Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1828 แย่งมันเทศ

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1828 แย่งมันเทศ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1828 แย่งมันเทศ
เพียงชั่วครู่เท่านั้น หลี่ชิเย่กินมันเทศที่อยู่ในมือจนหมดแล้วจึงยื่นมือไปหยิบ แต่ ผู้เฒ่าพลันกันมือของหลี่ชิเย่เอาไว้ ฉวยเอากระด้งเข้ามากอดไม่ยอมให้หลี่ชิเย่ได้กินอีก

“ถึงกับต้องทำเช่นนี้เลยรึ?” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะและกล่าวว่า “แค่กินมันเทศสองหัวเท่านั้น จำเป็นต้องแย่งเลยรึ?”

“จำเป็น นี่มันเป็นอาหารของข้า ข้ายังต้องเหลือไว้สองหัวเป็นมื้อเย็น” ผู้เฒ่าไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย กอดมันเทศเอาไว้ ท่าทางเหมือนกลัวหลี่ชิเย่จะมาแย่งมันเทศของเขาอย่างนั้น ด้วยท่าทางที่เหมือนทาสที่คอยเฝ้าทรัพย์อย่างนั้น ทำให้ผู้คนอดที่จะหัวเราะไม่ได้

“อย่างน้อยที่สุดเจ้ายังมีสิ่งที่หวงห่วงอยู่บ้างนี่” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “อย่างน้อยเจ้ายังรู้จักเหลืออาหารมื้อเย็นให้กับตัวเอง ถ้าหากเจ้าไม่รู้จักเหลืออาหารมื้อเย็นให้กับตัวเองล่ะก็นั่นคือเย็นชาจริงๆ แล้ว เป็นการรอความตายแล้วจริงๆ”

“รอวันตาย ไม่ได้รออดตาย” ผู้เฒ่ากอดกระด้งไว้แน่น หยิบเอามันเทศออกมาหัวหนึ่ง แล้วเคี้ยวกินอย่างช้าๆ ไม่ปล่อยให้เหลือเอาไว้แม้เพียงน้อยนิด หวงแหนในอาหารของตนยิ่งนัก

“พูดมาก็ถูก” หลี่ชิเย่ ถึงกับนิ่งเงียบกับคำพูดเช่นนี้

การที่คนหนึ่งมีชีวิตอยู่เพื่อรอความตาย ไม่ได้หมายความว่าต้องให้ตัวเองอดตาย ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้าต่อให้ต้องอดก็อดไม่ตาย ด้านหนึ่งต้องให้ตัวเองมีชีวิตอยู่ต่อไป อีกด้านหนึ่งก็รอความตายมาเยือน ช่างเป็นวันเวลาที่จนด้วยเกล้าจริงๆ

“การมีชีวิตอยู่บนโลก ที่เจ็บปวดมากที่สุดไม่มีอะไรเกินกว่าทั้งที่กำลังรอความตายอยู่ แต่กลับยาวไกลโดยไม่มีกำหนด” หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ หลี่ชิเย่ถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ

“หรือว่าเจ้าเองไม่เจ็บปวดรึ?” ผู้เฒ่าเงยหน้าขึ้นมามองดูหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ลงมือฝังคนที่ตัวเองใส่ใจ คนทีตัวเองรัก คนที่รักตัวเรา…กระทั่งเรียกว่าทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลก แต่จะไม่พบหน้าตลอดไป ข้าแค่รอฝังตัวเองเท่านั้นเอง เจ้ากลับฝังไปมากมายเหลือเกิน”

คำพูดของผู้เฒ่าทำให้หลี่ชิเย่ถึงกับนิ่งเงียบ ผู้เฒ่าพูดถูกแล้ว เพียงแต่เขาเจ็บปวดจนด้านชาเสียแล้ว

“มีคนไหนที่ไม่ใช่เช่นนี้กันเล่า? จอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดน ล้วนแล้วแต่เคยฝังคนที่อยู่ข้างกายของตน เว้นแต่ว่าพวกเขาจะตายเร็วกว่าคนที่อยู่ข้างกาย มิฉะนั้นล่ะก็ ต่อให้ปลีกตัวเข้าไปอยู่ในแดนแห่งการสืบค้นแล้ว ยังคงหนีไม่พ้น” หลี่ชิเย่ทอดถอนใจเบาๆ ทีหนึ่ง จากนั้นเงยหน้าขึ้นมา มองดูผู้เฒ่าแล้วกล่าวว่า “หรือว่านี่ก็คือสาเหตุที่เจ้าก้าวเดินบนเส้นทางเส้นนี้อย่างนั้นรึ?”

“ไม่ใช่” ผู้เฒ่าตอบปฏิเสธคำพูดของหลี่ชิเย่ทันควัน นั่งกินมันเทศอย่างช้าๆ และกล่าวว่า “แค่อยากจะเดินดูเท่านั้น มันมองทุกอย่างเฉยเมยขึ้นมากะทันหัน ที่พึ่งพิงสุดท้ายก็คือความตาย”

“สามารถปล่อยวางได้ก็เป็นเรื่องดี” หลี่ชิเย่ถึงกับทอดถอนใจเบาๆ จากนั้น ยื่นมือออกไปขอแบ่งมันเทศจากผู้เฒ่า กล่าวว่า “มา ขอข้าหัวหนึ่ง”

“ไม่ให้” ผู้เฒ่ากล่าวปฏิเสธทันควัน

“ไม่ให้ก็ต้องให้” หลี่ชิเย่ไม่พูดมากความ ลงมือเข้าแย่งทันที ขณะที่ผู้เฒ่าป้องกันกระด้งอย่างเต็มที่ ไม่ยอมให้หลี่ชิเย่อย่างเด็ดขาด

ในเวลานี้ พวกเขาทั้งสองคนเสมือนหนึ่งเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคู่หนึ่งอย่างนั้น อาศัยเรี่ยวแรงเข้ายื้อแย่งสิ่งของกัน ทั้งสองคนถึงกับกลิ้งคลุกอยู่บนพื้น หลี่ชิเย่ต้องการแย่งหัวหนึ่งมาให้จงได้ ขณะที่ผู้เฒ่าถึงตายก็จะไม่ยอมให้

ถ้าหากมีบุคคลภายนอกได้เห็นภาพนี้เข้าล่ะก็ รับรองว่าต้องอ้าปากค้างแน่นอน คนหนึ่งคือมือมืดที่บงการเก้าแดนอยู่เบื้องหลัง คนหนึ่งคือผู้ราชันเซียนที่เคยยิ่งใหญ่ในเก้าแดน เพื่อหัวมันหัวหนึ่งแล้วถึงกับเยื้อแย่งกันเหมือนอันธพาล

“เจ้ายังเป็นคนอีกรึ? ตาเฒ่าแปดสิบอย่างข้าปลูกมันเทศไม่กี่หัวเอาไว้คลายหิว เจ้าถึงกับแย่งเอาอาหารของข้าไป เจ้ายังจะมีหน้ายกย่องตัวเองว่าเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของราชันเซียนอย่างนั้นรึ? ผู้เฒ่าถึงตายก็ไม่ยอม ร้องเสียงแหลมออกมา ท่าทางดูน่าสงสารยิ่งนัก

อย่างไรเสีย หลี่ชิเย่ได้เปรียบด้านหนุ่มแน่นและพละกำลัง สุดท้ายแย่งเอามันเทศมาจากมือผู้เฒ่าได้หัวหนึ่ง และใช้เท้าถีบเข้าให้ทีหนึ่งโดยไม่เกรงใจ หัวเราะเยาะและด่าออกไปว่า “ไร้สาระ ข้าปีนเขามาหลายสิบลูก ไม่ง่ายนักกว่าจะมาถึงที่ที่ปราศจากผู้คนเช่นนี้ แม้แต่น้ำสักหยดก็ยังไม่ได้ดื่ม ไม่ต้องพูดถึงน้ำชาเซียนสักกาหนึ่งเลย! เวลานี้แค่แย่งมันเทศเจ้าสักหัวจะเป็นไรไป!”

“เจ้าลูกเต่า…” ผู้เฒ่ากอดกระด้งเอาไว้ จ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ ด่าตะพึดตะพือออกมา

“เจ้าพูดถูกแล้ว เต่านี่หมื่นปีก็ไม่ตาย” หลี่ชิเย่ปอกเปลือกมันเทศออก กินด้วยท่าทีเอ้อระเหยและกล่าวว่า “ข้าหน่ะมีชีวิตอยู่มานานกว่าเจ้า ถ้าหากข้าเป็นเต่าก็คือเต่าเฒ่าหมื่นปี ส่วนเจ้าก็คือเต่าเฒ่าพันปี!”

“เจ้าอ้างความอาวุโสกับข้าให้มันน้อยๆ หน่อย” ผู้เฒ่าเถียงไม่ตกฟาก กล่าวว่า “ข้าเป็นคนแก่ที่อายุมากจะแย่อยู่แล้ว อรุณรุ่งต้องไปทำงาน อาทิตย์อัสดงจึงได้พักผ่อน หาปลูกเสบียงได้น้อยนิดด้วยความยากลำบาก เจ้าก็ยังจะแย่งเอาไปอีก…”

“ถูกต้อง ข้าอยากรอดูเจ้าอดตาย” หลี่ชิเย่จัดการกินมันเทศที่อยู่ในมือหัวนั้นจนหมดในชั่วพริบตาเดียว กล่าวว่า “จะอย่างไรเสียเจ้าก็เป็นคนที่รอความตายอยู่แล้ว การอดอาหารตายก็เป็นวิธีการตายที่ไม่เลวนัก”

“ไร้สาระอย่างกับตดหมา…” ผู้เฒ่าจ้องตาเขม็ง พูดเยาะเย้ยและด่าออกมา

“เฮ่อ พูดจาควรจะให้มันสุภาพหน่อย ชั่วดีอย่างไรเจ้าก็เป็นถึงราชันเซียนคนหนึ่ง อีกอย่าง ข้าก็แค่กินมันเทศของเจ้าไปไม่กี่หัวเท่านั้นเอง ต้องทำตื่นเต้นขนาดนี้เลยรึ?” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ขณะที่เจ้ายังหนุ่มแน่น เรียกได้ว่าใช้เงินอย่างกับเบี้ย ตัวเจ้าในครั้งนั้นเมือเติบขนาดไหน เรียกได้ว่าผลาญเงินจนสิ้น ตัวเจ้าในครั้งนั้นช่างมีบุคลิกลักษณะอันห้าวหาญมือเติบ พลันที่ควักออกมาก็คือทองคำล้านตำลึง”

“ตอนนั้นคือตอนนั้น ตอนนี้คือตอนนี้” ผู้เฒ่ากล่าวเฉยเมยว่า “ระหว่างในกระเป๋าเจ้ามีทองคำหนึ่งล้าน กับในกระเป๋ามีอาหารอยู่หนึ่ง เจ้าคิดว่าเจ้าจะเอาทองคำหนึ่งล้านแจกให้กับผู้คน หรือเอาอาหารนั่นแจกให้กับผู้คน?”

“เหมือนพูดมีเหตุผลดีมาก” หลี่ชิเย่หัวเราะออกมา จากนั้น ยื่นมือออกไปอีก กล่าวว่า “กินจนอิ่มได้แปดส่วนแล้ว เอามาอีกหัวหนึ่งซิ”

“อย่าฝันไปเลย” ผู้เฒ่าปฏิเสธทันที และกอดกระด้งของตนเอาไว้แน่น

“ไม่ให้ก็ต้องให้” หลี่ชิเย่ไหนเลยจะสนใจว่าเขาจะให้หรือไม่ให้ ลงมือแย่งทันที ผู้เฒ่ากอดเอาไว้แน่น แต่ ยังคงสู้แรงหลี่ชิเย่ที่หนุ่มแน่นกว่า สุดท้ายต้องปล่อยให้หลี่ชิเย่แย่งเอามันเทศไปได้หัวหนึ่ง

หลี่ชิเย่จัดการกินจนหมดอย่างรวดเร็ว ทำท่าตบท้องทีหนึ่ง ยิ้มกล่าวว่า “พอทน แม้ว่าจะไม่ได้ดื่มน้ำชาเซียน ได้กินมันเทศไปหลายหัวก็ยังดี ไม่อย่างนั้นล่ะก็เหนื่อยเปล่าแน่”

“ข้าไม่ได้เชิญให้เจ้ามาสักหน่อย” ผู้เฒ่ากล่าวโดยไม่เกรงใจ

หลี่ชิเย่ก็ไม่ได้ใส่ใจ กล่าวท่าทีเอ้อระเหยว่า “ข้ารู้ เจ้าหน่ะไม่ได้เชื้อเชิญให้ข้ามา แต่ว่า กลิ่นตุตุที่กระทั่งเทวดาหรือผียังรังเกียจสามารถได้กลิ่นกันทั่วชิงโจว ข้าเพิ่งจะมาถึงชิงโจวก็ได้กลิ่นตุตุที่เทวดาและผียังต้องรักเกียจแล้ว ดังนั้น จึงมาที่นี่เพื่อแย่งอาหารของเจ้า!”

“อาจารย์ที่ปรึกษาราชันเซียนอะไร แค่โจรอันธพาลคนหนึ่งเท่านั้นเอง” ผู้เฒ่าไม่พอใจต่อหลี่ชิเย่เป็นอันมาก ด่าตะพึดตะพือออกมา

“เจ้าพูดถูกแล้ว” หลี่ชิเย่หัวเราะเสียงดัง และกล่าวว่า “ข้าก็คือโจรอันธพาลคนหนึ่ง แย่งชิงตั้งแต่เก้าแดนยันแดนที่สิบ ขอเพียงเป็นสิ่งที่ข้าหลี่ชิเย่ต้องการ ไม่ให้ก็แย่งชิงเอา มันต้องเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว!”

ผู้เฒ่าได้แต่จ้องมองหลี่ชิเย่ ไม่ว่าใครก็ต้องจนปัญญาสำหรับอันธพาลเช่นนี้ ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดนก็เช่นนี้

หลังจากที่หลี่ชิเย่กินมันเทศหัวนี้หมดแล้วก็ไม่ไปแย่งกับผู้เฒ่านี้อีก เขายิ้มกล่าวว่า “ไม่ต้องทำไม่พอใจขนาดนี้ก็ได้ พันล้านปีข้าจึงมาหาเจ้าสักครั้ง ต่อให้ข้าแย่งมันเทศของเจ้าเพิ่มขึ้นสองหัวก็คือพันล้านปีแย่งเจ้าสักครั้งหนึ่ง หลังจากครั้งนี้แล้ว ข้าจะไสหัวไปทันทีอยู่แล้ว”

“ทางที่ดีไสหัวไปตอนนี้เลย” ผู้เฒ่าไม่ได้คิดที่จะรั้งเขาเอาไว้เลย

“ไม่รีบ ไม่ต้องรีบ” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเอ้อระเหยว่า “รักษาบุคลิกภาพหน่อยดีมั้ย ชั่วดีอย่างไรเจ้าก็เป็นราชันเซียนคนหนึ่ง ครั้งนั้นขณะอยู่ที่เก้าแดน เจ้าเองก็นับว่าเป็นผู้มีบุคลิกที่สง่างามคล่องแคล่วว่องไว นับว่าเป็นหนุ่มรูปงามที่ทำให้หญิงสาวต้องหลงใหลเป็นหมื่นพัน แม้ว่าเวลานี้จะกลับกลายเป็นตาเฒ่าไปแล้ว แต่คงไม่ถึงกับต้องแปรเปลี่ยนไปเหมือนทาสที่เฝ้าสมบัติขนาดนั้นกระมัง”

ผู้เฒ่ากอดกระด้งเอาไว้ไม่ยอมพูดอะไร เข้าปกป้องมันเทศที่ยังคงเหลืออยู่สองหัวเพียงลำพัง เขาตั้งใจเก็บมันเอาไว้เป็นอาหารมื้อเย็นนะเนี่ย

“ถ้าหากไม่เป็นเพราะกลิ่นตุๆ ที่กระทั่งเทวดาหรือผียังรังเกียจของเจ้ายังคงอยู่ ข้าเกือบจะมองไม่ออกว่าตาเฒ่าเช่นเจ้าก็คือราชันเซียนที่เย้ยหยันใต้หล้าคนนั้นแล้วหละ” หลี่ชิเย่ที่มองเห็นท่าทางของผู้เฒ่า อดที่จะกล่าวด้วยความรู้สึกปลงอนิจจังไม่ได้

ผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้าคือราชันเซียนที่ปราศจากผู้ต่อกรองค์หนึ่ง ขณะที่เขายังอยู่ในวัยหนุ่มเรียกได้ว่ารูปงามมีบุคลิกลักษณะอันอาจหาญ โดยเฉพาะหลังจากที่ได้กลายเป็นราชันเซียนแล้ว ยิ่งทำให้เทพธิดา มารฟ้าต้องเคลิบเคลิ้มหลงไหล เคยแต่งงานกับสาวงามอันดับหนึ่ง

หลังจากที่เขามาถึงแดนที่สิบแล้ว เคยเย้ยหยันต่อสถานการณ์ บุคลิกราชันสุดจะหาใดเทียม เขาได้แต่งงานกับสาวงามอันดับหนึ่งของเผ่ามารฟ้าในยุคนั้นเป็นภรรยา

เวลาคล้อยเคลื่อน กาลเวลาอันยาวนานได้ผ่านไป ราชันเซียนเก้าแดนที่บุคลิกราชันสุดจะหาใดเทียม กลับกลายเป็นผู้เฒ่าที่กะปลกกะเปลี้ย กระทั่งอาหารการกินสามมื้อยังไม่ต่อเนื่อง

“สังขารจะอย่างไรเสียก็ทนต่อกาลเวลาที่ไหลผ่านไปไม่ได้” ผู้เฒ่าดูเรียบเฉยมาก กระทั่งดูเหมือนพูดด้วยท่าทีเหมือนมีลมหายใจแต่ปราศจากเรี่ยวแรง เหมือนว่าอดจนร่างกายย่ำแย่กินไม่อิ่มอย่างนั้น

แน่นอนที่สุด ใช่ว่าสังขารจะทนต่อกาลเวลาที่ไหลผ่านไปไม่ได้ ในฐานะที่เป็นราชันเซียนปราศจากผู้ต่อกร เขาสามารถอาศัยบุคลิกราชันยากจะหาใดเทียม และอานุภาพราชันเซียนมาสยบเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน เพียงแต่ผู้เฒ่าละทิ้งสังขารของตนไปเท่านั้น

“ถ้าหากข้าจะพูดอะไรกับเจ้าสักคำ ข้าอยากจะบอกว่า การมีชีวิตอยู่ช่างดีจริงๆ” สุดท้าย หลี่ชิเย่มองดูผู้เฒ่าแล้วเอ่ยขึ้นมาช้าๆ

ผู้เฒ่ายังคงกอดกระด้งเอาไว้ไม่ยอมปล่อยมือ เขาเงยหน้าขึ้นมา มองดูหลี่ชิเย่อย่างจริงจัง สุดท้าย กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “เจ้าคิดว่าการมีชีวิตอยู่ดีจริงรึ?” ผู้เฒ่าที่สายตาพร่ามัวแต่จริงจังยิ่ง ทำให้หลี่ชิเย่ต้องนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง สุดท้าย เขาพยักหน้าอย่างจริงจัง และกล่าวว่า “ท่ามกลางกาลเวลาที่ยาวนานมีความเจ็บปวดอยู่มากมาย และมีเรื่องที่จนด้วยเกล้ามากมาย แต่ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ข้ายังคงจะมีชีวิตอยู่ต่อไป อย่างน้อยที่สุดข้ายังไม่บรรลุเป้าหมายของข้าให้เป็นจริง ข้ายึดติดอยู่กับการแสวงหามาชั่วชีวิตของข้า ข้าจะไม่ยอมละทิ้ง ดังนั้น ข้าจะต้องมีชีวติอยู่ต่อไปเรื่อยๆ!”

“สู้รบจนถึงที่สุด” ผู้เฒ่ากอดกระด้งล่าว

หลี่ชิเย่พยักหน้า และกล่าวด้วยท่าทีจริงจังว่า “ถูกต้อง สู้รบจนถึงที่สุด หากไม่ได้สู้รบจนถึงที่สุดข้าจะไม่มีวันตาย ไม่ว่าใครคิดจะให้ข้าตาย ข้าก็จะไม่ตาย ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ว่าการมีชีวิตอยู่จะเป็นการทรมานอย่างหนึ่งหรือไม่ก็ตาม!”

“มีเป้าหมายคือความเยี่ยมยอด มีความใฝ่ฝันจึงจะตื่นเต้น” ตาที่พร่ามัวของผู้เฒ่าคู่นั้นมองออกไปข้างนอก เขาพูดออกมาโดยที่ไม่รู้เหมือนกันว่าสามารถมองเห็นทิวทัศน์ข้างนอกได้อย่างชัดเจนหรือไม่

“ความใฝ่ฝัน ใครก็สามารถมีได้” หลี่ชิเย่กล่าว

“เจ้าจะยุให้ข้าไปสู้รบครั้งสุดท้ายรึ?” ผู้เฒ่าได้ละสายตาที่พร่ามัวนั้นกลับมา และกล่าวว่า “เสียดาย เกรงว่าเจ้าคงมาเสียเที่ยวแล้วหละ ข้าคือผู้ที่แม้กระทั่งเทวดาและผียังต้องรังเกียจ ข้าที่เหมือนดั่งคนเป็นที่ตายแล้ว แม้แต่ประตูนั้นยังก้าวเข้าไปไม่ได้ สมรภูมิรบจึงไม่ได้เปิดไว้เพื่อข้า ไม่ว่าใครก็ตามเมื่อพบเห็นข้าแล้ว เกรงว่าคงต้องหลีกลี้หนีไปแออยู่ไกลๆ หากไม่เป็นเช่นนั้น ข้าก็จะติดตามไปสู้รบสักครั้งหนึ่ง!”

“ช่างเถอะ ถ้าหากไปกับเจ้ามิทำให้ทุกคนกลับกลายเป็นมีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรงไปสิ้น” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ข้าก็จะไม่มายุให้เจ้าไปทำการสู้รบครั้งสุดท้ายอะไรนั่น เจ้าเองก็สู้ไม่ไหว”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *