Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2057 สังหาร

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2057 สังหาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เวลานี้กู่ฉวี่หังกล่าวเสียงทุ้มต่ำกับหลี่ชิเย่ว่า “พี่ชิเย่ เป็นท่านที่บีบบังคับข้า เพื่อกฎระเบียบของสถาบันศึกษาเทพเจ้าแล้ว ข้าได้แต่ลงมือต่อพี่ชิเย่แล้ว”

“ลงมือเถอะ คำพูดไร้สาระมากเกินไปแล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ

พริบตาเดียวนั่นเอง กู่ฉวี่หังส่งสายตาให้กับเทพบุตรซือจง ขณะที่เทพบุตรซือจงเข้าใจและส่งเสียงผิวปากฟี้วดังขึ้นมาครั้งหนึ่ง

ซ่าา ซ่าา ซ่าาเสียงดังขึ้นแผ่วเบา ทันใดนั้นเอง ปรากฎมดประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนที่มุดขึ้นมาจากใต้พี้นดิน มดประหลาดที่มีขนาดตัวเท่ากำปั้นหลังจากมุดออกมาจากใต้พื้นดินแล้ว เสียงหึ่ง หึ่ง หึ่งดังขึ้น พวกมันได้บินขึ้นมาและบินมุ่งหน้าเข้าหาหลี่ชิเย่ทั้งหมด

ซ่าา…มดประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนบินมาแบบมืดฟ้ามัวดินเต็มทุกพื้นที่ คล้ายดั่งเป็นคลื่นยักษ์ที่รุนแรงถาโถมเข้าหาหลี่ชิเย่ ต้องการปกคลุมร่างของหลี่ชิเย่จนมิด อีกทั้งขณะที่มดประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนที่บินเข้าหาหลี่ชิเย่นั้น ทั้งหมดต่างลับฟันที่เสมือนคีมคู่นั้นจนส่งเสียงดังจี๊ดจี๊ด ขอเพียงถูกมดประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนเข้าถึงตัว เกรงว่าภายในพริบตาเดียวสามารถกัดเทะร่างของหลี่ชิเย่จนเหลือแต่กระดูก

ฆ่า…จังหวะที่มดประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนได้ล้อมหลี่ชิเย่เอาไว้นั้น กู่ฉวี่หังก็พลันลงมือแล้ว กระบี่อ่อนในมือส่งเสียงตึงดั่งงูฉก ท่วงท่าเหี้ยมโหดยิ่งนัก

กู่ฉวี่หังคือระดับจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์เจ็ดดวง การลงมือของเขาย่อมต้องสะเทือนฟ้าดินอย่างแน่นอน สามารถคว้าสุริยันจันทรา คว้าดวงดาวได้ แต่ทว่า การลงมือของกู่ฉวี่หังในเวลานี้กลับไม่ได้มีท่าทีที่สะเทือนฟ้าดิน

หนึ่งกระบี่ที่เขาทิ่มแทงออกไป ปราศจากซุ่มเสียงใดๆ ก้าวล้ำกาลเวลา แซงล้ำหน้าช่องว่าง ยามที่คำว่า “ฆ่า” ของเขายังไม่ทันขาดคำ ปลายกระบี่ของเขาก็ได้จ่อไปที่คอหอยของหลี่ชิเย่แล้ว

เสียงปัง…ดังขึ้น ไม่มีเลือดที่พุ่งกระฉูดตามคาด แม้ว่ากระบี่นี้ของกู่ฉวี่หังได้แทงจนถึงคอหอยของหลี่ชิเย่แล้ว แต่ ในเสี้ยววินาทีนั่นเอง ไม่รู้ว่ามีมือข้างหนึ่งที่โผล่มาจากไหน

กระบี่นี้ของกู่ฉวี่หังรวดเร็วมากพอสินะ เรียกได้ว่าสามารถติดตามสายฟ้าแลบได้ทัน แต่ทว่า มือข้างที่โผล่ออกมากะทันหันนั้นเร็วยิ่งกว่า ฉับพลันก็สามารถหนีบปลายกระบี่เอาไว้ พริบตาเดียวนั่นเองกระบี่อ่อนถูกหัก และหนึ่งฝ่ามือก็ซัดเข้าให้ที่หน้าอกของกู่ฉวี่หังเต็มๆ

ตั้งแต่หนีบกระบี่กระทั่งหักกระบี่ และหนึ่งฝ่ามือที่ซัดเข้าหน้าอกของกู่ฉวี่หังเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน ความเร็วของกู่ฉวี่หังสามารถก้าวล้ำกาลเวลา ขณะที่ความเร็วของมือข้างนี้คือสิบเท่าของกู่ฉวี่หัง กู่ฉวี่หังไม่สามารถหลบหลีกได้พ้นอยู่แล้ว

ปังเสียงหนึ่งดังขึ้น ร่างของกู่ฉวี่หังลอยละลิ่วไปตามแรง กระอักเลือดออกมาอย่างแรง ได้ยินเสียงกระดูกแตกหักดังคร๊ากก ฝ่ามือนี้ได้ทำให้หน้าอกของกู่ฉวี่หังถูกกระแทกจนละเอียดในทันที

ในเวลานี้ ผู้เฒ่าผู้หนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นกะทันหันดั่งผีสาง เป็นตัวเขาเองที่โผล่ออกมากะทันหันและอาศัยหนึ่งฝ่ามือซัดจนหน้าอกของกู่ฉวี่หังแตกละเอียด

“จินเซิ่นหน่ะ เจ้าใจร้อนไปซักนิดหนึ่ง ข้าต้องการดูว่ายังมีคนอื่นๆ อีกหรือไม่หน่ะ” หลี่ชิเย่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่เคลื่อนไหว ยิ้มกล่าวเฉยเมยออกมา

ผู้ที่โผล่ออกมาอย่างกะทันหันก็คือหลิวจินเซิ่นนั่นเอง และเป็นตัวเขาที่อาศัยหนึ่งฝ่ามือกระแทกกู่ฉวี่หังจนตัวลอย ภาพเช่นนี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกนายน้อยทะยานฟ้าจนมีใบหน้าขาวซีด หันหลังหลบหนีไปทันที

ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเขาล้วนแล้วแต่ไม่ได้เคยสนใจในตัวของหลิวจินเซิ่น เกรงว่าไม่มีใครในสถาบันศึกษาเทพเจ้าที่สังเกตในตัวของหลิวจินเซิ่นที่เป็นผู้เฒ่าผู้นี้ ซึ่งเขาเป็นเพียงนักศึกษาที่ไม่คู่ควรจะกล่าวถึงของเรือนตำราเท่านั้น เวลานี้เขากลับอาศัยหนึ่งฝ่ามือกระแทกจนกู่ฉวี่หัวต้องปลิวออกไป

สมควรทราบว่า กู่ฉวี่หังนั้นคือระดับจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์เจ็ดดวง เวลานี้กลับถูกผู้เฒ่าอย่างหลิวจินเซิ่นกระแทกจนตัวลอยในฝ่ามือเดียว ช่างเป็นอะไรที่น่ากลัวยิ่งนัก ดังนั้น นาทีนี้ทำเอาพวกนายน้อยทะยานฟ้าตกในสุดขีด หันหลังออกวิ่งไปทันที

เวลานี้ หลี่ชิเย่ไม่ได้เคลื่อนไหว บนตัวของเขาปรากฏเปลวไฟที่ลุกไหม้ ได้ยินเสียงดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดมดประหลาดทั้งหมดที่บินเข้าหาล้วนแล้วแต่ถูกเผาจนกลายเป็นจุณ

“ชั่วชีวิตข้าเกลียดที่สุดก็คือคนถ่อยที่ลอบกัด” หลิวจินเซิ่นจ้องเขม็งไปที่กู่ฉวี่หังเอ่ยเสียงเย็นชาขึ้นมา

สีหน้าของกู่ฉวี่หังเปลี่ยนไปมากทีเดียว แม้ว่าตัวเขาจะแข็งแกร่ง แต่ก็รู้ว่าหลิวจินเซิ่นที่อยู่ตรงหน้าแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ระหว่างตัวเขากับหลิวจินเซิ่นคนละชั้นอย่างสิ้นเชิง ช่วงความห่างระหว่างคนทั้งสองดุจคลองที่ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้อยู่แล้ว

“ให้ข้าส่งเจ้าไปนรกเถอะนะ!” ในเวลานี้แววตาทั้งสองของหลิวจินเซิ่นปรากฏประกายแวบหนึ่ง เผยประณิธานการฆ่าออกมา มือที่กางออกไปอย่างคล่องแคล่วเข้าคว้าตัวกู่ฉวี่หังในทันที..ไอรีนโนเวล

ตูม…เสียงดังสนั่น ในพริบตาเดียวนี่เอง ร่างของกู่ฉวี่หังได้ระเบิดขึ้น ทำให้กลายเป็นหมอกเลือดไป แรงระเบิดที่น่ากลัวพุ่งเข้าปะทะต่อหลิวจินเซิ่น

สีหน้าของหลิวจินเซิ่นดูไม่ดีนัก พลันเคลื่อนย้ายตำแหน่งหลบเลี่ยงหมอกเลือดที่ระเบิดและพุ่งเข้าหา แต่ทว่า จังหวะที่หลิวจินเซิ่นเคลื่อนตัวหลบไปนั้น หมอกเลือดที่เกิดจากการระเบิดขึ้นมานั้นกลับหดตัวกลับในฉับพลันอย่างรวดเร็ว เหมือนว่าหมอกเลือดที่เกิดจากการระเบิดถูกดูดและกลืนกินไปในทันทีอย่างนั้น

จังหวะที่หมอกเลือดเกิดการหดตัวนั้น ได้ยินเสียงปุดังขึ้น ช่องว่างเกิดการสั่นสะเทือน ตามติดด้วยหมอกเลือดหายไปในทันที เหมือนว่ากู่ฉวี่หังไม่เคยปรากฏตัวเลยอย่างนั้น

“วิชาหลบหนีกลับจะยอดเยี่ยมในหล้าทีเดียว” หลิวจินเซิ่นส่งเสียงฮึออกมาด้วยความแค้นใจ เมื่อเห็นหมอกเลือดหายไปโดยพลัน เขานึกไม่ถึงว่ากู่ฉวี่หังจะหนีไปอย่างรวดเร็วทั้งที่ยังไม่ทันได้ปะมือกันแม้แต่กระบวนท่าเดียว

กู่ฉวี่หังนั้นมีการเตรียมตัวมาอย่างดี กระทั่งแม้แต่วิธีการหลบหนีก็ได้มีการกำหนดเอาไว้แล้ว ดังนั้น เมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คุ่ต่อสู้ของหลิวจินเซิ่น เขาจึงทำการระเบิดร่างตัวเอง อาศัยแรงระเบิดตีทะลุช่องว่างและให้ตัวเองนั้นถูกเนรเทศไปยังช่องว่างอีกช่องหนึ่ง ก้าวข้ามช่องว่างอีกช่องหนึ่งนั้นหลบหนีออกจากสถาบันศึกษาเทพเจ้าในทันที

กล่าวสำหรับกู่ฉวี่หังแล้ว การระเบิดตัวเองเป็นวิธีการที่ทารุณโหดร้ายมาก แม้กับตัวของเขาเองก็เป็นเช่นนี้ จะอย่างไรเสียการระเบิดตัวเองเป็นการสร้างความเสียหายอย่างสาหัสให้กับตัวเขาเอง พลังลมปราณที่สูญเสียไปนี้ยากจะฟื้นคืนได้ภายในระยะเวลาอันสั้น

แต่ทว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้แล้ว กู่ฉวี่หังไม่มีทางเลือก ไม่ก็ถูกหลิวจินเซิ่นฆ่าตาย ไม่ก็ต้องเลือกที่จะระเบิดตัวเองเพื่อหลบหนีไป เขาเข้าใจเป็นอย่างดีว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิวจินเซิ่นอย่างเด็ดขาด ถ้าหากจะสู้กับหลิวจินเซิ่นให้ถึงที่สุดหละก็ตัวเขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้น พลันลงมือด้วยการระเบิดตัวเองเสีย กลับจะทำให้หลิวจินเซิ่นตั้งตัวไม่ทัน ซึ่งนับว่าเป็นการหนีเอาชีวิตรอดที่แลกด้วยค่าตอบแทนที่ต่ำสุดแล้ว

“วันหน้ายังคงมีโอกาสอยู่” เมื่อหลี่ชิเย่มองเห็นหลิวจินเซิ่นที่รู้สึกคับแค้นใจจึงยิ้มจางๆ และกล่าวช้าๆ ว่า “เขาจะไม่ยอมตายใจต่อของวิเศษยอดเยี่ยมของเรือนตำราอยู่แล้ว”

ในเวลานี้ หลี่ชิเย่ยังคงยืนอยู่ที่ตรงนั้น เปลวเพลิงบนตัวของเขายังคงวูบวาบอยู่ ขณะที่เปลวเพลิงบนตัวหลี่ชิเย่วูบวาบอยู่นั้น ดูเหมือนจะมีพลังดึงดูดต่อบรรดามดประหลาดเหล่านี้ โดยที่ไม่ต้องมีใครไปสั่งการใดๆ ต่างมุ่งหน้าบินเข้าหาหลี่ชิเย่เสมือนหนึ่งแมลงเม่าบินเข้ากองไฟอย่างนั้น แม้แต่มดประหลาดที่ซ่อนตัวอยู่ใต้พื้นดินก็เป็นเช่นนั้น

ภายในระยะเวลาอันสั้น มดประหลาดทั้งหมดที่บินเข้าหาเปลวเพลิงที่วูบวาบนั้นล้วนแล้วแต่ถูกเผาไหม้จนเป็นจุณ กระทั่งเสียงดังจี๊ดมดประหลาดตัวสุดท้ายถูกเผาไหม้เป็นจุณไปแล้ว หลี่ชิเย่จึงได้ใช้มือปัดบนตัวแล้วยิ้มกล่าวว่า “ถึงเวลาที่ข้าจะต้องไปตามพวกเขาแล้ว” ขาดคำเหินฟ้าขึ้นไป

ในเวลานี้ พวกของนายน้อยทะยานฟ้าสามคนต่างตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ความแข็งแกร่งของหลี่ชิเย่นั้นพวกเขาสามารถจินตนาการได้ แต่ไม่นึกเลยว่า หลิวจินเซิ่นของเรือนตำราถึงกับน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้ แค่หนึ่งฝ่ามือก็สามารถเอาชนะกู่ฉวี่หังได้แล้ว

แรกเริ่มเดิมทีพวกเขาเข้าใจว่าผู้ที่สามารถช่วยเหลือพวกเขามาแล้วกับการมาถึงของกู่ฉวี่หัง ไม่นึกเลยว่าแม้แต่กู่ฉวี่หังก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้

เวลานี้พวกของนายน้อยทะยานฟ้าวิ่งหนีสุดชีวิต แทบอยากจะหนีออกไปจากสถาบันศึกษาเทพเจ้าในเวลานี้ให้ได้ให้รู้แล้วรู้รอดไป เพื่อหลบหนีให้ไกลจากผีห่าซาตานที่ดุร้ายเช่นหลี่ชิเย่

“ในเมื่อมาแล้วยังคิดจะหนีอีกรึ?” แต่แล้ว ขณะที่พวกนายน้อยทะยานฟ้าพยายามหนีอย่างเต็มที่นั้น ปรากฏเสียงที่เอ้อระเหยเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลัง

เสียงที่คุ้นเคยและน่ากลัวดังขึ้นที่ด้านหลัง ทำเอาพวกของนายน้อยทะยานฟ้าวิญญาณแทบออกจากร่าง พวกเขาหันกลับไปมอง ปรากฏว่าหลี่ชิเย่ได้มายืนอยู่ด้านหลังของพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

พวกนายน้อยทยานฟ้าตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง พวกเขาวิ่งหนีอย่างสุดแรงเกิด แต่ทว่าหลี่ชิเย่ยังคงเหมือนสิงอยู่ในร่างของพวกเขา ห่างจากพวกเขาแค่เอื้อมเท่านั้น

“เร็ว เร็ว รีบขวางเขาเอาไว้” ยุวกษัตริย์หกกระบี่ที่ก่อนหน้านั้นทำยโสต่อหลี่ชิเย่ที่สุดก็ตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง ใบหน้าของเขาขาวซีด ร้องเสียงแหลมออกมาต่อพวกนายน้อยทะยานฟ้า

สมควรทราบว่า ในบรรดาพวกของนายน้อยทะยานฟ้าสามคนมีเพียงตัวเขาคนเดียวที่ไม่มีอาวุธเซียนหวัง ตัวเขาคือผู้ที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่ม คิดจะต้านขวางหลี่ชิเย่เอาไว้มีเพียงอาวุธเซียนหวังที่อยู่ในมือของพวกนายน้อยทะยานฟ้าเท่านั้น

“ฆ่า…” ในเวลานี้นายน้อยทะยานฟ้าและเทพบุตรซือจงก็ไม่มีทางเลือก ทั้งสองคำรามเสียงดังเสกเอาอาวุธเซียนหวังออกมา เสียงตูมดังสนั่น กฎเกณฑ์เซียนหวังนับพันล้านข้อที่พรั่งพลูลงมาดั่งน้ำตกสวรรค์ อาวุธเซียนหวังหอบเอาอานุภาพที่ปราศจากผู้ต่อกร เข้าบดขยี้ต่อหลี่ชิเย่อย่างรุนแรง พวกเขาหมายอาศัยพลังอำนาจที่ปะทุออกจากอาวุธเซียนหวังขวางหลี่ชิเย่เอาไว้ เพื่อถ่วงเวลาให้พวกเขามีเวลาหนีได้มากขึ้น

“อ่อนเกินไป” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง ร่างกายเปล่งประกายเจิดจ้า แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น อาณาจักรหนักอืดพลันสำแดงออกมา ปังพวกของนายน้อยทะยานฟ้าที่ถูกดูดเข้าไปอยู่ในอาณาจักรหนักอืดพลันถูกสยบทันที สามารถได้ยินเสียงกระดูกแตกละเอียดดังคร๊ากกออกมาจากทั่วทั้งร่าง

“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เวลานี้ได้ทำให้ผู้คนในสถาบันศึกษาเทพเจ้าให้ความสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้ายิ่งตกใจมากเป็นพิเศษ เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่กับพวกนายน้อยทะยานฟ้าต่อสู้กัน พวกเขาล้วนแล้วแต่ไม่รู้ว่าได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น

“ฝีมือเพียงแค่นี้กล้าคิดไม่ซื่อต่อเรือนตำรา ออกจะไม่เจียมตัวเกินไปแล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ กางมือออไปเพื่อบดขยี้ลงบนตัวของนายน้อยทะยานฟ้าและเทพบุตรซือจง

“พวก พวกเราคือนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้านะ” เวลานี้นายน้อยทะยานฟ้าร้องเสียงแหลมออกมา “พวก พวกเราต้องการได้รับการพิจารณาตัดสินความจากผู้เฒ่าของสถาบัน”

เวลานี้ นายน้อยทะยานฟ้าร้องขอความช่วยเหลือจากบรรดาผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้า แต่ว่า ไม่มีผู้เฒ่าคนใดจากสถาบันศึกษาเทพเจ้าสนใจพวกเขาสักคน

เซียนหวังฝ่าบาท “ช่วยด้วย…” เวลานี้เทพบุตรซือจงก็ร้องเสียงแหลมออกมา เมื่อมองเห็นมือขนาดใหญ่ที่บดขยี้ลงมา หวังขอความช่วยเหลือจากจอมราชันเซียนหวังที่อยู่เบื้องหลัง

แต่ทว่า ในขณะนี้ฟ้าดินเงียบสงัด ไม่ปรากฏจอมราชันเซียนหวังใดๆ ลงมือ เวลานี้ศักยภาพของสถาบันศึกษาเทพเจ้ายังคงแข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียม ต่อให้มีจอมราชันเซียนหวังที่รีบรุดเข้ามาก็ไม่อาจลงมือช่วยพวกเขาได้ เพราะเท่ากับแหวกหญ้าให้งูตื่น

ปุ…ภายใต้การสยบจากมือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ พวกเทพบุตรซือจงสองคนไม่อาจต่อต้านขัดขืนได้อยู่แล้ว ถูกบดขยี้กลายเป็นหมอกเลือดไปในพริบตา

………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *