Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1467 ความอหังการของเทพธิดาเก็บจันทรา

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1467 ความอหังการของเทพธิดาเก็บจันทรา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1467 ความอหังการของเทพธิดาเก็บจันทรา

หลี่ชิเย่ได้ตอบโต้จักรพรรดิหอยสังข์กลับไปชนิดไม่ไว้หน้าเลย เมื่อถูกจักรพรรดิหอยสังข์กล่าวตำหนิด้วยเสียงอันดัง

เป็นอีกครั้งที่หลี่ชิเย่อาศัยเพียงคำพูดเดียว เปิดเผยความลับที่มีมาอย่างยาวนาน พลันทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องงงงัน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยได้ยินเรื่องราวเช่นนี้มาก่อน ในสายตาของพวกปีศาจทะเล โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ปีศาจทะเลมองว่า จักรพรรดิหอยสังข์ที่เป็นบุตรเทพเจ้าแห่งทะเลนั้น นับว่ามีสถานะที่สูงส่ง มีสายเลือดที่สูงส่งยิ่งในครอบครอง จะมีใครนึกได้ว่า บุตรเทพเจ้าแห่งทะเลกลับถูกสยบโดยคำพูดเพียงพำเดียวของราชันเซียนเจียวเหิงชั่วชีวิตกันเล่า

ระดับปราชญ์ที่รุ่นค่อนข้างเก่าแก่เคยได้ยินตำนานเช่นนี้มาก่อน แต่เกรงกลัวในอำนาจของจักรพรรดิหอยสังข์ จึงไม่มีใครต้องการไปเอ่ยถึงเรื่องนี้ ด้วยเกรงว่าหากไปเข้าถึงหูของจักรพรรดิหอยสังข์แล้วจะนำมาซึ่งภัยจนถึงแก่ชีวิตได้!

กล่าวสำหรับจักรพรรดิหอยสังข์แล้ว ด้วยคำพูดคำเดียวของราชันเซียนเจียวเหิงทำให้ตัวเขาถูกสยบไปชั่วชีวิตนั้น มันคือความอัปยศอย่างยิ่ง เวลานี้ถูกหลี่ชิเย่นำมาเปิดโปง พลันทำให้จักรพรรดิหอยสังข์ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน

“เจ้าเดรัจฉานน้อย เจ้าก้าวออกมา ข้าจะเชือดเจ้าด้วยมือของข้าเอง! ” ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้ ดวงตาทั้งสองของจักรพรรดิหอยสังข์ได้ฉายเพลิงแห่งความโกรธที่น่ากลัวออกมา การที่หลี่ชิเย่เปิดเผยความลับของเขา เขาย่อมไม่ปล่อยหลี่ชิเย่เอาไว้แน่ หากไม่สังหารหลี่ชิเย่เสีย เขาจะไม่สามารถระบายความแค้นที่อยู่ในใจได้อย่างแน่นอน!

“ไปแกล้งพวกเขาอย่างนี้มันสนุกนักหรือ?” เวลานี้ เทพธิดาเก็บจันทรามองหน้าหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีเย็นชาว่า “แค่สองสามทีก็จัดการพวกมันจนหมด เจ้าควรจะทำอะไรก็ไปทำเสีย! จบเรื่องแล้วจะได้รีบเร่งไปครอบครองชะตาฟ้าเสีย! ”

“จะพูดอย่างนี้ก็ไม่ถูก” หลี่ชิเย่ทำท่าผายมือแล้วยิ้มแต้กล่าวว่า “ในเมื่อมีคนจะร่วมมือกันสังหารข้า งั้นข้าก็จะทำลายท่าทีที่น่าเกรงขามของพวกเขาลงบ้าง สำหรับการสังหารพวกเขานั้น ไม่ต้องรีบร้อน ใจเย็นๆ ก็ได้”

เทพธิดาเก็บจันทรา ไม่สนใจคำพูดของหลี่ชิเย่ ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว นัยน์ตาทั้งสองเย็นยะเยือก กวาดตามองไปยังพวกจักรพรรดิหอยสังข์ กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “พูดจาไร้สาระมากไปแล้ว เป็นการเสียเวลาทั้งสองฝ่าย พวกเจ้าทั้งสี่คนหากไม่พอใจก็เข้ามาด้วยกันทั้งหมดเลย หลังจากจัดการพวกเจ้าได้แล้วจะได้เลิกการประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์นี้เสีย!”

คำพูดของเทพธิดาเก็บจันทราทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องตะลึงโดยพลัน คำว่า “อหังการ” ไม่เพียงพอที่จะนำมาเปรียบเปรยกับเทพธิดาเก็บจันทราได้อีกแล้ว อาศัยคนๆ เดียวท้าสู้กับพวกของเมิ่งเจิ้นเทียนทั้งสี่คน ช่างเป็นความอหังการเพียงใด

พวกของเมิ่งเจิ้นเทียนล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้าทั้งสิ้นของยุคปัจจุบัน เรียกได้ว่ายากจะมีผู้ต่อกร เวลานี้ เทพธิดาเก็บจันทรากลับไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตากระทั่งประกาศจะสังหารพวกเขาทั้งสี่ เป็นความเชื่อมั่นในตนเองและปราศจากผู้เต่อกรเพียงใด

คำพูดคำเดียวของเทพธิดาเก็บจันทรา พลันทำให้พวกของเมิ่งเจิ้นเทียนถึงกับพูดอะไรไม่ออก คำพูดคำนี้เหมือนไปสยบอยู่กลางใจของพวกเขา ทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัด

คำพูดของเทพธิดาเก็บจันทราใช่ว่าจะไม่มีน้ำหนัก ตรงกันข้ามคำพูดนี้มีน้ำหนักมากเหลือเกิน และเป็นเพราะเหตุนี้จึงทำให้คำพูดนี้ไปกดทับอยู่กลางใจของพวกเมิ่งเจิ้นเทียนจนหายใจไม่สะดวก!

ในเวลานี้ บรรดาผู้บำเพ็ญตน ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้ากันและกัน นี่คือเทพธิดาเก็บจันทรานะเนี่ย เคยเอาชนะราชันเซียนหญิงหงเทียนมาแล้ว เป็นดาวรุ่งที่เคยเย้ยหยันต่อเก้าแดนมาแล้ว ความสำเร็จของนางเรียกได้ว่าปราดเปรื่องน่าทึ่งเป็นยิ่งนัก!

“เทพธิดาเก็บจันทรา โลกใบนี้ยังมีระดับบรรพบุรุษที่สามารถต่อกรกับราชันเซียนได้อยู่อีกนะ” ระหว่างที่เทพธิดาเก็บจันทราประกาศท้าสู้กับสี่คนอยู่นั้น องค์ชายแห่งความชั่วร้ายได้เอ่ยขึ้นมาอย่างช้าๆ

คำพูดขององค์ชายแห่งความชั่วร้ายไม่เพียงเป็นการเตือนสติเทพธิดาเก็บจันทราเท่านั้น ขณะเดียวกันเป็นการบอกกล่าวต่อเทพธิดาเก็บจันทราว่า นางยังไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในแดนวิญญาณสวรรค์

“เจ้าหมายถึงตาแก่ที่นอนอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของเทพเจ้าโบราณทะเลลึกน่ะสิ” คำพูดขององค์ชายแห่งความชั่วร้ายทำให้หลี่ชิเย่หัวเราะและยิ้มกล่าวตามอารมณ์ออกมา

“ให้เขาออกมาเลย” เทพธิดาเก็บจันทรากล่าวด้วยท่าทีเฉยเมยมาก “แค่สามารถต่อกรกับราชันเซียนซึ่งหน้าได้เท่านั้นเอง ยังไม่ใช่ราชันเซียน!”

ต่อกรกับราชันเซียนซึ่งหน้าเท่านั้นเอง เป็นคำพูดที่มีความแข็งกร้าวเพียงใด ผู้ที่ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรกับราชันเซียนซึ่งหน้านับว่าเป็นที่เคารพยำเกรงยิ่งของผู้คนอยู่แล้ว ซึ่งผู้คนจำนวนมากมองว่าระดับเช่นนี้จะต้องเป็นดั่งบรรพบุรุษเจ็ดผู้ปรีชาฉลาดเฉลียวเท่านั้น

แต่ว่า กับบุคคลระดับเช่นนี้เทพธิดาเก็บจันทรายังคงกล่าวออกมาด้วยท่าทีเอ้อระเหย ยังคงเป็นอารมณ์ยังไงก็ได้ไม่มีปัญหา

ด้วยท่าทีลักษณะเช่นนี้ ทำให้หลายคนรู้สึกอึดอัด การที่เทพธิดาเก็บจันทราพูดเช่นนี้ออกมา แสดงถึงความเชื่อมั่นในตนเองและปราศจากผู้ต่อกรเพียงใด

สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความอัดอั้นตันใจให้กับพวกของเมิ่งเจิ้นเทียนเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากพวกเขาอดกลั้นไม่ได้ ก็ต้องต่อสู้กับเทพธิดาเก็บจันทราในทันที ไม่ว่าการต่อสู้ในครั้งนี้จะจบลงเช่นใด ในสายตาของพวกเมิ่งเจิ้นเทียนมองว่า ท้ายที่สุดผู้ที่นั่งเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ก็คือหลี่ชิเย่นั่นเอง

“เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนไม่อยากต่อสู้กัน ให้ข้าพูดสักสองสามคำก็แล้วกัน” เมื่อหลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเมื่อเห็นว่าพวกของเมิ่งเจิ้นเทียนไม่มีใครอยากจะเป็นคนแรกที่ลุยเป็นทัพหน้า

หลี่ชิเย่นั่งอยู่บนบัลลังก์ราชัน กวาดสายตามองไปตามใจ เวลานี้เขาดูเหมือนเป็นผู้ที่อยู่สูงเด่น เป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะผู้บงการของเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินอย่างนั้น

“ในเมื่อพวกเจ้าก็ได้จัดการประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ขึ้นมาแล้วย่อมเป็นการดีที่สุด เอาเถอะ หากพวกเจ้าคิดจะอาศัยการประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์มาตัดสินว่าใครสมควรเป็นผู้เข้ารับการคัดเลือกเป็นราชันเซียน ใครสมควรเข้ารับการคัดเลือกเป็นเทพเจ้าแห่งทะเล เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะตัดสินใจให้กับทุกคนก็แล้วกัน”

ครั้นหลี่ชิเย่กล่าวถึงตรงนี้แล้ว เขาหยุดนิดหนึ่ง จากนั้นยิ้มกล่าวว่า “ตำแหน่งราชันเซียนในชาตินี้ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากข้า! สำหรับตำแหน่งเทพเจ้าแห่งทะเลน่ะหรือ ข้าก็จะกำหนดให้ทุกคน ตำแหน่งเทพเจ้าแห่งทะเลจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากราชินีเทพเจ็ดสมุทร!”

คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องมองหน้ากันและกัน อาศัยความอวดดีและอันธพาลของหลี่ชิเย่แล้ว การที่เขายกตัวเองขึ้นเป็นราชันเซียนเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถจินตนาการได้ เพราะว่าเขาเป็นคนที่อวดดีและอันธพาลเช่นนี้เสมอมา แต่ เขายกให้ราชินีเทพเจ็ดสมุทรขึ้นเป็นเทพเจ้าแห่งทะเลกลับเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดคิดของผู้คนจำนวนมาก

ผู้คนจำนวนมากเข้าใจว่าหลี่ชิเย่ต้องบอกว่า เทพเจ้าแห่งทะเลยุคนี้จะต้องเป็นเทพธิดาเจินหวู่ เพราะว่าจะอย่างไรเสีย ความได้เปรียบของเทพธิดาเจินหวู่ใช่ว่าราชินีเทพเจ็ดสมุทรจะสามารถเทียบเคียงได้ ยิ่งไปกว่านั้น เวลานี้เป็นที่ชัดเจนว่าเทพธิดาเจินหวู่นั้นยืนอยู่ข้างของหลี่ชิเย่

แต่ว่า มันน่าแปลกตรงที่หลี่ชิเย่ไม่บอกว่าเทพธิดาเจินหวู่ จะเป็นเทพเจ้าแห่งทะเล ตรงกันข้ามกลับบอกว่าราชินีเทพเจ็ดสมุทรจะได้เป็นเทพเจ้าแห่งทะเล หรือว่าแม้แต่หอสัตตะยุทธก็ยืนอยู่ข้างฝ่ายของหลี่ชิเย่แล้ว?”

“หลี่ชิเย่ราชันเซียนใช่ว่าเจ้าอยากจะเป็นก็ได้เป็น” เวลานี้ เมิ่งเจิ้นเทียนก็พูดน่าเกรงขามออกมา เขาไม่เรียกหลี่ชิเย่เป็น “สหายหลี่” อีกต่อไป เวลานี้เขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้อีกแล้ว

“ข้าบอกแล้วไงว่า ข้าจะเป็นราชันเซียน ข้าก็คือราชันเซียน!” หลี่ชิเย่พูดออกมาเรียบเฉย

“ฮึ…” ในเวลานี้ แม้แต่โอรสสวรรค์ปกสมุทรก็ส่งเสียงแสดงความไม่พอใจออกมา ในใจของเขาเวลานี้เพลิงแห่งความแค้นครุกกรุ่น เขาคือผู้รับการคัดเลือกเป็นเทพเจ้าแห่งทะเลในยุคนี้ กระทั่งกล่าวได้ว่า ในการประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ในครั้งนี้ สำนักที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแดนวิญญาณสวรรค์ได้บรรลุชนร่วมกันแล้ว โดยเฉพาะเผ่าปีศาจทะเลได้บรรลุข้อตกลงภายในเป็นเอกฉันท์แล้ว หากเทพธิดาเจินหวู่ไม่มีความเห็นเป็นอื่นและไม่เข้าแย่งชิงตำแหน่งเทพเจ้าแห่งทะเลล่ะก็ โอรสสวรรค์ปกสมุทรก็จะได้สิทธิ์ก่อนราชินีเทพเจ็ดสมุทร

เวลานี้ หลี่ชิเย่กลับเจาะจงไปที่ราชินีเทพเจ็ดสมุทรเป็นผู้เข้ารับการคัดเลือกเป็นเทพเจ้าแห่งทะเล ต่อหน้าคนทุกคนในงานประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ แล้วจะไม่ให้โอรสสวรรค์ปกสมุทรต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้อย่างนั้นหรือ?

โอรสสวรรค์ปกสมุทรไม่กล้าส่งเสียงกล่าวตำหนิหลี่ชิเย่ แต่ จักรพรรดิหอยสังข์จะปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไปในลักษณะเช่นนี้ไม่ได้ เพราะถ้าหากปล่อยให้มีการเคาะมติออกมาว่าให้ราชินีเทพเจ็ดสมุทรเป็นผู้เข้ารับการคัดเลือกเป็นเทพเจ้าแห่งทะเลล่ะก็ จะไม่เป็นผลดีต่อโอรสสวรรค์ปกสมุทรอย่างยิ่ง

“ผู้เยาว์ เจ้าเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ แค่คนนอกคนหนึ่งเท่านั้น เรื่องของปีศาจทะเลเราไม่อนุญาตให้คนนอกมายุ่งด้วย ต้องอาศัยปีศาจทะเลพวกเราเป็นผู้ตัดสินใจ!” จักรพรรดิหอยสังข์กล่าวเสียงน่าเกรงขามออกมา

“ข้าเห็นด้วยให้ราชินีเทพเจ็ดสมุทรเป็นผู้เข้ารับการคัดเลือกเป็นเทพเจ้าแห่งทะเล!” ขณะที่จักรพรรดิหอยสังข์กล่าวปฏิเสธคำพูดของหลี่ชิเย่นั้น เทพธิดาเจินหวู่ยิ้มกล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉย

ทันทีที่เทพธิดาเจินหวู่พูดออกมาเช่นนี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในเหตุการณ์รู้สึกเย็นวาบบภายในใจขึ้นมา คำพูดของเทพธิดาเจินหวู่หาใช่เป๋นคำพูดล้อเล่น คำพูดของนางมีน้ำหนักเพียงพอ

แม้แต่เทพธิดาเจินหวู่ก็ให้การสนับสนุนราชินีเทพเจ็ดสมุทรให้เป็นผู้เข้ารับการคัดเลือกเป็นเทพเจ้าแห่งทะเล นั่นหมายความว่าฐานะของราชินีเทพเจ็ดสมุทรอยู่เหนือกว่าโอรสสวรรค์ปกสมุทร ในทันที

สำนักแตรสังข์ยังคงเทียบไม่ได้กับหอสัตตะยุทธ หากจะพูดถึงเผ่าปีศาจทะเลแล้ว ชื่อเสียงของหอสัตตะยุทธสูงกว่าสำนักแตรสังข์ แม้ว่าโอรสสวรรค์ปกสมุทรมีจักรพรรดิหอยสังข์คอยหนุนหลังอยู่ แต่ทว่า หอสัตตะยุทธก็มีผู้ที่ไม่ด้อยไปกว่าจักรพรรดิหอยสังข์เช่นกัน

แค่เปรียบเทียบกำลังของสำนักและด้านผลกระทบต่อเผ่าปีศาจทะเล สำนักแตรสังข์ก็เทียบไม่ได้กับหอสัตตะยุทธ ด้วยตุนี้เอง สำนักแตรสังข์จึงได้ร่วมมือกับจู่ลู่ เทพเจ้าโบราณทะเลลึก เพื่ออาศัยสำนักที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่จำนวนหลายแห่งร่วมมือกันสั่นคลอนต่อหอสัตตะยุทธ

แต่ทว่า เวลานี้เทพธิดาเจินหวู่ พลันออกปากให้การสนับสนุนราชินีเทพเจ็ดสมุทร พลันเป็นการบั่นทอนฐานะของโอรสสวรรค์ปกสมุทรลงในทันที เมื่อได้รับการสนับสนุนจากเทพธิดาเจินหวู่ ฐานะของราชินีเทพเจ็ดสมุทรย่อมแตกต่างกัน เกาะเจินหวู่และหอสัตตะยุทธร่วมมือกัน ทั้งยังมีบุตรีเทพเจ้าแห่งทะเลอย่างเทพธิดาเจินหวู่มาเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ ย่อมต้องเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของปีศาจทะเลได้อย่างแน่นอน

เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ขอเพียงหอสัตตะยุทธพูดมาคำหนึ่ง เกรงว่าคงจะมีสำนักของปีศาจทะเลจำนวนไม่น้อยยืนอยู่ข้างหอสัตตะยุทธ และเกาะเจินหวู่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงอำนาจของสำนักแตรสังข์โดยตรง!

ต่อหน้าผู้คนทั่วหล้า เทพธิดาเจินหวู่แสดงตัวให้การสนับสนุนเทพธิดาเก็บจันทราออกนอกหน้า ทำให้สีหน้าของจักรพรรดิหอยสังข์แปรเปลี่ยนไปทันที

“ลูกศิษย์หลานศิษย์ของเจ้าไม่มีโอกาสได้เป็นเทพเจ้าแห่งทะเล” ในขณะที่จักรพรรดิหอยสังข์กำลังจะพูดอะไรออกมานั้น หลี่ชิเย่ได้กล่าวท่าทีเรียบเฉยว่า “ให้เขาก้าวออกมาเลย กล้าแตะต้องคนข้างกายข้า วิธีที่ฉลาดที่สุดก็คือ ออกมารับผิดชอบการกระทำของตนเอง”

“ผู้เยาว์ เจ้าคิดจะทำอะไร…” ดวงตาทั้งสองที่ดูน่าเกรงขามของจักรพรรดิหอยสังข์จ้องมองไปที่หลี่ชิเย่

“ไม่คิดจะทำอะไร” หลี่ชิเย่หัวเราะแล้วกล่าวว่า “วางใจเถอะ ข้าจะไม่ลงมือต่อเขาหรอกนะ ทุกคนจะได้ไม่ว่าข้าอาศัยความแข็งแกร่งกว่าไปรังเกผู้ที่ด้อยกว่า เขาลอบโจมตีคนที่อยู่ข้างกายข้า เมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้ให้เขาก้าวออกมา คนของข้าจะสังหารเขา! แต่ว่า ข้าจะให้โอกาสเขาได้ต่อสู้ชี้ขาดอย่างยุติธรรม! คนอย่างข้าเป็นคนที่มีความยุติธรรมเสมอมา แบบนี้ไม่ใช่รึที่ข้าได้ให้โอกาสแก่เขาแล้ว!”

หลังจากที่หลี่ชิเย่กล่าวขาดคำ ซูหย่งหวงที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขาได้ก้าวเดินออกมาอย่างช้าๆ

ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับกลั้นลมหายใจเอาไว้เมื่อเห็นซูหย่งหวงค่อยๆ ก้าวเดินออกมา บุญคุณความแค้นระหว่างซูหย่งหวงกับโอรสสวรรค์ปกสมุทรไม่นานก่อนหน้า เป็นเรื่องทุกคนต่างรู้กันดี!

“ภายในงานประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์หาใช่สถานที่ที่เจ้าคิดจะต่อสู้ชี้ขาดก็สามารถทำการต่อสู้ตัดสินชี้ขาดได้!” จักรพรรดิหอยสังข์กล่าวน่าเกรงขามออกมา

เขาไม่ต้องการให้โอรสสวรรค์ปกสมุทรต้องรับคำท้าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ถ้าหากเป็นฝ่ายชนะยังพอว่า แต่หากพ่ายแพ้ก็จะส่งผลลบอย่างยิ่งต่อโอรสสวรรค์ปกสมุทร มันจะสั่นคลอนต่อฐานะของโอรสสวรรค์ปกสมุทรในทันที

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *