Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1718 คิดถึงคนเก่า

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1718 คิดถึงคนเก่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1718 คิดถึงคนเก่า
ใกล้ออกเดินทาง หลี่ชิเย่ไปจากสำนักโบราณสี่เหยียน เดินเรื่อยเปื่อยไปยังทุกๆ ที่ในเก้าแดน

ระหว่างเดินเรื่อยเปื่อยในเก้าแดน หลี่ชิเย่เคยเข้าไปยังดินแดนอันตราย เพียงเพื่อต้องการดูแสงอรุโณทัย และยามอาทิตย์อัสดง ระหว่างเดินเรื่อยเปื่อยในเก้าแดน หลี่ชิเย่เคยเข้าไปยังสุสาน เพียงเพื่อต้องการเห็นดอกไม้ที่เบ่งบานและร่วงโรยรา ระหว่างเดินเรื่อยเปื่อยในเก้าแดน หลี่ชิเย่เคยเข้าไปยังความมืดมิด เพียงเพื่อต้องการเห็นใบไม้ที่ปลิดปลิว…

หลี่ชิเย่ก้าวเดินไปทีละก้าวๆ ท่องไปยังสถานที่หลายแห่ง ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ที่เขาเคยมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องมาแล้วทั้งสิ้น ที่ตรงนี้เขาเคยร่วมฝ่าความทุกข์ยากกับสหาย ที่ตรงนี้เขาเคยร่วมเป็นร่วมตายกับผู้ใต้บังคับบัญชา ที่ตรงนี้เขาเคยร่วมร้อยบทกวีและเทศนาธรรม…

ท่ามกลางเก้าแดน หลี่ชิเย่เดินเรื่อยเปื่อยที่ทะเลทรายอันกว้างใหญ่ เพียงเพื่อต้องช้อนเอาน้ำที่ใสสะอาดในแอ่งน้ำที่อุดมด้วยหญ้าเขียวขจีท่ามกลางทะเลทรายขึ้นมา หลังจากดื่มกินแล้ว มองดูคลื่นน้ำที่กระเพื่อมแผ่เป็นวงกว้างออกไป คืนนั้นเหมือนว่ากองไฟนั้นยังคงลุกโชน คืนนั้นหญิงสาวที่ปิดบังใบหน้ายังคงร่ายรำอยู่ตรงนั้น ท่วงท่าลีลาของนางช่างอ่อนช้อยงดงาม…

ท่ามกลางเก้าแดน หลี่ชิเย่เดินเรื่อยเปื่อยอยู่บนทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ไพศาล นอนอยู่บนเนินเขา หนุนอยู่กับต้นหญ้าเขียวขจีที่อ่อนนุ่ม ทอดสายตามองไปยังเมฆแต่ละก้อนที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าที่อยู่ห่างไกลออกไป เหมือนหนึ่งเป็นอาชาพันธุ์ดีแต่ละตัวที่กำลังวิ่งห้อ บนหลังม้านั้นอิสตรีที่ไม่ด้อยไปกว่าบุรุษกำลังหัวเราะร่าอย่างมีความสุข เสียงหัวเราะของนางเสมือนดั่งเสียงกระพรวนสีเงินที่ลอยล่องไปทั่วทุ่งหญ้า…

ท่ามกลางเก้าแดน หลี่ชิเย่เดินเรื่อยเปื่อยอยู่กลางสายฝนท่ามกลางความมืด ปล่อยให้เสื้อผ้าเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน ที่ตรงนี้เป็นพื้นที่อันตรายแห่งหนึ่ง ได้ยินเสียงของโครงกระดูกดังจี๊ดจี๊ดขึ้นมา มีปีศาจราตรีที่กำลังคืบคลานและแอบซุ่มอยู่ ท่ามกลางคืนฝนตกนี้ ราวกับว่าหลี่ชิเย่ได้เห็นเด็กผู้หญิงตัวน้อยกำลังก้าวไปข้างหน้าช้าๆ ไร้จุดหมาย นางช่างดื้อรั้นอะไรอย่างนั้น นางช่างไม่มีความหวาดกลัว แม้ว่าหางตายังปรากฎร่องรอยของน้ำตาอยู่ นางยังคงยืนหยัดก้าวไปข้างหน้า บนท้องฟ้าท่ามกลางคืนที่ฝนตก เสมือนหนึ่งมีอีกาตัวหนึ่งบินวนอยู่บนก้อนเมฆสีดำ มองดูเด็กผู้หญิงที่ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไรจุดหมายจากมุมสูงในระยะห่างไกล…

ก้าวเดินไปข้างหน้าผ่านสถานที่แห่งแล้วแห่งเล่า สถานที่แต่ละแห่งช่างคุ้นเคยเสียเหลือเกิน ขณะเดียวกันก็ช่างแปลกตา หลายๆ ที่แม้ว่าทิวทัศน์ยังคงเดิม แต่ ทั้งคนและสิ่งของล้วนแปรเปลี่ยนไป ยิ่งสถานที่บางแห่งด้วยแล้วดูจะวิบัติกลับตาลปัตรไปหมด ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ สูญสลายไปท่ามกลางกาลเวลา…

สถานที่ลักษณะเช่นนี้แห่งแล้วแห่งเล่า มีอีกาเพียงตัวเดียวนั่นแหละที่เคยมา เคยมีเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข เคยมีความทุกข์ยากลำบาก เคยมีคนแต่ละคนที่ยากจะลืมเลือนไปได้…

หลี่ชิเย่เข้าไปยังแดนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ยืนอยู่บนยอดเขา มองไปยังเมืองที่โดดเดี่ยวจากระยะห่างไกล มองดูภูเขาลูกใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน เขาตกอยู่ท่ามกลางความนิ่งเงียบเป็นเวลานานมาก ขณะมองดูทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า

“ลาก่อน” สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้พึมพำออกมาเบาๆ และเสียงนี้มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่ได้ยิน หลังจบคำ หลี่ชิเย่หันหลังจากไปทันที

นาทีนี้ ภายในเมืองที่โดดเดี่ยวมีคนผู้หนึ่งพลันลืมตาขึ้นในทันที นางมองดูเงาหลังของหลี่ชิเย่ที่ห่างไกลออกไป ถึงกับสั่นไหวภายในใจทีหนึ่ง ถึงกับกุมมือสองข้างเอาไว้

กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว พบกันมิสู้ไม่พบ เมื่อพบกันแล้วพันคำหมื่นวจีไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี เมื่อต้องเผชิญกับการกล่าวคำอำลา พวกเขาต่างยากที่จะเก็บซ่อนท่วงท่าความเป็นหนุ่มสาวเอาไว้ได้

หลี่ชิเย่ไปที่แดนสมุนไพรแร่ธาตุโดยไม่ได้รบกวนผู้ใด ใต้ต้นไผ่ยักษ์ต้นนั้น เขาถึงกับหนุนนอนอยู่กับต้นไผ่ยักษ์ เหมือนว่าได้หลับสนิทไปแล้วอย่างนั้น

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เขาใช้มือตบต้นไผ่ยักษ์และเอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า “ลาก่อน สหายของข้า ขอให้เจ้าคงอยู่ไม่สิ้นสลายตลอดไป ขอให้มีชีวิตอยู่เป็นนิรันดร์” สุดท้าย เขาหันหลังจากไป

เสียงต้นไผ่ยักษ์ดังซ่าซ่า เหมือนหนึ่งว่ากำลังโบกมืออำลาต่อหลี่ชิเย่อย่างนั้น พันคำหมื่นวจีล้วนแล้วแต่ปรากฎอยู่ท่ามกลางเสียงดังซ่าซ่านี้ และมีเพียงมันกับหลี่ชิเย่เท่านั้นที่เข้าใจ

หลี่ชิเย่ก้าวขึ้นไปเนินเขาสูง ที่ตรงนั้นมีศิลาจารึกโบราณตั้งอยู่ ด้านล่างของเนินเขาสูงนี้เคยมีเมืองที่เจริญรุ่งเรืองแห่งหนึ่ง เวลานี้เหลือไว้เพียงซากปรักหักพังเท่านั้น

นั่งอยู่ด้านหน้าหลุมฝังศพ มองดูเมืองที่เสื่อมโทรมตรงหน้า หลี่ชิเย่นิ่งเงียบเป็นเวลานาน เขาโกยดินขึ้นมา ปล่อยให้ดินโปรยปรายลอดออกมาระหว่างนิ้วมือของเขา และนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา

“ครั้งหนึ่ง เจ้ากับข้าเคยร่วมสร้างเมืองขนาดใหญ่ที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นที่ตรงนี้ เคยเป็นที่ตั้งของสำนักต่างๆ มากมาย เคยได้รับความเคารพนับถือของผู้คน เวลานี้คงเหลือไว้เพียงซากปรักหักพังเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาเบาๆ

สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้โกยดินขึ้นมาและโปรยลงจากที่สูง ให้มันปลิวกระจายไปยังท้องฟ้าเบื้องบนของเมืองร้างแห่งนี้ ให้มันปลิวกระจายไปไกลๆ

หลี่ชิเย่ย่างก้าวเข้าไปยังสมรภูมิรบโบราณ ที่ตรงนี้ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายศพ มองเห็นโครงกระดูกเกลื่อนอยู่ทุกที่ หลี่ชิเย่ได้ทำการกราบไหว้ด้วยธูปเทียน สุดท้ายได้เปิดเหล้าเก่าไหหนึ่งและนั่งดื่มมันเต็มที่อยู่ตรงสมรภูมิรบโบราณแห่งนั้น นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาเป็นเวลานาน

“จากลากันชั่วนิรันดร์แล้ว เหล่าพี่น้องของข้า เหล่าสหายร่วมรบของข้า บางทีอาจมีสักวันที่ข้าจะอยู่ร่วมสังสรรค์กับทุกคน” สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้นำเหล้าเก่าไหนั้นสาดพรมไปทั่วสมรภูมิรบโบราณ ให้กลิ่นเหล้าหอมฟุ้งตลบอบอวลท่ามกลางสมรภูมิรบโบราณนั่น

หลี่ชิเย่เดินไปหยุดพักกันไป เวลาเหนื่อยก็จะหนุนหัวอยู่กับภูเขาเขียวขจี มองดูเมฆที่ลอยมารวมกันและแยกจากกัน ล้าแล้วก็เดินเข้าไปในเมืองโบราณ เข้าไปดื่มเหล้าไป๋จิ่วราคาถูกๆ ที่ร้านเหล้า มองดูลูกหลานของคนรุ่นก่อนที่กำลังทำมาค้าขาย มองดูความเป็นอยู่ของพวกเขา เบื่อแล้วก็เข้าไปยังหุบเขาลึกที่เงียบสงบ มองดูบุปผาศักดิ์สิทธิ์ต้นไม้ประหลาดที่ขึ้นเจริญเติบโตเงียบๆ อยู่ตรงนั้น…

ช่วงเวลาที่ผ่านมาหลี่ชิเย่ได้ท่องไปยังสถานที่ต่างๆ มากมาย ไปมาหลายแห่งมาก ความทรงจำมากมายล้วนแล้วแต่ทยอยกันผุดขึ้นกลางใจ เคยโศกเศร้าดีใจอยู่ร่วมกันและพลัดพราก ล้วนแล้วแต่ทำให้หัวใจของเขาต้องด้านชา

ไม่นานมานี้เอง เขายังเข้าใจว่าหัวใจของตนจะไม่เต้นอีกต่อไปแล้ว ผ่านอะไรต่างๆ มามากมายเขาด้านชาเสียแล้ว และค่อยๆ เคยชินกับมัน แต่ทว่า เมื่อถึงเวลาอำลาเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ทำให้หัวใจของหลี่ชิเย่เหมือนสุดชื่นมีชีวิตชีวาขึ้นมา ภายในใจของเขายังคงไม่อยากจากไป ยังคงมีความโศกเศร้าและความสุข ยังคงมีความเจ็บปวด…

สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้กลับมายังแดนมนุษย์กษัตรา ที่ตรงนั้นน้ำในแม่น้ำกำลังไหลไปไม่ขาดสาย หลี่ชิเย่หนุนนอนอยู่กับหินผา มองดูสายน้ำสีครามที่กำลังไหลริน

เมื่อสายน้ำไหลมาถึงตรงนี้ได้เลี้ยวหักโค้งทีหนึ่ง ยามที่น้ำในแม่น้ำไหลผ่านตรงนี้ดูจะสงบและอ่อนโยนเป็นพิเศษ เหมือนเกรงว่าจะไปรบกวนคนผู้หนึ่งที่กำลังหลับฝันดีอย่างนั้น

ภายใต้ช่วงหักโค้งของสายน้ำแห่งนี้ได้ฝังร่างของเทพธิดาที่ปราดเปรื่องแห่งยุคเอาไว้ นางเคยมีชื่อเสียงที่โด่งดังมาก

หลี่ชิเย่พูดอะไรไม่ออกอยู่เป็นเวลานานขณะมองดูสายน้ำที่กำลังไหลริน ภายในใจเปี่ยมด้วยพันคำหมื่นวจี แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี ภายในใจมีคำพูดมากมายที่อยากจะพูด แต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้เป็นเวลานาน

หลังจากผ่านไปนานมาก หลี่ชิเย่ยิ้มเจื่อนๆ และเอ่ยขึ้นแผ่วเบาว่า “เจ้าเคยถามข้าว่า วันหนึ่งถ้าหากข้าสามารถมีชีวิตเป็นอมตะไม่มีวันตายจริงๆ มีชีวิตอยู่ไปกระทั่งชั่วฟ้าดินสลาย เมื่อถึงตอนนั้น ข้าจะมีความคิดเป็นเช่นใดหละ”

“บอกตามตรงนะ ถ้าหากให้ข้าต้องให้คำตอบเจ้าในเวลานี้ล่ะก็ แม้แต่ข้าเองก็ไม่รู้คำตอบเหมือนกัน” หลี่ชิเย่ถึงกับยิ้มเจื่อนๆ กล่าวว่า “พันล้านปีที่ผ่านมา ผู้คนมากมายเท่าไรที่เสาะแสวงหาความเป็นอมตะกันเล่า ทุกๆ ศักราชก็จะมีผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยเสาะแสวงหา ราชันเซียนในทุกยุคสมัยก็เคยตามหา…”

“…ครั้นคนๆ หนึ่งสามารถมีชีวิตอยู่เป็นอมตะได้จริงๆ แล้ว ทุกอย่างไม่ได้งดงามเหมือนดั่งที่จินตนาการเอาไว้ ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปอย่างที่ผู้คนบนโลกวาดฝันเอาไว้ บนโลกใบนี้ ถ้าหากสามารถมีชีวิตเป็นอมตะจริงๆ จะมีสักกี่คนที่สามารถคงความคิดดั้งเดิมเอาไว้ได้เล่า? เกรงว่าหลังจากที่เป็นอมตะแล้ว หากไม่คลุ้มคลั่งมารเข้าแทรกก็สูงส่งบริสุทธิ์ดั่งปราชญ์…”

“…เวลานี้ หากใหโอกาสข้าได้เลือกอีกครั้งล่ะก็ ข้าไม่หวังจะมีชีวิตเป็นอมตะ” หลี่ชิเย่ทอดถอนใจออกมา และกล่าวว่า “การมีชีวิตเป็นอมตะต้องแบกรับอะไรมากมายเหลือเกิน แทนที่จะมีชีวิตยืนยาวอยู่ไปเรื่อยๆ มิสู้แลกกันมันสักครั้ง เป็นก็ดี ตายก็ช่าง ล้มเหลวก็ดี สำเร็จก็ช่าง”

เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้ได้หยุดนิดหนึ่ง สุดท้ายพูดแผ่วเบาขึ้นมาว่า “ดังนั้น ชาตินี้ข้าจึงไม่กระหายที่จะได้ครอบครองหญ้าอายุวัฒนะ ขอเพียงหญ้าอายุวัฒนะไม่ตกไปอยู่ในมือของอเวจี ทั้งหมดนี้ข้าก็สบายใจแล้วหละ ข้าหวังเดินทางให้ถึงที่สุดในชาตินี้ ในชาตินี้ข้าต้องสู้รบจนถึงสุดท้ายแน่นอน สู้รบจนถึงที่สุด!”

เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ หลี่ชิเย่นิ่งเงียบขึ้นมา และสุดท้ายเขาหัวเราะอย่างสง่างาม และกล่าวว่า “แน่นอนที่สุด ชาตินี้ข้าไม่ได้ต่อสู้แบบท้อแท้ และข้าไม่ได้บอกว่าจะไปรนหาที่ตาย คุณชายตระกูลท่านไม่เคยท้อแท้ ไม่เคยมองโลกในแง่ลบ มาครั้งนี้ แม้ว่าข้าไม่คิดจะมีชีวิตอยู่เป็นอมตะอีกต่อไปแล้วก็ตาม ต่อให้ข้าพกพาความตั้งใจที่จะไม่กลับมาและต่อสู้ให้ถึงที่สุด…”

“คุณชายตระกูลท่านก็จะอาศัยท่วงท่าที่ปราศจากผู้ต่อกรกวาดรุกคืบไปข้างหน้า เหล่าเทพราชันก็ดี สวรรค์โจรก็ช่าง คุณชายตระกูลท่านจะต้องหยียบพวกเขาทั้งหมดให้จมดิน! คุณชายตระกูลท่านก่อนหน้านั้นคือผู้ปราศจากผู้ต่อกร เวลานี้ก็คือผู้ปราศจากผู้ต่อกร อนาคตก็ยังคงคือผู้ปราศจากผู้ต่อกร! คอยดูก็แล้วกัน คงมีสักวัน เหนือเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน จะต้องมีสีสันที่งดงามของข้า จะต้องมีตำนานของข้าที่ไม่มีสิ้นสลายนิจนิรันดร์!”

เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้แล้วเขาหัวเราะเสียงดังออกมา เสียงหัวเราะของเขาล่องลอยอยู่ท่ามกลางสายลม ล่องลอยไปไกลมาก

สุดท้าย หลี่ชิเย่ ได้ไปจากโค้งน้ำแห่งนี้ เขายืนอยู่บนท้องฟ้าที่สูงเด่น นาทีนี้เขามองไกลไปถึงเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ภาพของเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินล้วนแล้วแต่ถูกดวงตาทั้งสองข้างของเขาบันทึกเอาไว้ สายตาในขณะนี้ของเขาช่างลึกล้ำและรุนแรงอย่างนั้น

สุดท้าย สายตาของหลี่ชิเย่ ได้ล็อคท้องฟ้าเอาไว้ เหมือนว่าสายตาของเขาในเวลานี้ได้มองทะลุเลยไปถึงอดีตที่ยาวไกลออกไปจากปัจจุบัน ทะลุผ่านเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ทันใดนั้น เหมือนว่าสายตาของเขาจะทะลุตรงไปยังแดนที่สิบ เหมือนว่าเขาได้มองเห็นบรรดาเหล่าเทพและราชันบนเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินกำลังสลดจนหน้าถอดสี

“ข้า อีกาทมิฬจะไปเยือนแดนที่สิบอีกครั้ง!” สายตาของหลี่ชิเย่ดูเยือกเย็น กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “เหล่าเทพและราชัน พวกเจ้าเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง สรรพชีวิตในสิบสามทวีป พวกเจ้ารู้หรือยังว่ายุคใหม่กำลังจะมาถึงแล้ว? ตาเฒ่าเฉี่ยน เจ้าไตร่ตรองดีแล้วยัง จะขวางทางของข้าต่อไป หรือเลือกที่จะยืนอยู่ข้างของข้าหละ!”

“ชาตินี้ ไม่ว่าใครก็ตามหากขวางทางของข้า ฆ่าไม่มีละเว้น!” สุดท้าย สายตาของหลี่ชิเย่ที่เยือกเย็นไร้ซึ่งความปราณี สายตาที่เย็นยะเยือกน่ากลัวเสมือนหนึ่งสามารถปกคลุมแดนสิบจนกลายเป็นน้ำแข็ง แม้แต่เหล่าเทพและราชันยังต้องสั่นเทา

เวลานี้ หากมีผู้ใดในเก้าแดนมองเห็นสายตาที่น่ากลัวของหลี่ชิเย่แล้วล่ะก็ เกรงว่าสายตานี้ต้องกลายเป็นฝันร้ายของเขาไปตลอดชีวิต เกรงว่าคงไม่สามารถลืมเลือนสายตาที่น่ากลัวนี้ไปตลอดชีวิต

หลังจากผ่านไปนานมาก หลี่ชิเย่ได้ละสายตากลับมา ท้ายสุด ได้มองดูเก้าแดนอย่างลึกซึ้งอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ลาก่อน เก้าแดน ในอนาคตเก้าแดนจะไม่มีผู้คุ้มครองอีกต่อไป ได้แต่อาศัยหมื่นเผ่าพันธุ์กันเองแล้วหละ!”

สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้กลับไปถึงสำนักโบราณสี่เหยียน กล่าวกับพวกของเหมยซู่เหยาทั้งหมดว่า “ทุกคน เตรียมตัวออกเดินทางไปแดนที่สิบ ที่สมควรร่ำลาก็ไปร่ำลาเสีย ให้เวลาพวกเจ้าได้เตรียมตัวเตรียมใจ เพื่อต้อนรับการท้าทายของโลกที่ใหม่ทั้งหมด ข้างหน้ามียุคที่เจิดจรัสยิ่งกว่ารอพวกเจ้าอยู่ ข้างหน้ามีโลกที่กว้างขวางยิ่งกว่ารอพวกเจ้า”

พวกของเหมยซู่เหยาต่างสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ ในที่สุดพวกเขาก็รอคอยจนถึงวันนี้แล้ว!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *