Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1496

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1496 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1496 ไพ่ตายของเมิ่งเจิ้นเทียน

สำหรับคำพูดขององค์ชายแห่งความชั่วร้ายนั้น หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะและกล่าวว่า “ข้ารู้ ผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้ใช่มั้ย ถ้าหากข้าจำไม่ผิดล่ะก็ เทพเจ้าโบราณน้ำลึกรุ่นบุกเบิกยังมีตาเฒ่าคนหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ เขาจะคลานออกมาจากใต้พื้นดินของเทพเจ้าโบราณน้ำลึกเมื่อไหร่ล่ะ”

นับเป็นหัวข้อสนทนาที่หนักหน่วงสำหรับเรื่องผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้ เมื่อราชันเซียนได้สืบทอดชะตาฟ้าแล้วย่อมหมายถึงการปราศจากผู้ต่อกร เมื่อมาถึงขั้นนี้ใช่ว่าใครก็สามารถมีสิทธิ์เป็นปฏิปักษ์กับราชันเซียนได้ มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ใช่ใครก็สามารถรองรับพลังชะตาฟ้าของราชันเซียนได้

กล่าวสำหรับผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนแล้ว แม้ว่าพวกเขาไม่สามารถเอาชนะราชันเซียนได้ แม้ว่าพวกเขาไม่สามารถต่อต้านราชันเซียนได้อย่างแท้จริง ไม่สามารถเคียงบ่าเคียงไหล่กับราชันเซียนได้ แต่ทว่า อย่างน้อยที่สุดผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้นั้นสามารถรับการโจมตีซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้ อย่างน้อยที่สุดพวกเขาสามารถรองรับพลังชะตาฟ้าของราชันเซียนได้

สิ่งนี้แหละที่เป็นความแข็งแกร่งของผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้ ฉะนั้นล่ะก็ ระดับจักรพรรดิเทพทั่วไปเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าราชันเซียนแล้วก็ต้องเกิดอาการเข่าอ่อน เมื่อไหร่ที่ราชันเซียนระเบิดพลังชะตาฟ้าออกมาก็จะถูกสยบไปเรียบร้อย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องต่อสู้กับราชันเซียน

หัวข้อสนทนาเรื่องเกี่ยวกับต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนนั้น ไม่ว่าใครหยิบยกขึ้นมาพูดก็จะมีท่าทีที่หนักแน่นจริงจัง แต่ หลี่ชิเย่กลับพูดออกมาด้วยท่าทีตามอารมณ์ยิ่งนัก เหมือนว่าเรื่องนี้กล่าวสำหรับเขาแล้ว ต่อให้เป็นเรื่องผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้ก็เป็นเพียงเรื่องที่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีค่าคู่ควรจะไปกล่าวมากความ

ความจริงแล้ว ภายในใจของบรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับเต้นกระตุกทีหนึ่ง เทพเจ้าโบราณน้ำลึกได้ถือกำเนิดขึ้นมายาวนานมาก เป็นสำนักที่มีความเก่าแก่โบราณมาก บรรพบุรุษรุ่นก่อตั้งหรือรุ่นบุกเบิกรุ่นนั้น มีตำนานกล่าวถึงมากมาย

มีตำนานที่ลือกันว่า ผู้ที่เป็นบรรพบุรุษรุ่นก่อตั้งเทพเจ้าโบราณน้ำลึกนั้นคือปฐมบรรพบุรุษของเผ่าวิญญาณเทพ แต่ก็มีเผ่าวิญญาณเทพจำนวนไม่น้อยที่ปฏิเสธคำกล่าวเช่นนี้ผู้คนจำนวนมากมองว่าปฐมบรรพยบุรุษเทพเจ้าโบราณน้ำลึกรุ่นนี้เป็นเพียงสำนักที่เก่าแก่โบราณที่สุดของเผ่าวิญญาณเทพเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นเป็นปฐมบรรพยบุรุษของเผ่าวิญญาณเทพได้

ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตาม กลุ่มคนเทพเจ้าโบราณน้ำลึกพวกนี้เต็มไปด้วยความลึกลับ และเต็มไปด้วยตำนาน พวกเขาคล้ายดั่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์รุ่นดึกดำบรรพ์อย่างนั้น เหมือนว่าพวกเขาเป็นผู้แบกรับเรื่องราวเกี่ยวกับแหล่งต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์หนึ่งอย่างนั้น ทำให้เป็นที่เคารพยำเกรงของผู้คนใต้หล้าเมื่อมีการพูดถึงเรื่องนี้

เวลานี้หลี่ชิเย่ถึงกับบอกว่าปฐมบรรพยบุรุษรุ่นก่อตั้งบุกเบิกยังคงมึระดับบรรพบุรุษที่ยังคงมีชีวิตอยู่ สิ่งนี้ทำให้ทุกคนรับรู้ถึงอะไรบางอย่างทันที ถ้าหากยังคงมีบุคคลรุ่นนี้หลงเหลืออยู่ ลักษณะเช่นนี้สำหรับผู้ที่เข้าใจถึงความลึกลับภายใน และเมื่อตรึกตรองให้ละเอียดแล้วถึงกับทำให้ขนลุกขนพองขึ้นมา

นี่คือพวกที่แก่จนสมควรจะตายได้แล้ว เป็นพวกที่แก่จนสมควรจะตายได้แล้วอย่างแท้จริง พวกแก่จนสมควรจะตายได้แล้วประเภทนี้ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงของแต่ละยุคสมัยมาเท่าไร ได้สืบทอดพลังอมตะมามากน้อยเท่าไร กล่าวสำหรับยอดฝีมือจำนวนมากแล้ว การดำรงคงอยู่ในลักษณะเช่นนี้ย่อมเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก

“หลี่ชิเย่ เจ้านับว่ามีความรู้กว้างขวางนัก ในเมื่อเจ้ารู้เรื่องนี้ก็สมควรรู้ว่าสิ่งนี้หมายถึงอะไร” องค์ชายแห่งความชั่วร้ายเอ่ยขึ้นช้าๆ “เฉกเช่นผู้ดำรงอยู่ในลักษณะเช่นนี้ในแดนวิญญาณสวรรค์ไม่ได้มีเพียงปฐมบรรพยบุรุษของพวกเราคนเดียวเท่านั้น เจ้าสมควรจะรู้ว่า ขอเพียงพวกเราออกหน้า เกรงว่าผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้ในแดนวิญญาณสวรรค์อย่างน้อยสามถึงสี่คนต้องยืนอยู่ฝ่ายเดียวกันกับพวกเรา”

น้ำเสียงคำพูดขององค์ชายแห่งความชั่วร้ายเรียบเฉยมาก และเปี่ยมด้วยความมั่นใจ การที่เขาพูดออกมาเช่นนี้ ย่อมแสดงว่าเขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยม และบ่งบอกว่าเขามีไพ่ตายที่ยอดเยี่ยมมากอยู่ในมือ

ภายในใจของผู้คนจำนวนมากถึงกับเย็นวาบบเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ขององค์ชายแห่งความชั่วร้าย ลำพังแค่ระดับผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้คนเดียวก็น่ากลัวเพียงพออยู่แล้ว ถ้าหากมีผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้ปรากฎตัวออกมาพร้อมๆ กันสามถึงสี่คน มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวอะไรอย่างนั้น นั่นเท่ากับสามารถพลิกฟ้าดินได้เลยนะเนี่ย ถ้าหากว่าเขามีผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้สามถึงสี่คนออกมาคุ้มครองให้กับยเมิ่งเจิ้นเทียนจริงล่ะก็ เท่ากับมีความไม่แน่นอนแล้วว่า เมิ่งเจิ้นเทียนอาจยังคงมีโอกาสพลิกชนะได้อีกในการแย่งชิงชะตาฟ้า

“นี่แหละคือธาตุแท้ภายในนะเนี่ย” บางคนถึงกับสะท้านทีหนึ่ง กล่าวว่า “ศึกแย่งชิงชะตาฟ้าไม่เพียงเป็นการอาศัยกำลังความสามารถเฉพาะบุคคลเท่านั้น ขณะเดียวกันก็เป็นการแข่งขันด้านธาตุแท้ภายในอีกด้วยเกรงว่าคงไม่เป็นผลดีสำหรับหลี่ชิเย่เป็นแน่แท้ ถ้าหากจะมีผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้จำนวนสามถึงสี่คนยินดีทำหน้าที่คุ้มครองใหกับเมิ่งเจิ้นเทียน”

ในเวลานี้ผู้คนจำนวนมากเท่าไรถึงกับต้องกลั้นลมหายใจของตนเอาไว้ เมื่อองค์ชายแห่งความชั่วร้ายได้พูดคำๆ นี้ออกมา ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดหรือสำนักใดๆ ก็ต้องรู้สึกหวั่นเกรง นี่เหละคือสิ่งที่เรียกว่าเป็นความมั่นใจของพวกองค์ชายแห่งความชั่วร้าย

ความได้เปรียบของหลี่ชิเย่นั้นมีความชัดเจนมาก หากจะเปรียบเทียบถึงเรื่องความสามารถเฉพาะบุคคลระหว่างหลี่ชิเย่กับเมิ่งเจิ้นเทียนในการช่วงชิงชะตาฟ้าแล้ว เมิ่งเจิ้นเทียนไม่มีโอกาสอย่างแน่นอน

แต่หากจะมีผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้จำนวนสามถึงสี่คนยินดียืนอยู่ข้างฝ่ายของเมิ่งเจิ้นเทียนล่ะก็ ย่อมบ่งบอกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทั้งหมดได้

เป็นที่ทราบกันดีว่า ภายใต้ข้อได้เปรียบที่เด่นชัดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่นั้น ย่อมต้องมีสายสำนักราชันเซียนจำนวนมากยินดีเลือกที่จะอยู่ข้างเดียวกันกับหลี่ชิเย่อยู่แล้ว แต่ หากว่ามีผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้จำนวนสามถึงสี่คนยินดีให้การสนับสนุนต่อเมิ่งเจิ้นเทียนล่ะก็ ไม่ว่าสายสำนักราชันเซียนใดๆ ก็ตาม ต้องเกิดความลังเลใจขึ้นมา และไตร่ตรองอีกครั้งว่าจะยืนอยู่ข้างฝ่ายเดียวกันกับหลี่ชิเย่หรือไม่

นาทีนี้ทุกคนล้วนแล้วแต่เข้าใจแล้วว่า ถ้าหากพวกขององค์ชายแห่งความชั่วร้าย สามารถดึงเอาระดับผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้มาให้การสนับสนุนเมิ่งเจิ้นเทียนจริง หลี่ชิเย่ย่อมเสียเปรียบมาก แม้ว่ากำลังความสามารถของเขาจะแข็งแกร่ง เกรงว่าจนถึง ณ ขณะนี้ยังคงไม่เห็นว่าเขาจะต่อต้านกับผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีมากถึงสามสี่คน!

หลี่ชิเย่เพียงหัวเราะไปตามอารมณ์สำหรับคำพูดขององค์ชายแห่งความชั่วร้าย และกล่าวว่า “ไม่สามารถบ่งบอกอะไรได้ทั้งนั้น แค่กลุ่มของตาเฒ่ากลุ่มหนึ่งเท่านั้น ถ้าหากพวกเขารู้จักกาลเทศะล่ะก็ ทางที่ดีจงอยู่อย่างสงบเจียมตัวเสีย มิฉะนั้นล่ะก็ จะเป็นผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้แล้วยังไง ข้าจะเอาหัวของพวกเขามาทำเป็นโถปัสสาวะ! ”

ภายในใจของทุกคนถึงกับเย็นวาบบเมื่อมีการพูดคำๆ นี้ออกมา ทุกคนต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ เกรงว่าทอดสายตามองไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินคงไม่มีใครกล้าพูดเช่นนี้ออกมา แต่ เวลานี้หลี่ชิเย่กลับพูดออกมาแล้ว ทั้งยังพูดแบบตามอารมณ์มากอีกด้วย!

นี่มันคือระดับผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้เลยนะ อีกทั้งยังอาจจะต้องเผชิญหน้าถึงสามหรือสี่คนที่สามารต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้ ด้วยศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องหวาดหวั่นอยู่สามส่วน! กระทั่งยอมอ่อนข้อหลีกทางให้ แต่นี่เอากับหลี่ชิเย่สิ ถึงกับประกาศว่าจะเอาหัวของระดับที่สามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้มาทำเป็นโถปัสสาวะ

ถอดสายตามองออกไป จะมีใครรึที่หาญกล้าพูดคำๆ นี้ออกมา? เว้นเสียแต่ผู้ที่อยู่ในฐานะราชันเซียนแล้ว มิฉะนั้นล่ะก็ คงมีไม่กี่คนที่กล้าเป็นศัตรูกับผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้พร้อมกันทีเดียวถึงสามสี่คนแล้ว

อย่างไรก็ตาม มาวันนี้หลี่ชิเย่กลับจะกระทำเช่นนี้ ทั้งยังไม่มีความหวาดหวั่นแม้แต่น้อย ท่าทีของเขานั้นดูตามอารมณ์ยิ่งนัก เหมือนว่าไม่เคยมองผู้ที่สามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้อยู่ในสายตาเลย

“บนโลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดยั้งความพาลและถืออำนาจบาตรใหญ่ของหลี่ชิเย่ได้อีกแล้ว ! ” ท้ายที่สุด ไม่ว่าใครก็ตามต้องยอมให้เขาอย่างราบคาบ พันคำหมื่นวจีก็คงพูดได้เพียงเท่านี้เอง

ในเวลานี้ แม้แต่หลงจวู๋หย่าจู่ยังต้องร้องด้วยเสียงอันดังออกมา “อ้ายตัวที่ไม่รู้จักประมาณตน”

หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะมองหน้าเขาเสียด้วยซ้ำ พูดออกไปตามอารมณ์ว่า ถ้าหากข้าเป็นตัวที่ไม่รู้จักประมาณตน แล้วพวกเจ้าล่ะ พวกเจ้าเป็นตัวอะไร? พวกเจ้าแม้แต่ตัวอะไรก็ไม่ใช่ แม้แต่คุณสมบัติในอันที่จะเป็นตัวอะไรยังไม่มี ถ้าหากพวกเจ้าคิดว่ามีความมั่นใจเต็มที่ล่ะก็เข้ามาได้เลย เชื่อหรือไม่ว่าข้าอาศัยเพียงมือเปล่าก็สามารถสังหารพวกเจ้าได้! ”

“เจ้า” ไม่เพียงแต่หลงจวู๋หย่าจู่เท่านั้น กระทั่งจักรพรรดิหอยสังข์ก็รู้สึกโกรธเคืองยิ่งนัก เมื่อถูกหลี่ชิเย่พูดจาดูเหยียดหยาม ถูกหลี่ชิเย่มองว่าสิ่งนั้นไม่คุ้มค่าที่ต้องให้ความสนใจถึงเพียงนี้

แต่ทว่า ในบรรดาพวกเขาทั้งหมดมีเพียงองค์ชายแห่งความชั่วร้ายเท่านั้นที่สามารถอดกลั้นเอาไว้ได้ เขาเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “หลี่ชิเย่ โอกาสอยู่ตรงหน้าของเจ้าแล้วอย่าได้พลาดโอกาสไป หากเจ้าปล่อยผ่านไป เกรงว่าคงมีแต่ตายสถานเดียวเท่านั้น”

“คำพูดแบบนี้สมควรให้ข้าเป็นคนพูด” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “ข้าก็จะให้โอกาสแก่พวกเจ้าเช่นกัน พวกเจ้าทำลายทักษะยุทธของตัวเองเสีย ข้าสามารถละเว้นชีวิตให้พวกเจ้า มิฉะนั้นแล้ว ข้าจะรีดทุกอย่างของพวกเจ้าจนไม่มีเหลือ ให้พวกเจ้าอยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้! ”

“ดูท่าเจ้าคงเข้าใจว่าตัวเองนั้นปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้าแล้วสิ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา” ดวงตาทั้งสองขององค์ชายแห่งความชั่วร้ายพลันดูน่าเกรงขาม เขาเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “งั้นก็ให้เจ้าได้ประจักษ์! ”

“แว้งค์” พลันที่องค์ชายแห่งความชั่วร้ายพูดขาดคำ ทันใดนั้น ฟ้าดินเจิดจรัสขึ้นมา ปรากฎเป็นลวดลายเต๋าแต่ละสายที่ใหญ่ยักษ์ถูกจุดติดสว่างไสวขึ้นมา

ลายเต๋าแต่ละเส้นปรากฏอยู่บนท้องฟ้า ฉับพลันก็ได้มีการทักทอเข้าด้วยกันกลายเป็นคัมภีร์บทหนึ่ง จากเสียงดังตูมตามที่ดังขี้นเป็นระลอก บนท้องฟ้าได้หย่อนหลักกฎเกณฑ์สัจธรรมแต่ละสายลงมา โดยที่หลักกฎเกณฑ์สัจธรรมแต่ละสายเหล่านี้ถูกเทลงมาเสมือนดั่งน้ำตกที่ตกลงมาจากท้องฟ้า

ขณะที่หลักกฎเกณฑ์สัจธรรมทั้งหมดถูกปล่อยลงมาถึงกับเข้าไปเชื่อมต่อเข้ากับหลักกฎเกณฑ์สัจธรรมที่อยู่บนร่างกายของยอดฝีมือทุกคนที่อยู่ในกองทัพทั้งสี่นั่น

บังเกิดเสียง “ตูม” ดังสนั่นขึ้นมา ในเวลานี้เอง พลังลมปราณจากยอดฝีมือทั้งหมดของกองทัพทั้งสี่ได้เชื่อมต่อกับพลังลมปราณของเมิ่งเจิ้นเทียน องค์ชายแห่งความชั่วร้าย จักรพรรดิหอยสังข์ และหลงจวู๋หย่าจู่เข้าด้วยกัน

ทันใดนั้น พลังลมปราณทั้งหมดได้หลอมรวมเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อยิ่งนัก เพราะว่าสภาพของผู้บำเพ็ญตนแต่ละคนจะแตกต่างกัน ความแข็งแกร่งและอ่อนด้อยของผู้บำเพ็ญตนแต่ละคนก็แตกต่างกัน และลักษณะลมปราณของผู้บำเพ็ญตนแต่ละคนก็แตกต่างกัน คิดจะให้ลมปราณของยอดฝีมือจำนวนมากหลอมรวมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันในทันทีทันใดนั้น โดยพื้นฐานแล้วเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย

แต่ทว่า นาทีนี้ พวกเมิ่งเจิ้นเทียนทั้งสี่คนกลับทำได้แล้ว เมื่อสุดยอดฝีมือแห่งยุคทั้งสี่มารวมตัวอยู่ด้วยกัน ภายใต้ความพยายามของพวกเขา ทุกอย่างที่ไม่น่าเป็นไปได้ก็กลายเป็นเรื่องที่เป็นไปได้

“ตูม ตูม ตูม” ในเวลานี้เอง บริเวณใต้เท้าของหลี่ชิเย่ และใต้เท้าทั้งสี่กองทัพของพวกเมิ่งเจิ้นเทียนทั้งสี่คนกลับปรากฎเป็นสุดยอดค่ายกลขนาดยักษ์ขึ้นมา ซึ่งค่ายกลขนาดยักษ์นี้กลับปูด้วยศิลาแกร่งเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน

จำนวนศิลาแกร่งที่ถูกนำมาปูเอาไว้ในสุดยอดค่ายกลนี้มีจำนวมมากมายจนนับไม่ถ้วน อีกทั้งศิลาแกร่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นศิลาแกร่งที่มีระดับสูงมาก มีศิลาแกร่งระดับอ๋องเทพ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีศิลาแกร่งระดับจักรพรรดิเทพ กระทั่งมีศิลาแกร่งระดับราชันเซียน

ในเวลานี้ ลำพังแค่พลังของศิลาแกร่งก็ได้ตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ ด้วยกลิ่นอายของศิลาแกร่งปริมาณมหาศาลเช่นนี้ ประดุจดั่งเป็นน้ำในมหาสมุทรอย่างนั้น พลันเข้าท่วมฟ้าดินบริเวณนี้จนจมมิด

บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์อดที่จะสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ไม่ได้ เมื่อรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่น่าเกรงขามดั่งมหาสมุทรเช่นนี้

ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนใดก็ตามต้องรู้สึกอยากได้มากกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ด้วยศิลาแกร่งจำนวนมหาศาลที่อยู่ตรงหน้า อย่าว่าแต่คนๆ หนึ่งเลย ไม่ว่าจะเป็นสำนักใดสำนักหนึ่งก็ตามชั่วชีวิตก็ใช้ไม่หมด

กระทั่งมีผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ชั่วชีวิตของพวกเขาก็ไม่เคยได้เห็นศิลาแกร่งจำนวนมากมายถึงเพียงนี้ พวกเขาถึงกับน้ำลายไหลยืดไม่หยุด

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *