Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1883 เมืองตี้ฮว่า

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1883 เมืองตี้ฮว่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในที่สุด เรือนิรันดรก็ได้แล่นไปถึงสถานีที่สำคัญมากแห่งหนึ่งของแดนแห่งการสืบค้น…เมืองตี้ฮว่า

“ถึงเมืองตี้ฮว่าแล้ว…” เมื่อเรือนิรันดรจอดทอดสมอที่ท่าเรือเรียบร้อยแล้ว เสียงของกัปตันเรือนิรันดรดังขึ้น “เรือนิรันดรจะแวะพักอยู่ที่เมืองตี้ฮว่าเป็นเวลาครึ่งเดือน เพื่อเสริมเสบียงที่จำเป็นต่างๆ ผู้โดยสารที่จะเดินทางต่อไปยังไกลกันดารสามารถลงจากเรือไปพักผ่อนตามอัธยาศัย และกลับขึ้นเรือก่อนเรือจะออกเดินทางต่อไป”

“เมืองตี้ฮว่าข้ามาแล้ว…” หลังจากที่เรือนิรันดรจอดสนิทแล้ว มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถเก็บความดีใจเอาไว้ได้ กระโดดลงจากเรือนิรันดรทันที

“ในที่สุดก็ได้มาถึงเมืองตี้ฮว่าแล้ว” ต่อให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่ไม่ได้มาเมืองตี้ฮว่าเป็นครั้งแรกก็อดที่จะรู้สึกดีใจอยู่หลายส่วน

เมืองตี้ฮว่าสร้างขึ้นข้างๆ ฝอเหย่ และนับเป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวของแดนแห่งการสืบค้นที่ถูกสร้างเป็นเมืองขึ้นมา แม้ว่า จอมราชันเซียนหวัง กระทั่งจอมเทพ เทพโบราณจะหลบซ่อนอยู่ภายในแดนแห่งการสืบค้น พวกเขาต่างมีวิมานที่เป็นของตนเอง และขนาดของวิมานแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป

แต่ว่า ภายในแดนแห่งการสืบค้นมีสถานที่ที่ถูกสร้างขึ้นเป็นเมืองขึ้นมาอย่างแท้จริงก็มีเพียงเมืองตี้ฮว่าเท่านั้นเอง อีกทั้งเมืองตี้ฮว่าเป็นสมบัติร่วมกันของเหล่าจอมราชัน

เมื่อมองออกไปจากเรือนิรันดร จะเห็นโลกๆ หนึ่งที่ลอยแขวนอยู่กลางอากาศบนแดนแห่งการสืบค้นท่ามกลางความมืดมิดที่ปกคลุมไปทั่ว โลกใบนี้ปรากฏรัศมีจางๆ ลอยขึ้นมา เหมือนหนึ่งเป็นรัศมีของพุทธะที่พรั่งพรูออกมา

บนแดนแห่งการสืบค้นมีผืนแผ่นดินอยู่เป็นจำนวนมาก และมีสถานที่ที่อันตรายอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน แต่ ไม่ว่าจะเป็นผืนแผ่นดินก็ดี พื้นที่อันตรายก็ช่าง ล้วนแล้วแต่มีลักษณะเงียบสงัดวิเวกวังเวงทั้งสิ้น หรือไม่ก็เป็นโลกที่อยู่ในสภาพของซากปรักหักกพังยิ่งนัก คล้ายกับแหลมฮ่าวว่างอย่างนั้น

แต่ทว่า โลกที่ลอยแขวนอยู่ท่ามกลางความมืดมิดกลับแตกต่างกัน มันกลับปรากฎรัศมีจางๆ ที่ลอยขึ้นมา แม้ว่ามันจะสลดลงเป็นอันมากแล้ว เหมือนหนึ่งเป็นแสงจากปลายเทียนที่อยู่ท่ามกลางพายุฝนยามค่ำคืน ขอเพียงมีลมที่พัดโบกมาเล็กน้อยก็จะมอดดับไป แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม รัศมีแสงที่จางๆ ยังคงส่ายไปมาอยู่ท่ามกลางความมืดมิดเช่นเดิม

โลกที่ว่าก็คือฝอเหย่! เป็นโลกแตกหักเสียหายที่เต็มไปด้วยตำนาน เป็นโลกที่สูญหายอยู่ท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลา ที่ตรงนี้เต็มไปด้วยตำนานจำนวนนับไม่ถ้วน

บริเวณด้านหน้าสุดของฝอเหย่ หรือก็คือส่วนที่อยู่ใกล้กับท่าเรือมากที่สุดนั่นเอง มีเมืองเก่าแก่โบราณตั้งอยู่ เมืองเก่าแก่โบราณแห่งนี้ไม่ได้มีความใหญ่โตมากเป็นพิเศษ เมื่อเปรียบเทียบกับเมืองเก่าแก่โบราณที่กินพื้นที่เป็นหมื่นลี้ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากในชิงโจวแล้ว เมืองเก่าแก่โบราณแห่งนี้ก็คล้ายเป็นเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งเท่านั้น

อีกทั้งเมืองเล็กๆ แห่งนี้ก็ไม่ได้มีความโอ่อ่าหรูหราแต่อย่างใด ทั้งยังไม่ได้มีขนาดที่สูงใหญ่ มันก่อขึ้นมาจากหินที่ไม่ทราบชนิดเรียงซ้อนกันขึ้นไป แม้ว่าเมืองเก่าแก่โบราณลักษณะเช่นนี้จะไม่ใหญ่โตมโหฬาร แต่กลับให้ความรู้สึกที่ไม่สามารถสั่นคลอนต่อมันกับผู้คน

เมืองเก่าแก่โบราณแห่งนี้ไม่ได้มีอานุภาพราชันที่สะเทือนฟ้า และไม่ได้มีประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ยากจะหาผู้ใดเทียม มันแลดูโบราณเรียบง่าย ดูเหมือนได้ผ่านการชำระล้างจากกาลเวลามานานนับไม่ถ้วนอย่างนั้น

แต่ว่า ด้วยเมืองเก่าแก่โบราณที่มีรูปลักษณ์ไม่ธรรมดานี้กลับสามารถยืนหยัดตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น เหมือนว่าโลกนี้ไม่มีสิ่งใดสามารถตีเมืองเก่าแก่โบราณเมืองนี้ให้แตกได้

ขอเพียงเป็นผู้ที่เคยมายังแดนแห่งการสืบค้นมาแล้วก็ต้องเคยได้ยินชื่อของเมืองตี้ฮว่า ตามตำนานเล่าว่า เมืองตี้ฮว่าคือเมืองที่บรรดาจอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดนของชิงโจวได้สร้างขึ้นที่แดนแห่งการสืบค้น และเป็นเมืองที่มีอยู่เพียงแห่งเดียวในแดนแห่งการสืบค้น!

ในแดนแห่งการสืบค้นเป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะแก่การฝึกวิชา เนื่องจากพลังขมุกขมัวที่อยู่ในแดนแห่งการสืบค้นล้วนแล้วแต่เป็นพลังขมุกขมัวของยุคสมัยโบราณและไม่สมประกอบ หากฝึกวิชาภายใต้พลังขมุกขมัวเช่นนี้จะถูกธาตุไฟเข้าแทรกได้อย่างง่ายดาย

แต่กลับมีความแตกต่างในเมืองตี้ฮว่า เล่าลือกันว่าสามารถฝึกวิชาภายในเมืองตี้ฮว่าได้ แต่เท็จจริงเป็นอย่างไรนั้น บุคคลภายนอกไม่สามารถรู้ได้

สรุปก็คือ เมืองตี้ฮว่าร่วมก่อตั้งขึ้นโดยจอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดนของชิงโจวเป็นจำนวนมาก บรรดาเหล่าจอมราชันเซียนหวังได้บุกเบิกโลกใบนี้ขึ้น ทำผืนแผ่นดินชั่วร้ายนี้ให้บริสุทธิ์ สุดท้ายได้เมืองเก่าแก่โบราณที่ตั้งตระหง่านขึ้นมา

สำหรับกรณีที่ว่าภายในเมืองตี้ฮว่ามีจอมราชันเซียนหวังอาศัยอยู่ในเมืองจำนวนเท่าไรนั้นบุคคลภายนอกไม่สามารถทราบได้ ทุกคนรับรู้เพียงว่า โดยปรกติแล้วจอมราชันเซียนหวังที่อยู่ในแดนแห่งการสืบค้นล้วนแล้วแต่มีวิมานที่เป็นหนึ่งเดียวไม่มีเหมือนใครของตัวเองทั้งสิ้น แต่ก็มีจอมราชันเซียนหวังจำนวนไม่น้อยก็มักจะมาพักอยู่ที่เมืองตี้ฮว่าอยู่เสมอๆ มาอาศัยอยู่ในเมืองตี้ฮว่าเป็นการชั่วคราว

ขณะเดียวกัน ในเมืองตี้ฮว่าจะมีจอมราชันเซียนหวังหลายองค์ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าเวร มีข่าวลือว่า ทุกๆ ยุคสมัยหนึ่งก็จะมีการผลัดเวรกันครั้งหนึ่ง เรื่องราวน้อยใหญ่ที่เกิดขึ้นภายในเมืองตี้ฮว่าให้จอมราชันเซียนหวังที่เข้าเวรอยู่เป็นผู้ดำเนินการ แต่หากมีเรื่องที่ใหญ่มากก็จะมีการเรียกประชุมปรึกษาหารือกันของเหล่าจอมราชันเซียนหวังที่มีสิทธิ์เพื่อตัดสินร่วมกัน

ส่วนที่ว่าจอมราชันเซียนหวังองค์ไหนมีสิทธิ์ในเมืองตี้ฮว่ากันบ้าง บุคคลภายนอกไม่อาจทราบได้

เมืองตี้ฮว่าไม่ได้เป็นกลุ่มบุคคล และไม่ได้เป็นสำนักๆ หนึ่ง มันเป็นสถานที่ประหลาดมากแห่งหนึ่ง จอมราชันเซียนหวังที่ได้ครอบครองสิทธิ์มีทุกชาติพันธุ์ มีจอมราชันจากเผ่าสวรรค์ เผ่ามาร และเผ่าเทพ และก็มีเซียนหวังจากร้อยชาติพันธุ์ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีราชันเซียนที่มาจากเก้าแดนอีกด้วย

ภายในเมืองตี้ฮว่าแห่งนี้ จะเป็นจอมราชันก็ดี เซียนหวังก็ช่าง หรือแม้แต่ราชันเซียนเก้าแดน พวกเขาต่างมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ ภายในเมืองตี้ฮว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างสำนักและชาติพันธุ์

ต่อให้ระหว่างสำนักตีกันจนจะเป็นจะตาย หรือเผ่าสวรรค์ มาร เทพสามเผ่าที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกับร้อยชาติพันธุ์ได้ แต่ จอมราชันเซียนหวังที่มีที่นั่งอยู่ภายในเมืองตี้ฮว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับบุญคุณความแค้นของโลกมนุษย์เช่นนี้ มิฉะนั้นล่ะก็ จอมราชันเซียนหวังประเภทนั้นจะไม่สามารถมีที่นั่งอยู่ในเมืองตี้ฮว่าได้ และไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินหรือกำหนดแผนการได้

ไม่มีใครรู้ว่าเมืองตี้ฮว่าก่อตั้งขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ใด แต่มีตำนานเล่าขานกัน เป็นการพูดที่แพร่อยู่ในชิงโจว เล่าลือกันว่าเมืองตี้ฮว่าจะเป็นป้อมปราการสุดท้าย วันใดที่มีภัยพิบัติเกิดขึ้น ต่อให้โลกแตกสลาย แต่เมืองตี้ฮว่าก็จะไม่แตกสลายตามไปด้วย มันคือป้อมปราการที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก เกิดจากการปลุกเสกของจอมราชันเซียนหวังองค์แล้วองค์เล่า และก่อสร้างขึ้นมาจากจอมราชันเซียนหวังองค์แล้วองค์เล่า เป็นสถานที่ที่เกิดจากแรงกายแรงใจของจอมราชันเซียนหวังแต่ละองค์ กระทั่งจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายก็เคยมาปลุกเสกที่ตรงนี้มาก่อน!

ดังนั้น จึงมีการเล่าลือกันว่าเมืองตี้ฮว่าจะไม่มีวันแตกสลายเป็นนิรันดร์ ต่อให้โลกถูกทำลายย่อยยับไป เมืองตี้ฮว่าก็จะยังคงอยู่

แน่นอนที่สุด ถ้าหากถึงวันสิ้นโลกเกิดขึ้นจริงในวันนั้น ใครบ้างที่จะได้ตั๋วเข้าไปยังเมืองตี้ฮว่าไม่มีใครล่วงรู้ได้

ในขณะนี้ หลี่ชิเย่เองก็ยืนมองเมืองตี้ฮว่าจากระยะห่างไกล มองดูประตูเมืองตี้ฮว่าที่ถูกปิดสนิท ถึงกับมีรอยยิ้มจางๆ ออกมา

ประตูใหญ่ของเมืองตี้ฮว่าถูกปิดสนิทตลอดมา เว้นแต่บรรดาจอมราชันเซียนหวังเองแล้ว บุคคลภายนอกยากที่จะเข้าไปภายในเมืองตี้ฮว่าได้ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากจอมราชันเซียนหวังที่เข้าเวรอยู่ ณ ขณะนั้น และหรือได้รับการแนะนำจากจอมราชันเซียนหวังที่มีสิทธิ์ในการตัดสินและวางแผนในเมืองตี้ฮว่า จึงมีสิทธิ์ได้เข้าไปในเมืองตี้ฮว่า มิฉะนั้นแล้วบุคคลภายนอกไม่มีสิทธิ์ได้เข้าไปในเมืองตี้ฮว่าอยู่แล้ว

แน่นอน หากใครคิดจะใช้กำลังหักหาญบุกเข้าไปในเมืองตี้ฮว่าล่ะก็ ย่อมเป็นการรนหาที่ตายเองแน่นอน ต่อให้เป็นผู้ที่แข็งแกร่งปานใดก็ตาม ก็ต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไป

“คุณชายจะเข้าไปในเมืองตี้ฮว่ารึ?” ธิดาราชันฉีหลินเอ่ยถามเบาๆ เมื่อเห็นหลี่ชิเย่จ้องมองไปที่เมืองตี้ฮว่า

ถ้าหากจะบอกว่าใครสามารถเข้าไปยังเมืองตี้ฮว่า ในสายตาของธิดาราชันฉีหลินมองว่าหลี่ชิเย่นั้นจะต้องสามารถเข้าเมืองตี้ฮว่าได้อย่างสะดวกโยธินแน่นอน แน่นอนที่สุดผู้เยาว์อย่างนางไม่มีสิทธิ์เข้าไปได้อยู่แล้ว

“ไม่ เมืองตี้ฮว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ เป็นแค่กระดองเต่าเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวออกมาตามอารมณ์

คำพูดนี้ทำให้ธิดาราชันฉีหลินได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ผู้คนจำนวนมากมายเท่าไรที่กระหายอยากได้เข้าไปในเมืองตี้ฮว่า หลี่ชิเย่กลับพูดแบบเอ้อระเหยว่าเมืองตี้ฮว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ แค่กระดองเต่าเท่านั้นเอง

ถ้าหากบรรดาจอมราชันเซียนหวังของเมืองตี้ฮว่ารู้ว่าเมืองตี้ฮว่าของพวกเขาถูกคนเขาเรียกว่าเป็นกระดองเต่าจะมีความรู้สึกอย่างไร

“ไม่รู้ว่ายุคนี้เมืองตี้ฮว่าอยู่ในการดูแลของจอมราชันเซียนหวังองค์ไหนบ้าง” หลี่ชิเย่มองดูเมืองตี้ฮว่าทีหนึ่งและยิ้มกล่าวออกมา

“ได้ยินว่าอาจมีความเป็นไปได้ถึงทีของจอมราชันเซียนหวังจากตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวัง เขามังกรเทพ และสายสำนักราชันเซียนอีกหลายแห่ง เท็จจริงอย่างไรข้าไม่รู้แน่ชัด เพียงแต่ได้ยินเหล่าบรรพบุรุษเขาพูดกัน”

บรรพบุรุษของตระกูลราชันฉีหลินของพวกเขาก็มีที่นั่งอยู่ในในเมืองตี้ฮว่าทีหนึ่ง เซียนหวังฉีหลินของพวกเขานับได้ว่าเป็นเซียนหวังของชิงโจวที่เข้าประจำการในเมืองตี้ฮว่าเป็นอันดับต้นๆ

“ถ้าหากวันหนึ่งมีการทำลายโลกเกิดขึ้นจริง หากมีโอกาสล่ะก็ให้หลบเข้าไปอยู่ในเมืองตี้ฮว่าก็แล้วกัน บางทีอาจมีหวังรอดจากเคราะห์กรรมนั้นไปได้” หลี่ชิเย่มองดูเมืองตี้ฮว่าและยิ้มกล่าวขึ้นมา

“ต่อให้มีวันนั้นจริงๆ บางทีข้าก็ไม่แน่ว่าจะมีโอกาส” คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้ธิดาราชันฉีหลินถึงกับยิ้มเจื่อนๆ ออกมา

แม้ว่าเซียนหวังทั้งสองของตระกูลราชันฉีหลินจะมีที่นั่งอยู่ในเมืองตี้ฮว่า แต่หากจะพูดถึงการเข้าไปยังเมืองตี้ฮว่านั้น อย่างน้อยนางก็ไม่มีสิทธิ์เป็นการชั่วคราว เว้นแต่จะได้รับการแนะนำจากเซียนหวังฉีหลินที่เป็นบรรพบุรุษของพวกเขา มิฉะนั้นแล้ว นางไม่สามารถเข้าไปเมืองตี้ฮว่าได้อยู่แล้ว

“เรื่องนี้มีความเป็นไปได้” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบๆ ว่า “หากเซียนหวังเย่หลินยังอยู่ ตระกูลราชันฉีหลินพวกเจ้าจะต้องช่วงชิงตำแหน่งในเมืองตี้ฮว่าได้มากกว่านี้ แต่ว่า เจ้ายังคงมีโอกาส ขอเพียงเจ้ามีความแข็งแกร่งทุกอย่างก็สามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย”

เซียนหวังเย่หลินคือเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสายในครอบครอง ขณะที่นางอยู่เมืองตี้ฮว่ามีอำนาจที่สูงมาก หลังจากที่นางก้าวสู่เส้นทางการปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว เป็นความจริงที่น้ำหนักของตระกูลราชันฉีหลินในเมืองตี้ฮว่านับว่าอ่อนลงไม่น้อย

ธิดาราชันฉีหลินถึงกับพยักหน้าเบาๆ และจดจำคำพูดของหลี่ชิเย่เอาไว้ในใจ

“ไปเถอะ พวกเราไปดูอะไรที่ฝอเหย่สักหน่อย มีเวลาว่างพอดี” หลี่ชิเย่พูดกับธิดาราชันฉีหลิน

“ไปฝอเหย่?” ธิดาราชันฉีหลินถึงกับมองไปยังโลกที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาด้านหลังเมืองตี้ฮว่า มันเป็นโลกที่แตกหักเสียหาย แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม มันยังคงเป็นโลกได้รับการฝากความหวังจากผู้คน

“ในเมื่อเจ้าติดตามข้า ข้าก็จะมอบโชควาสนาให้กับเจ้า สำหรับไกลกันดารนั้นคงพูดยาก” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉยว่า “โชควาสนาในไกลกันดารต้องขึ้นอยู่กับวาสนาของบุคคล ดังนั้นถือโอกาสตอนนี้ให้เจ้าได้รู้จักความมหัศจรรย์ของฝอเหย่บ้างก็ดี”

เมื่อธิดาราชันฉีหลินได้ยินคำพูดนี้แล้วรีบโค้งคำนับต่อหลี่ชิเย่เป็นการขอบคุณ

ตระกูลราชันฉีหลินเป็นสายสำนักราชันเซียนที่มีหนึ่งสำนักสามเซียนหวัง ธิดาราชันฉีหลินในฐานะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลราชันฉีหลินจึงไม่ขาดแคลนเรื่องอาวุธหรือของวิเศษ และไม่ขาดแคลนสุดยอดเคล็ดวิชาอะไรทั้งนั้น ความจริงแล้ว สุดยอดเคล็ดวิชาตระกูลราชันฉีหลินของพวกเขานางก็ไม่สามารถฝึกได้

แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม เมื่อคำพูดนี้ออกมาจากปากของหลี่ชิเย่มันย่อมแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง จะอย่างไรเสียโชควาสนาบางอย่างบนโลกนี้ใช่ว่าจะสามารถนำของวิเศษหรือเคล็ดวิชามาวัดกันได้ อีกทั้งในโลกของผู้บำเพ็ญตน มักต้องอาศัยโชควาสนาเช่นนี้มาขัดเกลาตนเอง และเพิ่มพูนประสบการณ์ของตนเอง

ธิดาราชันฉีหลิน ติดตามหลี่ชิเย่ลงจากเรือนิรันดรก้าวสู่ฝอเหย่ เพียงชั่วพริบตาเดียวก็มาถึงด้านหน้าของเมืองตี้ฮว่า

เนื่องจากเมืองตี้ฮว่าตั้งอยู่ด้านหน้าสุดของฝอเหย่ ดังนั้นคิดจะเข้าสู่ฝอเหย่จำเป็นต้องผ่านเมืองตี้ฮว่า

ความจริงแล้ว ผู้คนจำนวนมากต่อให้ไม่เข้าไปยังฝอเหย่ก็จะต้องมาดูที่เมืองตี้ฮว่า ต่อให้ไม่สามารถเข้าไปยังเมืองตี้ฮว่า การได้มายืนดูด้านนอกของเมืองตี้ฮว่าก็นับเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่ง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *