Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2200 ภัยมาถึง

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2200 ภัยมาถึง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

การที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวช่วยเหลือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงผ่านพ้นวิกฤตอย่างเต็มกำลังนั้นมีเหตุผลอยู่ เบื้องหลังของเรื่องนี้ต้องไล่ย้อนกลับไปถึงราชันแท้จริงเต้าเจี่ยของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิว

ความจริงแล้ว ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่เก่าแก่โบราณยิ่ง เพียงแต่ภายหลังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวได้ก้าวสู่การล่มสลาย สุดท้ายหลังจากที่ต้นกำเนิดสัจธรรมอ่อนแรงแล้ว ทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวเหลือไว้เพียงชื่อเท่านั้น สำนักและตระกลูขุนนางโบราณทั้งหมดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวไม่ก็ก้าวสู่การล่มสลาย หรือไม่ก็ต้องย้ายออกจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิว

สุดท้าย แม้ว่าพื้นที่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวนับพันลี้ยังคงอยู่ แต่ก็ได้กลับกลายเป็นพื้นที่รกร้าง ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวที่ใหญ่โตยิ่งไม่หลงเหลือผู้คนอีกต่อไป ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวโดยรวมไม่เหมาะที่จะเป็นที่ที่ฝึกอีกต่อไป

กระทั่งท้ายสุด การปรากฏตัวของราชันแท้จริงเต้าเจี่ย ซึ่งราชันแท้จริงเต้าเจี่ยเดิมเป็นเพียงศิษย์ธรรมดาคนหนึ่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเท่านั้น ภายหลัง ด้วยความมหัศจรรย์โดยแท้ราชันแท้จริงเต้าเจี่ยได้ครอบครอง ‘คัมภีร์ฟู่หนิว’ ซึ่งเป็นคัมภีร์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิว

ด้วยเหตุนี้เอง ศิษย์ธรรมดาผู้นี้ได้ไปจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ก้าวสู่เส้นทางฝึก ‘คัมภีร์ฟู่หนิว’ ด้วยตนเอง สุดท้ายได้กลายเป็นราชันแท้จริงที่ปราศจากผู้ต่อกรแห่งยุค และทำการปลุกต้นกำเนิดสัจธรรมที่อ่อนกำลังแล้วของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวขึ้นมา และสร้างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวขึ้นใหม่

หลังจากนั้นเป็นต้นมา ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง กลายเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่มีชื่อเสียงโด่งดังของแดนลัทธิพรรษ

แม้ว่าราชันแท้จริงเต้าเจี่ยได้ปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวแล้ว แต่ยังคงนึกถึงความสัมพันธ์เก่าก่อนอย่างยิ่ง ทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวและระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงร่วมเป็นพันธมิตรกัน และทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงกับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวมีความสนิทสนมดั่งพี่น้อง

ด้วยเหตุนี้เอง หลังจากกระแสดูดเลือดทื่รุนแรงได้สิ้นสุดลงแล้ว ซิวหลอจ้านเทียนได้จัดการศิษย์ทรยศ และบรรลุข้อตกลงกับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเป็นจำนวนมาก ซึ่งเบื้องหลังของเรื่องนี้เป็นผลจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวที่คอยประสานไกล่เกลี่ยให้

ด้วยสาเหตุนี้เอง เมื่อหลี่เชียนเห็นฟู่หนิวหมิงจู่จึงมีท่าทีดูเคารพนอบน้อมยิ่งนัก

หลี่เชียนถึงกับขมวดคิ้วทีหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดของฟู่หนิวหมิงจู่ ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ขออภัยที่หลี่เชียนโง่เขลา ไม่เข้าใจว่าคำพูดของหมิงจู่หมายความว่าอย่างไร”

ฟู่หนิวหมิงจู่จ้องมองดูหลี่เชียน แล้วเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “สามเทพเลือดกำแหง ทำร้ายศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิต่างๆ ที่อยู่ในแดนลัทธิพรรษเป็นหมื่น พวกเราตามล่าพวกเขามาถึงที่นี่ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้ข้าไปบรรยายให้มากความกระมัง”

สีหน้าของหลี่เชียนเปลี่ยนไปมากทีเดียวเมื่อได้ยินคำพูดของฟู่หนิวหมิงจู่ การที่สามเทพเลือดกำแหงทำเรื่องใหญ่เช่นนี้ขึ้นมา เท่ากับจับเอาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงไปปิ้งบนเตาไฟ อีกทั้งมาคราวนี้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงต้องเป็นแพะรับบาปแน่นอนแล้ว

“คืนชีวิตศิษย์พรรคหยางหมิงแปดพันชีวิตของข้ามา” ในฐานะที่เป็นบรรพบุรุษของพรรคหยางหมิง นักบวชหยางหมิงก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง และตวาดเสียงดังขึ้นมา

เทพหมื่นกรก็ตวาดเสียงดังว่า “ศิษย์ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงพวกเราสามหมื่นชีวิต พวกเจ้าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจะต้องชดใช้หนี้เลือด”

“ชีวิตของศิษย์จูเซียงหวู่ถิงหกพันชีวิตไม่อาจสูญเสียไปฟรีๆ เช่นนี้” บรรพบุรุษจูเซียงหวู่ถิงอีกคนก็ร้องตวาดขึ้นมา

……

เวลานี้ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิแต่ละแห่งต่างเข้ามาทวงหนี้ ทั้งยังเป็นหนี้เลือด เป็นหนี้ชีวิต หลี่เชียนถึงกับต้องปวดหัว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับบรรดาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิต่างๆ เหล่านี้ที่ตวาดใส่

ที่แท้การที่สามเทพเลือดกำแหงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งนั้น พวกเขาได้ดูดกินอย่างอิ่มหนำสำราญอยู่ข้างนอกมาครั้งหนึ่ง ด้วยการดูดกลืนเลือดสดๆ ไปเป็นปริมาณมาก เพื่อฟื้นคืนพลังลมปราณของพวกเขา ทำให้พวกเขากลับคืนสู่ลักษณะสูงสุดยอดอีกครั้ง

เดิมการปรากฏตัวของสามเทพเลือดกำแหงอีกครั้งคือต้องการทำการใหญ่อีกครั้ง ดังนั้น หลังจากที่พวกเขาได้ดื่มเลือดจนอิ่มหนำสำราญแล้ว ก็คือมุ่งหน้ากลับมาที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง

ขณะที่พรรคหยางหมิงต้องสูญเสียศิษย์เป็นจำนวนมากเช่นนี้ ด้วยความโกรธแค้น เมื่อสามเทพเลือดกำแหงหลบหนีกลับไปยังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ดังนั้น พวกเขาจึงได้จัดตั้งกองทัพพันธมิตรไล่ติดตามเข้ามา พวกเขาอาศัยร่องรอยที่สามเทพเลือดกำแหงทิ้งเอาไว้กำหนดตำแหน่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง สุดท้ายหักหาญโจมตีเข้ามาด้วยการทำลายท้องฟ้า และมาถึงเหนือท้องฟ้าของราชสำนัก

มาคราวนี้ บรรดาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนมากของแดนลัทธิพรรษก็ต้องการทำการใหญ่เช่นกัน ดังนั้นจึงได้มุ่งหน้าตรงเข้ามาโจมตีถึงราชสำนักโดยตรง เป้าหมายของพวกเขาต้องการยับยั้งต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง จากนั้นค่อยไปคิดบัญชีกับสามเทพเลือดกำแหง

หลี่เชียนถึงกับปวดหัว เมื่อมองเห็นเจ้าหนี้แต่ละรายที่มาทวงหนี้เลือดถึงที่ เขามองสบตากับผู้พิทักษ์คนอื่นๆ ทีหนึ่ง

ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตาม เวลานี้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงของพวกเขาก็เป็นฝ่ายผิด อีกทั้งพวกเขาหนีไม่พ้นฐานะแพะรับบาปของสามเทพเลือดกำแหงได้อยู่แล้ว ถ้าหากวันนี้พวกเขาไม่สามารถให้คำตอบที่พอใจกับบรรดาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนมากที่เป็นกองทัพพันธมิตรล่ะก็ ฝ่ายตรงข้ามจะไม่ยอมเลิกราแต่โดยดีอย่างเด็ดขาด และพวกเขาก็จะไม่ถอนทหารเช่นนี้อยู่แล้ว

หลี่เชียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง แสดงคารวะแบบจีนต่อพวกของฟู่หนิวหมิงจู่และกล่าวว่า “ไม่ขอปิดบังทุกท่าน สามเทพเลือดกำแหงได้ถูกบรรพบุรุษพวกเราสังหารไปแล้ว”

วันนั้น หลังจากหลี่ชิเย่อาศัยเพียงกระบี่เดียวสังหารเทพแท้จริงเทียนเต๋อแล้ว ก็ได้อาศัยหนึ่งกระบี่นั้นโจมตีจนสามเทพเลือดกำแหงกลายเป็นหมอกเลือดไป ไม่มีโอกาสแม้กระทั่งจะขัดขืน

“พูดไปเรื่อยเปื่อย ใครจะไปรู้ว่าคำพูดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงพวกเจ้าจริงหรือเท็จ” เทพหมื่นกรกล่าวเย็นชาขึ้นมา

“ถูกต้อง วันนี้ไม่ก็มอบสามเทพเลือดกำแหงออกมา ไม่ก็ให้พวกเราได้ยึดครองต้นกำเนิดสัจธรรมของพวกเจ้าไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที มิฉะนั้นแล้วก็ทำลายล้างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงพวกเจ้าเสีย” ระดับบรรพบุรุษผู้หนึ่งร้องท้าทายออกมา

“ครั้งนั้น พรรคมารอาละวาดทั่วแผ่นดิน มาวันนี้พวกเจ้าปกป้องสามเทพเลือดกำแหงอีกครั้ง วันหน้าหากพรรคมารผงาดขึ้นมาอีก จะต้องเป็นภัยต่อแดนลัทธิพรรษแน่นอน วันนี้สมควรกำจัดเสีย” บรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิขนาดใหญ่อีกคนได้กล่าวขึ้น

“ถูกต้อง ขจัดสิ้นพรรคมาร คืนความสงบสุขให้กับแดนลัทธิพรรษ” เวลานี้อารมณ์ของทุกคนฮึกเหิม ยอดฝีมือหลายพันคนของทัพพันธมิตรได้ร้องกล่าวเสียงดังขึ้นมา

ความจริงแล้วกองทัพพันธมิตรในวันนี้ของพวกเขาแล้ว พวกเขาข้ามท้องฟ้าที่พร่าวพราวไปด้วยดวงดาวมาไกลเป็นล้านล้านลี้ พวกเขาจะไม่ยอมกลับไปมือเปล่าอย่างแน่นอน กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว พวกเขาไม่เพียงต้องการสังหารสามเทพเลือดกำแหงเพื่อล้างแค้นให้กับศิษย์ที่ต้องตายไปเท่านั้น พวกเขากระทั่งต้องการยึดครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ทำการกวาดล้างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงให้สิ้น เพื่อป้องกันกระแสดูดเลือดในครั้งนั้นเข้าครอบคลุมแดนลัทธิพรรษอีกครั้งหนึ่ง

“หนี้เลือดต้องล้างด้วยเลือด ฆ่า!” เวลานี้เทพหมื่นกรคำรามเสียงดัง นำเดี่ยวบุกเข้าสังหารอีกครั้ง

ฆ่า…ทันใดนั้นเอง เสียงร้องฆ่าดังก้องไปทั่วฟ้าดิน กองทัพพันธมิตรดั่งคลื่นที่บ้าคลั่งได้ทำการบุกโจมตีเข้าไปอีกครั้ง เสมือนดั่งเป็นน้ำหลากเหล็กกล้าอย่างนั้น ด้วยท่าทีดุดันยากจะขัดขวาง

ฆ่า…หลี่เชียนเองก็ไม่มีทางเลือก เมื่อเผชิญกับทหารฝ่ายข้าศึกที่บุกโจมตีเข้ามา ได้แต่คำรามเสียงยาวออกนำทัพด้วยตนเอง นำพาศิษย์ทั้งหมดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงบุกเข้าไปหา

แม้จะกล่าวว่าเรื่องนี้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเป็นฝ่ายผิด แต่ทว่าต่อให้ผิดเช่นใดก็ตาม พวกเขาก็ไม่สามารถนอนรอความตาย พวกเขาย่อมไม่สามารถนำระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงมอบให้คนอื่นง่ายๆ ยิ่งไม่สามารถมองดูศัตรูยึดครองต้นกำเนิดสัจธรรมของตนไปตาปริบๆ พวกเขาได้แต่สู้อย่างถวายชีวิตจนถึงที่สุด

ฆ่า…ในขณะนี้ ศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็ร้องคำรามออกมาไม่ขาดสาย ไม่ว่าผู้นั้นจะแข็งแกร่งหรืออ่อนด้อย ต่างบุกเข้าไปในนาทีแรก สู้ถวายชีวิตเพื่อขัดขวางศัตรูที่บุกรุกเข้ามา ถ้าหากปราศจากต้นกำเนิดสัจธรรมแล้ว ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็จบสิ้นลงอย่างสิ้นเชิง

ตูม ตูม ตูม…เวลานี้เสียงดังตูมตามดังก้องทั่วฟ้าดิน อาวุธ ของวิเศษบินว่อนไปทั่วท้องฟ้า กระบี่สวรรค์ ดาบศักดิ์สิทธิ์ เจดีย์วิเศษ อาวุธเทพแท้จริงแต่ละชิ้นที่น่ากลัวยิ่ง รวมทั้งอาวุธของระดับอมตะล้วนแล้วแต่พุ่งโจมตีลงมา ทำเอาทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงสั่นไหวโคลงเคลงไปมาไม่หยุด

ในเวลานี้เอง บริเวณราชสำนักปรากฏเป็นกฎเกณฑ์ปฐมบรรพบุรุษพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ปรากฏลวดลายเต๋าที่ลอยขึ้น พื้นแผ่นดินทั้งหมดของราชสำนักล้วนแล้วแต่ถูกพันธนาการด้วยกฎเกณฑ์ของปฐมบรรพบุรุษเอาไว้

มิฉะนั้นล่ะก็ ภายใต้การโจมตีชนิดทำลายฟ้าดินเช่นนี้ ต่อให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงยังคงรอดมาได้ เกรงว่าทั่วทั้งราชสำนักก็คงถูกโจมตีจนแหลกไม่มีชิ้นดี มีเพียงการพันธนาการภายใต้กฎเกณฑ์ของปฐมบรรพบุรุษเท่านั้น จึงทำให้ราชสำนักสามารถรองรับกับการโจมตีที่น่ากลัวเช่นนี้ไว้ได้

อ๊ากก…เสียงร้องที่น่าเวทนาดังขึ้นเป็นระยะ เลือดสดๆ สาดกระจาย มองเห็นศพแต่ละศพที่ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ศพที่ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้ามีทั้งศพของศิษย์จากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง และศพของฝ่ายศัตรู ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นศพของศิษย์ที่มาจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเสียมากกว่า

แม้ว่าจะได้หลี่เชียนที่เข้าร่วมการสู้รบ แต่ยังคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาที่ต้องพ่ายแพ้ได้ จะอย่างไรเสียกองทัพพันธมิตรมีการเตรียมการมาอย่างดี นำโดยเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ด้วยตนเอง ส่วนระดับที่ต่ำกว่าเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์มีจำนวนมากยิ่งกว่า

“เปิด…” ในเวลานี้ หลี่เชียนคำรามเสียงยาวขึ้น ได้ร่วมกับผู้พิทักษ์คนอื่นๆ ปลุกต้นกำเนิดสัจธรรมให้ตื่นโดยพลัน พริบตาเดียวนั่นเอง พลังสัจธรรมตลบอบอวล ปรากฏเกณฑ์พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง พลังที่น่าเกรงขามและยิ่งใหญ่ไพศาลพลันถูกปลุกเสกให้ไปอยู่ในร่างของหลี่เชียนและผู้พิทักษ์ทุกคน

เสียงตูมดังสนั่นขึ้นมา แต่ทว่า ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ฝ่ายศัตรูก็ทยอยกันเสกเอาอาวุธล้างผลาญที่รุนแรงออกมา ทั้งอาวุธเทพแท้จริง อาวุธอมตะ อาวุธเป็นร้อยเป็นพันที่ปราศจากผู้ต่อกรพลันโจมตีลงมา

เสียงปัง ปัง ปังแต่ละเสียงที่ดังขึ้น ทั้งสองฝ่ายได้ปะทะกันขึ้นกลางอากาศ สะเก็ดไฟแตกกระจาย เสมือนดั่งเป็นการระเบิดของดวงดาวแต่ละดวงบนท้องฟ้าอย่างนั้น ด้วยแรงระเบิดที่มีอานุภาพเช่นนี้ แม้แต่ดวงตะวันบนท้องฟ้าก็ดูจะสลดและอับแสง ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเกิดโคลงเคลงสั่นไหวขึ้นมา เสมือนดั่งเป็นเรือน้อยที่ลอยอยู่ท่ามกลางพายุรุนแรงที่โหมกระหน่ำ ยามที่คลื่นยักษ์ซัดเข้ามาล่ะก็ พร้อมจะจมลงได้ทุกเมื่อ

เสียงตูมดังสนั่นขึ้นมาอีกครั้ง พริบตาเดียวนั้นเอง หลี่เชียนได้นำพาผู้พิทักษ์คนอื่นๆ ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง แต่ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนักบวชหยางหมิง เทพหมื่นกรที่เป็นระดับบรรพบุรุษเหล่านี้ ภายใต้การร่วมมือของระดับบรรพบุรุษจำนวนมากที่สยบลงมา หลี่เชียนเองก็ถูกโจมตีจนถอยหลังไปเรื่อยๆ และกระอักเลือดออกมา

“ฆ่าพวกเขาให้หมด ไถระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงให้ราบ” ในเวลานี้เอง มีผู้ที่ร้องคำรามเสียงดังขึ้นมา และเข้าโจมตีสังหารพวกของหลี่เชียนอย่างบ้าคลั่ง ศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงต้องเสียชีวิตไปเป็นหมื่นภายในระยะเวลาอันสั้น

“อาศัยพวกเจ้าน่ะหรือ?” ทันใดนั้นเอง เสียงที่เอ้อระเหยเสียงหนึ่งดังขึ้นมา

เสียงตูมดังสนั่นขึ้น ทันใดนั้นเอง ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงพลันพวยพุ่งประกายเซียนที่ไม่สิ้นสุดขึ้นมา ประกายเซียนทั้งหมดพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง เสมือนดั่งเป็นแรงกระแทกอย่างรุนแรงที่เป็นจังหวะพุ่งขึ้นไปบนจักรวาล ส่องสว่างไสวไปทั่วอวกาศ

ตึง ตึง ตึงในเวลาเดียวกันนี้ บนพื้นดินของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงปรากฎเป็นกฎเกณฑ์ปฐมบรรพบุรุษจำนวนนับไม่ถ้วนที่พวยพุ่งออกมา กฎเกณฑ์ปฐมบรรพบุรุษทุกข้อมีขนาดใหญ่เท่าเทือกเขา

กฎเกณฑ์ปฐมบรรพบุรุษทั้งหมดได้ติดตามแรงกระแทกอย่างรุนแรงที่เป็นจังหวะที่พวยพุ่งขึ้นมาจากต้นกำเนิดสัจธรรมขึ้นไปยังจักรวาล หมุนเคลื่อนไปและถักทอเข้าด้วยกัน

แช้งค์…เสียงคำรามของกระบี่ดังก้องไปทุกแดน ในเสี้ยววินาทีนี้เอง กฎเกณฑ์ปฐมบรรพบุรุษทั้งหมดที่ถักทอเข้าด้วยกันได้หลอมรวมเข้าด้วยกันกับแรงกระแทกอย่างรุนแรงที่เป็นจังหวะและกลายเป็นกระบี่ปฐมบรรพบุรุษที่โบราณและเป็นนิรันดร์เล่มหนึ่ง

ยามที่กระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้ปรากฏ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนแล้วแต่ดูเล็กจิ๋วขนาดนั้น เหมือนหนึ่งเป็นเพียงฝุ่นผงบนโลกเท่านั้น

แว้งค์เสียงหนึ่งที่ดังขึ้น มองเห็นเพียงกระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้สั่นสะเทือนเบาๆ เท่านั้น ดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนบนจักรวาลพลันแตกละเอียด เหมือนหนึ่งเป็นฝุ่นผงจากการถูกทำลายอย่างนั้น ช่างเป็นภาพที่สะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คนเหลือเกิน

……………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *