Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2246 เรือนโอสถ

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2246 เรือนโอสถ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากที่พวกของหลี่ชิเย่มาถึงเรือนโอสถแล้ว ศิษย์ของหุบเขาอมตะได้จัดการเรื่องการต้อนรับได้เป็นระเบียบเรียบร้อย ยามที่ศิษย์พี่ใหญ่อย่างฟ่านเมี่ยวเจินมารับหน้าที่ต่อเรียกได้ว่าทุกอย่างก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

ดูจากสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว ถ้าหากว่ากันด้วยเรื่องของการต้อนรับอย่างเดียว ไม่จำเป็นต้องให้ฟ่านเมี่ยวเจินไปกังวลอยู่แล้ว ที่ทำให้พวกฟ่านเมี่ยวเจินต้องกังวลคือการดำเนินการเรื่องพิธีเซ่นไหว้และวิกฤตต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ด้วยเหตุนี้เอง ฟ่านเมี่ยวเจินจึงได้พามู่หย่าหลันและฉินซาวเย่ามาด้วยทั้งสองคน

เนื่องจากการเซ่นไหว้ในครั้งนี้อาจจะมีการต่อสู้อย่างดุเดือดเกิดขึ้น ไม่ว่าศึกสงครามใดๆ ก็ตามจะขาดหมอเทวดาอย่างมู่หย่าหลันไปไม่ได้ ขณะเดียวกัน เพื่อป้องกันมีผู้ที่ใช้วิธีการสกปรก จึงต้องมีฉินซาวเย่าที่ช่ำชองในเรื่องของวิชาโอสถมาคอยสอดส่อง

เรียกได้ว่าทั้งมู่หย่าหลันและฉินซาวเย่าล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่อยู่ในระดับปรมาจารย์ในขอบเขตของตน เมื่อฟ่านเมี่ยวเจินมีคนทั้งสองคอยให้การช่วยเหลือ เรียกได้ว่าเหมือนเสือติดปีก

สำหรับหลี่ชิเย่นั้นไม่ต้องพูดถึงให้มากความ กล่าวสำหรับฟ่านเมี่ยวเจินแล้ว หลี่ชิเย่เสมือนเป็นยาที่ทำให้จิตใจของนางสงบ ขอเพียงมีหลี่ชิเย่อยู่ สถานการณ์ทั้งหมดล้วนแล้วแต่อยู่ในกำมือ ต่อให้แคว้นว่านโซ่วคิดจะก่อเรื่องใหญ่อะไรขึ้นมา ฟ่านเมี่ยวเจินก็ไม่กังวล

หลังจากมาถึงเรือนโอสถแล้ว เรื่องราวทั้งหมดล้วนแล้วแต่ไม่จำเป็นให้หลี่ชิเย่ต้องกังวล เรื่องจิปาถะทุกอย่างมีฟ่านเมี่ยวเจินจัดการจนเรียบร้อย ดังนั้น เมื่อหลี่ชิเย่มาถึงเรือนโอสถแล้วสามารถกักตนไม่ต้องออกมา บำเพ็ญเพียรได้อย่างสบายใจ ขอเพียงสามารถอาศัยคำพูดเพียงคำเดียวจัดการเรื่องราวในพิธีเซ่นไหว้ให้จบได้ก็พอแล้ว

หุบเขาอมตะได้จัดตั้งสำนักสาขาที่เป็นเอกเทศขึ้นที่เรือนโอสถ ได้สร้างขึ้นตามแนวของเทือกเขา หลังจากที่หลี่ชิเย่มาถึงเรือนโอสถแล้วก็ไม่ได้ออกจากที่พักหลายวัน ปิดห้องกักตนฝึกฝน โดยเข้าสู่ลักษณะของจิตที่ล่องลอยออกไป

หลังจากหลายวันผ่านไป หลี่ชิเย่พลันลืมตาทั้งสองขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มที่เฉยเมย และหลี่ชิเย่ “น่าสนใจ” กล่าวขาดคำก้าวเดินออกจากประตูไปทันที

หลี่ชิเย่รู้สึกสงบเงียบมากจนอยากจะทำอะไรบ้าง จึงออกจากที่ทำการสาขาแล้วท่องเอ้อระเหยไปในเรือนโอสถ ทุกอย่างช่างเป็นธรรมชาติ และดุจดั่งเดินเล่นในสวนหลังบ้านอะไรอย่างนั้น

เรือนโอสถนั้นล้อมรอบไปด้วยภูเขามากมาย มองเห็นต้นไม้แก่ที่ตระหง่านสูงเทียมฟ้า ต้นเถาวัลย์จำนวนมากพันกันดั่งภูเขา ต้นไม้ประหลาดขึ้นปกคลุมดุจป่าไม้ ทั่วทั้งเรือนโอสถเปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวา กลิ่นอายที่เก่าแก่โบราณเรียบง่ายสายหนึ่งโชยมาปะทะใบหน้า

ท่ามกลาง เรือนโอสถที่โอบล้อมรอบไปด้วยภูเขายังคงสามารถมองเห็นอิฐแดงกระเบื้องเขียว สิ่งปลูกสร้างห้องหออารามโบราณ นอกเหนือจากซากปรักหักพังที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในเรือนโอสถตั้งแต่ครั้งเซียนโอสถแล้ว ก็มีการก่อสร้างเป็นวิหารและบ้านช่องจำนวนไม่น้อย

แม้จะกล่าวว่าเรือนโอสถนั้นเป็นของทุกคนเป็นอยู่ภายใต้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ ไม่ว่าใครก็ตามในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะล้วนมีสิทธิ์ แต่ไม่ได้หมายความว่าใครก็สามารถก่อตั้งสำนักภายในบริเวณเรือนโอสถได้

หากต้องการตั้งสำนักขึ้นในเรือนโอสถจะต้องได้รับความเห็นชอบจากหุบเขาอมตะเสียก่อน หลังจากที่หุบเขาอมตะเห็นชอบแล้วก็จะสามารถก่อสร้างเป็นอาคารห้องหอหรือสำนักสาขา ณ ภูเขาตามที่มีการระบุเอาไว้

เนื่องเพราะเหตุนี้นี่เอง บนยอดเขา ใต้หน้าผาสูงชันล้วนแล้วแต่สามารถมองเห็นบ้านเรือนห้องหอได้บ้าง

แต่ทว่า สิ่งที่ดึงดูดความสนใจผู้คนได้มากที่สุดของเรือนโอสถยังคงเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในเทือกเขา ณ ที่ตรงนั้นมองเห็นยอดเขาแต่ละลูกที่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้า โดยมีระดับสูงต่ำแตกต่างกันไป มีทั้งประเภทหน้าผาสูงชันปราดเปรื่อง มีประเภทที่ยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม และประเภทธรรมดาไม่เป็นที่สะดุดตา…

ยอดเขาแต่ละลูกที่ลอยล่องอยู่ตรงนั้นมีบันไดหินเชื่อมถึงกัน สามารถข้ามจากยอดเขาลูกหนึ่งไปยังยอดเขาอีกลูกหนึ่งได้

สิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความอลังการก็คือยอดเขาสูงสุดที่เชื่อมไปถึงจักรวาลลูกนั้น ไม่มีผู้ใดรู้ว่ายอดเขาลูกนี้สูงเท่าไร มันทะลุตรงไปยังจักรวาล เพียงแค่ระดับกลางเขาก็เริ่มจะซ่อนตัวมิดเข้าไปท่ามกลางเมฆหมอกแล้ว ทำให้ผู้คนยากจะมองเห็นได้ชัดเจน

กลุ่มภูเขาที่อลังการเช่นนี้ มีเถาวัลย์เก่าแก่ที่ทิ้งตัวห้อยลงมาจากบนท้องฟ้า ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีน้ำตกที่เทลงมาจากภูเขาสูงล้านล้านจ้างซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดนั่น น้ำตกดังกล่าวพุ่งลงมาปะทะยอดเขาหลายลูก แล้วจึงตกลงสู่พื้นดินด้านล่างโดยที่สุด กลายเป็นแม่น้ำ

หลี่ชิเย่มองดูทิวทัศน์ที่อลังการเช่นนี้อยู่ครู่ใหญ่ เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เซียนโอสถนับว่ายอดเยี่ยมจริงๆ นะเนี่ย เพื่อระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ นี้ เกรงว่าได้ทุ่มเทพลังกายใจของเขาไปชั่วชีวิต ทุกๆ ที่ล้วนแล้วแต่เป็นพื้นที่ยอดเยี่ยมทั้งสิ้น”

แม้จะกล่าวว่า หากว่ากันด้วยเรื่องกำลังของปฐมบรรพบุรุษแล้ว เซียนโอสถไม่สามารถเทียบได้กับผู้ดำรงอยู่ในฐานะผู้เฒ่ากำแหงได้ แต่ว่าธาตุแท้ภายในของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะกลับไม่ได้ด้อยไปกว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใดๆ ในแดนลัทธิพรรษเลย

สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าธาตุแท้ภายในด้านกำลังทหารของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะมีความเข้มแข็งเพียงใด แต่เป็นการบ่งบอกว่าในขณะที่สร้างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะนั้น เรียกได้ว่าเซียนโอสถนั้นได้ใช้เวลาและกำลังทั้งหมดที่มีอยู่ชั่วชีวิต ท่องไปทั่วแดนสามเซียน ค้นหาบรรดาพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์จำนวนมากมาย จากนั้นนำเอาพื้นที่เหล่านี้มาหลอมสร้างเอาไว้ภายในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ

หลี่ชิเย่ที่มองดูยอดเขาลูกที่สูงที่สุดซึ่งทะลุไปยังจักรวาลแล้ว ถึงกับเผยรอยยิ้มที่เฉยเมยและกล่าวว่า “พื้นที่ที่ยอดเยี่ยมและมีความอุดมสมบูรณ์ผืนหนึ่งนะเนี่ย ระดับความล้ำค่าของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าดินแดนต้นกำเนิดไฟแม้แต่น้อย กล่าวสำหรับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะแล้ว โดยเฉพาะสำหรับหุบเขาอมตะแล้ว คุณค่าของมันไม่สามารถประเมินได้อยู่แล้ว”

ดินแดนต้นกำเนิดไฟก็เป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์และยอดเยี่ยมผืนหนึ่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ แต่ ดินแดนต้นกำเนิดไฟนั้นเหมาะกับเผ่าไฟและหรือหมอโอสถมากกว่า แต่พื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์และยอดเยี่ยมผืนนี้ที่อยู่ตรงหน้ากลับแตกต่างกัน

พื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์และยอดเยี่ยมที่อยู่ตรงหน้าผืนนี้ได้ซ่อนความลับเอาไว้มากมาย เพียงแต่ความลับเหล่านี้ชนรุ่นหลังยากที่จะศึกษาค้นคว้ามันได้

หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยมองดูยอดเขาที่สูงที่สุดบนท้องฟ้าลูกนั้น ก้าวไปข้างหน้าช้าๆ มุ่งหน้าไปยังบริเวณที่ลึกมากขึ้นไปอีกของเรือนโอสถ และมุ่งไปยังทิศทางที่ตั้งของยอดเขาที่สูงที่สุดลูกนั้น

กลุ่มภูเขาที่ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้ามีความอลังการอย่างยิ่ง ทำให้ผู้คนบังเกิดความปรารถนาที่จะปีนขึ้นไปด้านบน โดยเฉพาะการได้ไปยืนอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดลูกนั้น มองเห็นเหล่าขุนเขาเหล่านั้นดูจะมีขนาดที่เล็กอย่างนั้น

แต่ทว่า คิดจะขึ้นไปบนยอดเขาที่ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้าเหล่านั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก โดยเฉพาะกับยอดเขาลูกที่สูงที่สุดนั่น ยากยิ่งกว่าขึ้นไปบนท้องฟ้าเสียอีก

แม้จะกล่าวว่า เริ่มต้นจากยอดเขาที่อยู่ห่างจากพื้นดินต่ำที่สุดลูกนั้นก็มีบันไดหินแต่ละขั้นที่คดเคี้ยวตรงขึ้นไปยังยอดเขาลูกที่สูงที่สุด กระทั่งไปถึงจุดที่สูงที่สุด

แต่ทว่า บันไดหินแต่ละขั้นเหล่านี้ขึ้นไปได้ยากมาก ทุกๆ ย่างก้าวก็จะกินแรงมากอย่างยิ่ง การเดินขึ้นเขาบริเวณนี้ก็คล้ายดั่งแบกเอาภูเขาหนึ่งแสนลูกไปปีนเขาอย่างนั้น ยิ่งปีนสูงขึ้นไปเท่าไรก็จะยิ่งลำบากเท่านั้น

สำหรับเรื่องอาศัยการบินเหินอย่าแม้แต่จะคิด มีผู้กล่าวไว้ว่า ต่อให้เป็นราชันแท้จริงคิดจะเหินบินอยู่ที่ยอดเขาสูงสุดก็ใช่เป็นเรื่องง่ายดาย มีเพียงระดับปฐมบรรพบุรุษเท่านั้นที่สามารถทำได้ถึงระดับที่ไปมาอย่างอิสระเสรี โดยไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

ฟังว่ากลุ่มของภูเขาเหล่านั้นที่ลอยล่องอยู่บนท้องฟ้าเหล่านั้นมีพลังที่สูงสุดสยบอยู่ที่ตรงนั้น ไม่ว่าใครก็ตามหากคิดจะปีนขึ้นไปบนนั้น ล้วนแล้วแต่ถูกสยบด้วยพลังเช่นนี้เอาไว้ ดังนั้น ที่ตรงนี้ก็ได้กลายเป็นสถานที่ที่ทดสอบผู้คนในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะที่ดีที่สุด

สำหรับเรื่องที่ว่าสถานที่แห่งนี้ได้รับการสยบด้วยพลังลักษณะเช่นใดนั้น ทุกคนไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจน มีบางคนกล่าวว่า ที่ตรงนั้นเป็นที่ที่เซียนโอสถขณะอาศัยอยู่เพื่อบรรลุธรรม และปรุงกลั่นยาเม็ดแล้วไม่ต้องการให้ใครมารบกวน ดังนั้น จึงอาศัยสุดยอดอภินิหารสยบสถานที่ตรงนี้เอาไว้ และก็มีผู้กล่าวว่า ที่ตรงนี้คือพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์และยอดเยี่ยมมาก ซึ่งเซียนโอสถไปเคลื่อนย้ายมาจากแดนลัทธิเซียน ตัวมันเองก็มีความมหัศจรรย์ที่ยอดเยี่ยมในตัวอยู่แล้ว ดังนั้น มันจึงมีพลังสยบอยู่

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ใครก็ตามหากคิดจะปีนขึ้นไปบนยอดเขาลูกนี้ก็ต้องถูกสยบโดยพลังที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง คิดจะก้าวขึ้นสวรรค์รวดเดียวนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ทำได้แค่ก้าวเดินไปตามขั้นบันไดขึ้นไปทีละก้าวๆ

ขณะที่หลี่ชิเย่มาถึงบริเวณส่วนที่ลึกเข้าไปภายในเรือนโอสถนั้น มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เริ่มต้นการปีนจากยอดเขาลูกที่อยู่ห่างจากพื้นดินน้อยที่สุด โดยเริ่มต้นจากบันไดขั้นแรก ก้าวขึ้นไปทีละขั้นๆ

เนื่องจากสถานที่แห่งนี้มีพลังที่แข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียมสยบเอาไว้ ยิ่งปีนสูงขึ้นไปมากเท่าไร ก็จะได้รับพลังสยบมากขึ้นเท่านั้น คิดจะปีนให้สูงยิ่งขึ้นไป นอกเหนือจากมีส่วนสัมพันธ์กับทักษะการฝึกของแต่ละบุคคลแล้ว ขณะเดียวกันก็มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างยิ่งกับจิตใจที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ส่วนบุคคล และจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของผู้นั้น

หลี่ชิเย่ที่มองดูนิด ยิ้มนิดหนึ่ง และเริ่มต้นการปีนจากบันไดขั้นที่หนึ่งเช่นกัน แต่ว่า หลี่ชิเย่ไม่ได้ปีนขึ้นไปให้สูงมากไปกว่านั้น หลังจากที่เขาปีนขึ้นไปบนยอดเขาหนึ่งถึงสองลูกแล้ว คนหาถ้ำหินที่อยู่บนหน้าผาสูงชันแห่งหนึ่งได้แล้ว ทำการปิดกั้นช่องว่าง แล้วนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น รวบรวมสมาธิและเข้าฌาน

หลังจากหลี่ชิเย่เข้าฌานอยู่ภายในถ้ำแล้ว บนตัวของหลี่ชิเย่ปรากฏแสงสว่างจางๆ แผ่ออกมา จากการกระเพื่อมของแสงสว่างนั้น ช่องว่าก็มีการกระเพื่อมตาม ร่างกายของหลี่ชิเย่ค่อยๆ เลือนรางขึ้นอย่างช้าๆ คล้ายดั่งเป็นการหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันกับช่องว่าง สุดท้ายร่างของเขาก็ได้หลอมละลายไปสิ้น เสมือนดั่งหิมะหรือน้ำแข็งที่หลอมละลายในน้ำอย่างนั้น

ระหว่างที่หลี่ชิเย่เข้าฌานอยู่ภายในถ้ำหินนั้น เวลาแต่ละวันที่ผ่านไป เรือนโอสถกลับกลายเป็นคึกคักอย่างยิ่ง มีจำนวนผู้บำเพ็ญตนที่ทะลักเข้ามายังเรือนโอสถมากขึ้นเรื่อยๆ แคว้นเจ้าลัทธิ สำนัก และตระกูลขุนนางโบราณส่วนใหญ่ที่อยู่ภายใต้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะก็จะส่งคนมาร่วมงาน จะอย่างไรเสียพิธีเซ่นไหว้นี้กล่าวสำหรับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะแล้วถือเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นงานที่ยิ่งใหญ่งานหนึ่ง

บรรดาศิษย์ของแคว้นเจ้าลัทธิ สำนักและตระกูลขุนนางโบราณต่างชื่นชอบที่จะได้มาอยู่ร่วมกัน กล่าวสำหรับรุ่นอาวุโสแล้วเป็นโอกาสอันดีในการสร้างความสัมพันธ์ สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่แล้ว เป็นโอกาสดีที่จะได้รู้จักและคบหาเพื่อนใหม่ๆ

ในพิธีเซ่นไหว้ครั้งนี้ เมื่อผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่มีความโดดเด่น เมื่อยามที่พวกอัจฉริยะบุคคลเหล่านี้ได้มาอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าจะก้าวเดินไปที่ใดก็สามารถดึงดูดสายตาของผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่สามารถดึงดูดผู้คนได้มากที่สุดก็คือจางเหยียน กับหูชิงหนิว

หูชิงหนิวคืออัจฉริยะบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ ฉายามือเทพ วิชาแพทย์นั้นสุดยอดหนึ่งไม่มีสอง เขาเคยกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า โลกนี้ไม่มีโรคใดๆ ที่เขารักษาให้หายไม่ได้ และไม่มีอาการบาดเจ็บที่เขารักษาไม่ได้

วิชาการแพทย์ของหูชิงหนิวนั้นฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งนัก มีผู้กล่าวเอาไว้ว่า เมื่อเทียบกับมู่หย่าหลันแห่งหุบเขาอมตะแล้วไม่มีด้อยกว่าแม้แต่น้อย กระทั่งอาจจะเหนือกว่าขั้นหนึ่งด้วยซ้ำ

แต่ว่าหูชิงหนิวนั้นแตกต่างจากมู่หย่าหลัน ในฐานะที่มู่หย่าหลันเป็นศิษย์ของหุบเขาอมตะ หัวหน้าสาขาหอร้อยรักษ์ นางเรียกได้ว่าเป็นผู้มีฝีมือการแพทย์ยอดเยี่ยมเปี่ยมด้วยความเมตตา การไปขอให้นางรักษาให้นั้นง่ายกว่ากันมากทีเดียว

ขณะที่หูชิงหนิวนั้นต่างกัน เขามีความหยิ่งยโสมาโดยตลอด หากมีผู้ไปขอให้เขารักษา น้อยครั้งมากที่เขาจะลงมือ ต่อให้เขายอมลงมือก็จะเรียกร้องค่าตอบแทนที่สูงลิ่ว

ถึงแม้ว่าหูชิงหนิวจะหยิ่งยโส และไม่สู้มีคุณธรรม แต่วิชาการแพทย์ของเขานับว่าสูงส่งยิ่ง ยังคงทำให้เขามีชื่อเสียงมากในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ ด้วยเหตุนี้เองจึงถูกยกให้เป็นหนึ่งในสามอัจฉริยะอมตะ

สามอัจฉริยะอมตะประกอบด้วยราชาพิษหวงฉวนเวย มือเทพหูชิงหนิว อีกคนก็คือตันหวังน้อยจางเหยียนแล้ว

จางเหยียนนั้นเชี่ยวชาญในเรื่องของเผยหยวนตัน เคยมีผู้กล่าวไว้ว่า ยาเม็ดเผยหยวนตันของจางเหยียนไม่เห็นจะด้อยไปกว่าคุณชายหุยชุน เสียดายตรงที่พรสวรรค์ของจางเหยียนไม่ดี ดังนั้นด้านทักษะจึงห่างชั้นกับคุณชายหุยชุนมาก และชาติกำเนิดของเขาก็ไม่สูงส่งเท่ากับคุณชายหุยชุน

ด้วยเหตุนี้เอง จางเหยียนได้แต่ถูกจัดให้อยู่ในสามอัจฉริยะอมตะ ไม่ได้จัดให้อยู่ในสามคุณชาย

จางเหยียนมีชาติกำเนิดมาจากสำนักไป่ตัน วิชาปรุงกลั่นยาเม็ดของสำนักไป่ตันนับว่ามีชื่อเสียงมากในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ กระทั่งในแดนลัทธิพรรษ กระทั่งมีผู้กล่าวเอาไว้ว่า ลำพังอาศัยวิชาปรุงกลั่นยาเม็ดเผยหยวนตัน เกรงว่าสามารถเทียบเคียงกับหุบเขาอมตะได้แล้ว

จางเหยียนถูกยกย่องว่าเป็นตันหวังน้อย แต่เขาเองไม่กล้ารับกับฉายานี้ เหตุผลนั้นง่ายมาก ระดับบรรพบุรุษที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากของสำนักไป่ตันนามฟงเซี่ยวเฉิงก็มีฉายาว่า ‘ตันหวัง’ เขาคิดว่าตนเองนั้นไม่กล้าเทียบกับบรรพบุรุษของตน ดังนั้น จึงไมกล้ารับฉายาว่า ‘เสี่ยวตันหวัง’

การมาถึงของหูชิงหนิวและจางเหยียน กลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยล้วนแล้วแต่ยินดีคบหาด้วย และมีผู้คนจำนวนมากพูดกันว่า ในเมื่อสามอัจฉริยะอมตะมาแล้วถึงสองคน เช่นนั้นแล้วราชาพิษ หวังฉวนเวยก็ต้องมาร่วมพิธีเซ่นไหวนี้เช่นกัน

“หากสามอัจฉริยะอมตะรวมตัวอยู่ด้วยกันล่ะก็ เท่ากับยอดอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะล้วนมากันแล้ว เรียกได้ว่าละลานตายิ่ง ถ้าหากคุณชายหุยชุนก็มาด้วยล่ะก็ งานยิ่งใหญ่คราวนี้ต้องเพิ่มสีสันขึ้นไม่น้อยทีเดียว” กลุ่มคนรุ่นใหม่คนหนึ่งถึงกับกล่าวด้วยความดีใจ

“ใช่เพียงแค่สามอัจฉริยะอมตะที่มารวมตัวอยู่ด้วยกันเท่านั้น บอกข่าวพวกเจ้าข่าวหนึ่ง สามอนงค์แห่งหุบเขาอมตะก็มาที่เรือนโอสถแล้ว” มีผู้บำเพ็ญตนผู้มีความไวด้านข่าวสารกล่าวขึ้นด้วยท่าทีลึกลับ

“สามอนงค์แห่งหุบเขาอมตะล้วนมาแล้วรึ?” ไม่รู้ว่ามีกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนเท่าไรพลันรู้สึกดีใจอย่างยิ่งเมื่อได้ยินข่าวนี้ ถึงกับอั้นไม่ค่อยจะอยู่

…………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *