Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2376 เทพสงครามมังกรคชาธาร

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2376 เทพสงครามมังกรคชาธาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพสงครามมังกรคชาธาร ผู้ซึ่งเป็นเพียงผู้เฒ่าคนหนึ่งที่ดูแล้วไม่เหมือนเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะปราศจากผู้ต่อกร ไม่ได้มีท่าทีที่ตั้งตนอยู่ในฐานะสูงเด่น ตรงกันข้ามกลับให้ความรู้สึกถึงการย้อนสู่ความเรียบง่ายบริสุทธิ์อย่างหนึ่ง

แต่ว่า ไม่ว่าเขาจะยืนอยู่ ณ ที่ใด ก็ต้องกลายเป็นจุดรวมสายตาของสถานที่ตรงนั้น เป็นที่สะดุดตาของผู้คน เหมือนว่าฟ้าดินก็ต้องอาศัยตัวเขาเป็นศูนย์กลางอย่างนั้น

เทพสงครามมังกรคชาธารก้าวเพียงก้าวเดียวก็ได้มายืนอยู่ตรงหน้าของหวู่ปิงหนิง เพียงชั่วพริบตาเดียวเช่นนี้นับเป็นอะไรที่สูงส่งสำหรับผู้คน หวู่ปิงหนิงได้ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวทันที

“ลูกเอ๊ย เจ้าจากจูเซียงหวู่ถิงมานานพอแล้ว ผ่อนคลายอารมณ์ก็ควรจบสิ้นแล้ว ได้เวลาสมควรกลับไปได้แล้ว” เทพสงครามมังกรคชาธารจ้องมองหวู่ปิงหนิงโดยไม่ได้กล่าวตำหนิ และไม่ได้เข้มงวด ตรงกันข้ามกลับเหมือนผู้อาวุโสที่มีเมตตาและอ่อนโยนคนหนึ่ง

สีหน้าของหวู่ปิงหนิงเปลี่ยนไปมากทีเดียว ก้าวถอยหลัง และกล่าวว่า “ท่านบรรพบุรุษ ข้าได้ถอนตัวออกจากจูเซียงหวู่ถิงและจะไม่กลับไปอีกแล้ว ให้ท่านบรรพบุรุษต้องเป็นกังวลแล้ว”

“เอาแต่พูดคำพูดที่ไร้สาระ จูเซียงหวู่ถิงเป็นบ้านของเจ้า หากไม่กลับไปเจ้ายังจะไปไหนได้อีก?” เทพสงครามมังกรคชาธารส่ายหัวเบาๆ และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เจ้ายังคงติดตามข้ากลับไปจะดีกว่า”

ท่าทางและการพูดการจาของเทพสงครามมังกรคชาธารทำให้ผู้คนรู้สึกไม่เหมือนเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งปราศจากผู้ต่อกรในหล้าของแดนลัทธิพรรษ เขาไม่มีท่าทีที่ยกตนข่มท่านกับผู้ใด และไม่ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงฐานะที่สูงเด่นของเขา ตรงกันข้ามเกลับจะเหมือนผู้อาวุโสที่มีเมตตาและอ่อนโยน ช่างมีอัธยาศัยไมตรีน่าเข้าใกล้เหลือเกิน เฉกเช่นเป็นคุณปู่คนหนึ่งอย่างนั้น ไม่ว่าผู้ใดก็ยากจะเชื่อว่านี่แหละคือยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแดนลัทธิพรรษ

ในความทรงจำของทุกคน ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแดนลัทธิพรรษควรต้องเป็นผู้ปราศจากผู้ต่อกรในหล้า หมางเมินหมื่นแดน ก้มมองดูเหล่าสรรพสัตว์ ยิ่งไปกว่านั้นคำพูดก็คือกฎ ทำให้ผู้คนได้แต่แหงนหน้ามอง

แต่ว่า เทพสงครามมังกรคชาธารในเวลานี้กลับไม่ได้มีท่าทีสูงส่งของยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแดนลัทธิพรรษที่ควรจะมีกับผู้คน ตรงกันข้ามกลับเหมือนเป็นผู้อาวุโสที่เมตตาและอ่อนโยนของตนเอง เหมือนคุณปู่ที่มีอัธยาศัยไมตรีน่าเข้าใกล้

“ท่านบรรพบุรุษ ศิษย์อกตัญญู ศิษย์ได้ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว” ท่าทีของหวู่ปิงหนิงก็แข็งกร้าว ส่ายหน้ากล่าวถ้อยคำที่หนักแน่นจริงจัง

“เอาแต่พูดไร้สาระ ตามข้ากลับไปเถอะ” เทพสงครามมังกรคชาธารส่ายหน้าเบาๆ กวักมือขนาดใหญ่ไปที่หวู่ปิงหนิง หวู่ปิงหนิงพลันถูกสกัดจุดเอาไว้ทั่วตัว กระดิกตัวไม่ได้ และถูกพาตัวไปอยู่ข้างกายเทพสงครามมังกรคชาธารโดยที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง

“ผู้อาวุโสใยต้องทำให้ผู้เยาว์ต้องลำบากใจกันเล่า ให้ผู้เยาว์ได้โบยบินเองเถอะ” ขณะที่เทพสงครามมังกรคชาธารได้นำตัวหวู่ปิงหนิงไปไว้ข้างกาย แส้ปัดฝุ่นในมือของนักพรตฉางเซินพลันตวัดไปที่ตัวของหวู่ปิงหนิง หวังชิงตัวหวู่ปิงหนิงกลับมา

นักพรตฉางเซินก็รู้ตัวดีว่าหาใช่คู่ต่อสู้ของเทพสงครามมังกรคชาธารอยู่แล้ว แต่ว่า นางไม่อาจมองตาปริบๆ ปล่อยให้เทพสงครามมังกรคชาธารนำตัวหวู่ปิงหนิงไปเช่นนี้

ขณะที่แส้ปัดฝุ่นของนักพรตฉางเซินตวัดเข้ามานั้น เทพสงครามมังกรคชาธารเพียงอาศัยนิ้วมือผลักไปเบาๆ ด้วยท่าทีที่ตามอารมณ์ สบายๆ ผลักดันแส้ปัดฝุ่นของนักพรตฉางเซินออกไป จังหวะเคลื่อนไหวต่อเนื่องไม่มีติดขัด เหมือนดั่งหลุดพ้นจากความเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาไปแล้วอย่างนั้น

นักพรตฉางเซินไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของเทพสงครามมังกรคชาธาร เมื่อเทพสงครามมังกรคชาธารผลักแส้ปัดฝุ่นของนางออกไปเบาๆ นางก็ไม่สามารถลงมือได้อีกแล้ว เนื่องจากช่วงห่างระหว่างสองฝ่ายมากเหลือเกิน ช่องห่างตรงนี้ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้อยู่แล้ว

“ท่านนักพรตกังวลมากไปแล้ว นี่เป็นเรื่องมงคล” เทพสงครามมังกรคชาธารยังคงเหมือนเป็นผู้ที่หลุดพ้นจากความเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาไปแล้วอย่างนั้น ไม่ได้แสดงอาการโกรธ เพียงยิ้มๆ และกล่าวว่า “ข้ามีเรื่องหยุมหยิมรัดตัว ไม่สามารถเดินทางไปหุบเขาอมตะเยี่ยมคารวะ ท่านนักพรตโปรดช่วยถามทุกข์สุขพี่ฟงแทนข้าด้วย กาลเวลาอันยาวนาน วันหน้ามีเวลาว่าง ยังต้องไปขอคำชี้แนะจากพี่ฟง”

คำบอกกล่าวของเทพสงครามมังกรคชาธารช่างงดงามเหลือเกิน เปี่ยมด้วยน้ำใจและจิตใจเหลือเกิน ใช่เพียงแค่ปราศจากผู้ต่อกรด้านกำลังเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังมีน้ำใจและความใจกว้างที่ผู้อื่นไม่อาจเอื้อมถึงอีกด้วย

นักพรตฉางเซินเรียกคืนแส้ปัดฝุ่น และทอดถอนใจออกมาเบาๆ รู้ว่าลำพังกำลังของตนเพียงคนเดียวไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้อยู่แล้ว

นักพรตฉางเซินกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “คำพูดของผู้อาวุโส ผู้เยาว์จะนำเรียนถึงท่านบรรพบุรุษแน่นอน”

พี่ฟงคือ ชื่อที่ได้รับการเรียกขานจากว่านโซ่วเหล่าจวิน และเทพสงครามมังกรคชาธารมาตามลำดับ ผู้ที่สามารถได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘พี่ฟง’ ได้ก็คือบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งมากที่สุดของหุบเขาอมตะ ลึกล้ำยากจะหยั่งถึง เพียงแต่เขาเก็บตัวไม่ปรากฏออกมาโดยตลอด น้อยคนนักในแดนลัทธิพรรษที่รู้ว่ายังมีระดับบรรพบุรุษผู้นี้อยู่

ถ้าหากเป็นว่านโซ่วเหล่าจวินก็แล้วกันไปเถอะ สามารถได้รับการยกย่องว่า ‘พี่ฟง’ จากเทพสงครามมังกรคชาธาร ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าระดับบรรพบุรุษผู้นี้ของหุบเขาอมตะมีความแข็งแกร่งเช่นใด และน่ากลัวเพียงใด

“กลับกันเถอะ” สุดท้ายเทพสงครามมังกรคชาธารหันหลังนำพาหวู่ปิงหนิงจากไปทันที

หวู่ปิงหนิงในเวลานี้ไม่เป็นตัวของตัวเองอยู่แล้ว ร่างของนางถูกผนึกเอาไว้โดยเทพสงครามมังกรคชาธาร ไม่สามารถดิ้นรนขัดขืนได้อยู่แล้ว

สุดท้าย ผู้คนทั้งหมดในเงินทองตกพื้นล้วนแล้วแต่มองเห็นเทพสงครามมังกรคชาธารพาหวู่ปิงหนิงจากไป ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เห็นภาพนี้ต่างมองหน้ากันและกัน

เนื่องจากก่อนหน้านั้น เพื่อต่อต้านยายเฒ่าเทวะล่าวายุ หวู่ปิงหนิงเลือกที่จะออกจากจูเซียงหวู่ถิงซึ่งเป็นเรื่องที่รับรู้กันทั่วหล้า เวลานี้เทพสงครามมังกรคชาธารถึงกับออกโรงด้วยตนเองเพียงเพราะผู้เยาว์คนเดียว ก็เป็นเรื่องที่ผู้คนจำนวนมากรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ

“อีกไม่กี่วัน จูเซียงหวู่ถิงจะเกี่ยวดองสมรสกับตระกูลมู่ ยินดีต้อนรับผู้กล้าจากทั่วหล้าไปร่วมงานเลี้ยง” ก่อนไปจาก เทพสงครามมังกรคชาธารได้พูดคำพูดเช่นนี้ออกมา

คำพูดของเทพสงครามมังกรคชาธารไม่ดังกังวานมากนัก แต่ทว่า ทุกคนต่างได้ยินกันชัดเจน เหมือนเทพสงครามมังกรคชาธารกรอกอยู่ข้างหูของตนเองอย่างนั้น

“จูเซียงหวู่ถิงจะเกี่ยวดองสมรสกับตระกูลมู่?” ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกเหม่อลอย ไม่สามารถเรียกสติกลับมาในเวลานี้

“ฝ่ายตระกูลมู่เป็นใครกันนะที่จะมาเกี่ยวดองสมรสด้วย?” หลังจากที่เทพสงครามมังกรคชาธารได้พาหวู่ปิงหนิงไปแล้ว ทำให้ทุกคนรู้ว่าเทพธิดาสงครามจะแต่งเข้าบ้านตระกูลมู่ แต่ว่า เป็นใครกันนะจากตระกูลมู่ที่จะมาแต่งงานกับหวู่ปิงหนิง เล่า?

“เป็นมู่เส้าเฉินรึ? ไม่ถูก มู่เส้าเฉินถูกหลี่ชิเย่ที่เป็นคนโหดอันดับหนึ่งสังหารไปแล้วมิใช่รึ?” มีผู้ที่คิดอีกทีรู้สึกไม่ถูกต้อง วันนั้นหลายคนต่างเห็นกับตาขณะหลี่ชิเย่สังหารมู่เส้าเฉิน มู่เส้าเฉินถูกหลี่ชิเย่ทำให้ละเหยไปโดยตรงไม่เหลือทิ้งไว้แม้แต่เถ้ากระดูก

“เกรงว่ามู่เส้าเฉินจะไม่ได้ตาย” มีระดับบรรพบุรุษจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิรุ่นดึกดำบรรพ์ทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่ง

“ไม่น่าเป็นไปได้ วันนั้นข้าเห็นกับตาตนเองว่ามู่เส้าเฉินถูกคนโหดอันดับหนึ่งเผาไหม้จนกลายเป็นไอ ไม่เหลือแม้แต่เถ้ากระดูก” มีผู้บำเพ็ญตนกล่าวด้วยท่าทีไม่อยากจะเชื่อ

“แสดงว่าเจ้ามองเห็นได้ไม่ชัดเจนพอ ขณะที่มู่เส้าเฉินถูกเผาไหม้จนถึงช่วงวินาทีสุดท้าย มีแสงที่อ่อนและริบหรี่มากสายหนึ่งหนีไป เกรงว่ามู่เส้าเฉินยังคงมีชีวิตอยู่” ระดับบรรพบุรุษจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิรุ่นดึกดำบรรพ์ผู้นี้เอ่ยขึ้นมา

“ต่อให้เศษเสี้ยววิญญาณหลบหนีไปได้ก็ไม่น่ามีประโยชน์กระมัง แค่แสงที่อ่อนและริบหรี่สายหนึ่ง มันเป็นเศษเสี้ยววิญญาณที่เสียหายมาก ไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้อยู่แล้ว” ผู้บำเพ็ญตนคนหนึ่งกล่าว

“ไม่ ตระกูลมู่ไม่เหมือน” ระดับบรรพบุรุษจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิรุ่นดึกดำบรรพ์ผู้นี้ทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “ข้าเคยได้ยินตำนานมาเรื่องหนึ่ง เล่าลือกันว่า ปฐมบรรพบุรุษของตระกูลมู่เคยได้ตำราสวรรค์ที่เหลือเพียงส่วนน้อยนิดมาเล่มหนึ่ง โดยตำราที่เหลือเพียงส่วนน้อยนิดมีเคล็ดวิชาไม่ตายอยู่แขนงหนึ่ง เล่าลือกันว่าหากได้ฝึกเคล็ดวิชาไม่ตายนี้แล้ว มีความเป็นไปได้ทำให้ไม่สามารถฆ่าให้ตายได้ หรือต่อให้สามารถฆ่าให้ตายก็เป็นเรื่องที่ยากมาก ขอเพียงยังคงมีเศษเสี้ยววิญญาณหลงเหลืออยู่ก็จะไม่ตาย”

“เรื่องจริงหรือเท็จ?” ผู้ที่ได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้ว ได้กล่าวว่า “เคล็ดวิชาไม่ตาย โลกนี้มีเคล็ดวิชาเช่นนี้จริงๆ รึ? ถ้าหากมีจริง คนของตระกูลมู่ทุกคนล้วนแล้วแต่ฆ่าไม่ตาย?”

“นี่เป็นเพียงข่าวลือ รายละเอียดไม่ชัดเจน แต่เกรงว่ามู่เส้าเฉินจะไม่ได้ตาย ตระกูลมู่จะมีเคล็ดวิชาไม่ตายหรือไม่ไม่รู้ แต่หากมู่เส้าเฉินไม่ได้ตายจริงๆ แม้ว่าตระกูลมู่จะไม่มีเคล็ดวิชาไม่ตายที่ว่า แต่ก็เป็นการบ่งบอกว่าพวกเขามีเคล็ดวิชาที่ฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งนัก และด้วยเหตุนี้เอง การที่คิดจะสังหารมู่เส้าเฉินให้ตายจึงเป็นเรื่องที่ยากมาก” ระดับบรรพบุรุษจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิรุ่นดึกดำบรรพ์เอ่ย

เคล็ดวิชาไม่ตาย…ในเวลานี้ เคล็ดวิชาประหลาดนี้ทำให้ผู้คนถึงกับจินตนาการไปไกล

“หรือว่าเทพธิดาสงครามจะแต่งงานกับมู่เส้าเฉินจริงๆ แล้ว? แม้ว่ามู่เส้าเฉินจะยังคงมีชีวิตอยู่” มีผู้ที่พึมพำขึ้นมา

ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้ว่า หวู่ปิงหนิงไม่ยินดีที่จะแต่งงานกับมู่เส้าเฉินอย่างแน่นอน แต่ว่าเวลานี้ทุกคนต่างมองออกว่า การกลับคืนสู่ยุทธภพของเทพสงครามมังกรคชาธาร พลันที่เขาลงมือย่อมไม่ใช่ผู้เยาว์คนหนึ่งอย่างหวู่ปิงหนิงจะต่อต้านได้ ภายใต้พลังที่สุดแกร่งของเทพสงครามมังกรคชาธารไม่ว่าใครก็ต้องเหนื่อยเปล่า

“เกรงว่าคงไม่ง่ายขนาดนั้น นี่ไม่เพียงเป็นการเกี่ยวดองสมรสระหว่างจูเซียงหวู่ถิงกับตระกูลมู่เท่านั้น เกรงว่าคงเป็นการพุ่งเป้าไปที่คนโหดอันดับหนึ่งกระมัง” มีระดับเจ้าสำนักของสำนักเจ้าลัทธิพลันมีปฏิกิริยาในเรื่องนี้ได้ทันที

“ถูกต้อง” ทุกคนต่างทยอยกันมีปฏิกิริยากับเรื่องนี้ขึ้นมาได้ แม้จะกล่าวว่าหวู่ปิงหนิงจะแต่งหรือไม่แต่งกับตระกูลมู่ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องกิจการภายในของจูเซียงหวู่ถิงไม่เกี่ยวกับคนนอก แต่ทว่า เวลานี้ทุกคนต่างนึกขึ้นมาได้ สมควรทราบว่าหวู่ปิงหนิงนั้นคือคนของคนโหดอันดับหนึ่ง หลังจากที่เทพธิดาสงครามถอนตัวจากจูเซียงหวู่ถิงแล้วก็ได้ติดตามอยู่ข้างกายของคนโหดอันดับหนึ่ง

อีกทั้งไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ตาม เทพธิดาสงครามก็จะสนับสนุนคนโหดอันดับหนึ่งอย่างเต็มที่ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสนิทแนบแน่นอย่างยิ่ง กล่าวอย่างไม่เกรงใจว่า เทพธิดาสงครามคือคนของคนโหดอันดับหนึ่งเด็ดขาด

“คนโหดอันดับหนึ่งล่ะ? คนโหดอันดับหนึ่งไปอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ?” เมื่อทุกคนได้สติกลับมาจึงพบว่า ตั้งแต่ต้นจนจบหลี่ชิเย่ก็ไม่มีข่าวคราวใดๆ

“แหะ คนโหดอันดับหนึ่งคงไม่ใช่เกรงกลัวต่อเทพสงครามมังกรคชาธารแล้วกระมัง” ยอดฝีมือบางส่วนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่เคยให้การสนับสนุนมู่เส้าเฉินกล่าวและส่งเสียงหัวเราะน่าเกลียดขึ้นมา

“เจ้าแน่จริงก็พูดคำพูดเช่นนี้ต่อหน้าของเขา” ยอดฝีมือของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิมองดูเขาด้วยท่าทีเหยียดหยามทีหนึ่ง และกล่าวว่า “คนโหดอันดับหนึ่งเคยกลัวใครที่ไหนกัน? แม้แต่ขั้นอมตะยังฆ่าไปตามระเบียบ แม้แต่มู่เส้าเฉิน ผู้สืบทอดของตระกูลมู่ก็ยังฆ่าตามระเบียบ เจ้าคิดว่าคนโหดลักษณะเช่นนี้จะกลัวเทพสงครามมังกรคชาธารรึ?”

“คนที่ถูกคนโหดอันดับหนึ่งฆ่ามีมากมาย ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลง ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ้งหยาง สุสานกระบี่…ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนหลายสิบแห่ง มียอดฝีมือและบรรพบุรุษที่ถูกเขาฆ่านับหมื่นคน เขากล้าเป็นศัตรูกระทั่งทั่วทั้งแดนลัทธิพรรษ เจ้าคิดว่าเขาจะเกรงกลัวต่อเทพสงครามมังกรคชาธารอย่างนั้นรึ?” ในเวลานี้ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่พูดแทนหลี่ชิเย่มีเป็นจำนวนมาก ต่างทยอยกันสบประมาทผู้บำเพ็ญตนผู้นี้

ทำให้ผู้บำเพ็ญตนผู้นี้รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่กล้าพูดมากอีกเลย

ความจริงก็เป็นเช่นนั้น มาถึงวันนี้ไม่มีใครที่คิดว่าคนโหดอันดับหนึ่งอย่างหลี่ชิเย่จะเกรงกลัวเทพสงครามมังกรคชาธาร ถ้าหากเขาเกรงกลัวในเทพสงครามมังกรคชาธารก็คงไม่เป็นศัตรูกับแดนลัทธิพรรษทั้งหมดแล้ว และคงไม่สังหารมู่เส้าเฉินแล้ว เขาไม่เคยเกรงกลัวต่อผู้ใดในหล้าอยู่แล้ว

เทพสงครามมังกรคชาธารได้นำตัวหวู่ปิงหนิงไป ขณะที่หลี่ชิเย่กลับไร้ซุ่มไร้เสียง เวลานี้มีข่าวมากมายที่แพร่สะพัดอยู่ บ้างบอกว่าคนโหดอันดับหนึ่งได้กักตนฝึกวิชาอยู่ และบ้างบอกว่าคนโหดอันดับหนึ่งเข้าไปในแดนปรลัยราชันแล้ว

“เข้าไปแดนปรลัยราชัน? เรื่องจริงหรือเท็จ?” เมื่อได้ยินข่าวเช่นนี้ ทำเอาทุกคนต่างตกใจเป็นการใหญ่ แน่นอนไม่มีใครได้เห็นกับตาว่าคนโหดอันดับหนึ่งได้เข้าไปยังแดนปรลัยราชัน นี่เป็นเพียงการคาดเดาของคนบางคนเท่านั้นเอง

ผู้คนจำนวนมากก็ไม่เชื่อว่าคนโหดอันดับหนึ่งจะเสียสติถึงขนาดเข้าไปยังแดนปรลัยราชัน มีเพียงคนที่เสียสติแล้วเท่านั้นที่ไปทำเรื่องเช่นนี้

“คนโหดอันดับหนึ่งกับยอดฝีมืออันดับหนึ่งต้องได้สู้กันอย่างแน่นอน” สุดท้าย ระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิได้ฟันธงออกมาเช่นนี้

ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่หวั่นไหวในใจ เมื่อได้ยินการตัดสินชี้ขาดออกมาเช่นนี้ ในเวลานี้มีผู้คนจำนวนมากที่ตั้งตาคอย

……………………………………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *