Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1771 พนันศิลา

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1771 พนันศิลา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1771 พนันศิลา
รัชทายาทเทียนหวงออกปากต้องการพนันกับมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งบนโต๊ะพนัน ทำให้หลายคนต้องมองหน้ากันและกัน แม้ว่าในร้านศิลามีผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากมาพนันศิลาอยู่แล้ว แต่กรณีของผู้บำเพ็ญตนพนันกับมนุษย์ปุถุชนธรรมดา กระทั่งถึงขั้นผู้มีฐานะเฉกเช่นรัชทายาทเทียนหวงกับมนุษย์ปุถุชนพนันกัน เรียกว่าไม่เคยปรากฏมาก่อน

“พนันรึ เจ้าจะพนันอย่างไร?” หลี่ชิเย่ถึงเผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น เขามีวิธีการที่จะฆ่ารัชทายาทเทียนหวงให้ตายได้อยู่หมื่นพันวิธี แต่ว่า ในเมื่ออยู่ในร้านศิลาหลี่ชิเย่จึงไม่ถือสาในเรื่องฐานะอีกต่อไป ต้องการเพิ่มความสนุกสนานขึ้นในขั้นตอนของการร่อนหาของวิเศษสักนิดเท่านั้นเอง

“เห็นแก่เจ้าที่ไม่สามารถเดิมพันด้วยศิลาขมุกขมัวมูลค่าสูงได้ ข้าขอแขนคู่นั้นของเจ้าก็แล้วกัน ถ้าหากวัตถุดิบนักพรตชิ้นนี้ของเจ้าเมื่อผ่าออกมาแล้วได้ตัวอ่อนระดับศาสตราอินทนิล ถือว่าข้าแพ้ ข้าจะให้ศิลาขมุกขมัวระดับครุสัจธรรมจำนวนหนึ่งพันเม็ดกับเจ้า แต่หากว่าผ่าออกมาแล้วเป็นขาวบริสุทธิ์ เจ้ากับตัดแขนทั้งสองข้างออกมา” รัชทายาทเทียนหวงหัวเราะเสียงดัง กล่าวพลางเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่ทารุณโหดร้ายออกมา

ผู้คนจำนวนมากต่างมองหน้ากันและกัน เมื่อได้ยินคำพูดของรัชทายาทเทียนหวง ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้ว่ารัชทายาทเทียนหวงจงใจเล่นงานมนุษย์ปุถุชนที่อยู่ตรงหน้าให้ถึงตาย อีกทั้งก่อนที่จะทำให้ตายขอทรมานมนุษย์ปุถุชนธรรมดาผู้นี้ให้สาสมก่อน

ศิลาขมุกขมัวระดับครุสัจธรรมจำนวนหนึ่งพันเม็ดสำหรับพวกของเสิ่นเสี่ยวซันแล้ว ถือว่าเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม กล่าวสำหรับคนอย่างรัชทายาทเทียนหวงแล้วมันเป็นเพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น

“ศิลาขมุกขมัวระดับครุสัจธรรมจำนวนหนึ่งพันเม็ด?” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง และกล่าวว่า “เจ้านี่สำคัญตัวเองมากเกินไปแล้ว ถ้าหากต้องการพนัน เอาเถอะ ข้าลดตัวลงมาเล่นกับเจ้าสักหน่อยก็แล้วกัน มือสองข้างพนันกับมือสองข้าง กล้าพนันหรือไม่!”

“เจ้านับเป็นตัวอะไร!” สีหน้าของรัชทายาทเทียนหวงดูน่ากลัว และกล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “อาศัยเจ้าที่เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดา มือที่ต่ำต้อยคู่นั้นกล้ามาเทียบเคียงกับมือคู่นี้ขององค์รัชทายาทเช่นข้า”

“แล้วเจ้านับเป็นตัวอะไร?” หลี่ชิเย่ไม่ได้แสดงอาการโกรธ ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “แคว้นหงส์ฟ้าในสายตาข้ามันก็แค่รังมดรังหนึ่งเท่านั้นเอง มีเพียงมดปลวกอย่างเจ้าที่มองว่ามีความสำคัญ การลงขันพนันด้วยมือสองข้างของข้ากับมดปลวกเช่นเจ้า เป็นการให้เกียรติกับประชาขนผู้ต่ำต้อยเช่นเจ้า”

คำพูดนี้ของหลี่ชิเย่เสมือนหนึ่งตบเข้าไปที่หน้าของรัชทายาทเทียนหวงฉาดหนึ่งอย่างแรง!

“เจ้า” ไม่มีมนุษย์ปุถุชนคนไหนหาญกล้าทำให้รัชทายาทเทียนหวงต้องอับอายขายหน้าต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ ยิ่งไม้ใครกล้าสร้างความอัปยศให้กับแคว้นหงส์ฟ้าต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ ทำให้รัชทายาทเทียนหวงพลันบังเกิดความโกรธขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง

พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์อ้าปากค้าง ทั้งที่รู้ถึงประวัติความเป็นมาของรัชทายาทเทียนหวง แต่มนุษย์ปุถุชนผู้นี้ยังคงหาญกล้ายโสถึงเพียงนี้ ยังคงกล้าตบหน้าไปฉาดใหญ่ เป็นการไม่เห็นแคว้นหงส์ฟ้าอยู่ในสายตา เกรงว่าคงเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่ยโสที่สุดเท่าที่เคยพบมาในชีวิต

“ไม่กล้าพนันด้วยก็ไสหัวไปข้างๆ คนอ่อนแอเช่นนี้ไม่มีสิทธิ์มาปรากฏตัวต่อหน้าของข้า” หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะไปมองหน้ารัชทายาทเทียนหวง กล่าวเยาะเย้ยขึ้นมา

กล่าวสำหรับรัชทายาทเทียนหวงแล้ว การถูกมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่งมาชี้หน้าด่าว่า มันคือความอัปยศโดยแท้ เขาไม่สามารถกล้ำกลืนความอัปยศนี้เอาไว้ ดวงตาทั้งสองพลันดูน่ากลัว และเผยปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวขึ้นมา

“ปัง” รัชทายาทเทียนหวงจัดการวางกระบี่ยาวเล่มหนึ่งบนโต๊ะพนัน กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “กระบี่เล่มนี้เป็นกระบี่ระดับกษัตราสัจธรรม วางเดิมพันกับแขนสองข้างของเจ้า!”

กระบี่เล่มนี้ของรัชทายาทเทียนหวงปรากฏกลิ่นอายกษัตรายิ่งใหญ่ กระบี่เล่มนี้ของเขาล้ำค่ายิ่งนัก กระบี่เล่มนี้ของเขาคือศาสตราอินทนิล มันสร้างขึ้นโดยอาศัยตัวอ่อนศาสตราอินทนิลหลอมรวมเข้ากับโลหิตทองร้อยกลั่น แล้วผ่านการบ่มฟักโดยยอดฝีมือระดับกษัตราสัจธรรมนับร้อยปี กลิ่นอายขมุกขมัว และพลังของโลกยุคดึกดำบรรพ์ก่อนที่ฟ้าดินแยกออกเป็นสองส่วนที่บ่มฟักอยู่ภายในกระบี่น่ากลัวยิ่งนัก

“แค่ศาสตราอินทนิลระดับกษัตราสัจธรรมเล่มหนึ่งเท่านั้น แคว้นหงส์ฟ้าของเจ้าออกจะยากจนเกินไปแล้วกระมัง อยากจะได้แขนสองข้างของข้า ก็ต้องใจกล้าๆ หน่อย ลงมือใจถึงหน่อย คนยากจนเช่นนี้ข้ารังเกียจด้วยซ้ำ” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉยกระทั่งไม่ได้เลิกหนังตาด้วยซ้ำ

ใบหน้าของรัชทายาทเทียนหวงพลันแดงก่ำขึ้นมทันที เมื่อถูกหลี่ชิเย่ว่าเข้านั่น แม้รู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นวิธีการยั่วยุของมนุษย์ปุถุชน แต่ว่า เขากล้ำกลืนความอัปยศไว้ไม่ได้

เสียงดัง “ปัง” รัชทายาทเทียนหวงโยนถุงจักรวาลใบหนึ่งลงบนโต๊ะ กล่าวน่าเกรงขามว่า “ในถุงนี้มีศิลาขมุกขมัวระดับกษัตราสัจธรรมอยู่หนึ่งแสนเม็ด ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นศิลาขมุกขมัวชั้นดี ซื้อชีวิตสุนัขของเจ้าได้เหลือเฟือ กล้าพนันหรือไม่?”

รัชทายาทเทียนหวงพลันลงมือด้วยการโยนศิลาขมุกขมัวระดับกษัตราสัจธรรมหนึ่งแสนเม็ด ซึ่งสร้างความฮือฮาขึ้นไม่น้อยบ พวกของเสิ่นเสี่ยวซันต่างตกใจยิ่งนัก การลงมือของรัชทายาทสายสำนักราชันเซียนย่อมแตกต่างและสร้างความตื่นตระหนก เกรงว่าศิลาขมุกขมัวระดับกษัตราสัจธรรมจำนวนหนึ่งแสนเม็ดนี้ สำนักต้นไม้เหล็กทุกหม้อข้าวขายก็เอาออกมาไม่ได้

ความจริง ศิลาขมุกขมัวระดับกษัตราสัจธรรมหนึ่งแสนเม็ดกล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนแล้ว ก็เป็นจำนวนไม่น้อยเหมือนกัน หากเป็นแค่มือสองข้างของมนุษย์ปุถุชนธรรมดามันไม่ได้คุ้มกับราคาขนาดนี้อยู่แล้ว

แต่ทว่า รัชทายาทเทียนหวงเป็นผู้ริเริ่มต้องการพนันกับแขนสองข้างของหลี่ชิเย่ ขณะที่รัชทายาทเทียนหวงกลับไม่ต้องการนำแขนสองข้างของตนมาเดิมพันด้วย ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การที่หลี่ชิเย่ออกปากต่อรองด้วยมูลค่าสูงก็เป็นเรื่องปรกติ เว้นแต่ว่ารัชทายาทเทียนหวงสามารถกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้ และยกเลิกการพนันครั้งนี้เสีย

แต่ด้วยฐานะเช่นรัชทายาทเทียนหวง เขาริเริ่มเสนอให้มีการพนัน หากถอยกลางคันก็ต้องถูกผู้คนเยาะเย้ย ดังนั้น ต่อให้รัชทายาทเทียนหวงแม้รู้ดีว่าแขนสองข้างของมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งไม่คุ้มค่ามากมายเช่นนี้เขาก็ต้องยอม

“น้อยไปนิด เอาศาสตราวุธเต๋าที่ดูได้ลงมาอีกสักชิ้น” หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะมองดูสักครั้งด้วยซ้ำ กล่าวเรียบเฉยว่า “ลงศาสตราวุธเต๋าระดับธรรมมังสัจธรรมมาอีกสักเล่ม ข้าก็จะเอาแขนสองข้างมาพนันกับเจ้า”

“ตกลง” สีหน้าของรัชทายาทเทียนหวงดูไม่ดี “ปัง” โล่ถูกโยนลงบนโต๊ะพนัน และกล่าวด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขามว่า “โล่ศาสตราอินทนิลระดับธรรมมังสัจธรรมโล่หนึ่งเพียงพอที่จะเอาชีวิตสุนักของเจ้า!”

โล่นี้ของรัชทายาทเทียนหวงคือศาตราวุธเต๋าอินทนิลเล่มหนึ่ง สร้างขึ้นมาจากตัวอ่อนโล่ชั้นคุณภาพศาสตราอินทนิลผนวกกับกระดองเต่าสวรรค์ อาศัยยอดฝีมือระดับธรรมมังสัจธรรมเป็นผู้ทำพิธีหลอมสร้างและบ่มฟักอยู่นานถึงสามร้อยปี นับเป็นศาตราเต๋าด้านป้องกันที่สุดยอดมากชิ้นหนึ่ง

ศาสตราวุธเต๋านอกจากสร้างขึ้นโดยอาศัยตัวอ่อนผสานกับโลหะศักดิ์สิทธิ์แร่วิเศษผ่านพิธีกรรมบูชาหลอมสร้างขึ้นมาแล้ว พลังแรกเริ่มเดิมทีของตัวอ่อนล้วนแล้วแต่เริ่มที่ศูนย์เสมอ จากนั้นพลังจะค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้นตาม จากการฝึกยุทธก้าวหน้าขึ้นของผู้เป็นเจ้าของ เป็นต้นว่าบุคคลผู้เป็นเจ้าของฝึกยุทธจนก้าวไปถึงระดับกษัตราสัจธรรม เช่นนั้นแล้ว ศาสตราเต๋าของบุคคลผู้นั้นก็จะมีพลังเพิ่มขึ้นตาม และมันก็จะมีพลังของโลกยุคดึกดำบรรพ์ก่อนที่ฟ้าดินจะแยกเป็นสองส่วนและกลิ่นอายขมุกขมัวที่ระดับกษัตราสัจธรรมพึงมี ดังนั้น ศาสตราวุธเต๋าในระดับนี้ก็จะถูกเรียกว่าเป็นศาสตรากษัตราสัจธรรม

หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมาขณะมองดูศาสตราอินทนิลที่อยู่ในระดับธรรมมังสัจธรรมตรงหน้า และกล่าวว่า “ตกลง ในเมื่อเจ้าต้องการพนันด้วย ข้าสนองก็แล้วกัน” ครั้นเอ่ยถึงตรงนี้ เผยให้เห็นรอยยิ้มเต็มใบหน้า

ในเมื่อปลาฮุบเหยื่อแล้ว เขาก็จะเล่นกับมันให้สนุกสักครั้งก็แล้วกัน

พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ทำให้พวกของเสิ่นเสี่ยวซันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป การพนันกับรัชทายาทเทียนหวงในลักษณะเช่นนี้ เป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย

“ดี งั้นเริ่มได้ ถ้าหากวัตถุให้กำเนิดตัวอ่อนชิ้นี้สามารถผ่าออกมาแล้วได้เป็นศาสตราอินทนิล ไม่ ต้องสามารถผ่าออกมาแล้วได้ตัวอ่อนที่มีระดับสูงกว่าระดับศาสตราอินทนิลขึ้นไปถือว่าเจ้าชนะ” รัชทายาทเทียนหวงกล่าวท่าทีน่าเกรงขามว่า “หากว่าผ่าออกมาแล้วเป็นตัวอ่อนระดับขาวบริสุทธิ์ หรือตัวอ่อนระดับศาสตราอินทนิลล่ะก็ เจ้าเป็นฝ่ายแพ้ เจ้าก็ตัดแขนสองข้างของตนออกมา!” ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว เผยรอยยิ้มที่ทารุณโหดร้ายออกมาให้เห็น

เดิมทีรัชทายาทเทียนหวงพนันว่าวัตถุให้กำเนิดตัวอ่อนชิ้นนี้ผ่าออกมาแล้วได้ตัวอ่อนระดับศาสตราอินทนิล แต่ว่าเขาได้เปลี่ยนใจกะทันหัน เพราะเกรงว่าหลี่ชิเย่เกิดโชคดีขึ้นมา และสามารถผ่าออกมาได้เป็นศาสตราอินทนิลเขามิต้องพ่ายแพ้รึ ดังนั้น จึงแก้เป็นต้องได้ตัวอ่อนระดับที่สูงกว่าศาสตราอินทนิลขึ้นไป

“ตกลง งั้นก็ผ่าออกมาเลย” หลี่ชิเย่ยิ้มและกล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉยออกมา

“แหะ เจ้าไม่มีเงินจ่ายค่าผ่าให้กับผู้ชำนาญการศิลาของร้านศิลาแห่งนี้ ผู้ชำนาญการศิลาของร้านศิลาล้วนแล้วแต่เรียกเก็บค่าผ่าแพงมากเลย” ในขณะนี้ รัชทายาทเทียนหวงหัวเราะน่าครั่นคร้ามออกมาและกล่าวว่า “เห็นแก่เจ้าที่น่าสงสารกำลังจะสูญเสียแขนทั้งสองข้าง ข้าสามารถแนะนำสหายเก่าช่วยผ่าให้กับเจ้า ไม่คิดค่าใช้จ่ายกับเจ้า”

เมื่อรัชทายาทเทียนหวงกล่าวมาถึงตรงนี้ ได้ตบบ่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มผู้นี้มีท่วงท่าที่สง่างามนยิ่ง รูปงามร่าเริงและมีท่วงท่าที่สบายๆ ขณะเดียวกันก็มีท่าทีที่ถือดีในตัว

“หลี่ล่างซวน” ยอดฝีมือ และผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อมองเห็นชายหนุ่มผู้นี้แล้ว ต่างรู้ถึงประวัติความเป็นมาของเขา และมียอดฝีมือ และผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่ทักทายเขาด้วยความเคารพ

ชายหนุ่มผู้นี้เป็นดาวรุ่งของชิงโจว ทักษะยุทธของเขาไม่ธรรมดา แต่ที่สร้างชื่อให้เขาจนกระฉ่อนไม่ใช่ทักษะยุทธที่ไม่ธรรมดาของเขา แต่เป็นผู้ชำนาญการศิลาที่เป็นอีกฐานะของเขา

หลี่ล่างซวนคือผู้ชำนาญการศิลากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่โดดเด่นที่สุดของชิงโจว เขาได้ศึกษาค้นคว้าด้านของวัตถุให้กำเนิดตัวอ่อน ตัวอ่อนจนล้ำหน้าผู้ชำนาญการศิลาในรุ่นเดียวกันไปมากทีเดียว แม้แต่ผู้ชำนาญการศิลารุ่นอาวุโสที่มีชื่อเสียงจำนวนไม่น้อยก็สู้เขาไม่ได้ เคยมีสำนักต่างๆ จำนวนไม่น้อยที่จ้างให้เขาไปดำรงตำแหน่งผู้ชำนาญการศิลาของสำนักด้วยค่าตัวที่สูง แต่ หลี่ล่างซวนปฏิเสธไปทุกราย

สำนักเจ้าลัทธิและนิกายต่างๆ ล้วนแล้วแต่รู้ดีว่าถึงเหตุผลง่ายๆ ข้อหนึ่ง ถ้าหากมีผู้ชำนาญการศิลาที่เก่งคนหนึ่ง ย่อมบ่งบอกว่าสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นอันมาก สามารถทำให้สำนักได้ครอบครองวัตถุให้กำเนิดตัวอ่อนที่คุณภาพดีได้มากกว่า ได้ครอบครองตัวอ่อนที่ดียิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง ผู้ชำนาญการศิลาจึงเป็นที่ต้องการมากในสิบสามทวีปเสมอมา

หลี่ล่างซวนเพียงพยักหน้านิดหนึ่งกับยอดฝีมือและผู้บำเพ็ญตนแต่ละคนที่ทักทายตน แม้ว่าเขาจะถือดี แต่ก็มีดีที่จะถือดีเช่นนั้น

เวลานี้ เมื่อรัชทายาทเทียนหวงออกปากเช่นนั้น หลี่ล่างซวนก็หัวเราะอย่างสง่าผ่าเผย และกล่าวว่า “ในเมื่อฝ่าบาทให้เกียรติข้าน้อย ข้าน้อยก็จะทำการผ่าโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายสักครั้ง”

“แค่ผ่าศิลาเท่านั้นเองจะไปยากเย็นอะไรเล่า” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวออกไป และพูดกับผู้ชำนาญการศิลาของร้านศิลาที่ยืนอยู่ด้านหน้าโต๊ะพนันว่า “ขอยืมมีดผ่าศิลาที ข้าจะผ่ามันออกมาเดี๋ยวนี้”

ผู้ชำนาญการศิลาของร้านศิลาไม่พูดสักคำ ยื่นมีดผ่าศิลาของตนยืมให้กับหลี่ชิเย่

“ว้าว ไม่นึกเลยว่าเจ้ายังเป็นผู้ชำนาญการศิลาคนหนึ่งเหมือนกัน ผู้ชำนาญการศิลาที่เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาเสียด้วยนับว่าพบเห็นได้ยาก แต่ว่า ผู้ชำนาญการศิลาอย่างเจ้าเกรงว่าแม้กระทั่งวิชาผิวเผินยังเรียนรู้ไม่ได้มาด้วยซ้ำ” เมื่อรัชทายาทเทียนหวงเห็นหลี่ชิเย่จะผ่าศิลาด้วยตนเอง จึงพูดจาเยาะเย้ยขึ้นมา

ตอนที่ข้าเล่นพนันศิลา พ่อแม่ของเจ้ายังไม่ทันได้เกิดเสียด้วยซ้ำ” หลี่ชิเย่ยิ้มตอบไปตามอารมณ์

“เจ้า” สีหน้าของรัชทายาทเทียนหวงดูปั้นยากถึงที่สุด ทุกครั้งจะต้องคล้ายดั่งถูกหลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งตบหน้าทุกทีเช่นนี้

“ฉับ ฉับ ฉับ…” เวลานี้ มีดที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่กวัดแกว่งขึ้นลงอย่างกับบินได้ เขาอาศัยวิชาผ่าศิลาที่รวดเร็วมากในการผ่าวัตถุให้กำเนิดตัวอ่อนชิ้นนี้ เกระบวนท่าของหลี่ชิเย่ร้ายกาจและมากด้วยความชำนาญ กระทั่งเรียกได้ว่าอยู่ในขั้นสุดยอดแล้ว

ความจริงแล้ว คำพูดของหลี่ชิเย่ก่อนหน้านั้นใช่ว่าเป็นคำพูดที่คุยโตโอ้อวด ครั้งนั้น ขณะที่เขาพนันศิลาอยู่ที่สิบสามทวีปนั้น ชิงโจวยังไม่มีชื่อของแคว้นหงส์ฟ้าเลย!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *