Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1671 เซียนทำลายล้างสิบทิศ

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1671 เซียนทำลายล้างสิบทิศ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1671 เซียนทำลายล้างสิบทิศ
“ตูม” ทันใดนั้น ลมปราณของกองทัพราชันเซียนทั้งแปดพรรคเซียนเหินล้วนแล้วแต่ถูกกรอกใส่ลงไปในเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์ ทำให้ปรากฏประกายที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าในทันที

ประกายที่พวยพุ่งออกมาจากเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์พลันกลับกลายเป็นมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ยามที่ประกายลักษณะเช่นนี้พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้านั้น กระทั่งท้องฟ้ายังถูกย้อมให้ส่งประกายศักดิ์สิทธิ์ออกมา เหมือนว่าทั่วฟ้าดินล้วนแล้วแต่ปรากฎพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ระยิบระยับอย่างนั้น ทั่วมหาสมุทรอุดรเหมือนถูกความศักดิ์สิทธิ์ทำให้บริสุทธิ์ภายในระยะเวลาอันสั้น

เสียงดังเปรี๊ยะๆ ดังขึ้นเป็นระลอก บนท้องฟ้าปรากฏประกายที่แวบวับ เหมือนว่ากำลังจะมีสิ่งมีชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนจะลงมาจากท้องฟ้าอย่างนั้น อีกทั้งขณะที่ประกายเช่นนี้ส่งแสงระยิบระยับนั้น ทั่วเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์ตลบอบอวลไปด้วยพลังสวรรค์ลงทัณฑ์เอาไว้อย่างนั้น

“ตูม” เสียงหนึ่งดังขึ้น ในขณะนี้เวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์เหมือนถูกเคลือบด้วยประกายที่สูงสุดเอาไว้ มันได้ดึงเอาพลังทั้งหมดจากสิบทิศออกมาโดยพลัน!

ควรจะทราบว่า เวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์ของพรรคเซียนเหินได้รับการสนับสนุนจากเส้นชีพจรใต้ดินมหาสมุทรอุดรจำนวนสิบเส้น ตัวของเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์นอกจากจะปูด้วยศิลาแกร่งระดับราชันเซียนแล้ว ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ การอาศัยพลังแก่นฟ้าดินที่น่าเกรงขามมาเป็นตัวสำแดงพลังที่ยิ่งใหญ่ไพศาลนี้

นาทีนี้ เมื่อเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์ได้ดึงเอาพลังแก่นฟ้าดินของเส้นชีพจรใต้ดินสิบเส้นมาไว้ทั้งหมด ทำให้เวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์มีน้ำหนักและความหนาเพิ่มขึ้น เหมือนว่ามหาสมุทรอุดรทั้งหมดถูกหลอมกลั่นให้กลายเป็นเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์อย่างนั้น ที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นก็คือ นาทีนี้เวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์มีพลังทั้งหมดของมหาสมุทรอุดรอยู่ในครอบครอง เหมือนหนึ่งได้สยบและควบคุมทั่วฟ้าดินเอาไว้!

“แว้งค์” ทันใดนั้นเอง เวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์พวยพุ่งเปลวไฟที่ไม่มีสิ้นสุดออกมา ทุกๆ เปลวไฟเหมือนดั่งน้ำตกสวรรค์ที่พุ่งขึ้นไปรุนแรง เปลวไฟแต่ละสายก็เสมือนดังการลงทัณฑ์ของสวรรค์อย่างนั้น

เวลานี้ ปรากฏร่างเงาที่สูงใหญ่ขึ้นที่เวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างเป็นมนุษย์ มนุษย์ผู้นี้ดูเหมือนเป็นทูตสวรรค์ มีความสูงนับหมื่นจ้าง ทั่วตัวปรากฎประกายเปลวไฟที่ศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจลบหลู่ออกมา ด้านหลังมีปีกที่คุโชนถึงสิบปีก

เมื่อปีกทั้งสิบปีกกางออกมา สามารถครอบคลุมแดนมนุษย์กษัตราเอาไว้ทั้งหมด เหมือนว่าให้เขาเป็นผู้บงการทั่วทั้งแดนมนุษย์กษัตรา ให้เขาเป็นผู้สอบสวนและตัดสินสรรพชีวิตของแดนมนุษย์กษัตราอย่างนั้น

สิ่งมีมีชีวิตที่มีความสูงหมื่นจ้างมีปีกสิบปีกในมือถือกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง กระบี่เล่มนี้ยาวพันจ้าง โดยเป็นกระบี่ที่เกิดจากสัจธรรมสวรรค์และหลักกฎเกณฑ์ทักทอเข้าด้วยกัน ที่น่าสยองมากกว่าก็คือกระบี่ที่ยาวพันจ้างเล่มนี้ได้สะสมพลังที่จะสอบสวนและตัดสินลงโทษปริมาณมหาศาล โดยที่พลังสายนี้ไม่ได้มาจากสัจธรรม ไม่ได้มาจากสรรพวิชา แต่พลังสายนี้มาจากสวรรค์

เหมือนว่านี่คือกระบี่สำหรับลงทัณฑ์เล่มหนึ่ง ขอเพียงมันฟาดฟันลงมาก็เท่ากับเป็นตัวแทนพิจารณาความของสวรรค์ แทนปณิธานของสวรรค์ ดังนั้น กระบี่เล่มนี้จึงเป็นตัวแทนของผู้ปราศจากผู้ต่อกร ไม่ว่าจะเป็นผู้ดำรงอยู่ในสถานะใดก็ไม่สามารถต่อต้านกับเขาได้!

เซียนทำลายล้างสิบทิศก็คือหนึ่งในไพ่ตายของพรรคเซียนเหิน ค่ายกลนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยราชันเซียนของพรรคเซียนเหิน และไม่ใช่สุดยอดวิชาของพรรคเซียนเหิน มันถูกสืบทอดอยู่ในยุคศักราชที่ดึกดำบรรพ์มาก

เพื่อต้องการต่อสู้กับอีกาทมิฬ มือมืดที่อยู่ด้านหลังพรรคเซียนเหินจึงได้ใช้ค่ายกลที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน เนื่องจากมือมืดที่อยู่ด้านหลังพรรคเซียนเหินมองว่า อีกาทมิฬรู้อย่างทะลุปรุโปร่งในสุดยอดวิชาของห้าราชันเซียนพรรคเซียนเหิน กระทั่งมีราชันเซียนสององค์เคยได้รับการชี้แนะจากอีกาทมิฬ ดังนั้น หากอาศัยสุดยอดวิชาของพรรคเซียนเหินมาจัดการกับอีกาทมิฬเท่ากับเป็นการสอนจระเข้ว่ายน้ำ

เหตุนี้เอง มือมืดที่อยู่ด้านหลังพรรคเซียนเหินจึงได้นำเอา “เซียนทำลายล้างสิบทิศ” ซึ่งเป็นค่ายกลที่ไม่เคยปรากฏในโลกหล้ามาก่อน ต่อให้ค่ายกลนี้สังหารอีกาทมิฬไม่ได้ แต่มือมืดที่อยู่ด้านหลังพรรคเซียนเหินก็คาดหวังอาศัยค่ายกลนี้มาขวางกองทัพของอีกาทมิฬเอาไว้

แน่นอน สำหรับพรรคเซียนเหินแล้ว เมื่อใดที่สำแดงค่ายกลนี้ก็ต้องแลกด้วยค่าตอบแทนแทนเช่นกัน เนื่องจากค่ายกลนี้เป็นการอาศัยหยิบยืมพลังของเส้นชีพจรใต้ดิน แล้วยังต้องอาศัยลมปราณจากศิษย์พรรคเซียนเหินนับล้านคนมานำพาค่ายกลนี้ เป็นการบ่งบอกว่าลมปราณของศิษย์ทั้งหมดที่อยู่ในกองทัพทั้งแปดของพรรคเซียนเหินต้องถูกนำมาหลอมรวมเข้าด้วยกันกับค่ายกลนี้ และหลอมรวมกับพลังแก่นฟ้าดินของเส้นชีพจรใต้ดิน

การนำเอาลมปราณหลอมรวมเข้าไปอยู่ในค่ายกล หากต่อสู้ยืดเยื้อย่อมส่งผลทำให้ศิษย์ของกองทัพราชันเซียนพรรคเซียนเหินต้องแห้งเหือดกระทั่งแก่ชราลง หากรายที่รุนแรงอาจถึงขั้นอายุขัยเหือดแห้งและเสียชีวิตได้

แต่ว่า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองทัพมังกรเขียวที่ปราศจากผู้ต่อกร พรรคเซียนเหินเองก็หมดทางเลือก ได้แต่อาศัย “เซียนทำลายล้างสิบทิศ” มารับมือ!

เสียง “แช้งค์” ดังขึ้น ทันใดนั้นกระบี่ที่ยาวเป็นพันจ้างได้ฟาดฟันลงมา หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันลงมาแทนการตัดสินความ! หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันลงมาแทนปณิธานของสวรรค์ ยากที่จะขัดขืน

“ถอย” เทพแท้จริงสยบโลกาตวาดเสียงทุ้มต่ำออกไปเมื่อเห็นกระบี่นี้ฟาดฟันลงมา เขาหมายถึงให้กองทัพไพร่พลสิบล้านของพวกไห่หลินถอนตัวออกมา เนื่องจากกระบี่นี้ฟาดฟันเข้าหากองทัพพันธมิตรนั่นเอง

กองทัพพันธมิตรที่มีไพรพลสิบล้านต่างรู้สึกหวาดผวาเมื่อเห็นกระบี่ที่ฟาดฟันลงมา กระบี่นี้ยากที่จะรับมือ หนึ่งกระบี่นี้หอบเอาปณิธานของสวรรค์มาด้วย หนึ่งกระบี่นี้เป็นการฟาดฟันลงมาโดยอาศัยการตัดสินลงทัณฑ์ที่มาจากสวรรค์

กองทัพพันธมิตรที่มีไพรพลสิบล้านต้องการหันหลังกลับและวิ่งหนี แต่ว่านาทีนี้ทุกอย่างได้สายเกินไปเสียแล้ว เนื่องจากภายใต้กระบี่นี้ไม่อนุญาตให้พวกเขาหลบหนีได้อยู่แล้ว และพวกเขาก็ไม่มีกำลังพอที่จะหลบหนี

“อ๊ากก” เสียงที่น่าเวทนาดังขึ้น เลือดสดๆ กระจาย ทำให้เวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์กลายเป็นเหมือนดั่งเป็นทะเลเลือดโดยพลันอย่างนั้น ยามที่เลือดสดๆ ปริมาณมหาศาลพวยพุ่งกระจายขึ้นมา มันก็คล้ายดั่งเป็นการวาดภาพด้วยการสาดสีอย่างนั้น ทำให้เวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์กลายเป็นสมรภูมิเลือด กลิ่นคาวเลือดสดๆ ที่ไหลย้อมเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์ดูสะดุดตายิ่งนัก เป็นที่สยดสยองสะเทือนขวัญอย่างยิ่ง

ภายใต้หนึ่งกระบี่ กองทัพพันธมิตรที่มีไพรพลสิบล้านเกือบจะหมดทั้งกองทัพ เหลือเพียงหนึ่งในสิบเท่านั้น นับว่าเป็นที่สังเวทใจยิ่งนัก เกรงว่าผู้ผ่านเหตุการณ์นี้มากับตัวและรอดชีวิตจากการศึกครั้งนี้ คงเป็นความเจ็บปวดที่ฝังลึกเข้าไปอยู่ในใจและไม่สามารถลบเลือนไปได้ตลอดชีวิต

แม้ว่ากองทัพพันธมิตรของพวกไห่หลินจะยกย่องว่าพวกตนมีไพร่พลสิบล้าน ความจริงแล้วมีจำนวนไม่ถึงสิบล้าน จำนวนที่รับประกันแน่นอนน่าจะอยู่ที่ราวห้าถึงเจ็ดล้านคน หลังจากศึกตะลุมบอนแล้วครั้งหนึ่ง ต่อให้กองทัพพันธมิตรที่มีไพรพลสิบล้านสูญเสียหนักหนาสาหัสอย่างไรก็ตาม เกรงว่ายังคงมีจำนวนอยู่ราวสามถึงสี่ล้านคน

แต่ว่า เวลานี้จากหนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันลงมา ปรากฏว่าเหลือรอดเพียงหนึ่งในสิบเท่านั้น จำนวนกอทัพพันธมิตรที่เหลือรอดคงมีเพียงสองถึงสามแสนคนเท่านั้นเอง ช่างเป็นฉากที่น่าสยดสยองยิ่งนัก

ภายใต้กระบี่เดียวก็ถูกเข่นฆ่าไปถึงสามล้านคน นี่มันคือการเข่นฆ่าล้างผลาญชัดๆ เกรงว่าผู้บำเพ็ญตนคนใดก็ตามต้องรู้สึกหวาดกลัวในใจ ส่วนผู้ที่โชคดีรอดตายมาได้ถึงกับมีใบหน้าที่ซีดเผือด

เสียงกระบี่คำรามดัง “แช้งค์” กระบี่ที่สองได้ฟันฉับลงมา กระบี่นี้ยังคงพกพาการลงทัณฑ์ของสวรรค์มาด้วย ฟาดฟันไปยังมังกรเขียว เหมือนว่าหนึ่งกระบี่นี้ต้องการเข่นฆ่ามังกรอย่างนั้น

“กรรร” มังกรเขียวคำรามเสียงยาวออกมา กรงเล็บทั้งสองฉีกทำลายท้องฟ้า ทันใดนั้น มังกรเขียวเหมือนหนึ่งได้กลายเป็นทวนวงเดือนมังกรเขียวที่ตั้งตรงยิ่งนัก โดยที่ทวนวงเดือนเล่มนี้มีมังกรเขียวพันรอบ กลิ่นอายมังกรเขียวดังน้ำตกจากสวรรค์ที่ทิ้งตัวลงมา เหมือนว่านี่คือทวนวงเดือนที่ทรงพลังและอหังการที่สุดของฟ้าดิน ถือกำเนิดขึ้นโดยฟ้าดิน สามารถปฏิเสธปณิธานของสวรรค์ได้

“ตึง” ทวนวงเดือนมังกรเขียวต้านรับกระบี่ยาวที่ฟาดฟันลงมา อาวุธทั้งสองปะทะกัน สะเก็ดไฟแตกกระจาย เหมือนอุกาบาตรที่ทรงอานุภาพมากพุ่งเข้าชนเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์ แรงปะทะทำเอาเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์ถึงกับสั่นไหวโคลงแคลงขึ้นมา กระทั่งทั่วมหาสมุทรอุดรก็สั่นไหวโคลงแคลงตามมา!

จากนั้นได้ยินเสียงดัง “ปัง” ทวนวงเดือนที่เพิ่งจะต้านรับกับกระบี่ยาวที่ฟาดฟันลงมา ยังคงไม่สามารถรับกับกระบี่ยาวที่พกพาเอาพลังการลงทัณฑ์จากสวรรค์มาด้วย ถูกพลังที่ยังคงหลงเหลืออยู่กระแทกจนทวนวงเดือนหลุดจากมือตกลงไปยังเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์ ทำให้เวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์กลายเป็นหลุมลึก และมีรอยร้าวแตกระแหง

กระบี่ยาวของสิ่งมีชีวิตที่มีสิบปีกช่างทรงพลังมากเหลือเกิน มันไม่เพียงมีพลังจากเส้นชีพจรใต้ดินสิบเส้นในครอบครอง ไม่เพียงมีพลังจากกองทัพราชันเซียนทั้งแปด ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้หยิบยืมพลังลงทัณฑ์จากสวรรค์มาด้วย จุดนี้แหละคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของค่ายกล “เซียยนทำลายล้างสิบทิศ”

“กรรร” ทันใดนั้น ทวนวงเดือนที่มีมังกรเขียวพันรอบได้กลับกลายเป็นมังกรเขียวอีกครั้งหนึ่ง แต่ว่า ในเวลานี้เอง บนท้องฟ้าปรากฏชิ้นส่วนที่ลอยเข้ามาแต่ละชิ้น

“ตึง ตึง ตึง” ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นที่ลอยมาพลันประกอบเข้ากับร่างของมังกรเขียว ชิ้นส่วนที่มีความละเอียดยิ่งพลันกลายเป็นเสื้อเกราะศักดิ์สิทธิ์มังกรเขียวที่สวมอยู่บนตัวของมังกรเขียว

สุดท้าย ได้ยินเสียงโลหะดังขึ้น กรงเล็บทั้งสองของมังกรเขียวได้กำทวนยาวสีเขียวเล่มหนึ่งที่ปรากฏออกมาทีละนิดๆ สุดท้าย ทวนยาวที่สมบูรณ์ก็ปรากฏออกมา และเปล่งประกายที่ขาวดั่งหิมะออกมาทันที และทวนเล่มนี้ได้เปล่งปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวยิ่งออกมา

ทวนยาววาววับดั่งหิมะ ปณิธานการฆ่ายิ่งใหญ่ ทวนยาวเล่มนี้คล้ายดั่งเคยดื่มเลือดสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาจำนวนนับไม่ถ้วน เหมือนว่ามันเคยดื่มเลือดมารของจอมมารมานับไม่ถ้วนจึงอิ่มหนำสำราญมาแล้ว!

ทวนยาวลักษณะเช่นนี้ขณะอยู่กับกรงเล็บทั้งสองของมังกรเขียวนั้น พานพบเทพสังหารเทพ พานพบมารเข่นฆ่ามาร ไม่มีใครสามารถต้านทานได้

เวลานี้ ทุกคนสามารถมองเห็นมังกรเขียวที่มีขนาดใหญ่โตมหึมา บนตัวของมันสวมใส่เสื้อเกราะที่ส่งประกายสีเขียวแวบวับ กรงเล็บทั้งสองถือทวนยาวที่สามารถทิ่มทะลุพสุธาได้

นาทีนี้ ภาพที่ทุกคนมองเห็นมันไม่ใช่เป็นเพียงกองทัพๆ หนึ่งเท่านั้น แต่เป็นมังกรเขียวที่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้จริงๆ เป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถเฝ้าปกปักษ์รักษาเก้าแดนเอาไว้

เมื่อมังกรเขียวสวมใส่เสื้อเกราะ และถือทวนยาว พลันที่ลุกขึ้นยืนมีความสูงที่สุดจะเปรียบเปรย แม้แต้สิ่งมีชีวิตสิบปีกที่สูงนับหมื่นจ้างเมื่อเทียบความสูงกับมังกรเขียวแล้วยังมีความสูงห่างกันมากนัก

นี่คือสภาพสุดท้ายของกองทัพมังกรเขียว กองทัพมังกรเขียวในลักษณะเช่นนี้ไม่ได้คงอยู่ในรูปแบบของค่ายกลรบ และอยู่ในรูปแบบของสิ่งมีชีวิต

“ตึง” ทันใดนั้นเอง มังกรเขียวได้ลงมือแล้ว ทวนที่แทงออกไปนั้นรุนแรงเสมือนดั่งดวงดาวจำนวนนับหนึ่งล้านล้านดวงระเบิดพร้อมกันอย่างนั้น ปลายทวนที่ส่งประกายวาววับดั่งหิมะขณะโจมตีดุจดั่งทางช้างเผือกจำนวนนับไม่ถ้วนที่พุ่งโจมตีลงมาอย่างนั้น สามารถทำลายฟ้าดิน ระเบิดทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นจุณได้

“ตึง” เสียงกระบี่คำราม สิ่งมีชีวิตที่มีสิบปีกก็ไม่ยอมอ่อนข้อเช่นกัน เสียงกระบี่ที่ดังก้องเก้าชั้นฟ้า กระบี่ยาวในมือรับกับทวนยาวที่แทงลงมา อาศัยสวรรค์ลงทัณฑ์เข้าต่อสู้รับมือ!

“ตูม ตูม ตูม” ทันใดนั้น สิ่งมีชีวิตที่มีสิบปีกและมังกรเขียวต่อสู้พันตูด้วยกัน ทั้งคู่สู้รบกันจนฟ้าถล่มทลาย

“แว้งค์” ขณะที่มังกรเขียวกำลังต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตที่มีสิบปีกอย่างดุเดือดนั้น เกิดการสั่นไหวของอากาศ หลี่ชิเย่พลันปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลัน ยืนอยู่ข้างๆ ยวีไท่จวิน

“ใต้เท้า กู้จุนถูกสังหารไปแล้วรึ?”ยวีไท่จวินถึงกับเอ่ยถามขึ้น หลังจากการปรากฏตัวของหลี่ชิเย่

หลี่ชิเย่มองดูการต่อสู้ระหว่างมังกรเขียวกับสิ่งมีชีวิตที่มีสิบปีก ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ยัง ยังไม่ได้สังหาร ราชามังกรดำลงมือจัดการกับเขาอยู่”

“ราชามังกรดำชาติไหน?” ยวีไท่จวินถึงกับตกใจเมื่อได้ยินคำพูดนี้ แต่ว่า นางรู้เรื่องการกลับชาติเกิดของราชามังกรดำ

“ชาติแรก” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าว

“ราชามังกรดำได้ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะสังหารกู้จุนแล้วรึ?” ยวีไท่จวินรู้สึกกังวล นางไม่สงสัยความสาม

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *