Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1802 ธิดาราชันชงชา

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1802 ธิดาราชันชงชา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1802 ธิดาราชันชงชา
ในขณะนี้ธิดาราชันฉีหลินกำลังตะลึงอยู่นั้น หลี่ชิเย่พูดขึ้นมาเฉยเมยว่า “ชาอ่อนราชันของตระกูลราชันฉีหลินนับเป็นชาชั้นเลิศ ชงให้ข้าสักกาสิ”

เมื่อหลี่ชิเย่สั่งการออกมาเช่นนี้ สร้างความตะลึงให้กับธิดาราชันฉีหลินอีกครั้ง หลี่ชิเย่นี่ไม่มีความเกรงใจเลยนะเนี่ย ใช้นางเสมือนหนึ่งสาวใช้ชัดๆ

จังหวะที่ธิดาราชันฉีหลินกำลังตะลึงอยู่นั้น ผู้เฒ่าผู้หนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นที่ข้างกายของธิดาราชันฉีหลินดั่งหมอกควัน นำกล่องบรรจุใบชาที่มีรูปลักษณ์โบราณส่งถึงมือของธิดาราชันฉีหลิน จากนั้นพลันหายตัวไปทันที

“ตาเฒ่าของตระกูลราชันฉีหลิน นับว่ารู้จักกาลเทศะดี” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉยมองดูผู้เฒ่าที่หายตัวไปฉับพลันนั่น

ความจริงแล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนแล้วแต่มีผู้เยี่ยมยุทธคอยให้การชี้แนะธิดาราชันฉีหลินอยู่ ผู้เยี่ยมยุทธที่ไม่ยอมเปิดเผยตัวผู้นี้คือระดับบรรพบุรุษที่มีฐานะสูงมากของตระกูลราชันฉีหลิน

ธิดาราชันฉีหลินทอดถอนใจออกมาเบาๆ ทำการตั้งไฟเพื่อชงชาให้กับหลี่ชิเย่กาหนึ่งด้วยตนเอง

ธิดาราชันฉีหลินตั้งไฟชงชาด้วยตนเอง เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริงๆ ทำให้ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต้องงงงันจนไม่สามารถรับกับสิ่งนี้ได้

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เสิ่นเสี่ยวซันได้สติกลับมา จึงช่วยเป็นลูกมือให้กับธิดาราชันฉีหลิน ช่วยเก็บฟืนให้กับธิดาราชันฉีหลิน นางไม่กล้าพูดอะไรออกมา พริบตาเดียวกันนี้นางจึงได้เข้าใจว่า ตัวของหลี่ชิเย่อยู่ในฐานะที่สูงส่งมาโดยตลอด เพียงแต่นางมีตาหามีแววไม่เท่านั้นเอง

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองดูภาพนี้จนงงงัน กล่าวสำหรับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนไม่รู้จำนวนเท่าไรที่อยู่ในเหตุการณ์แล้ว สามารถได้รับการมองมากกว่าครั้งจากธิดาราชันฉีหลิน ต้องถือว่าเป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง หากสามารถได้รับความโปรดปรานจากธิดาราชันฉีหลินต้องถือเป็นเกียรติยศสูงสุด กระทั่งเรียกได้ว่ากำลังจะได้รับโชคลาภหรือเลื่อนตำแหน่งเลยทีเดียว

เวลานี้ นางฟ้าเทพธิดาที่มีฐานะสูงส่งในทัศนะคติของพวกเขา เป็นได้เพียงสาวใช้ที่คอยต้มน้ำชาให้กับหลี่ชิเย่ มองดูธิดาราชันฉีหลินที่ทำการต้มชาด้วยตนเอง จะมีใครบ้างในโลกที่ได้รับการปฏิบัติดูแลเช่นนี้กันเล่า?

เฉกเช่นเฮ่อเฉินที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่เรียกว่างงงันโดยสิ้นเชิงไปแล้ว ภายในใจของเขาธิดาราชันฉีหลินสูงส่งสุดที่จะเอื้อมถึง สามารถมีโอกาสได้มองเห็นธิดาราชันฉีหลินสักครั้งหนึ่ง ก็นับเป็นเกียรติยศสูงสุดแล้ว เวลานี้ ธิดาราชันฉีหลินก็มาอยู่ตรงหน้าของเขาเอง ทั้งยังทำหน้าที่ต้มชาชงชาให้กับหลี่ชิเย่ด้วยตนเอง

นาทีนี้เฮ่อเฉินจึงได้เข้าใจแล้วว่า ตัวเองนั้นมีตาหามีแววไม่ ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองนั้นเป็นผู้โชคดี แม้แต่ธิดาราชันฉีหลินของพวกเขายังต้องมาปรนนิบัติหลี่ชิเย่ ช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาได้อยู่ข้างกายของหลี่ชิเย่มาโดยตลอด เท่ากับว่าได้พลาดสุดยอดวาสนาไปแล้ว

หลังจากที่ต้มชาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ธิดาราชันฉีหลินได้ยกเสริฟให้กับหลี่ชิเย่ด้วยตนเอง

สาวงามเคียงข้าง มือขาวๆ ยกเสริฟน้ำชา มันช่างเป็นแดนสวรรค์ที่ผู้คนใฝ่หานะเนี่ย กล่าวสำหรับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนแล้ว การได้รับการปฏิบัติดูแลเช่นนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาใฝ่ฝันถึงอยู่แล้ว

กระทั่งกล่าวได้ว่า ได้ธิดาราชันฉีหลินมาเสริฟน้ำชาด้วยตนเอง เป็นสิ่งที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดไม่กล้าแม้แต่จะคิด

แต่เรื่องราวลักษณะเช่นนี้กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว มันเป็นสิ่งที่ไม่มีเรื่องใดธรรมดามากไปกว่านี้อีกแล้ว กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว ตัวของธิดาราชันฉีหลินก็เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น แม้แต่ธิดาของราชันเซียนก็เคยปรนนิบัติเขามาแล้ว นับประสาอะไรกับธิดาราชันฉีหลิน!

“เป็นรสชาติที่ชวนให้หวนรำลึกถึง” หลี่ชิเย่จิบน้ำชาคำหนึ่ง แล้วกล่าวทอดถอนใจออกมา

ธิดาราชันฉีหลินถึงกับหวั่นไหวภายในใจ เมื่อได้ยินคำพูดคำนี้ของหลี่ชิเย่ เนื่องจากคำพูดคำนี้ได้แฝงเร้นอะไรมากมายเหลือเกิน หากจะคิดทำความเข้าใจและซาบซึ้งกับมัน ก็จะพบว่าคำพูดคำนี้มีปริมาณของข่าวคราวน่ากลัวมากเหลือเกิน

หลี่ชิเย่จิบชาไปเบาๆ แล้วทอดสายตาไปยังบนท้องฟ้าอีกครั้งหนึ่ง ทำการจับภาพของดวงดาวที่อยู่ไกลออกไปบนจักรวาลอีกครั้ง เขาได้ทำการกำหนดจุดของดวงดาวเพื่อคำนวณสถานที่และเวลาที่ศพของเทพกำแหงจะปรากฏตัวขึ้นมา

หลี่ชิเย่นั่งอยู่ตรงนั้นลำพังผู้เดียว ทำการตรวจหาดวงดาวครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมๆ กับจิบน้ำชาไปเบาๆ คำหนึ่ง โดยมีธิดาราชันฉีหลินที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ เมื่อน้ำชาพร่องนางก็จัดแจงเติมให้ ในเวลานี้ ธิดาราชันฉีหลินไม่ได้วางมาดใดๆ ออกมาเลย ท่าทางเหมือนเป็นสาวใช้คนหนึ่งจริงๆ ที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายของหลี่ชิเย่

บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์และได้เห็นภาพนี้แล้ว พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะหวั่นไหวหรืออิจฉาดี ความสุขเช่นนี้ในโลกนี้คงไม่มีใครมีอีกแล้ว

ธิดาราชันฉีหลินที่เคียงข้างหลี่ชิเย่อยู่นั้น เมื่อนางมองเห็นการมองและจับภาพดวงดาวครั้งแล้วครั้งเล่าของหลี่ชิเย่แล้ว แม้ว่าธิดาราชันฉีหลินจะไม่สามารถบรรลุถึงความลึกซึ้งที่ซ่อนอยู่ภายใน แต่นางก็มองลาดเลาออกบางอย่างอยู่บ้าง

เวลานี้ ภายในใจของธิดาราชันฉีหลินกระตุกนิดหนึ่ง นางเข้าใจได้ทันทีว่าหลี่ชิเย่หาใช่กำลังชื่นชมกับท้องฟ้ายามค่ำคืน แต่เขากำลังค้นหาพิกัดตำแหน่งของดาวที่อยู่บนท้องฟ้า เขากำลังนำเอาพิกัดตำแหน่งของดวงดาวบนท้องฟ้าสะท้อนไปยังแดนอาถรรพ์เทพกำแหง

นาทีนี้ธิดาราชันฉีหลินเข้าใจแล้วว่า หลี่ชิเย่มาเพื่อแดนอาถรรพ์เทพกำแหง ดูท่าเวลานี้แดนอาถรรพ์เทพกำแหงจะมีของวิเศษปรากฎตัวออกมาจริงๆ แล้ว เรื่องนี้หาใช่เป็นเรื่องลมๆ แล้งๆ ของทุกคนเท่านั้น

หลังจากผ่านไปนานมาก ในที่สุดหลี่ชิเย่ก็สามารถล็อกพิกัดตำแหน่งเอาไว้ได้แล้ว ล็อกตำแหน่งและเวลาที่ศพเทพกำแหงจะปรากฏตัวได้แล้ว เขาละสายตากลับมาแล้วจิบและชิมชาเลิศรสนั้นอย่างช้าๆ ปล่อยให้รสชาติที่เป็นหนึ่งไม่มีสองวนเวียนอยู่กับปลายลิ้นนั้น

“คนมากแล้วก็จะมากความ ออกไปเถอะ” หลี่ชิเย่สั่งการและโบกมือเบาๆ ต่อพวกของเถี่ยซู่องศิษย์อาจารย์ทั้งสี่

เถี่ยซู่องศิษย์อาจารย์ทั้งสี่ไม่กล้าพูดอะไรออกมา ล่าถอยออกไปอย่างเงียบๆ ไม่กล้ารบกวนหลี่ชิเย่

เวลานี้ ธิดาราชันฉีหลินก็โบกมือเบาๆ ส่งสัญญาณให้ทุกคนถอยไป บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่บนยอดเขาทั้งหมดต่างล่าถอยออกไปเงียบๆ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมาแม้แต่นิดหนึ่ง กระทั่งไม่มีใครกล้าทำให้เกิดเสียงใดๆ ขึ้นมา

หลังจากที่ทุกคนล่าถอยไปแล้ว ทั่วทั้งยอดเขาชมเทพมีเพียงหลี่ชิเย่ และธิดาราชันฉีหลินเพียงลำพังสองคนเท่านั้น เมื่อสายลมพัดผ่านมาแผ่วเบา ทำให้รู้สึกว่าสบายและพึงพอใจเป็นพิเศษ

หลังจากที่ทุกคนได้ล่าถอยออกไปแล้ว หลี่ชิเย่จึงได้จ้องมองธิดาราชันฉีหลินอย่างละเอียดครั้งหนึ่ง แววตาของเขาในขณะนี้นับว่าเหิมเกริมมาก เรียกว่าจ้องมองดูธิดาราชันฉีหลินตั้งแต่หัวจดเท้าเลยทีเดียว

ท่าทางของธิดาราชันฉีหลินก็ดูเป็นธรรมชาติ ปล่อยให้หลี่ชิเย่จ้องมองตามอำเภอใจ เนื่องจากหลี่ชิเย่ไม่ได้มีทีท่าต้องการลวนลามนางแม้แต่น้อย

“เจ้ากับเซียนหวังฉีหลินนับว่ามีส่วนคล้ายกันอยู่สามส่วน แม้ว่าเจ้าจะเป็นหญิง แต่ดวงตาคู่นั้นมีราศีของเซียนหวังฉีหลิน” หลังจากที่พิจารณาดูธิดาราชันฉีหลินแล้ว หลี่ชิเย่ได้ละสายตากลับมาและกล่าวกับธิดาราชันฉีหลิน

“คุณชายเคยพบกับบรรพบุรุษของพวกเรารึ?” คำพูดของหลี่ชิเย่พลันสร้างความแปลกใจให้กับธิดาราชันฉีหลิน จึงเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

หลี่ชิเย่เพียงอมยิ้มแต่มีตอบคำถามนี้ของธิดาราชันฉีหลิน จิบน้ำชาเบาๆ คำหนึ่ง หลังจากผ่านไปชั่วครู่ หลี่ชิเย่ได้ใช้มือตบที่นั่งข้างกายเบาๆ ส่งสัญญาณให้ธิดาราชันฉีหลินนั่งลง

ธิดาราชันฉีหลินหาใช่คนที่ชอบเอะอะโวยวาย นางนั่งลงข้างกายหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีสง่างามเปิดเผยตรงไปตรงมา นางอดที่จะเพ่งมองหลี่ชิเย่อย่างพินิจพิเคราะห์

ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าแลดูธรรมดายิ่งนัก เรียกได้ว่าเป็นมนุษย์ปุชนทั่วไป ถ้าหากต้องการค้นหาสิ่งที่ไม่ธรรมดาบนตัวเขาล่ะก็ สิ่งนั้นก็คือดวงตาคู่นั้นของเขา คู่ดวงตาของเขาลึกล้ำยากจะหยั่งถึง ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถแอบส่องดูทั้งสิ้น เกรงว่าใครที่แอบดูดวงตาคู่นั้นของเขาจะถูกเขากลืนกินไปในทันที

ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ เมื่อธิดาราชันฉีหลินมองเห็นนัยน์ตาเช่นนี้แล้ว นางเข้าใจได้ว่าหัวใจของหลี่ชิเย่หาใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถสอดส่องได้อยู่แล้ว!

สายลมที่โชยผ่านมาเบาๆ นั่งจิบน้ำชาเลิศรส มีสาวงามเคียงข้าง ช่างเป็นสิ่งที่สบายอกสบายใจเหลือเกิน

หลี่ชิเย่เสวยสุขอยู่กับสายลมที่พัดมาแผ่วเบา จิบน้ำชาเบาๆ แต่ว่า หลังจากผ่านไปชั่วครู่แล้ว เขากลับกลายเป็นนิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไรแม้แต่คำเดียว

เมื่อหลี่ชิเย่ไม่พูดไม่จาสักคำ ธิดาราชันฉีหลินก็นั่งเป็นเพื่อนเงียบๆ อยู่ข้างกายของเขาเช่นกัน

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เวลานี้หลี่ชิเย่ได้มองไปที่ที่ห่างไกล เขาเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “มีข่าวเกี่ยวกับบรรพบุรุษเซียนหวังเย่หลินหรือไม่?”

คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้ธิดาราชันฉีหลินถึงกับเย็นวาบในใจ นางไม่นึกเลยว่าพลันที่หลี่ชิเย่ปริปากจะเป็นคำๆ นี้

ชั่วครู่หนึ่ง ธิดาราชันฉีหลินได้ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ในขณะนี้ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ อย่างน้อยที่สุดบรรพบุรุษอีกสองท่านไม่ได้ส่งข่าวเกี่ยวกับข่าวคราวใดๆ ของเซียนหวังเย่หลินให้กับชนรุ่นหลังอย่างพวกเรา”

เซียนหวังฉีหลินคือเซียนหวังองค์ที่สามของตระกูลราชันฉีหลิน และเป็นเซียนหวังหญิงเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลราชันฉีหลิน ขณะเดียวกันก็เป็นเซียนหวังที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลราชันฉีหลิน

สิบเอ็ดลัคนา ชะตาฟ้าสิบเอ็ดสาย เรียกได้ว่าเซียนหวังเย่หลินมีความแข็งแกร่งมากทีเดียว ความสามารถของนางเหนือกว่าเซียนหวังฉีหลินซึ่งเป็นเซียนหวังองค์แรกของตระกูลราชันฉีหลินอยู่มากทีเดียว เรียกได้ว่าการที่เซียนหวังเย่หลินมีสิบเอ็ดลัคนา สิบเอ็ดชะตาฟ้าอยู่ในครอบครอง ถือว่าห่างจากจอมราชันที่สูงสุดเพียงก้าวเดียวเท่านั้น

กล่าวสำหรับตระกูลราชันฉีหลินแล้ว หากเซียนหวังฉีหลินเป็นผู้ก่อตั้งตระกูลราชันฉีหลินของพวกเขา เช่นนั้นแล้ว เซียนหวังเย่หลินก็คือผู้ที่ทำให้ตระกูลราชันฉีหลินของพวกเขามีฐานะที่ไม่อาจสั่นคลอนได้

จะอย่างไรเสีย เซียนหวังที่มีสิบเอ็ดลัคนาสิบเอ็ดชะตาฟ้านั้นแข็งแกร่งมากเหลือเกิน เพียงพอที่จะหมางเมินต่อบรรดาราชันและเหล่าเทพ และมีเพียงผู้ดำรงอยู่ในฐานะราชันซื่อตี้เท่านั้นที่แข็งแกร่งมากไปกว่านาง

ในฐานะที่เป็นเซียนหวังที่แข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียม และเป็นเซียนหวังหญิงที่มีอยู่ไม่มากในโลกหล้า เมื่อราชันเซียนฉวี่เจินจัดให้มีการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งสุดท้าย ครั้งที่หกขึ้น เซียนหวังเย่หลินได้เข้าร่วมโดยไม่ลังเลเลย

หลังจากก้าวเดินสู่เส้นทางการปราบปรามแล้ว ก็ไม่มีข่าวคราวของเซียนหวังเย่หลินนับแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่มีผู้ใดรู้ว่าจุดจบของพวกเขาเป็นอย่างไร

เมื่อหลี่ชิเย่ได้ฟังคำจากธิดาราชันฉีหลินแล้ว ถึงกับสะท้านในใจทีหนึ่ง แม้จะรู้คำตอบอยู่แล้ว เขายังคงอดที่จะถามคำถามนี้ขึ้นมา เนื่องจากภายในใจของเขายังคงคาดหวังจะมีโอกาสโชคดีสักนิดหนึ่ง ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วเขาเข้าใจเป็นอย่างดี เมื่อไรที่ก้าวขึ้นสู่สงครามการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามแล้วไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะโชคดีใดๆ ทั้งสิ้น

“วิถีทางอันยาวไกล ผู้ใดจะร่วมเดินทาง” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “วิถีทางยากลำเค็ญ แล้วใครเล่าสามารถอยู่จนแก่เฒ่า!” ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วเขาอดที่จะทอดถอนใจออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม

ผ่านความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน ผ่านการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามมานับไม่ถวน หัวใจดวงนี้ของเขาด้านชาไปแล้ว แต่ทว่า บางครั้งยังคงถูกทำให้ต้องรู้สึกสะเทือนใจได้เหมือนกัน

แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แล้วว่าวัฏสงสารนี้เป็นที่พี่งพิงสุดท้ายของราชันเซียนทุกๆ องค์ แต่ลึกๆ ในใจก็ยังคาดหวังอยู่นิดหนึ่ง บางทีอาจสามารถปรากฏปาฏิหาริย์เล็กๆ บนตัวของพวกเขาก็เป็นได้

“การบรรลุเป็นจอมราชันเซียนหวังไม่ง่าย” ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่มองดูธิดาราชันฉีหลิน และกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “แต่ยามที่จอมราชันเซียนหวังต้องไปเผชิญกับชะตาชีวิตของตนเอง เผชิญกับภาระกิจของตนเองนั้น ยิ่งยากกว่าเสียอีก ก่อนที่จะบรรลุเป็นจอมราชันเซียนหวัง บางทีอาจเป็นเพื่อความปราศจากผู้ต่อกรของตน แต่ หลังจากได้กลายเป็นจอมราชันเซียนหวังแล้ว มันไม่ใช่เพียงเพื่อตนเองเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแล้ว”

เมื่อธิดาราชันฉีหลินฟังคำที่หลี่ชิเย่เล่ามาถึงกับหวั่นไหวในใจ นาทีนี้นางนึกถึงสิ่งต่างๆ มากมาย นางนึกถึงตำนานเกี่ยวกับจอมราชันเซียนหวังมากมาย

เวลานี้ ธิดาราชันอ้าปากต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี สุดท้ายแล้วได้แต่กลืนคำพูดกลับนั้นลงท้องไป

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *