Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1799 มองท้องฟ้าด้วยความโอหัง

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1799 มองท้องฟ้าด้วยความโอหัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1799 มองท้องฟ้าด้วยความโอหัง
ธิดาราชันฉีหลินก้าวเดินมาอย่างเชื่องช้า เป็นที่จับตามองของผู้คนจำนวนมากมาย ภายในใจของทุกคนต่างมีสิ่งที่คาดหวังจะได้รับ บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ พวกเขากระหายอย่างยิ่งที่จะได้รับการโปรดปรานจากธิดาราชันฉีหลิน กระทั่งสามารถได้รับการชม้ายมากกว่าครั้งจากธิดาราชันฉีหลิน ชีวิตนี้ก็จะไม่เสียดายอีกแล้ว

ขณะที่ธิดาราชันฉีหลินเดินเข้ามา เสิ่นจินหลงถึงกับยืดตัวตรง ทำอกผายไหล่ผึ่ง เผยรอยยิ้มจางๆ ออกมาในเวลานี้เสิ่นจินหลงได้แสดงท่าทีที่สง่างามและมีความเป็นเลิศที่สุดออกมา

แม้ว่าในขณะนี้เสิ่นจินหลงได้แสดงท่าทีที่สง่างามและมีความเป็นเลิศที่สุดของเขาออกมา แต่ว่า นาทีนี้ภายในใจของเขามีความรู้สึกตื่นเต้นดีใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เวลานี้ธิดาราชันฉีหลินมุ่งหน้าเดินมาที่เขา ด้วยท่วงท่าเพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เสิ่นจินหลงผู้ซึ่งหลงใหลเรื่องหน้าตาของตนเองได้รับความพึงพอใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ทุกคนต่างมองเห็นธิดาราชันฉีหลินที่ก้าวเดินไปข้างหน้า ทุกคนเข้าใจว่าธิดาราชันฉีหลินจะต้องเดินเข้าไปหาเสิ่นจินหลงแน่นอน

ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกอิจฉาในตัวของเสิ่นจินหลง ที่สามารถได้รับการโปรดปรานจากธิดาราชันฉีหลิน ควรจะทราบว่า บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์แม้ไม่ถึงหลักพันคน แต่อย่างน้อยที่สุดก็ต้องมีถึงหลายร้อยคน ซึ่งในนั้นมีจำนวนไม่น้อยที่เป็นระดับเจ้าสำนัก หรือกษัตริย์แห่งแคว้น ภายใต้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากมายของเขตฉีหลินที่อยู่ในเหตุการณ์ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับการทักทายจากธิดาราชันฉีหลินทีละคนๆ อย่างดีที่สุดธิดาราชันฉีหลินก็แค่พยักหน้าและเอ่ยคำขึ้นมาสักคำเท่านั้นเอง

ขณะที่เสิ่นจินหลงในเวลานี้กลับสามารถให้การต้อนรับธิดาราชันฉีหลินด้วยตนเอง สามารถพูดคุยสนทนาจากธิดาราชันฉีหลินโดยตรง ได้รับการโปรดปรานจากธิดาราชันฉีหลิน ช่างเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง ช่างเป็นสิ่งที่ผู้คนจำนวนมากใฝ่ฝันถึง

แม้ว่ายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์จะรู้สึกอิจฉา โดยเฉพาะบุรุษที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ยิ่งอิจฉาและริษยาด้วยซ้ำ แต่ว่า พวกเขาก็ต้องยอม เพราะว่ากันเรื่องชาติกำเนิด สายเลือด ทักษะยุทธ พรสวรรค์ ตัวเสิ่นจินหลงคือผู้ที่โดดเด่นและดีที่สุดในบรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด ซึ่งพวกเขาไม่อาจเทียบเคียงกับเขาได้เลย

ลองคิดดู บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนเท่าไรที่หวังจะให้ได้รับการชม้ายมองจากธิดาราชันฉีหลินมากกว่าสักครั้งยังไม่มีโอกาส ขณะที่ตนเองกลับสามารถพูดคุยกันกับธิดาราชันฉีหลินต่อหน้า กระทั่งสามารถอยู่เคียงข้างซ้ายขวาของธิดาราชันฉีหลิน ช่างเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนเท่าไรต้องอิจฉายิ่งนัก และเป็นเรื่องที่มีหน้ามีตาเช่นใด

ดังนั้น แม้ว่าภายในใจของเสิ่นจินหลงในขณะนี้จะรู้สึกตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างยิ่ง และจิตที่หลงใหลเรื่องหน้าตาของตนเองได้รับความพึงพอใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่เขาพยายามให้ท่าทางของตนเองที่แสดงออกมาเป็นท่าทีที่ผ่อนคลายและสง่างามมีความเป็นเลิศ เพื่อให้ตนนั้นดูมีราศีมากยิ่งขึ้น สามารถดึงดูดความสนใจของธิดาราชันฉีหลินกว่าเดิมอีก

ขณะที่ธิดาราชันฉีหลินเดินเข้ามาใกล้แล้วนั้น เสิ่นจินหลงถึงกับยืดอกขึ้นมา เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่สง่าผ่าเผย ดึงดูดผู้คน และบุคลิกท่าทางที่งดงามที่สุดออกมา เขากล่าวด้วยท่าที่ที่ดูสูงส่งสง่างามขึ้นว่า “ฝ่าบาทเสด็จด้วยตนเอง คือ…”

แต่แล้ว จังหวะที่เสิ่นจินหลงอาศัยท่วงท่าที่ดูสง่าผ่าเผยเป็นที่ดึงดูดใจผู้คนมากที่สุดกล่าวให้การต้อนรับ ปรากฏว่าธิดาราชันฉีหลินกลับไม่ได้หยุดการก้าวเดิน เสมือนดั่งเมฆและสายน้ำที่ไหลเคลื่อนเฉียดกายของเสิ่นจินหลงไป

การที่ธิดาราชันฉีหลินไม่ได้หยุดลงตรงหน้าของตนเอง แต่กลับเสมือนดั่งเมฆแลสายน้ำที่เคลื่อนผ่านไป พลันทำให้เสิ่นจินหลงถึงกับยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น เดิมเขาได้ตระเตรียมถ้อยคำที่สวยหรูมาเต็มที่ เวลานี้กลับใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ทั้งสิ้น แค่อ้าปากก็ต้องกลืนเอาคำพูดนั้นกลับเข้าไปในท้องทั้งหมด ซึ่งความรู้สึกเช่นนี้คล้ายดั่งกลืนเอาแมลงวันลงท้องไปตัวหนึ่งอย่างนั้น

ธิดาราชันฉีหลินก้าวผ่านหน้าเสิ่นจินหลงไป มุ่งหน้าริมหน้าผา เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ไปถึงข้างกายของหลี่ชิเย่

การมาถึงของธิดาราชันฉีหลินดุจดั่งเทพธิดานางฟ้า ทำให้เถี่ยซู่องศิษย์อาจารย์ทั้งสี่ทยอยกันคุกเข่าลงด้วยท่าทีที่สั่นเทา เอ่ยเสียงแผ่วเบาขึ้นมาว่า “ศิษย์สำนักต้นไม้เหล็กคารวะฝ่าบาท”

ในเวลานี้ เถี่ยซู่องศิษย์อาจารย์ทั้งสี่คนที่คุกเข่าก้มกราบกับพื้นต่างมีความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป กล่าวสำหรับเถี่ยซู่องแล้ว ท่ามกลางความสั่นเทายังมีความรู้สึกที่ต้องพูดออกมาจากใจว่า สำนักต้นไม้เหล็กของพวกเขานับเป็นอะไรได้ เปรียบไม่ได้กระทั่งมดปลวก ด้วยฐานะของเขาเช่นนี้ หากเป็นเมื่ออดีตไม่มีสิทธิ์แม้แต่ได้พบคารวะต่อธิดาราชันฉีหลินด้วยซ้ำ ต่อให้มีสิทธิ์ได้พบเกรงว่าคงต้องเข้าแถวอยู่ไกลออกไปเป็นร้อยลี้ คุกเข่าอยู่ท่ามกลางผู้คนจำนวนมากมายมหาศาล

เวลานี้ สำนักต้นไม้เหล็กของพวกเขากลับมีโอกาสได้พบคารวะธิดาราชันฉีหลินใกล้เพียงแค่เอื้อมเท่านั้น เป็นเพราะหลี่ชิเย่

สำหรับเฮ่อเฉินที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่นั้น ตื่นเต้นดีใจจนควบคุมตนเองไม่ได้ หลังจากที่เขาได้มองดูธิดาราชันฉีหลินครั้งหนึ่งแล้ว ก็ก้มหน้าลงต่ำตื่นแต้นดีใจจนขาทั้งสองข้างสั่นเทา

สามารถคารวะธิดาราชันฉีหลินในระยะที่ใกล้เพียงแค่เอื้อม เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดหวังมาก่อนเฉกเช่นธิดาราชันฉีหลินที่มีฐานะสูงส่งถึงเพียงนี้ เรียกได้ว่าไกลสุดที่จะเอื้อมถึง บุคคลตัวน้อยที่ไม่มีความสำคัญเช่นพวกเขาไม่มีโอกาสได้พบเห็นอยู่แล้ว เวลานี้กลับได้เห็นรูปโฉมแท้จริงของธิดาราชันฉีหลิน กล่าวสำหรับเขาแล้วถือเป็นสิ่งที่เขาสามารถนำมาใช้ในวงสนทนาได้เป็นอย่างดีตราบชั่วชีวิตของเขาแล้วหละ

หลังจากนี้เมื่อกลับไปยังสำนักต้นไม้เหล็กแล้ว เขาก็สามารถคุยโม้กับศิษย์ร่วมสำนักได้ว่า เขาก็เป็นผู้ที่ได้พบธิดาราชันฉีหลินคนหนึ่งเหมือนกัน

เมื่อเสิ่นเสี่ยวซันมองเห็นธิดาราชันฉีหลินก็รู้สึกว่ามันไม่น่าเป็นไปได้ ภายในใจของนางธิดาราชันฉีหลินไม่เพียงมีฐานะที่สูงเด่นเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นสาวงามอันดับหนึ่ง วันนี้ได้เห็นรูปโฉมที่แท้จริงของธิดาราชันฉีหลินแล้ว นางเองก็รู้สึกสลดและอับแสง

แม้ว่านางเองจะมีรูปโฉมที่งดงามเช่นกัน แต่เมื่อเปรียบกับธิดาราชันฉีหลินแล้ว เปรียบประดุจเป็นแสงหิ่งห้อยกับแสงของดวงจันทราที่อยู่กลางนภาอย่างนั้น ช่างไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึง เทียบกับรูปโฉมที่สุดยอดในหล้า ล้ำเลิศอยากจะหาผู้ใดเทียมแล้ว เสิ่นเสี่ยวซันรู้สึกละอายตัวเองเหลือเกิน นางกระทั่งรู้สึกว่าเทียบไม่ได้กับสาวใช้คนหนึ่ง

เวลานี้ ธิดาราชันฉีหลินเดินมาถึงข้างกายของหลี่ชิเย่ ก้มศีรษะคำนับและกล่าวว่า “ท่านขึ้นมาบนยอดเขาเทวะมีอารมณ์สุนทรีเช่นนี้ ไม่ทราบว่าเมิ่งหยิงควรเรียกท่านว่ากระไร?”

การที่ธิดาราชันฉีหลินก้มศีรษะแสดงคารวะและทักทายหลี่ชิเย่ พลันสร้างความตระหนกให้กับทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ หลายคนในเวลานี้ถึงกับอ้าปากค้าง และทุกคนถึงกับพูดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนเอง

ธิดาราชันคือองค์หญิงของตระกูลราชันฉีหลินเชียวเลยนะ ถือเป็นกิ่งทองใบหยกที่มีฐานะสูงส่ง ผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องการได้รับการชายตามองจากนางสักครั้งยังไม่มีโอกาส เวลานี้ หลี่ชิเย่กลับสามารถได้รับการกล่าวทักทายจากธิดาราชันฉีหลินด้วยตนเอง ช่างเป็นเรื่องที่น่าตกใจอะไรขนาดนั้น

เดิมทีเสิ่นจินหลงที่กำลังยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้นเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว พลันมีสีหน้าที่แดงและคล้ำสลับกันไปท่าทีอึดอัดยิ่งนัก ฐานะของเขาเทียบไม่ได้กระทั่งมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าคนหนึ่ง

สำหรับพวกของเฮ่อเฉินเองก็ต้องอ้าปากค้างเช่นกัน พวกเขารู้สึกหวั่นไหวจนเหม่อลอยอยู่ตรงนั้นไม่สามารถเรียกสติกลับมา พวกเขาชินชากับความยโสของหลี่ชิเย่ ชินชากับความลึกลับของหลี่ชิเย่ แต่ พวกเขาไม่นึกไม่ฝันว่าหลี่ชิเย่สามารถสูงได้ถึงเพียงนี้ สามารถทำให้ธิดาราชันฉีหลินต้องมาทักทายด้วยตนเอง หากเป็นอดีต เรื่องเช่นนี้พวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้อยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม หลี่ชิเย่กลับไม่มีปฏิกิริยากับการกล่าวทักทายของธิดาราชันฉีหลิน กระทั่งไม่เคยละสายตามองดูธิดาราชันฉีหลินสักครั้งหนึ่ง สายตาของหลี่ชิเย่ในขณะนี้ยังคงพุ่งเป้าไปที่ท้องฟ้าที่พราวพร่างด้วยดวงดาว สายตาของเขาได้กวาดมองดูดวงดาวทุกดวงที่อยู่บนท้องฟ้าครั้งแล้วครั้งเล่า

สิ่งที่หลี่ชิเย่ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องตกใจและตะลึงอย่างแท้จริงก็คือ การที่หลี่ชิเย่กระทั่งขี้คร้านจะให้ความสนใจ เป็นที่ทราบกันดีว่า พฤติกรรมเช่นนี้เป็นการกระทำที่ไร้มารยาทอย่างยิ่ง

ธิดาราชันคือใคร เป็นทายาทของเซียนหวัง ผู้สืบทอดของตระกูลราชันฉีหลิน ฐานะเช่นนี้ช่างสูงส่งเพียงใด ฐานะของนางเปี่ยมด้วยอำนาจบารมีเช่นใด มาวันนี้กลับจะต้องถูกมนุษย์ปุถุชนธรรมดาผู้หนึ่งทำเย็นชา

ภาพนี้ทำให้บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างหวั่นไหวจนอ้าปากค้าง นาทีต่อมา กระทั่งมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่บังเกิดความโกรธแค้นขึ้นภายในใจ ธิดาราชันฉีหลินคือสัญลักษณ์ของอำนาจสูงสุดของเขตฉีหลิน เวลานี้หลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นถึงกับบังอาจลบหลู่ผู้สืบทอดตระกูลราชันฉีหลินของพวกเขา สิ่งนี้ไม่สามารถให้อภัยอย่างเด็ดขาด

แม้แต่พวกของเสิ่นเสี่ยวซันก็ต้องงงงันกับภาพที่ได้เห็น เมื่อพวกเขาได้สติคืนกลับมาแล้ว พวกเขาต่างอดที่จะกังวลแทนหลี่ชิเย่ไม่ได้

โดยเฉพาะกับตัวของเถี่ยซู่อง กล่าวสำหรับเถี่ยซู่องแล้วภายในใจของเขาร้อนลุ่มยิ่งนัก ถึงกับต้องแอบอธิษฐานเบาๆ ในใจ ท่านบรรพบุรุษน้อย ชั่วดีอย่างไรก็พูดออกมาสักคำเถอะนะ ขืนยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป มิเท่ากับล่วงเกินกระทั่งตระกูลราชันฉีหลินเข้าด้วย ภายหน้ามิเท่ากับปราศจากที่ยืนในเขตฉีหลินรึ

หลี่ชิเย่ไม่สนใจเอาเสียเลย ทำให้ธิดาราชันฉีหลินก็รู้สึกตะลึงนิดหนึ่ง แต่ว่าธิดาราชันฉีหลินเป็นผู้ใดกัน พริบตาเดียวนี้เองนางก็มองออกถึงเบาะแสอะไรบางอย่าง เนื่องจากเวลานี้นางดูออกว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้วางมาด แต่เป็นเพราะเขาไม่ทันได้สังเกตถึงการมาของนางเลย สายตาของเขามุ่งอยู่บนท้องฟ้า กำลังล็อคพิกัดตำแหน่งของดวงดาวบนท้องฟ้า

พลันทำให้ธิดาราชันฉีหลินเองก็บังเกิดความแปลกใจ สายตาของนางก็พุ่งไปอยู่บนท้องฟ้านั่นเช่นกัน นางเองก็จ้องมองดูดวงดาวบนท้องฟ้า และคาดหวังจะสามารถมองเห็นเบาะแสอะไรบางอย่าง

ในเวลานี้ หลี่ชิเย่ที่ยึดครองพื้นที่อยู่ตรงนั้นโดยลำพัง โดยไม่ได้มองหน้าธิดาราชันฉีหลินแม้เพียงน้อยนิด ขณะที่ธิดาราชันฉีหลินได้แต่ยืนอยู่ตรงหน้าเงียบๆ พลันทำให้บรรยากาศทั้งหมดดูเงียบสงบ

ในเวลานี้เอง บรรดาผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้ากันและกัน เหตุการณ์โดยรวมดูประหลาดมาก เจ้าสำนักกษัตราที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนไม่น้อยต่างมองหน้ากันและกัน ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร

เวลานี้เจ้าสำนักกษัตราจำนวนมากต่างเข้าใจผิด โดยเข้าใจว่าการที่หลี่ชิเย่ไม่สนใจธิดาราชันฉีหลิน ทำให้นางหาทางลงไม่ได้ เวลานี้เหตุการณ์ดูชะงักงันไปสิ้น

ในขณะนี้ ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นใด ไม่รู้ว่าจะแก้ไขสถานการณ์และบรรยากาศเช่นนี้อย่างไร

เมื่อสถานการณ์ทั้งหมดตกอยู่ในลักษณะชะงักงัน เถี่ยซู่องถึงกับมีอารมณ์พลุ่งพล่านเหมือนอยากจะร้องไห้ เขาพยายามอธิษฐานให้หลี่ชิเย่สามารถพูดอะไรออกมาสักคำ ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไปมิทำให้ต้องผิดใจกับธิดาราชันฉีหลินรึ

ท่ามกลางบรรยากาศที่แปลกประหลาดนี้เอง เสิ่นจินหลงได้ส่งสัญญาณด้วยสายตาให้กับหลี่เทียนเหา

หลี่เทียนเหาพลันเข้าใจความหมายของเสิ่นจินหลงและก้าวออกไปทันที ร้องตวาดเสียงดังต่อหลี่ชิเย่ว่า “เจ้าหนูที่โง่เขลา เห็นองค์หญิงฝ่าบาทของพวกเราแล้ว ยังไม่รีบๆ คุกเข่าลง!”

การออกมาออกหน้าของหลี่เทียนเหาอย่างกะทันหันในนาทีนี้ พลันทำลายบรรยากาศที่ชะงักงันลง สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่หลี่เทียนเหา

ธิดาราชันฉีหลินเองก็ละสายตาจากการจ้องมองไปบนท้องฟ้า เมื่อหลี่เทียนเหาก้าวออกมาส่งเสียงดังเช่นนี้ นางขวมดคิ้วทีหนึ่ง กำลังจะปริปาก แต่ฉับพลันนั้นนางกลับได้รับการชี้แนะจากผู้มีทักษะยุทธสูงส่ง จึงได้แต่นิ่งเงียบเอาไว้

เวลานี้ หลี่เทียนเหาที่ถูกธิดาราชันฉีหลินหันมาจ้องมองทีหนึ่ง พลันทำให้หลี่เทียนเหารู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา ทันใดนั้นเขารู้สึกตื่นเต้นดีใจ จนลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง นาทีนี้เขาคิดเพียงแต่ว่าจะต้องแสดงออกให้ดี เพื่อเป็นความทรงจำให้กับธิดาราชันฉีหลิน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้ธิดาราชันฉีหลินไม่เอ่ยคำใดๆ ออกมา ทำให้หลี่เทียนเหาเข้าใจผิด คิดว่าการกระทำเช่นนี้ของเขาได้รับความเห็นชอบจากธิดาราชันฉีหลินแล้ว!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *