Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2496 โต้ตอบกับปิงฉือหานยวี่

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2496 โต้ตอบกับปิงฉือหานยวี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2496 โต้ตอบกับปิงฉือหานยวี่
โต๊ะทำงานทองคำขนาดใหญ่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้า ลอยอยู่ด้านหน้าบัลลังก์ฮ่องเต้ หลี่ชิเย่ยกเท้าทั้งสองขึ้นพาดโดยตรง นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีสบายและอิสระเสรี ในเวลานี้ เขาจึงได้มองดูบรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ตามอารมณ์ทีหนึ่ง

“ทำไมรึ ล้วนแล้วแต่มาทำความบรรลุความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของเขาจิ่วเหลียนซานสักหน่อยรึ?” หลี่ชิเย่กล่าวและยิ้มตามอารมณ์

“ทะเลสาบทั้งเก้าเปลี่ยนสีเป็นโอกาสที่หาได้ยาก รุ่นพวกเราก็จะมาดูสักหน่อย ไม่ให้พลาดโอกาสอันดีนี้ไป” ฉินเจี้ยนเหยาเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ฝ่าบาทมาที่นี่ก็ด้วยความลับยิ่งใหญ่ของทะเลสาบทั้งเก้ารึ?” มาคราวนี้ท่าทีของฉินเจี้ยนเหยามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างลึกซึ้ง ในการพบกันครั้งแรกที่เขาจิ่วเหลียนซานนั้น นางยังคงเรียกขานว่า ‘ฝ่าบาท’ ต่อมาภายหลังได้ใช้คำว่า ‘คุณชายหลี่’ หลังจากนั้นอีกเปลี่ยนเป็น ‘ท่าน’ เวลานี้ได้กลับมาเรียกคำว่า ‘ฝ่าบาท’

ย่อมไม่ต้องสงสัย อาศัยสรรพนามที่ฉินเจี้ยนเหยาใช้เรียกก็สามารถดูออกได้ว่า ท่าทีของฉินเจี้ยนเหยาที่มีต่อหลี่ชิเย่กำลังเปลี่ยนไป

“โอกาสและวาสนาจากทะเลสาบทั้งเก้าจากปากของพวกเจ้านั้น กล่าวสำหรับข้าแล้วไม่คู่ควรที่จะกล่าวถึง” หลี่ชิเย่มองดูฉินเจี้ยนเหยาทีหนึ่งและยิ้มกล่าว

คำพูดลักษณะเช่นนี้ทำให้สีหน้าของผู้คนจำนวนมากเปลี่ยนไป เนื่องจากการมายังเขาจิ่วเหลียนซาน ของผู้คนจำนวนเท่าไรก็เพื่อต้องการรอคอยการเปลี่ยนสีของทะเลสาบทั้งเก้าซึ่งหาได้ยากยิ่ง และต้องการบรรลุโอกาสและวาสนา

เวลานี้หลี่ชิเย่กลับพูดว่าไม่คู่ควรที่จะกล่าวถึง มิเท่ากับเป็นดูถูกพวกเขาทั้งหมดรึ? โดยไม่ได้เห็นพวกเขาทั้งหมดอยู่ในสายตา

ถ้าหากว่าถูกดูถูกโดยสุดยอดอัจฉริยะบุคคลก็ยังพอจะรับได้ แต่ว่า ถูกสวะลักษณะเช่นนี้ดูถูกขนาดนี้ ย่อมทำใหภายในใจของผู้คนจำนวนมากไม่สบอารมณ์แล้ว

“พูดไปแล้วเหมือนว่าเจ้าสามารถบรรลุความลึกซึ้งยอดเยี่ยมที่อยู่ภายในอย่างนั้น” ปิงฉือหานยวี่ เหลือบมองหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง อดที่จะกล่าวคำประชดประชันหลี่ชิเย่ไปคำหนึ่ง

หลี่ชิเย่เหล่ปิงฉือหานยวี่ทีหนึ่ง หัวเราะพลางและกล่าวว่า “ดูไปแล้วเจ้านี่นับว่าเป็นประเภทอกโตไร้สมองจริงๆ เทียบกับนังหนูฉินแล้ว ใช่เพียงห่างไกลกันแค่โยชน์สองโยชน์เท่านั้น แม้ว่านังหนูฉินนั้นจะดูพื้นๆ จนไม่อาจรับได้ แต่ว่าอย่างน้อยที่สุดนางไม่โง่ แต่จะว่าไปแล้ว เห็นแก่เจ้าที่อกโต ก็นับว่าโง่ได้สมเหตุสมผลแล้วล่ะ”

“เจ้า…” เมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ พลันทำให้ปิงฉือหานยวี่โกรธยิ่งนัก ใบหน้าแดงก่ำ อดไม่ได้ที่จะจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ

ความจริงแล้ว หน้าอกของปิงฉือหานยวี่นับว่าใหญ่มาก คงไม่มีกี่คนที่สามารถใหญ่กว่านางได้อีกแล้ว ดังนั้น เมื่อหลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ผู้คนจำนวนไม่น้อยยังได้แอบเหล่หน้าอกของปิงฉือหานยวี่ไปทีหนึ่ง

ปิงฉือหานยวี่ในขณะนี้บังเกิดความโกรธอย่างรุนแรง ภายใต้ความโกรธทำให้หายใจถี่และเร็ว หน้าอกจึงกระเพื่อมขึ้นลง ลองนึกภาพดู เฉกเช่นหน้าอกของปิงฉือหานยวี่ที่ใหญ่โตเช่นนั้น เมื่อมีการขึ้นลงอย่างรวดเร็วนับว่ามันคือคลื่นยักษ์ที่โหมสาดซัดโดยแท้ เป็นภาพเหตุการณ์ที่อลังการเป็นอย่างยิ่ง เปี่ยมด้วยความยั่วยวนยิ่งนัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งปิงฉือหานยวี่นั้นคือหญิงงามแต่กำเนิด สวยหยาดเยิ้มเข้าไปถึงภายในกระดูก บุคลิกลักษณะที่ทำให้ผู้คนหลงใหลแบบนั้น ทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องเคลิบเคลิ้มหลงใหล เวลานี้นางที่พลันโกรธขึ้นมา มันคือลักษณะที่เย้ายวนใจอย่างยิ่ง ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับร้อนรุ่มในใจ ผู้ที่ควบคุมอารมณ์ได้ไม่ดีนักถึงกับลมปราณไหลย้อนขึ้น เลือดทะลักออกจากจมูก เป็นภาพที่เสียหน้า และน่าอายอย่างยิ่ง

“หรือข้าพูดผิดตรงไหน?” ท่าทางหลี่ชิเย่ดูเป็นอิสระเสรียิ่งนัก มองดูหน้าอกที่อวบอัดดั่งคลื่นยักษ์โหมสาดซัดนั้นอย่างเต็มตา ดูกำเริบเสิบสานยิ่งและกระทำการโดยไม่มีการหลีกเลี่ยงแต่อย่างใด เปี่ยมด้วยความล่วงเกินก้าวล่วง

“เจ้าอย่าลืมไปสิ นางเป็นคู่หมั้นของราชันแท้จริงปาเจิ้น ถ้าหากเจ้ามีความคิดเช่นนี้ล่ะก็ให้เลิกล้มความตั้งใจเร็วไวเถอะ” เมื่อดาบอริยะกวานไห่มองเห็นท่าทางของหลี่ชิเย่ที่จ้องมองดูหน้าอกของปิงฉือหานยวี่อย่างไม่มีความหวั่นเกรงใดๆ จึงออกปากกล่าวเตือนไป

การที่ดาบอริยะกวานไห่ไม่เงื้อดาบฟาดฟันใส่หลี่ชิเย่ก็นับว่าบุญแล้ว ศิษย์น้องของเขายังอยู่เคียงข้างกายของเขา แต่เขายังคงทำกำเริบเสิบสานไปจ้องมองดูหน้าอกของปิงฉือหานยวี่อย่างละเอียด นับว่าเกินไปแล้ว

“มันจะไปมีอะไร” หลี่ชิเย่ท่าทางอย่างไรก็ได้ ยิ้มและกล่าวด้วยท่าทีตามอารมณ์ว่า “อย่าว่าแต่แค่คู่หมั้นเลย ต่อให้แต่งงานแล้วมันจะเป็นอะไรไป? ถ้าหากข้าต้องการก็ยังคงแย่งเอามาตรงๆ มาอุ่นเตียงให้กับข้า อย่าลืมไปสิ ข้าคือฮ่องเต้โหดที่มั่วโลกีย์ไร้คุณธรรม! การชิงภรรยาของผู้อื่น ครอบครองเมียชาวบ้านนั่นแหละสนุกนัก เวลาทำแล้วจึงสนุกมากขึ้น!”

พลันที่พูดคำพูดเช่นนี้ออกมา ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตาค้างพูดอะไรไม่ออก เวลานี้ทุกคนต่างฟังด้วยความงุนงง

แม้ว่ามีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มีความคิดสกปรกเช่นนี้ แต่ ก็ไม่กล้าพูดออกจากปาก ยิ่งไปกว่านั้น เป็นการพูดออกมาต่อหน้าสาธารณะชนใต้หล้าเช่นนี้

“คำพูดนี้ของเจ้าดูเหมือนจะมีเหตุผลอยู่บ้าง” ดาบอริยะกวานไห่ตะลึงนิดหนึ่ง หลังจากได้สติกลับมาแล้วอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “จะอย่างไรเสียก็คือฮ่องเต้โง่เขลาเบาปัญญา ยังมีเรื่องที่ยิ่งกว่านี้จะทำไม่ได้?”

เมื่อดาบอริยะกวานไห่พูดออกมาเช่นนี้ ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนมากซึ่งตะลึงงันอยู่ได้สติกลับมา เมื่อนึกๆ ดูให้ละเอียดแล้ว เหมือนว่ามันก็มีเหตุผลอยู่

เรื่องที่ฮ่องเต้องค์ใหม่มั่วโลกีย์ไร้คุณธรรม เจ้าชู้ไร้ความสามารถเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปทั่วหล้าสำหรับเรื่องนี้ เวลานี้ต่อให้เขาคิดอยากจะชิงตัวปิงฉือหานยวี่ไป มันก็หาใช่เป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใด ก่อนหน้านั้นเขาก็เคยกระทำมาแล้วครั้งหนึ่ง

ครั้งนั้น ขณะที่เขายังคงเป็นฮ่องเต้อยู่ก็ได้ส่งหกกองทัพไปแย่งชิงผู้หญิงที่ตระกูลขุนนางปิงฉือ

“เหลวไหล…” เวลานี้ ทังเฮ่อเสียงส่งเสียงฮึเย็นชาขึ้นมา กล่าวเสียงน่าเกรงขามว่า “แผ่นดินอันงดงามของราชวงศ์โต่วเซิ่นต้องเสียไปด้วยน้ำมือของเจ้า ทำให้ทั่วหล้าเกิดศึกสงครามต่อเนื่อง ชีวิตผู้คนล้มตาย เจ้านับว่าเป็นคนบาปของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่…”

“เอาล่ะ อย่าทำเป็นวางท่าทางมาดเข้มดูเป็นคนดีต่อหน้าข้า” หลี่ชิเย่โบกมือกล่าวตัดบททังเฮ่อเสียง กล่าวเรียบเฉยว่า “ต่อให้เจ้าคุยโม้สักแค่ไหน หาเหตุผลที่ดูดีให้กับตนเองร้อยแปดพันเก้า แม้ว่าเจ้าพยายามหาทางไปลบล้างมันอย่างเต็มที่ ก็ล้างตัวเองให้มันสะอาดไม่ได้…”

“…คนทรยศก็คือคนทรยศ ต่อให้ข้าเป็นฮ่องเต้ที่มีความจริงใจและนอบน้อมคนหนึ่ง เมื่อฮ่องเต้ไท่ชิงตาย พวกเจ้ายังคงยกกองทัพทรยศอยู่ดี ความเป็นฮ่องเต้ที่มั่วโลกีย์เช่นข้าก็แค่เป็นข้ออ้างให้พวกเจ้าพอดีเท่านั้น ทำให้พวกเจ้าก่อการกบฏได้เร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น การที่เจ้าสามารถมีชีวิตมายืนอยู่ตรงนี้ได้ ก็เพราะว่าก่อนหน้านั้นข้ายังไม่มีอารมณ์ที่จะฆ่าเจ้าเท่านั้นเอง! ”

ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมองหน้าซึ่งกันและกันเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ในขณะนี้ ภายในใจของผู้คนจำนวนมากต่างผุดความคิดลักษณะเช่นนี้ขึ้นมา

หรือว่าหกกองทัพก่อการกบฏ ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ และแคว้นว่านเจิ้นก็ต่างฝ่ายต่างชิงราชบัลลังก์ เป็นเพราะฮ่องเต้องค์ใหม่มั่วโลกีย์ไร้คุณธรรมเท่านั้นเองรึ?

ฮ่องเต้ไท่ชิงสวรรคต แม้ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่จะมีความจริงใจและนอบน้อมก็ตาม จะมีสักกี่คนที่ไม่ฉกฉวยโอกาสนี้ชิงอำนาจเล่า เมื่อต้องเผชิญกับอำนาจยิ่งใหญ่ทั่วหล้า ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้นั่งบัลลังก์อย่างมั่นคง มันก็คือโอกาสในการชิงอำนาจที่ดีที่สุด

“พูดจาไร้สาระ…” ทังเฮ่อเสียงตวาดเสียงเย็นชา และกล่าวว่า “ฮ่องเต้มีคุณธรรม เหล่าขุนนางล้วนภักดี…” หลี่ชิเย่ยิ้มตามอารมณ์ และกล่าวว่า “อย่าพูดอีกต่อไปเลย ยิ่งพูดมากเท่าไรยิ่งทำให้เจ้ารับไม่ได้ เจ้าจะหาเหตุมาสักร้อยข้อก็ล้างความจริงที่เจ้ากบฏกะทันหันได้ แผ่นดินอันงดงาม ราชันแท้จริงปาเจิ้นไม่ต้องสูญเสียไพร่พลแม้แต่คนเดียวก็ตีวังหลวงจนแตก เจ้าว่ามาซิเป็นใครที่เปิดประตูต้อนรับศัตรูเข้ามาและหันมาเล่นงานกันเอง ถูกต้อง ข้าก็คือฮ่องเต้ที่โง่เขลาเบาปัญญาคนหนึ่ง ไหนมาซิ ให้ทุกคนลองว่ามาสิ ในฐานะที่เป็นราชนิกูลของราชวงศ์โต่วเซิ่น เป็นใครที่มอบเมืองหลวงให้กับศัตรู เป็นใครที่เปิดประตูเมืองต้อนรับศัตรูเข้าเมือง?”

“เจ้า…” ในเวลานี้ ใบหน้าของทังเฮ่อเสียงแดงก่ำ ถึงกับพูดอะไรไม่ออกเป็นเวลานาน

ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างจ้องมองไปที่ทังเฮ่อเสียง ทุกคนต่างไม่ได้พูดอะไร แต่ดูจากท่าทีแล้วก็มองออกได้

เหมือนดั่งที่หลี่ชิเย่พูดเอาไว้อย่างนั้น ฮ่องเต้องค์ใหม่ก็คือคนที่โง่เขลาเบาปัญญาคนหนึ่ง เขาคือคนที่มั่วโลกีย์ไร้คุณธรรม แต่ทว่า ในฐานะที่ทังเฮ่อเสียงเป็นแม่ทัพทหารองครักษ์คนหนึ่ง เขาไม่ได้สูญเสียทหารแม้แต่คนเดียวก็เปิดประตูเมืองรังศัตรูเข้าเมือง ต่อให้มีเหตุผลร้อยแปดพันเก้าก็ไม่สามารถลบล้างรอยด่างในฐานะกบฏไปได้

“แผ่นดินใต้หล้าผู้มีคุณธรรมได้ครอง” ในเวลานี้เอง ปิงฉือหานยวี่ที่ได้ระงับความโกรธในใจลงได้แล้วในที่สุด ดูจะเยือกเย็นได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ผู้ยึดถือคุณธรรมเมตตาธรรมย่อมมีผู้ให้การช่วยเหลือมาก ผู้ไร้ซึ่งคุณธรรมเมตตาธรรมย่อมมีผู้ให้การช่วยเหลือน้อย การสูญเสียแผ่นดินของเจ้า ก็นับเป็นความไม่ซื่อสัตย์ต่อจิตใจ คุณธรรมและบุญคุณของผู้คนใต้หล้า”

“พูดได้ดีมากกับผู้ยึดถือคุณธรรมเมตตาธรรมย่อมมีผู้ให้การช่วยเหลือมาก ผู้ไร้ซึ่งคุณธรรมเมตตาธรรมย่อมมีผู้ให้การช่วยเหลือน้อย” หลี่ชิเย่อดที่จะหัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “พูดแบบนี้ ใครกันเล่าที่มีความสามารถมีคุณธรรมสำหรับแผ่นดินนี้ล่ะ?”

‘ราชันแท้จริงปาเจิ้น’ ปิงฉือหานยวี่เปิดเผยตรงไปตรงมายิ่งนัก ไม่มีอะไรต้องปิดบัง กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “ราชันแท้จริงปกครองใต้หล้า อาศัยความสุขของอาณาประชาราษฎร์เป็นที่ตั้ง เพียงพอที่จะกุมอำนาจใต้หล้า”

การแย่งชิงอำนาจฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ทุกคนต่างก็รู้กันดี เพียงแต่ทุกคนไม่ได้พูดออกมาเท่านั้นเอง เวลานี้ผู้ที่ชิงบัลลังก์คงไม่พ้นทังเฮ่อเสียงกับราชันแท้จริงปาเจิ้นแล้ว

แน่นอนที่สุด ต่อหน้าผู้คนทั่วหล้า ไม่ว่าจะเป็นทังเฮ่อเสียงก็ดี หรือราชันแท้จริงปาเจิ้นก็ช่าง พวกเขาต่างก็ไม่กล้าพูดอกมาตรงๆ ว่าตนเองนั่นแหละคือฮ่องเต้ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ และมีเพียงตนเองเท่านั้นที่มีสิทธิ์ได้เป็นฮ่องเต้

แต่ว่า มาคราวนี้ปิงฉือหานยวี่ได้พูดขึ้นมาตรงๆ ต่อหน้าผู้คนทั่วหล้า ซึ่งก็เท่ากับเป็นการฉีกกระดาษแผ่นบางๆ แผ่นนั้นที่อยู่ในใจของทุกคนออกมา

“นับว่าน่าสนใจอยู่บ้าง แม้ว่าเจ้าจะอกโตไร้สมอง แต่อย่างน้อยยังโง่จนน่ารักอยู่บ้าง” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “อย่างน้อยสุดเมื่อเทียบกับคนบางคนที่พยายามจะเป็นฮ่องเต้ให้ได้ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา ยังทำท่าเคร่งขรึมเหมือนเป็นคนดี อะไรทำเพื่อใต้หล้า ทำเพื่ออาณาประชาราษฎร์อะไรอย่างนั้น เหมือนว่าตนเองนั้นถูกใครเขาบังคับให้ต้องเป็นฮ่องเต้อย่างนั้น”

“ทว่า คู่หมั้นของเจ้าคิดจะเป็นฮ่องเต้ละก็ เกรงว่าจะไม่มีโอกาสแล้ว” เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้ได้หยุดนิดหนึ่งแล้วหัวเราะขึ้นมา

“หรือว่าเจ้ามีโอกาสอย่างนั้นรึ?” ปิงฉือหานยวี่ส่งเสียงฮึเย็นชาขึ้นมา

“แผ่นดินนี้ นอกจากข้าแล้วยังจะมีใครสามารถปกครองได้?” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “อดีตข้าคือฮ่องเต้ เวลานี้ข้าก็คือฮ่องเต้ อนาคตก็ใช่”

“ฮึ ไม่ปฏิเสธว่าอดีตเจ้าเป็นฮ่องเต้ เวลานี้เจ้าก็ฝันไปเถอะ” ปิงฉือหานยวี่ก็ไม่เกรงใจอีกต่อไป ในเมื่อพูดออกมาแล้ว นางก็จะไม่แสร้างทำเป็นเกรงใจอะไรอีก และกล่าวว่า “ต่อให้เจ้าคิดอยากจะเป็นฮ่องเต้อีกครั้ง เจ้าจะเอาอะไรมาแย่งชิงแผ่นดินกับเทียนจือ? เจ้ามีทหารสักคนหรือไม่?”

“เทียนจือคือราชันแท้จริงองค์หนึ่ง อนาคตไร้ขีดจำกัด อนาคตครองปฐมบรรพบุรุษ ได้รับการสนับสนุนจากใต้หล้า มีตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ แคว้นว่าเจิ้นร่วมสนับสนุน ต้องได้บัลลังก์ฮ่องเต้มาครองให้จงได้” ปิงฉือหานยวี่พูดได้มั่นใจยิ่ง และกล่าวว่า “เจ้านอกเหนือจากเคยเป็นฮ่องเต้แล้ว ยังจะมีอะไรที่สามารถตัดสินชี้ขาดกับเทียนจือได้? อำนาจฮ่องเต้จะเป็น่ของใครไปไม่ได้นอกจากเทียนจือ”

เวลานี้ ปิงฉือหานยวี่ได้พูดออกมาทั้งหมดโดยไม่มีการปิดบังซ่อนเร้นอีก ไม่เหมือนเช่นก่อนหน้านั้น ทั้งๆ ที่ได้ตัดสินใจช่วงชิงบัลลังก์แน่นอนอยู่แล้ว ทั้งตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ และแคว้นว่านเจิ้นยังคงไม่กล้าพูดเปิดเผยออกมา

เวลานี้ปิงฉือหานยวี่ประกาศต่อหน้าทุกคน และเป็นการให้การสนับสนุนต่อราชันแท้จริงปาเจิ้นอย่างเต็มปากเต็มคำ และจะไม่หันหลังกลับ ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะก้าวเดินไปให้ถึงที่สุด

เมื่อปิงฉือหานยวี่พูดออกมาเช่นนี้ ก็เป็นการบ่งบอกว่าจะไม่ให้เรื่องการชิงอำนาจฮ่องเต้มีโอกาสที่จะได้หันหลังกลับอีก หากจะทำก็ต้องทำให้ถึงที่สุด

ดังนั้น เมื่อปิงฉือหานยวี่พูดออกมาเช่นนี้ ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำขึ้นมา

…………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *