Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1800 ความคิดเพียงแวบปราศจากผู้ต่อกร

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1800 ความคิดเพียงแวบปราศจากผู้ต่อกร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1800 ความคิดเพียงแวบปราศจากผู้ต่อกร
“เจ้าคนอวดดี ข้าหลี่เทียนเหาไม่เคยฆ่าคนจากด้านหลัง…” เวลานี้ หลี่เทียนเหาดูจะใจกล้ามากขึ้นกว่าเดิม ส่งเสียงดังออกมาว่า “เวลานี้ ข้าให้โอกาสกับเจ้า ลุกขึ้นมารับการท้าสู้ของข้าเดี๋ยวนี้! นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้า”

หลี่ชิเย่ที่กำลังจับภาพดวงดาวอยู่จึงค่อยๆ หันหัวกลับมา ในเวลานี้เองเขาจึงได้มองดูธิดาราชันฉีหลินทีหนึ่ง จากนั้น มองดูท้องฟ้าที่อยู่ห่างไกล สุดท้ายจึงได้มองไปที่หลี่เทียนเหา ยิ้มกล่าวว่า “ท้าสู้?”

“ถูกต้อง!” ท่าทีของหลี่เทียนเหาในเวลานี้ดูฮึกเหิมและลำพองใจ กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “เจ้าบังอาจไม่ให้ความเคารพต่อฝ่าบาท อภัยให้ไม่ได้เด็ดขาด เวลานี้หากเจ้าคุเข่าลงโขกศีรษะยอมรับผิดต่อฝ่าบาทยังทัน มิฉะนั้นล่ะก็ต่อให้เจ้าตายหมื่นครั้งก็ยังไม่สาสม!”

ภายในใจของหลี่เทียนเหาเวลานี้ตื่นเต้นดีใจยิ่งนัก วันนี้เขาได้กู้หน้าให้กับธิดาราชันฉีหลินมาได้ ซึ่งจะต้องสร้างรอยประทับใจลึกๆ ในใจของธิดาราชันฉีหลินแน่นอน

“อาศัยเจ้าแค่นั้น…” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมาและกล่าวว่า “ก็สามารถทำให้ข้าตายหมื่นครั้งยังไม่สาสม?”

เมื่อถูกหลี่ชิเย่ที่เป็นผู้เยาว์ไร้ชื่อเสียงพูดจาดูถูกต่อหน้าผู้คนทั้งหลาย ต่อหน้าธิดาราชันฉีหลิน ทำให้หลี่เทียนเหาที่กำลังฮึกเหิมอยู่ไม่สามารถอดกลั้นความอัปยศเช่นนี้ได้

“เจ้าเดรัจฉานน้อย วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มลองความร้ายกาจบ้าง!” เวลานี้ หลี่เทียนเหาร้องเสียงดังออกมา ทันใดนั้นได้ยินเสียงดัง “ตูม” นาทีนี้ หลี่เทียนเหาได้ปลดปล่อยลมปราณออกมา พลังขมุกขมัวพวยพุ่งออกมาดั่งน้ำตกที่ไหลย้อนพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า

หลี่เทียนเหาไม่เก็บงำพลังเอาไว้เลย ปล่อยให้พลังขมุกขมัวทั้งหมดพุ่งขึ้นไปยังรุนแรง ดุจดั่งมีน้ำตกเป็นร้อยสาย เสียงดังตูมตามดังไม่ขาดสาย ภายใต้พลังขมุกขมัวที่เหมือนคลื่อนยักษ์ที่ถาโถม ทำให้สั่นไหวไปทั่วทั้งยอดเขาชมเทพ เสมือนดั่งเป็นเรือน้อยท่ามกลางคลื่นที่โหมกระหน่ำ

“พลังขมุกขมัวเก้าสิบหกล้านลิตร” มีกษัตราเฒ่าได้ประเมินพลังขมุกขมัวที่หลี่เทียนเหาปลดปล่อยออกมาทั้งหมดแล้วถึงกับตกใจ

ย่อมไม่เป็นที่สงสัย พลังของหลี่เทียนเหาได้ก้าวถึงระดับทิพยสัจธรรมเรียบร้อยแล้ว ทั้งยังอยู่ในขั้นที่สมบูรณ์แบบมาก อีกไม่นานก็คงามารถรวบรวมพลังขมุกขมัวจนครบหนึ่งร้อยล้านลิตร เมื่อถึงตอนนั้นก็จะทะลุขอขวดของระดับทิพยสัจธรรมและก้าวขึ้นสู่ระดับธรรมมังสัจธรรมได้แล้ว

เป็นที่ทราบว่า ตัวหลี่เทียนเหานั้นยังหนุ่มแน่นมาก และเข้าสู่ยุทธภพได้ไม่นานนัก ก็สามารถมีกำลังความสามารถได้ถึงเพียงนี้ เรียกได้ว่าพลังแฝงปราศจากขีดจำกัด เรียกว่าหลี่เทียนเหาไม่ได้อาศัยชื่อเสียงของผู้เป็นปู่ของเขาเพียงอย่างเดียว ตัวเขาเองก็มีกำลังที่แข็งแกร่ง ใช่จะเป็นเพียงลูกหลานของตระกูลขุนนางโบราณที่ไม่ได้ความคนหนึ่งเท่านั้น

“เจ้าเดรัจฉานน้อย รับความตายเสียเถอะ!” พริบตาเดียวนั่นเอง หลี่เทียนเหาคำรามเสียงดังออกมา มือขนาดใหญ่ที่อยู่ท่ามกลางพลังขมุกขมัวรายล้อมยื่นเข้าไปคว้าตัวหลี่ชิเย่ ท่าทีเหมือนต้องการบีบหลี่ชิเย่ให้ตายคามืออย่างนั้น

“อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่เพียงหัวเราะนิดหนึ่งเมื่อเห็นมือใหญ่ที่มีพลังขมุกขมัวล้อมรอบ ดวงตาทั้งสองเพ่งตรงไปข้างหน้า บังเกิดความคิดขึ้นมา

“ปัง” ทันใดนั้น เสมือนหนึ่งมีมือขนาดใหญ่ที่ไร้รูปได้ฟาดลงมา ฉับพลันก็ทำให้พลังขมุกขมัวที่ล้อมรอบมือใหญ่ข้างนั้นแตกกระจัดกระจาย หลังจากนั้นตรงเข้าไปจะหักมือใหญ่ของหลี่เทียนเหาทิ้งอย่างนั้น

หลี่เทียนเหาคำรามเสียงยาวขึ้นมา ได้ยินเสียงดัง “ตึง” เสียงกระบี่ที่คำรามไม่ขาดสาย เพียงพริบตาเดียวก็ปรากฏกระบี่เทวะในมือของหลี่เทียนเหา ประกายเยือกเย็นของกระบี่ที่ส่องไปทั่วแดน หวังจะฟาดฟันมือขนาดใหญ่ที่ไร้รูปนั่น

หนึ่งกระบี่ที่หลี่เทียนเหาฟาดฟันออกไป เรียกได้ว่าประกายศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้าไปทั่ว เสมือนหนึ่งเป็นการลงมือของสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่งอย่างนั้น ซึ่งกระบี่เทวะที่อยู่ในมือของหลี่เทียนเหานั้น ได้รับการประทานจากมือของผู้เป็นปู่ของเขาโดยตรง มันจึงพกพาเอาอานุภาพของจอมเทพมาด้วย ถือเป็นศาสตราวุธเต๋าที่ทรงพลังเล่มหนึ่ง

เสียง “ปัง” ดังขึ้น กระบี่ได้ฟาดฟันปะทะกับมือขนาดใหญ่ที่ไร้รูปเข้าอย่างจัง เกิดเป็นสะเก็ดไฟที่แตกกระจาย เหมือนว่าได้ฟันลงไปในสิ่งที่มีความแข็งมากทีสุดในโลกอย่างนั้น ซึ่งความจริงแล้ว จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของหลี่ชิเย่ก็คือสิ่งที่แข็งแกร่งมากที่สุดในโลกอยู่แล้ว

“เสียงดัง “ตึง” นาทีต่อมา ปรากฎว่ากระบี่เทวะที่อยู่ในมือของหลี่เทียนเหาถึงกับถูกมือไร้รูปขนาดใหญ่ฟันจนหัก ภายใต้จิตที่ปราศจากผู้เทียบเทียม แค่กระบี่เทวะเล่มหนึ่งนับเป็นอะไรได้

“ปัง” ขณะที่หลี่เทียนเหายังไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ร่างของเขาพลันถูกมือยักษ์ที่ไร้รูปกดทับลงกับพื้นอย่างแรง ฉับพลันนั้นเสมือนหนึ่งมีภูเขาเป็นร้อยเป็นพันลูกที่กดทับลงบนตัวของเขา จนต้องกระอักเลือดออกมาอย่างแรง

ภาพนี้นับว่าสร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คนเหลือเกิน นับแต่ต้นจนจบหลี่ชิเย่ไม่ได้ขยับแม้แต่นิ้วมือ เขายังคงนั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ แต่กลับเอาชนะหลี่เทียนเหาได้ในฉับพลันทันที

ในเวลานี้ไม่ว่าใครก็ต้องสงสัยว่า หลี่ชิเย่ไม่ได้เป็นผู้ลงมืออย่างเด็ดขาด จะต้องมีผู้ยิ่งใหญ่ที่แข็งแกร่งมากและเป็นรุ่นอาวุโสคอยคุ้มครองหลี่ชิเย่อยู่ มิฉะนั้นล่ะก็ ลำพังอาศัยทักษะยุทธของหลี่ชิเย่เพียงเท่านี้ไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว

แม้แต่ธิดาราชันฉีหลินก็รู้สึกตกใจยิ่งนัก ด้วยกำลังความสามารถของนางในวันนี้ สามารถดูออกว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้ซ่อนเร้นความสามารถของตน เขาอยู่ในระดับตะนอยสัจธรรมที่เป็นคนใหม่อย่างแน่นอน แต่การที่สามารถเอาชนะหลี่เทียนเหาได้ในพริบตาเดียวนั้น เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริงๆ

“คร๊ากก คร๊ากก คร๊ากก…” เวลานี้เอง ปรากฏเสียงกระดูกแตกละเอียดดังขึ้น ภายใต้การบดขยี้ของมือยักษ์ไร้รูป กระดูกของหลี่เทียนเหาแหลกไปทั้งตัว

เวลานี้ เลือดสดๆ ของหลี่เทียนเหาไหลนองพื้นจนแดงฉาน พริบตาเดียวนี้เอง หลี่เทียนเหารู้สึกได้ว่าความตายเข้ามาใกล้ตนเองมากเหลือเกิน

ครั้นธิดาราชันฉีหลินเห็นภาพเช่นนี้แล้ว กำลังคิดจะก้าวออกมาเพื่อพูดให้กับหลี่เทียนเหา หวังจะช่วยเหลือหลี่เทียนเหาเอาไว้ แต่กลับมีผู้ที่ระงับการกระทำของนางอย่างลับๆ ทำให้ธิดาราชันฉีหลินได้แต่หยุดอยู่ตรงนั้น

เสียง “ตูม…”ดังขึ้น ในช่วงระหว่างความเป็นความตาย ทันใดนั้น ปรากฏอานุภาพศักดิ์สิทธิ์อาละวาดขึ้นมา โดยภายในร่างของหลี่เทียนเหาปรากฏเป็นแผ่นยันต์โผล่ขึ้นมา ยามที่แผ่นยันต์แผ่นนี้ปรากฎออกมาเสมือนหนึ่งมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่งมาด้วยตนเองอย่างนั้น

อานุภาพที่น่ากลัวพลันสยบไปทุกทิศ ทำให้ยอดฝีมือจำนวนมากถึงกับสั่นเทา พวกเขาเข้าใจได้ทันทีว่านี่เป็นพลังของจอมเทพ!

ย่อมไม่ต้องสงสัย เป็นเพราะปูของหลี่เทียนเหาต้องการคุ้มครองเขา จึงได้ฝังแผ่นยันต์นี้เอาไว้บนตัวของเขา เพื่อช่วยชีวิตเขาในยามคับขัน

“ตูม ตูม ตูม…” เสียงดังตูมตามดังขึ้นเป็นระลอก ฟ้าดินสั่นไหว กระทั่งโคลงเคลงไปทั่วยอดเขาชมเทพ เวลานี้เสมือนหนึ่งมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่งได้ยกเอามือขนาดยักษ์ไร้รูปที่กดทับอยู่บนตัวหลี่เทียนเหาขึ้นมา

“จอมเทพหนานหยาง!” ในขณะนี้ทุกคนต่างเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เข้าใจแล้วว่าเป็นวิธีการคุ้มครองที่ผู้เป็นปู่ของหลี่เทียนเหาได้สร้างขึ้นเอาไว้

เจ้าสำนักกษัตราจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกเคารพยำเกรงเมื่อรับรู้ถึงพลังของจอมเทพ นี่มันเป็นพลังของจอมเทพนะเนี่ย ต่อให้จอมเทพไม่ได้มาด้วยตนเอง แต่ในฐานะที่เป็นจอมเทพที่ยังคงมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ พลังที่เขาทิ้งเอาไว้สามารถบดขยี้ทำลายเจ้าสำนักกษัตราเช่นพวกเขาได้อย่างง่ายดาย!

“หลบซ่อนตัวในที่มืดนับเป็นผู้กล้ารึ รีบๆ ปรากฏตัวออกมาเสีย” ครั้นเสิ่นจินหลงมองเห็นพลังของจอมเทพที่กำลังต่อต้านกับพลังของมือยักษ์ที่ไร้รูปอยู่ เข้าใจว่าโอกาสได้มาถึงแล้ว ร้องคำรามเสียงยาวออกมา พลันลงมือในทันที

พริบตาเดียวกันนี้ ด้วยอานุภาพราชันของเสิ่นจินหลงที่รุนแรง ในฐานะที่ตัวเขาซึ่งมีพลังอยู่ในนระดับธรรมมังสัจธรรมแล้วนั้น เขาไม่ออมพลังของตนแม้แต่น้อย “ตึง” เสียงทวนร้องคำราม ทวนเงินแวววาวดั่งหิมะในมือมุ่งตรงไปยังลำคอของหลี่ชิเย่ในทันที

เพลงทวนนี้ของเสิ่นจินหลงเป็นเคล็ดวิชาของจอมราชัน ทวนที่เสือกออกไปดั่งมังกรทยาน วาววับดั่งหิมะยากหาผู้ใดเทียม อานุภาพราชันทำลายทุกๆ แนวป้องกัน พลังทวนพุ่งทะลุทะลวงทุกๆ สิ่งกีดขวาง รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าลำคอของหลี่ชิเย่โดยไม่มีลางบอกเหตุมาก่อน

“ปัง” ทวนในมือของเสิ่นจินหลงยังไม่ทันแทงถูกลำคอของหลี่ชิเย่พลันถูกขวางเอาไว้ ยังคงไม่มีผู้ใดลงมือเช่นเดิม ยังคงเป็นมือไร้รูปขนาดใหญ่ข้างหนึ่งที่ขวางทวนของเสิ่นจินหลงเอาไว้

“ลอบกัด…” แววตาของหลี่ชิเย่เย็นยะเยือก บังเกิดแนวความคิดขึ้น “ตึง” ทวนยาวในมือของเสิ่นจินหลงพลันถูกหักทิ้ง

“เอิกก…” ขณะที่เสิ่นจินหลงยังไม่ทันมีปฏิกิริยาอะไร พลันถูกบีบคอเอาไว้อย่างหนาแน่น ร่างกายของเขาถูกยกลอยขึ้นเหนือพื้นดิน

เสิ่นจินหลงยังเข้าใจว่าการลอบโจมตีของตนสามารถปลิดชีพของหลี่ชิเย่ในกระบวนท่าเดียว ไม่นึกเลยว่าจะไม่ได้ผลเอาเสียเลย เวลานี้เขาถูกบีบคอเอาไว้เสมือนหนึ่งเป็นลูกเจี๊ยบตัวหนึ่ง พร้อมที่จะถูกบีบจนตายได้ทุกเวลา

“ฝ่าบาท ช่วยข้า…” ในเวลาระหว่างความเป็นความตาย เสิ่นจินหลงถึงกับหอบและร้องเสียงดังออกมาขอความช่วยเหลือจากธิดาราชันฉีหลิน

ธิดาราชันฉีหลินไม่อาจอยู่นิ่งเฉยโดยไม่ให้ความช่วยเหลือ จะอย่างไรเสียทั้งหลี่เทียนเหา และเสิ่นจินหลงก็คือศิษย์ของสำนักที่ขึ้นตรงต่อตระกูลราชันฉีหลิน นางย่อมไม่สามารถปล่อยให้ตายโดยไม่ให้ความช่วยเหลือ

แต่ว่า จังหวะที่ธิดาราชันฉีหลินคิดจะลงมือเข้าช่วยนั้น หลี่ชิเย่เพียงจ้องมองเฉยเมยไปที่นางแวบหนึ่ง

ด้วยสายตาที่จ้องมองเฉยเมยเช่นนี้เอง พลันทำให้จิตใจของธิดาราชันฉีหลินสั่นเทาทีหนึ่ง สายตาที่เฉยเมยเช่นนี้แทนสิ่งสูงสุด เป็นสายตาที่แทนการตัดสินที่เด็ดขาด!

ธิดาราชันฉีหลินเป็นผู้ที่ได้เคยพบเจอกับผู้ที่ปราศจากผู้ต่อกรโดยแท้จริงมาแล้ว เมื่อนางเห็นสายตาเช่นนี้แล้ว นางรู้ได้ทันทีว่ามันบ่งบอกถึงสิ่งใด เสมือนหนึ่งร่างของนางได้ตกลงไปอยู่ในถ้ำน้ำแข็งจนปะทุเป็นไอเย็นออกมาทั้งร่าง สายตาลักษณะเช่นนี้มีเพียงผู้ดำรงอยู่ในฐานะสูงสุดเท่านั้นที่มี

“คร๊ากก” พริบตาเดียวนี้เอง เสิ่นจินหลงถูกจับหักคอตายในทันที ไม่มีโอกาสแม้แต่จะขัดขืน!

“พอมีฝีมืออยู่บ้างเหมือนกันนี่” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มนิดหนึ่งเท่านั้น เมื่อเห็นพลังจากจอมเทพสามารถต้านทานกับความคิดของตนได้ จึงได้เพิ่มพลังความคิดของตนขึ้นไปอีกนิดหนึ่ง

“ตูม ตูม ตูม” เสียงดังตูมตามดังก้องมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อหลี่ชิเย่ได้เพิ่มกำลังพลังความคิดของตนให้มากยิ่งขึ้นอีกครั้ง ยันต์แผ่นนี้ก็เริ่มส่ออาการต้านพลังความคิดของหลี่ชิเย่เอาไว้ไม่อยู่แล้ว

ความคิดแวบหนึ่งสยบ หนึ่งในหกความคิดของตำราระลึก อาศัยจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่แข็งแกร่งยากจะหาผู้ใดเทียมของหลี่ชิเย่ เขาสามารถทำได้ถึงขั้นหนึ่งความคิดปิดบังฟ้า หนึ่งความคิดขับเคลื่อนดวงตะวันจันทรา สำหรับการสังหารเทพเข่นฆ่ามารนั้นไม่ต้องไปพูดถึง!

“ปุ” ยันต์แผ่นนี้เกิดเป็นรอยปริแยกและแตกออก แผ่นยันต์ที่แตกออกได้เปล่งเป็นประกายขึ้นมา ท่ามกลางประกายนั้นปรากฏเป็นร่างเงาที่สูงใหญ่ขึ้นมาร่างหนึ่ง ยามที่ร่างเงาที่สูงใหญ่ยากจะหาผู้ใดเทียมปรากฏ ได้ยินเสียงดัง “ตูม” อานุภาพที่ปราศจากผู้ต่อกรพลันพวยพุ่ง เสมือนดั่งน้ำในมหาสมุทรที่ไหลบ่าท่วมไปทั่วทั้งบริเวณ

“ปัง” ร่างเงาที่สูงใหญ่นี้เข้าไปยกพลังความคิดที่ทรงพลังของหลี่ชิเย่เอาไว้

“จอมเทพหนานหยาง!” มีผู้ที่ร้องเสียงแหลมออกมา พร้อมกับร่างที่สั่นเทาเมื่อได้เห็นร่างเงาที่สูงใหญ่ยากจะหาผู้ใดเทียม แม้ว่าจอมเทพหนานหยางจะไม่ได้มาด้วยตนเอง แต่ว่าด้วยพลังเช่นนี้นับว่าน่ากลัวจนไม่สามารถเปรียบเปรยได้อีกแล้ว

“แค่เทพตัวน้อยๆ เท่านั้นเอง กล้าทำกำเริบเสิบสานต่อหน้าข้า” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเฉยเมย พลันส่งสายตาที่น่ากลัวออกมา

เสียงดัง “ปัง” หลี่ชิเย่ได้เพิ่มพลังความคิดให้ทรงพลังขึ้นอีกครั้ง เสมือนหนึ่งเป็นหมัดยักษ์ที่ไร้รูปทุบลงมาอย่างแรง พลันทำให้ร่างเงาที่สูงใหญ่ไร้ผู้เทียบเทียมล้มลง

“ตุบ ตุบ ตุบ” พริบตาเดียวนี้เอง หมัดยักษ์ไร้รูปได้ทุบลงบนใบหน้าของร่างเงาสูงใหญ่ยากจะหาใดเทียมนั้นอย่างแรงหมัดแล้วหมัดเล่า!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *