปอยู่ในรังเพลิงแล้ว หากมีการยิงออกไป มันเป็นอะไรที่อลังการมากเลยล่ะ”

“เพื่อกลั่นเป็นมังกรไฟขึ้นมา ใต้เท้าแทบจะรีดเอาพลังของดวงตะวันจนแห้ง” ยวีไท่จวินถึงกับพูดทอดถอนใจออกมา นางเป็นผู้เคยเห็นอานุภาพของอาวุธชุดนี้มากับตาตนเอง มันสะเทือนหวั่นไหวเหลือเกิน

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *