Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1792 ราชันปราชญ์

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1792 ราชันปราชญ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1792 ราชันปราชญ์
“ตัวอ่อนเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าชิ้น” หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ เซิ่นเหล่าลิ่วจึงได้สติคืนกลับมา ดวงตาคู่นั้นของเขาถึงกับเบิกกว้างและกล่าวว่า “ที่สุดของชุดตัวอ่อนชั้นคุณภาพขาวบริสุทธิ์ชิ้นนี้มีอยู่จริง!”

ชาติกำเนิดของเซิ่นเหล่าลิ่วนั้นไม่ธรรมดา ในอดีตเขาเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับที่สุดของชุดตัวอ่อนชั้นคุณภาพขาวบริสุทธิ์มาก่อน เพียงแต่ล้วนแล้วแต่เป็นตำนานเล่าลือที่เลื่อนลอย ไม่มีหลักฐานอ้างอิงใดๆ กระทั่งเรียกได้ว่าเป็นการปั้นน้ำเป็นตัว

ด้วยเหตุนี้เอง แม้ว่าจะเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เซิ่นเหล่าลิ่วมีท่าทีที่สงสัยถึงการดำรงอยู่จริงของที่สุดของชุดตัวอ่อนชั้นคุณภาพขาวบริสุทธิ์นี้มาโดยตลอด

หลังจากที่เซิ่นเหล่าลิ่วได้สติกลับมาแล้วจึงถามว่า “ที่สุดของชุดตัวอ่อนชั้นคุณภาพขาวบริสุทธิ์ชุดนี้อยู่ในมือของใคร? หรือจะเป็นความจริงตามที่เล่าลือกันในตำนานอย่างนั้น มีเพียงจอมราชันและเซียนหวังที่ยอดเยี่ยมที่สุดจึงมีสิทธิ์ได้ครอบครองมันรึ?”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ กระทั่งถึงตอนนี้ ชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์ชุดนี้นับว่าเป็นหนึ่งในชุดตัวอ่อนชั้นคุณภาพขาวบริสุทธิ์ที่สุดยอดที่สุด การจะได้มาซึ่งชุดตัวอ่อนนี้ไม่ง่ายนัก เป็นการทดสอบปณิธานที่แน่วแน่และจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของคนๆ หนึ่ง ครั้งนั้น ผู้ที่สามารถได้ครอบครองชุดตัวอ่อนชั้นคุณภาพขาวบริสุทธิ์ชิ้นนี้ก็เป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมมาก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ในครั้งนั้น บางทีก็อาจจะมีเพียงจอมราชันที่เป็นปราชญ์ผู้ทรงคุณธรรมเช่นเขาเท่านั้น ที่สามารถได้ครอบครองชุดตัวอ่อนชั้นคุณภาพขาวบริสุทธิ์ชิ้นนี้” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเฉยเมย

“เป็นราชันปราชญ์ที่ได้รับชุดตัวอ่อนชั้นคุณภาพขาวบริสุทธิ์ชุดนี้ไปจริงๆ!” เมื่อเซิ่นเหล่าลิ่วได้ยินคำพูดี่มั่นใจขนาดนี้ถึงกระโดดตัวลอย และกล่าวว่า “ตำนานที่เลื่อนลอยกลับเป็นเรื่องจริง! เป็นความจริงที่ราชันปราชญ์เป็นผู้ครอบครองที่สุดของชุดตัวอ่อนชุดนี้!”

ในเวลานี้ เซิ่นเหล่าลิ่วเองก็ต้องตกใจยิ่งกับการยืนยันเช่นนี้ ครั้งนั้นเคยมีตำนานเช่นนี้จริงๆ แต่ว่า ตำนานในลักษณะนี้มันดูเลื่อนลอย ไม่มีสิ่งใดพอที่จะยืนยันในสิ่งนี้ได้เลย ดังนั้น เซิ่นเหล่าลิ่วจึงมองเรื่องนี้ด้วยท่าทีที่สงสัยมาโดยตลอด

“ราชันปราชญ์นับเป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมมากโดยแท้” หลี่ชิเย่กล่าวพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ

“นั่นสิ ราชันปราชญ์เป็นจอมราชันที่ได้รับการเคารพนับถือของชนรุ่นหลัง” เซิ่นเหล่าลิ่วถึงกับบังเกิดความนับถือขึ้นมาและกล่าวว่า “ไม่รู้ว่ามีจอมราชันเซียนหวัง และราชันเซียนของเก้าแดนที่ให้ความเคารพต่อราชันปราชญ์อยู่สามส่วนเลยนะ”

ไม่ว่าจะเป็นจอมราชันเซียนหวังหรือราชันเซียนเก้าแดน ขอเพียงได้ขึ้นชื่อว่าราชันก็นับว่าสุดยอดมากแล้วหละ หากเพิ่มคำว่า “ปราชญ์” เข้าไปอีก มันช่างเป็นความสุดยอดเพียงใด เป็นอะไรที่ยากจะหาผู้ใดเทียมในหล้า

เมื่อมีการเอ่ยถึงฉายา “ราชันปราชญ์” ในสิบสามทวีปจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือราชันปราชญ์! และมีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถรับกับฉายาเช่นนี้ได้ มีเพียงฉายาราชันเช่นนี้ของเขาที่ได้รับการยอมรับจากจอมราชันเซียนหวัง และราชันเซียนจากเก้าแดนเป็นจำนวนมาก

ตัวของราชันปราชญ์ใช่ว่าจะเป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งเพียงใด และใช่ว่าเขาเป็นผุ้มีชะตาฟ้ากี่สาย ตรงกันข้าม ในบรรดาอมราชันนั้น ราชันปราชญ์เป็นหนึ่งในจอมราชันที่มีชะตาฟ้าในครอบครองน้อยที่สุด แต่ว่า แม้ชะตาฟ้าที่ราชันปราชญ์ได้ครอบครองจะน้อยมาก แต่เขายังคงมีค่าพอที่จะได้รับการเคารพนับถือจากบรรดาจอมราชันเซียนหวัง และราชันเซียนจากเก้าแดน

ขณะราชันปราชญ์อายุยังน้องนั้น สติปัญญาของเขาแย่มาก กระทั่งสามารถเรียกได้ว่าโง่เขลายิ่งนัก กระทั่งเรียกเขาว่าเป็นไอ้โง่ก็ไม่นับว่าเกินเลยไป

ราชันปราชญ์เริ่มฝึกตั้งแต่ยังเด็ก แต่กว่าจะทะลุเลื่อนระดับขึ้นจากธุลีสัจธรรมก็ปาเข้าไปตอนอายุหนึ่งร้อยปี เรียกว่าใช้เวลาไปถึงหนึ่งร้อยปีถึงจะผ่านระดับธุลีสัจธรรมไปได้ ลองนึกภาพดูว่าถึงขนาดไหน

เป็นที่ทราบกันดีว่า ระดับธุลีสัจธรรมคือลำดับขั้นการฝึกที่ต่ำที่สุดของสิบสามทวีป กลุ่มของดาวรุ่งใช้เวลาเพียงสองถึงสามวันก็ทะลุผ่านระดับนี้ได้แล้ว หากผู้บำเพ็ญตนที่มีสติปัญญาต่ำ หรือแย่ใช้เวลาหนึ่งถึงสองปีก็ต้องก้าวข้ามระดับนี้ไปได้อย่างแน่นอน

กระทั่งมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่ถูกตราหน้าว่าโง่เขลาจนสุดเปรียบเปรย ถ้าหากให้เวลาเขายี่สิบถึงสามสิบปีไปฝึกฝน มนุษย์ปุถุชนเช่นนี้ก็สามารถทะลุผ่านระดับธุลีสัจธรรมไปได้

อย่างไรก็ตาม ราชันปราชญ์เริ่มฝึกมาตั้งแต่เด็ก ทั้งยังมีชาติกำเนิดเป็นสำนักเจ้าลัทธิ แต่กลับใช้เวลาในการฝึกถึงหนึ่งร้อยปีเต็มจึงก้าวข้ามระดับธุลีสัจธรรมไปได้ ช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่ออะไรปานนั้น

ดังนั้น ขณะที่ราชันปราชญ์ในวัยหนุ่ม ผู้อาวุโสต่างรู้สึกสิ้นหวังในตัวของเขา ต่างรู้สึกว่าตัวเขาเปรียบเสมือนเป็นไม้ผุที่ไม่สามารถนำมาแกะสลักเป็นชิ้นงานได้

แต่ว่า ราชันปราชญ์ยังคงยืนหยัดต่อไป เขาก้าวไปทีละก้าวๆ ค่อยๆ ก้าวไปอย่างเชื่องช้าโดยลำพัง

หากจะกล่าวว่า การที่ราชันปราชญ์ใช้เวลาในการฝึกถึงหนึ่งร้อยปีจึงทะลุข้ามระดับธุลีสัจธรรมไปได้นั้น เป็นการสร้างความมหัศจรรย์ของจอมราชันและเซียนหวังล่ะก็ เช่นนั้นแล้วอีกหนึ่งมหัศจรรย์ของราชันปราชญ์ก็เป็นสิ่งที่ไม่มีจอมราชันหรือเซียนหวังคนใดสามารถทำลายได้

ชั่วชีวิตของราชันปราชญ์ได้บุกเบิกสร้างลัคนาเอาไว้เพียงสามลัคนาเท่านั้น! ถือเป็นที่มีจำนวนลัคนาน้อยที่สุดในบรรดาจอมราชันเซียนหวังทั้งหมด!

ผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดทั่วหล้าต่างเข้าใจในเหตุผลที่ว่า ยิ่งมีจำนวนลัคนามากเท่าไร เท่ากับเป็นการบ่งบอกว่ามีความแข็งแกร่งมากเท่านั้น หนึ่งลัคนาสามารถรองรับชะตาฟ้าได้หนึ่งสาย การที่จอมราชันเซียนหวังมีจำนวนลัคนาสิบสองลัคนาในครอบครองถือเป็นจำนวนสูงสุด

แม้ว่าใช่จะจอมราชันเซียนหวังทุกองค์จะต้องมีสิบสองลัคนาในครอบครอง และหาใช่จะต้องเป็นผู้ที่มีสิบสองลัคนาในครอบครองจึงสามารถเป็นจอมราชันเซียนหวังได้ ความจริงแล้ว ก็เคยมีดาวรุ่งที่ได้ครอบครองสอบสองลัคนา แต่จนแล้วจนรอดชั่วชีวิตของเขาก็ไม่สามารถเป็นจอมราชันเซียนหวังได้

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่แล้ว จอมราชันเซียนหวังที่สามารถสืบทอดชะตาฟ้า กลายเป็นผู้ปราศจากผู้ต่อกรในหล้า พวกเขาก็จะมีจำนวนลัคนาหก หรือมากกว่าหกทั้งสิ้น กระทั่งมีจอมราชันเซียนหวังจำนวนไม่น้อยที่มีลัคนาจำนวนเก้าหรือสิบลัคนาในครอบครอง

กล่าวได้ว่า นับแต่อดีตกาลที่ผ่านมา ผู้ที่มีเพียงสามลัคนาแล้วได้เป็นจอมราชันมีราชันปราชญ์เพียงผู้เดียวเท่านั้น

ผู้บำเพ็ญตนของสิบสามทวีปหากฝึกฝนไปเรื่อยๆ เมื่อก้าวไปถึงระดับทิพยสัจธรรมแล้ว ชั่วชีวิตของผู้บำเพ็ญตนผู้นั้นจะมีโอกาสบุกเบิกสร้างลัคนาได้สามครั้ง หรือก็คือเมื่อผู้นั้นมีความสามารถอยู่ในระดับทิพยสัจธรรมขึ้นไปแล้ว อย่างน้อยต้องมีลัคนาสามลัคนาในครอบครอง

ขณะที่ชั่วชีวิตของราชันปราชญ์สามารถลร้างลัคนาได้เพียงสามลัคนาเท่านั้น เป็นการบ่งบอกว่าการสร้างลัคนาทุกครั้งของเขาล้วนแล้วแต่เป็นไปด้วยความยากลำบากยิ่ง แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม เขายังคงสามารถสร้างได้เป็นผลสำเร็จจนได้

สิ่งนี้ก็เป็นการยืนยันจากอีกด้านหนึ่งว่า ขณะที่ราชันปราชญ์ในวัยหนุ่มมีสติปัญญาที่น้อยนิดและต่ำตม ไม่เหมาะต่อการฝึก

ความจริงแล้วสิ่งนี้ไม่จำเป็นต้องไปยืนยัน เนื่องจากราชันปราชญ์มีชาติกำเนิดที่ไม่ธรรมดาขณะอายุยังเยาว์วัย เขาเคยกราบยอดฝีมือเป็นอาจารย์ ในประสบการณ์กับบรรดาผู้อาวุโสที่ผ่านมานั้น มีผู้คนจำนวนมากต่างลงความเห็นว่าราชันปราชญ์ไม่เหมาะที่จะฝึกฝน

มีผู้อาวุโสที่ใจดีถึงกับแนะให้ราชันปราชญ์ละทิ้งการฝึกแล้วไปเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งอย่างมีความสุขจะดีกว่า

แต่ทว่า ต่อให้สติปัญญาแย่แค่ไหนก็ตาม ยังคงไม่สามารถขัดขวางการใฝ่หาให้ได้มาซึ่งสัจธรรมของราชันปราชญ์ การก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ สุดท้าย ที่เหลือเชื่อคือเขากลับสามารถยืนหยัดจนถึงสุดท้าย จากการฝึกฝนท่ามกลางกาลเวลาที่ยาวนาน ในที่สุด ราชันปราชญ์ได้ก้าวไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของสัจธรรม ในที่สุดสามารถสืบทอดชะตาฟ้า กลายเป็นราชขันเทพที่ไม่สามารถหาผู้ใดเทียมแห่งยุค!

ในบรรดาจอมราชันเซียนหวังทั้งหมดนั้น ใช่ว่าเขาจะเป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งเพียงใด แต่เขาได้รับการให้ความเคารพจากบรรดาจอมราชันเซียนหวัง และราชันเซียนจากเก้าแดนเป็นจำนวนมากตลอดมา เนื่องจากราชันปราชญ์มีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ไม่ย่อท้อ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม อาศัยข้อนี้ก็สมควรได้รับความเคารพจากบรรดาเหล่าจอมราชันเซียนหวังทั้งหลายแล้ว

ในห้วงเวลาอันยาวนานของสิบสามทวีปที่ผ่านมา ได้เคยให้กำเนิดจอมราชันเซียนหวังที่ปราดเปรื่องน่าทึ่ง และมีจอมราชันเซียนหวังที่ครอบครองชะตาฟ้าสิบสองสายมา แต่ไม่มีจอมราชันเซียนหวังองค์ใดสามารถทำให้บรรดาจอมราชันเซียนหวังเรียกว่าปราชญ์ทรงคุณธรรมด้วยใจจริง

กระทั่งราชันเทพจุงหนาน และราชันซื่อตี้ที่เป็นจอมราชันที่ยอดเยี่ยมยากจะหาผู้ใดเทียม ซึ่งมีชะตาฟ้าสิบสองสายในครอบครองก็เคยยกย่องราชันปราชญ์ว่าปราชญ์ทรงคุณธรรม

กล่าวได้ว่า ราชันปราชญ์คือจอมราชันเซียนหวังหนึ่งเดียวที่สามารถทำให้บรรดาจอมราชันเซียนหวัง ยกย่องให้เป็น “ราชันปราชญ์” ได้อย่างแท้จริง

เซิ่นเหล่าลิ่วเองก็ตะลึงนิดหนึ่ง เมื่อรู้ว่าราชันปราชญ์ได้ครอบครองที่สุดของชุดตัวอ่อน เมื่อได้สติกลับมาถึงกับพูดขึ้นด้วยความสงสัยว่า “ที่สุดของชุดตัวอ่อนชุดนี้มีเพียงหนึ่งเดียวในหล้านะเนี่ย เมื่อราชันปราชญ์ได้ครอบครองที่สุดของชุดตัวอ่อนชุดนี้แล้ว เขาจะมีความแข็งแกร่งเพียงใดกันเล่า? เมื่อเขาได้ครอบครองที่สุดของชุดตัวอ่อนชุดนี้แล้ว เขาสามารถต่อกรกับจอมราชันเซียนหวังระดับไหนกันหละ”

แม้ว่าราชันปราชญ์จะมีชะตาฟ้าในครอบครองเพียงสามสาย แต่ว่าเมื่อตัวเขาคือจอมราชันที่ได้ครอบครองที่สุดของชุดตัวอ่อน ย่อมไม่เป็นที่สงสัยว่ากำลังความสามารถของเขาต้องสูงขึ้นในระดับหนึ่ง

“เจ้าผิดแล้ว” หลี่ชิเย่ส่ายหน้า และกล่าวว่า “สิ่งที่ยอดเยี่ยมของราชันปราชญ์หาใช่เป็นเพราะเขาได้ครอบครองที่สุดของชุดตัวอ่อน และหาใช่เพราะเขามีความแข็งแกร่งปานใด สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเขาก็คือเขามีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่มั่นคงไม่สามารถสั่นคลอนได้”

ครั้งเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่ชี้ไปที่หัวใจ แล้วกล่าวว่า “การดำรงอยู่ของราชันปราชญ์เป็นการบอกกับชาวโลกว่า แม้หนทางจะยากเย็นแสนเข็ญเพียงใดก็ตาม ขอเพียงมีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่มั่นคงย่อมสำคัญกว่าทุกสิ่ง ต่อให้เจ้าเป็นคนที่โง่ที่สุดคนหนึ่ง ขอเพียงเจ้ามีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ไม่หวั่นไหว เจ้าก็มีโอกาสได้เป็นจอมราชันเซียนหวังได้สักวัน!”

ถ้าหากในช่วงเวลาปรกติ บางทีเซิ่นเหล่าลิ่วอาจจะรู้สึกเอือมระอากับผู้ที่พูดคำพูดเช่นนี้ออกมา แต่เมื่อผู้ดำรงอยู่ฐานะเช่นหลี่ชิเย่เป็นคนพูด อีกทั้งตัวราชันปราชญ์คือตัวอย่างที่ดีที่สุด จึงทำให้เซิ่นเหล่าลิ่วถึงกับตกอยู่ในห้วงความคิดที่ลึกซึ้ง

ในขณะที่เซิ่นเหล่าลิ่วกำลังเหม่อลอย หลี่ชิเย่ได้ก้าวไปข้างหน้า มุ่งไปยังส่วนที่ลึกเข้าไปของแดนอาถรรพ์เทพกำแหงต่อไป

เมื่อเซิ่นเหล่าลิ่วได้สติกลับมาจึงรีบตามไปให้ทัน เขาทำตัวให้กระฉับกระเฉงเข้าไว้ นัยน์ตาทั้งสองส่งประกายออกมา หัวเราะแหะแหะและกล่าวว่า “ท่าน พูดเช่นนี้แสดงว่าเทพกำแหงในครั้งนั้นได้ชุดตัวงอ่อนที่สุดยอดยากจะหาผู้ใดเทียมในหล้าแล้วหนะสิ หรือมันสามารถเทียบเคียงได้กับที่สุดชุดตัวอ่อนของราชันปราชญ์อย่างนั้นรึ?”

“ทำไม อยากได้รึ?” หลี่ชิเย่เหลือบมองดูเซิ่นเหล่าลิ่วทีหนึ่ง กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อเซิ่นเหล่าลิ่วต้องกับการเหลือบมองมาเช่นนี้จากหลี่ชิเย่ พลันทำให้เซิ่นเหล่าลิ่วถึงกับกลัวด้วยความหวาดระแวง รีบยกมือทั้งสองขึ้นมากล่าวคำสาบานว่า “ ไม่ ไม่ ไม่ ข้าน้อยไม่กล้าแย่งชิงของวิเศษกับท่านอย่างเด็ดขาด ในเมื่อท่านถูกใจของวิเศษของที่นี่ เช่นนั้นแล้วของวิเศษทั้งหมดของที่นี่ล้วนแล้วแต่เป็นของท่าน ใครหาญกล้าแย่งชิงของวิเศษกับท่านก็เท่ากับเป็นศัตรูกับข้าเซิ่นเหล่าลิ่ว ข้าเซิ่นเหล่าลิ่วจะไม่ปล่อยเขาเอาไว้อย่างแน่นอน”

หลี่ชิเย่ถึงกับยิ้มและส่ายหน้าสำหรับคำพูดของเซิ่นเหล่าลิ่ว และกล่าวว่า “ต่อให้เจ้าคิดจะแย่งชิงกับข้า เจ้าก็สู้ข้าไม่ได้”

“ใช่ ใช่ ท่านลงมือเมื่อไร ตื่นตระหนกไปทั่วหล้า แสงหิ่งห้อยอย่างข้าหรือจะไปแข่งรัศมีกับดวงจันทราเช่นท่านได้” เซิ่นเหล่าลิ่วรีบกล่าวขึ้น

คำพูดของเซิ่นเหล่าลิ่วใช่ว่าจะเป็นคำพูดที่ประจบต่อหลี่ชิเย่ทั้งหมด และไม่ได้เป็นการสอพรอต่อหลี่ชิเย่ทั้งหมด การปรากฏตัวของผู้ยิ่งใหญ่เฉกเช่นหลี่ชิเย่ ถ้าหากเข้าต้องการจะแย่งชิงสิ่งหนึ่งสิ่งใด ในโลกนี้ยังจะมีใครสามารถขัดขวางเขาได้? เว้นแต่จอมราชันเซียนหวังปรากฎตัวออกมาด้วยตนเอง แต่การที่จอมราชันเซียนหวังจะปรากฏตัวออกมานั้นใช่เป็นเรื่องง่ายดาย หากไม่ใช่เรื่องใหญ่จริงๆ โดยทั่วไปแล้วบรรดาจอมราชันเซียนหวังจะไม่ปรากฏตัวอยู่แล้ว

ดังนั้น ในสายตาของเซิ่นเหล่าลิ่วจึงมองว่า ใครคิดแย่งชิงกับหลี่ชิเย่ก็คือการรนหาที่ตายเอง

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ กับคำพูดของเซิ่นเหล่าลิ่วเท่านั้น และกล่าวว่า “ครั้งนั้นเทพกำแหงได้รับโชคที่ยากจะหาผู้ใดเทียมจริงๆ ด้วยความบังเอิญ ทำให้เขาสามารถได้วัตถุให้กำเนิดตัวอ่อนที่หาได้ยากที่สุดในหล้า และจากวัตถุให้กำเนิดตัวอ่อนชิ้นนี้สามารถผ่าออกมาเป็นตัวชุดขาวบริสุทธิ์ที่มีจำนวนตัวอ่อนมากถึงแปดหมื่นแปดพันแปดร้อยแปดสิบแปดชิ้น”

“ชุดตัวอ่อนชั้นคุณภาพขาวบริสุทธิ์จำนวนแปดหมื่นแปดพันแปดร้อยแปดสิบแปดชิ้น!” เซิ่นเหล่าลิ่วถึงกับใจหายใจคว่ำ คำพูดนี้ได้สร้างความสะเทือนหวั่นไหวยิ่งกับตัวเขา

นี่มันไม่ใช่ตำนาน แต่เป็นความจริง อีกทั้งที่สุดของชุดตัวอ่อนยากจะหาผู้ใดเทียมในหล้าก็อยู่ในแดนอาถรรพ์เทพกำแหงนี่เอง แล้วจะไม่ให้เขาต้องหวั่นไหวได้รึ?

ถ้าหากข่าวนี้ถูกแพร่ออกไป รับรองว่าต้องสะเทือนหวั่นไหวไปทั่วสิบสามทวีปแน่นอน ซึ่งจะสร้างความคลั่งไคร้ให้กับบรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนได้แน่นอน และต้องมีนะดับจอมเทพที่นั่งกันไม่ติด กระทั่งอาจสร้างความแตกตื่นไปถึงจอมราชันเซียนหวังอีกด้วย!

“นี่ นี่ นี่มันคือที่สุดของชุดตัวอ่อนนะเนี่ย” หลังจากที่เซิ่นเหล่าลิ่วได้สติกลับมา เขาถึงกับรู้สึกใจหายใจคว่ำ แม้ว่าชั่วชีวิตของเขาจะพบเห็นของวิเศษมามากมาย แต่หากจะพูดถึงที่สุดของชุดตัวอ่อนเช่นนี้ เขาไม่เคยได้เห็นมาก่อนจริงๆ

“เทียบกับที่สุดของชุดตัวอ่อนที่อยู่ในมือของราชันปราชญ์นับว่ายังห่างชั้นกันอยู่อีกมากทีเดียว “ หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “จะอย่างไรเสีย ช่วงห่างของตัวอ่อนหมื่นกว่าชิ้นนั้น ก่อนที่จะได้บรรลุเป็นจอมราชันบางทีอาจจะไม่ชัดเจนนัก แต่เมื่อไหร่ที่ได้กลายเป็นจอมราชันเซียนหวังแล้ว ช่วงห่างเช่นนี้ก็จะกลับกลายเป็นห่างชั้นกันมากทีเดียว”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *