Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1820 ผู้หญิงในความสลัว

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1820 ผู้หญิงในความสลัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1820 ผู้หญิงในความสลัว
เสียง “แว้งค์…” ดังขึ้น ในเสี้ยววินาทีนี้เอง ร่างเงาที่สลัวนี้ได้ลงมือแล้ว เห็นเพียงร่างเงาสลัวนี้ยกมือขึ้นข้างหนึ่ง พลันปรากฎท้องฟ้าที่คลาคล่ำด้วยดวงดาวเกิดขึ้นฉากแล้วฉากเล่า

ได้ยินเสียง “แว้งค์” ดังขึ้น ท้องฟ้าที่คลาคล่ำด้วยดวงดาวแต่ละฉากก็คล้ายดั่งเป็นกงจักรที่กวาดเข้าหาจอมเทพเชียนจวิน เสียง “ตูม” ดังสนั่น เมื่อท้องฟ้าที่คลาคล่ำด้วยดวงดาวแต่ละฉากที่เคลื่อนเข้าหา ภาพที่เห็นก็คล้ายดั่งดวงดาวนับล้านล้านดวงที่พุ่งชนพื้นดินอย่างนั้น พลันทำให้มิติกาลเวลาที่อยู่ด้านหน้าของจอมเทพเชียนจวินถูกทำลายจนแหลกละเอียด ทำให้จอมเทพเชียนจวินตกอยู่ในสภาวะมิติกาลเวลาที่สับสนอลหม่าน

“อากกกก…” จอมเทพเชียนจวินคำรามเสียงดังออกมา ดวงตราสัญลักษณ์สามดวงที่อยู่ด้านหลังพลันเปล่งประกายที่เจิดจ้ายิ่งนัก พลังขมุกขมัวของตรีโลกธาตุพลันกลับกลายเป็นกำแพงที่พาดผ่านกาลเวลายาวนับล้านล้านลี้ในฉับพลัน ไม่เพียงก้าวข้ามช่องว่างแห่งกาลเวลาเท่านั้น ยังก้าวข้ามเวลา โดยที่กำแพงกาลเวลานี้ได้พาดผ่านก้าวข้ามไปเป็นพันปี

“ตูม ตูม ตูม…” เสียงแตกละเอียดดังขึ้นเป็นระลอก ภายใต้การพุ่งชนของท้องฟ้าที่คลาคล่ำด้วยดวงดาวแต่ละฉาก กำแพงที่พาดผ่านกาลเวลายาวนับล้านล้านลี้พลันแตกละเอียดทีละชั้นๆ สามารถมองเห็นเศษของกำแพงที่แตกหักแต่ละชิ้นมีขนาดใหญ่โตเพียงพอที่จะทำลายดวงดาวแต่ละดวงได้

กระทั่งจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สามดวง อาศัยพลังจากตราสัญลักษณ์ของตนยังไม่สามารถต้านทานการโจมตีจากผู้หญิงในความสลัวที่เพียงสะบัดมือเท่านั้น

“ฆ่า…” ครั้นจอมเทพเชียนจวินมองเห็นกำแพงยาวที่พาดผ่านกาลเวลาของตนพังทลายลงทีละชั้นๆ เขาจึงไม่รั้งรอ พลันชิงความได้เปรียบด้วยการเสือกทวนที่อยู่ในมือแหวกอากาศออกไปในเสี้ยววินาที

“แคร๊ง” เหมือนดั่งทวนยาวจำนวนมากมายที่พุ่งเข้าไปหา หอบเอาปณิธานสูงสุดของจอมเทพเชียนจวิน หนึ่งทวนทำลายโลกีย์มนุษย์ เพลงทวนแปดกระบวนท่ากวาดเข้าหา

ในหนึ่งทวนได้แฝงเอาไว้ซึ่งแปดกระบวนท่า ทุกๆ กระบวนท่าล้วนแล้วแต่แปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ เป็นกระบวนท่าทำลายโลก มันคือเคล็ดวิชาจอมเทพที่ยอดเยี่ยมยากจะหาใดเทียม เป็นเคล็ดวิชาเพลงทวนที่ภูมิใจยิ่งของจอมเทพเชียนจวิน

“ปัง ปัง ปัง…” ภายใต้พลังที่เผาผลาญจนสิ้นจากหนึ่งทวนแปดกระบวนท่า เห็นเพียงท้องฟ้าที่คลาคล่ำด้วยดวงดาวฉากหนึ่งที่โจมตีเข้ามา ปรากฏดวงดาวแต่ละดวงถูกทำลายไปทีละดวงๆ

แค่หนึ่งทวนก็ทำลายดวงดาวได้ดวงหนึ่ง เห็นภาพของดวงดาวแต่ละดวงบนท้องฟ้าที่คลาคล่ำด้วยดวงดาวถูกแทงทะลุและระเบิดแตกออกมา กลายเป็นภาพเสมือนดั่งพลุดอกไม้ไฟที่แตกกระจายออกมาสวยงาม คล้ายดั่งเป็นการทำลายโลกอย่างนั้น เมื่อท้องฟ้าที่คลาคล่ำด้วยดวงดาวแต่ละฉากที่ระเบิดกันไป มันช่างเป็นเรื่องที่น่าสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คนเหลือเกิน

การได้มองเห็นการระเบิดชั้นจอมเทพเช่นนี้ ทำให้บรรดาระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิต่างๆ มองดูด้วยจิตใจที่สั่นไหว และสร้างความหวั่นไหวยิ่งนัก เฉกเช่นกำลังความสามารถที่ปราศจากผู้ต่อกรของจอมเทพ หากต้องการทำลายสำนักเจ้าลัทธิสักแห่งเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากเสียอีก

แม้ว่าเวทีต่อสู้โบราณจะแขวนอยู่บนท้องฟ้าสูง แต่ไม่ได้ห่างจากผู้คนมากนัก ทว่า การต่อสู้เพื่อชี้ขาดระหว่างจอมเทพเชียนจวินกับผู้หญิงในความสลัวเวลานี้ไม่ได้อยู่ในช่องว่างที่ทุกคนอยู่ มิฉะนั้นล่ะก็ การระเบิดของดวงดาวเป็นพันเป็นหมื่นซึ่งสามารถทำลายฟ้าดินได้นั้น ย่อมสร้างความสะเทือนต่อตระกูลราชันฉีหลินได้!

“ตึง…” หลังจากที่หนึ่งทวนแปดกระบวนท่าของจอมเทพเชียนจวินได้ทำการกวาดล้างทำลายดวงดาวจนสิ้นแล้ว ฉับพลันนั้น ประกายทวนได้กลายเป็นประกายสายหนึ่ง พุ่งเป้าแทงไปที่ร่างเงาสลัวนั่น หนึ่งทวนที่ทิ่มแทงไปพลันแทงทะลุผ่านเป็นนิรันดร์ ก้าวข้ามกาลเวลา

กระบวนท่านี้รวดเร็วมาก เร็วจนไม่อาจหาหน่วยความเร็วมาเปรียบเปรยได้ ความเร็วเช่นนี้ไม่สามารถหวนคะนึงถึงได้อีกแล้ว ฉับพลันทิ่มแทงไปที่บริเวณลำคอของผู้หญิงในความสลัว

เสียง “ปัง” ดังขึ้น ภายใต้หนึ่งทวนปรากฏสะเก็ดไฟแตกกระจาย สะเก็ดไฟแต่ละเม็ดที่แตกกระจายสามารถทำลายพื้นที่ได้แถบหนึ่ง หากแม้สะเก็ดไฟตกลงโลกมนุษย์สักเม็ด สามารถทำลายแคว้นๆ หนึ่งได้อย่างง่ายดาย

ในขณะนี้เหมือนว่าเวลาได้หยุดนิ่งไปแล้วอย่างนั้น ภาพที่เห็นคือภาพของนิ้วเรียวงามสองนิ้วที่หนีบทวนยาวเอาไว้ ปลายทวนที่เดิมมีประกายเยือกเย็นแลบออกมา เมื่อถูกนิ้วเรียวงามหนีบเอาไว้แล้วถึงกับสลดและอับแสงยิ่งนัก

จอมเทพเชียนจวินถึงกับหวาดผวายิ่งนักเมื่อเห็นทวนยาวของตนถูกหนีบเอาไว้ ทวนยาวของเขาคือระดับจอมเทพ อีกทั้งเป็นชั้นคุณภาพสวรรค์ตราตั้ง มีความดุดัน และร้ายแรงยิ่งนัก

“เปาะ” ทวนยาวที่อยู่ในมือจอมเทพเชียนจวินพลันถูกนิ้วที่เรียวงามหักทิ้ง ทั้งยังเป็นการหักที่ง่ายดายยิ่งนัก ทวนจอมเทพนี้เมื่ออยู่ภายใต้นิ้วที่เรียวงามกลับเสมือนหนึ่งเป็นกิ่งไม้เล็กๆ กิ่งหนึ่งเท่านั้น แค่ออกแรงนิดเดียวก็สามารถหักมันได้แล้ว

“แย่แล้ว…” สีหน้าของจอมเทพเชียนจวินแปรเปลี่ยนไปมาก รู้สึกหวาดผวา ฉับพลันก้าวถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว!

แต่ว่า ในพริบตาเดียวนี้เอง ผู้หญิงในความสลัวได้ลงมือแล้ว เห็นเท้าทั้งสองข้างของนางเหินขึ้นเหนือพื้นดิน ร่างของนางลอยอยู่กลางอากาศ นางกางมือออกสองข้าง เสมือนหนึ่งมือเป็นพันเป็นหมื่นหมุนวน ทันใดนั้น เสมือนหนึ่งนางได้กลายเป็นนางฟ้าพันมืออย่างนั้น การหมุนวนของแขนรอบหนึ่งเท่ากับการหมุนวนของโลกหนึ่งรอบ

เสียง “ตูม” ดังสนั่น ทันใดที่พันมือหมุนวนนั้น กาลเวลาของเวทีต่อสู้โบราณพลันตกอยู่ในความมืดทันที ความมืดได้ปกคลุมทั่วเวทีต่อสู้โบราณ นาทีนี้คล้ายดั่งราตรีกาลได้ปกคลุมไปทั่วโลกอย่างนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่ไม่อาจหลีกหนีพ้นไปจากการปกคลุมของมัน ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ถูกราตีกาลสยบเอาไว้

“แว้งค์…” ชั่วพริบตาเดียว ท่ามกลางราตรีกาลเหมือนมีประตูหนึ่งถูกเปิดออก ปรากฏประกายที่เทลงมาเป็นสายเหมือนดวงจันทราที่แขวนอยู่บนท้องฟ้าสูงในยามค่ำคืน

แต่ว่า ประกายที่เทราดลงมานั้นหาใช่เป็นแสงจันทราที่สวยงามบริสุทธิ์ แต่เป็นการประกายฆ่าฟันที่เยือกเย็นปราศจากผู้ต่อกร ประกายเยือกเย็นที่เทลงมาใช่เพียงแค่ฆ่าฟันเท่านั้น มันยังแฝงไว้ซึ่งปณิธานทำลายสูงสุดเอาไว้ เป็นปณิธานทำลายของราชันเซียน สามารถทำลายสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง วันเวลา กาลเวลา สัจธรรมสรรพสิ่ง…ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกทำลายภายใต้ประกายเช่นนี้

สีหน้าของจอมเทพเชียนจวินเปลี่ยนไปเป็นอันมาก เมื่อมองเห็นประกายที่เทลงมา รู้สึกหวาดผวายิ่งนัก ร้องคำรามเสียงดังออกมา “เปิด…” บังเกิดเสียง “ตูม” ดังสนั่น ดวงตราสัญลักษณ์ทั้งสามพลันสลับตำแหน่งกันและกัน ตรีโลกธาตุพลันปรากฎเป็นสุดยอดสัจธรรมสูงสุดพุ่งออกมาสามสาย ได้ยินเสียงดัง “ตึง” สัจธรรมทั้งสามสายได้ถักทอเข้าด้วยกัน พลันกลับกลายเป็นทะเลที่เวิ้งว้างกว้างใหญ่ และทะเลที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขตได้ปรากฎขวางกั้นอยู่เหนือศีรษะของจอมเทพเชียนจวิน เพื่อขวางกั้นประกายที่เทราดลงมาเอาไว้

“ปุ ปุ ปุ…” ปรากฏว่า ประกายที่เทราดลงมาพลันจัดการยิงทะลุทะเลที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขตกลายเป็นเหมือนชะลอม ประกายแต่ละสายได้ยิ่งทะลุผ่านแนวป้องกันของจอมเทพเชียนจวิน แม้ว่าทะเลที่กว้างใหญ่ซึ่งแปลงมาจากสัจธรรมสามสายที่มีความหนาสุดประเมิน แต่ยังคงถูกประกายที่เทราดลงมายิงจนทะลุ

ประกายลักษณะเช่นนี้พกพาปณิธานของจอมราชันเซียนหวัง ทะเลกว้างใหญ่จากสัจธรรมของจอมเทพไหนเลยจะขวางเอาไว้ได้เล่า

แม้ว่าอานุภาพของประกายที่ยิงทะลุผ่านทะเลกว้างใหญ่จะถูกลดทอนไปมากแล้วก็ตาม แต่ลักษณะที่เทลงมาเช่นนี้ยังคงสังหารยอดฝีมือได้ ดังนั้น จอมเทพเชียนจวินจึงมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป คำรามเสียงดังออกมา เปล่งประกายรุนแรงออกมาทั่วตัว กลายเป็นปีกป้องกันที่ทรงพลังมากที่สุด ปิดกั้นร่างของเขาเอาไว้ทั้งหมด

ขณะเดียวกัน จอมเทพเชียนจวินพลิกฝ่ามือและดึงทีหนึ่ง ปรากฏเป็นระฆังโบราณครอบร่างของตนเอาไว้ทั้งหมด หวังอาศัยสิ่งนี้ทำการป้องกันประกายที่เทลงมาเพื่อสังหารตน

“ปัง ปัง ปัง…” เสียงดังขึ้นเป็นระยะ เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ปีกของจอมเทพเชียนจวินถูกยิงจนทะลุ ในที่สุด ระฆังศักดิ์สิทธิ์ที่ครอบร่างของเขาได้ช่วยป้องกันประกายแต่ละสายเอาไว้ โดยที่ระฆังศักดิ์สิทธิ์ถูกยิงเป็นรอยรูเล็กๆ เต็มไปหมด เกือบจะยิงทะลุระฆังศักดิ์สิทธิ์ได้อยู่แล้ว!

แม้ว่าท้ายที่สุดแล้ว ระฆังศักดิ์สิทธิ์สามารถต้านประกายที่ยิงมาเอาไว้ได้ แต่ตัวของจอมเทพเชียนจวินถูกกระแทกจนปลิวออกไป พลังที่ยังคงเหลืออยู่ทำให้จอมเทพเชียนจวินปลิวไปไกลมาก กระอักเลือดออกมาอย่างแรง

“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว…” แม้แต่จอมเทพยังถูกโจมตีจนต้องปลิวออกไป อีกทั้งยังอยู่ภายใต้แนวป้องกันถึงสามชั้น ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าอานุภาพของประกายดวงจันทราที่เทราดลงมานั้นมีความน่ากลัวเพียงใด

“นี่มัน…” จอมเทพหนานหยางที่นั่งอยู่ภายในตำหนักพลันลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อได้เห็นภาพนี้ ในเวลานี้เขาถึงกับจ้องมองผู้หญิงในความสลัวนั้นด้วยความตระหนก มองดูยามราตรีที่มาเยือน เขาถึงกับเสียวสันหลังวาบ

การมองเห็นการมาเยือนของราตรีกาลนาทีนี้ ทำให้จอมเทพหนานหยางนึกถึงคนๆ หนึ่ง เนื่องจากสิ่งนี้เป็นกระบวนท่าไม้ตายของเซียนหวังผู้หนึ่ง แม้ว่าเขาไม่เคยได้เห็นท่าไม้ตายนี้กับตาตนเองมาก่อน แต่เขาเคยได้ยินอานุภาพของท่าไม้ตายท่านี้

เสียง “แว้งค์…” ดังขึ้นมาอีกครั้ง ราตรีอันมืดมิดยังคงปกคลุมกาลเวลา ดวงจันทรากลมดวงนั้นได้เทประกายลงมาอีกครั้งหนึ่ง ประกายที่ถูกเทราดลงมาคล้ายดั่งคลื่นยักษ์ที่วิ่งฮ้ออย่างรุนแรง พลันพุ่งเข้าหาจอมเทพเชียนจวิน ประกายที่พุ่งโจมตีเข้ามาไม่มีสิ่งใดสามารถต้านทานไว้ได้ เหมือนว่ามันสามารถกวาดล้างทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ภายใต้การกวาดล้างของมันจะไม่หลงเหลืออะไรเอาไว้อีกเลย

“ตึง ตึง ตึง…” เสียงหนึ่งดังขึ้น ขณะที่ประกายพุ่งโจมตีเข้ามา จอมเทพเชียนจวินคำรามเสียงยาวออกมา พลันหยิบเอาชุดตัวอ่อนออกมาชุดหนึ่ง และถูกสวมเข้ากับตัวของจอมเทพเชียนจวินทันที

ในขณะนี้ บนตัวของจอมเทพเชียนจวินคลุมด้วยเกราะราชัน มือซ้ายถือโล่ราชัน มือขวากำกระบี่ราชัน “ตูม” เสียงดังสนั่น ยามที่เขาคลุมด้วยเสื้อเกราะราชัน และถือกระบี่ราชันในมือ ปรากฏบทคัมภีร์สูงสุดลอยขึ้นมา พลังของโลกดึกดำบรรพ์ก่อนที่ฟ้าดินจะแยกเป็นสองส่วนที่ไม่มีสิ้นสุดพลันพวยพุ่งออกมา

ได้ยินเสียงดัง “จี๊ด” ดวงตราสัญลักษณ์สามดวงของจอมเทพเชียนจวินพลันสลักลงบนชุดตัวอ่อนนั่น พลังขมุกขมัวจากตรีโลกธาตุพลันดันให้พลังอำนาจของชุดตัวอ่อนปรากฏ จากนั้นได้ยินเสียงดัง “ตูม” เห็นร่างเงาที่สูงใหญ่ปรากฏขึ้นมา โดยร่างเงาสูงใหญ่นี้มีชะตาฟ้าอยู่เหนือศีรษะ และยืนอยู่บนบทคัมภีร์ และบทคัมภีร์ที่เกิดขึ้นจากชุดตัวอ่อนได้ไปลอยอยู่ด้านหลังของร่างเงาสูงใหญ่ กลายเป็นแนวป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก

“ตูม…” เสียงดังสนั่นขึ้นมา ในที่สุดภายใต้สุดยอดบทคัมภีร์บทนี้สามารถต้านสายน้ำประกายที่บุกโจมตีเข้ามาเอาไว้ และปกป้องรักษาจอมเทพเชียนจวินไว้ได้

“ชุดตัวอ่อนศาสตราอินทนิลจอมราชัน!” ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิผู้หนึ่งถึงกับร้องเสียงดังออกมา เมื่อได้เห็นภาพนี้

“ชุดตัวอ่อนของราชันเทพเจอเยื่อ” ระดับบรรพบุรุษของแคว้นเจ้าลัทธิก็กล่าวด้วยความอิจฉา

ราชันเทพเจอเยื่อเป็นปฐมบรรพบุรุษของสำนักเจอเยื่อ เขาเป็นจอมราชันที่มีหกลัคนาสามชะตาฟ้า แม้ว่าจอมเทพเชียนจวินจะมีดวงตราสัญลักษณ์สามดวงอยู่ในครอบครอง แต่เขาด้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับราชันเทพเจอเยื่อ เนื่องจากราชันเทพเจอเยื่อที่มีชะตาฟ้าสามสายในครอบครองได้ควบคุมการเข้าถึงตัวตนอันแท้จริงแล้ว ขณะที่จอมเทพเชียนจวินแม้จะมีดวงตราสัญลักษณ์สามดวงในครอบครอง แต่ว่าดวงตราสัญลักษณ์ของเขาไม่สามารถประสานเข้าด้วยกัน และเขาไม่ได้มีการเข้าถึงตัวตนอันแท้จริง

ถอยไปหนึ่งหมื่นก้าว ต่อให้ตราสัญลักษณ์สามดวงของจอมเทพเชียนจวินสามารถเทียบเคียงได้กับราชันเทพเจอเยื่อที่มีชะตาฟ้าสามสาย แต่ว่า เมื่อราชันเทพเจอเยื่อสำแดงการเข้าถึงตัวตนอันแท้จริงออกมา จอมเทพเชียนจวินก็ต้องถูกบดขยี้สถานเดียว!

เวลานี้ ชุดตัวอ่อนที่สวมใสบนตัวของจอมเทพเชียนจวินคือชุดตัวอ่อนศาสตราอินทนิลจอมราชัน ซึ่งเป็นชุดตัวอ่อนที่ราชันเทพเจอเยื่อใช้ขณะยังอยู่ในวัยหนุ่ม

สำหรับจอมราชันผู้หนึ่ง ชุดตัวอ่อนศาสตราอินทนิลที่มีตัวอ่อนที่มีพลังซึ่งถูกสร้างขึ้นมาภายหลังสามชิ้น ชั้นคุณภาพศาสตราวุธอินทนิล เรียกได้ว่าเป็นชุดตัวอ่อนที่ไม่สามารถนำมาอวดอ้างได้เลย

แต่ สำหรับผู้บำเพ็ญตนที่เป็นสำนักขนาดเล็ก หรือผู้บำเพ็ญตนไร้สังกัดแล้ว ชุดตัวอ่อนศาสตราอินทนิลชุดหนึ่งนับว่ามีราคาสูงมาก สำหรับผู้บำเพ็ญตนที่มีชาติกำเนิดจากสำนักที่มีชื่อเสียง หรือยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนแล้ว ชุดตัวอ่อนศาสตราอินทนิลที่มีตัวอ่อนที่มีพลังซึ่งถูกสร้างขึ้นมาภายหลังสามชิ้น มันเป็นเพียงชุดตัวอ่อนธรรมดาชุดหนึ่งเท่านั้น

ความจริงแล้ว ภายหลังราชันเทพเจอเยื่อมีความแข็งแกร่งขึ้นมาก เขาจึงมีชุดตัวอ่อนที่ดีกว่าไว้ในครอบครอง แต่ว่า ชุดตัวอ่อนชุดนี้เป็นชุดที่เขามีอยู่ขณะที่ยากจนมากที่สุด ซึ่งอยู่เคียงข้างเขาผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดมา

ดังนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาราชันเทพเจอเยื่อจึงทิ้งชุดตัวอ่อนชุดนี้ไม่ลง พยายามหลอมกลั่นมันตลอด กระทั่งเขากลายเป็นจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสามสายแล้ว ก็ยังคงหลอมกลั่นเสริมสร้างมัน ให้กลายเป็นชุดตัวอ่อนศาสตราอินทนิลจอมราชัน

พูดกันตามตรง จอมราชันเซียนหวังบางคนเมื่อได้ครอบครองอาวุธชะตาฟ้าแล้ว โดยทั่วไปขี้คร้านจะไปหลอมกลั่นเสริมสร้างชุดตัวอ่อนศาสตราอินทนิลที่มีตัวอ่อนที่มีพลังซึ่งถูกสร้างขึ้นมาภายหลังสามชิ้นอีกต่อไป

ราชันเทพเจอเยื่อมีความผูกพันต่อชุดตัวอ่อนชุดนี้ลึกซึ้งมาก ดังนั้น เขายังคงทุ่มเทแรงกายแรงใจมากไปหลอมกลั่นเสริมสร้างชุดตัวอ่อนชุดนี้ให้กลายเป็นชุดตัวอ่อนศาสตราอินทนิลจอมราชันที่มีความแข็งแกร่งห้าวหาญมาก

หลังจากที่ราชันเทพเจอเยื่อได้ครองครองชะตาฟ้าสามสายแล้ว จึงได้ครองครองชุดตัวอ่อนที่แข็งแกร่งกว่าเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เขาจึงได้มอบชุดตัวอ่อนชุดนี้ให้กับลูกหลานของตน และภายหลังชุดตัวอ่อนชุดนี้ก็ได้ตกทอดไปถึงจอมเทพเชียนจวิน

จอมเทพเชียนจวินก็รักและหวงแหนชุดตัวอ่อนชุดนี้มากเช่นกัน แม้ว่ามันเป็นเพียงชุดตัวอ่อนศาสตราอินทนิลเท่านั้น แต่มันแฝงไว้ซึ่งแรงกายแรงใจของราชันเทพเจอเยื่อเป็นจำนวนมาก ซึ่งราชันเทพเจอเยื่อได้อาศัยวิธีการต่างๆ นานานับไม่ถ้วนมาหลอมกลั่นมัน เพื่อให้พลังแฝงของชุดตัวอ่อนชุดนี้สามารถสำแดงอานุภาพได้ถึงขีดสูงสุด!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *