Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2448 ยกเลิกแต่งงาน

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2448 ยกเลิกแต่งงาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในเวลานี้ บรรดาศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมินต่างมองไปที่หลี่ชิเย่ ทุกคนล้วนแล้วแต่กลั้นลมหายใจเอาไว้ ไม่รู้ว่าภายในใจของศิษย์จำนวนเท่าไรที่ล้วนแล้วแต่เฝ้ารอคอยเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไป และมีศิษย์จำนวนไม่น้อยที่หัวเราะเยาะนิดหนึ่ง ภายในใจดูจะดีใจที่เห็นผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนอยู่บ้าง

ท่ามกลางศิษย์จำนวนไม่น้อยในขณะนี้ล้วนแล้วแต่ต้องการเห็นหลี่ชิเย่ให้ได้อาย และหรือมองดูท่าทางที่ย่ำแย่มากของหลี่ชิเย่

ไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้าบรรดาศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมิน และหรือการมาถึงของธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวา หลี่ชิเย่ยังคงมีท่าทีที่มองไม่เห็น จิบน้ำชาเบาๆ มองดูทะเลเมฆที่อยู่ตรงหน้า ชื่นชมกับภาพของเมฆที่ม้วนตัวอยู่

ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาเดินเข้าไปในศาลาพักร้อน และมุ่งหน้าไปยังหลี่ชิเย่ ท่าทางของนางดูเย็นชา ใบหน้าเยือกเย็น แม้แต่นัยน์ตาของนางก็แฝงไว้ซึ่งแววตาที่เยือกเย็น

จางเจี้ยนชวนที่มองเห็นท่าทางของธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาแล้วก็ตระหนักได้ว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาต้องการจะทำอะไรแล้ว เขาร้องเรียกออกไปว่า “ศิษย์น้อง เจ้าก็มาแล้ว” กล่าวพลางส่ายหน้าเบาๆ ให้กับนาง เป็นการส่งสัญญาณให้นางอย่าทำอะไรบุ่มบ่าม และบอกเป็นนัยว่าอย่าตัดสินใจโดยพละการ

“พี่เจี้ยนชวน” ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาโค้งคำนับให้จางเจี้ยนชวนเบาๆ แต่ว่า กับสัญญาณของจางเจี้ยนชวนทำเป็นมองไม่เห็น เดินตรงไปยังหลี่ชิเย่

กลิ่นหอมที่แผ่กระจายล่องลอยไปในอากาศ เพียงพริบตาเดียวธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาก็ได้ไปยืนอยู่ตรงหน้าของหลี่ชิเย่แล้ว แต่ว่า หลี่ชิเย่เพียงหลับตาลงและจิบน้ำชาที่อยู่ในมือ

“เอามา” ในเวลานี้เอง ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาได้ยื่นมือออกไป กล่าวเสียงเย็นชา

หลี่ชิเย่ไม่ได้เลิกกระทั่งหนังตา เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เจ้าบดบังการดูทิวทัศน์ของข้า!” ตั้งแต่ต้นจนจบก็ขี้คร้านจะมองหน้านางสักครั้งหนึ่ง

เมื่อธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาถูกหลี่ชิเย่ปฏิบัติด้วยท่าทีที่ไม่ให้เกียรติเช่นนี้พลันมีสีหน้าที่แดงก่ำ ท่าทางนางสุดจะทนถึงกับจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ

ในฐานะที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาเป็นถึงองค์หญิงของสำนักเสินสิงเหมิน เป็นหัวแก้วหัวแหวน อีกทั้งชาติกำเนิดนางยังสูงส่งอีกด้วย ในฐานะที่นางเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์ ไม่ว่าเดินไปถึงไหนก็ได้รับการห้อมล้อมจากผู้คนมากมาย เสมือนดั่งดาวล้อมเดือนอย่างนั้น ได้รับการเอาใจและเคารพนับถือของผู้คนจำนวนมาก ทำให้นางมีความหยิ่งยโสที่เป็นผู้อยู่สูงเด่น และการสำรวมที่เย็นชา

แต่ว่า เวลานี้ต่อหน้าผู้อื่นมากมาย หลี่ชิเย่กลับขี้คร้านที่จะมองหน้านางสักแวบหนึ่งด้วยซ้ำ เหมือนไม่อยู่ในสายตา ท่าทีที่สูงเด่นและเข้าใจว่าตัวเองนั้นเก่งเหนือกว่าผู้อื่นเช่นนี้ พลันทำให้ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาโกรธจัด

“ที่นี่คือสำนักเสินสิงเหมิน…” สีหน้าของธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาพลันเย็นชา และกล่าวด้วยท่าทีน่าเกรงขามว่า “เจ้ายังคงเข้าใจว่าที่นี่คือราชวงศ์โต่วเซิ่นของเจ้าอย่างนั้นรึ? ราชวงศ์โต่วเซิ่นในวันนี้เกมมันจบไปแล้ว!”

คำพูดของธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาชัดเจนมากแล้ว ความหมายก็คือต้องการเตือนสติหลี่ชิเย่ว่าเขาไม่ใช่ฮ่องเต้ที่ฐานะสูงส่งคนนั้นอีกแล้ว เวลานี้เขาเป็นเพียงฮ่องเต้สิ้นชาติคนที่มาอาศัยอยู่ใต้ชายคาคนอื่นเท่านั้น

หลี่ชิเย่ไม่ได้เลิกกระทั่งหนังตาด้วยซ้ำ กล่าวเอ้อระเหยขึ้นมาว่า “ถือโอกาสที่ข้ายังไม่ได้โกรธไสหัวไปข้างๆ เสีย อย่าขวางการชื่นชมทิวทัศน์ของข้า”

“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร…” คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้ผู้คนบันดาลโทสะขึ้นมา พลันทำให้ศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมินจำนวนไม่น้อยที่โกรธหลี่ชิเย่ขึ้นมา

ในทัศนะคติพวกเขาลู่ปิงคือธิดาศักดิ์สิทธิ์สำนักเสินสิงเหมินของพวกเขา เป็นองค์หญิงสำนักเสินสิงเหมินของพวกเขา สูงส่งปราศจากผู้เทียบเทียม ไหนเลยอนุญาตให้ใครมาทำให้ต้องอับอายขายหน้าได้ ยิ่งไปกว่านั้นฮ่องเต้องค์ใหม่ในวันนี้เป็นเพียงฮ่องเต้ที่สิ้นชาติเท่านั้นเอง ทั้งยังมาอาศัยอยู่ใต้ชายคาสำนักเสินสิงเหมินของพวกเขา

สีหน้าของธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาพลันเปลี่ยนไป เพลิงแค้นสุมเต็มอก เดิมทีเรื่องที่ให้นางต้องแต่งเข้าวังก็ได้ทำให้ภายในใจของนางไม่สบอารมณ์เป็นพิเศษอยู่แล้ว อีกทั้งฮ่องเต้องค์ใหม่ยังเป็นผู้ที่มั่วโลกีย์ไร้คุณธรรม เป็นฮ่องเต้ชั่ว บ้ากามไร้ความสามารถ ยิ่งทำให้ภายในใจของนางต่อต้านเป็นพิเศษ ในใจของนางไม่ใยดีสำหรับฮ่องเต้ชั่วเช่นนี้อยู่แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ราชวงศ์โต่วเซิ่นในเวลานี้เรียกว่าชาติล่มสลายแผ่นดินถูกทำลายแล้ว สำหรับฮ่องเต้ที่สิ้นชาติแล้วมาอาศัยชายคาของสำนักเสินสิงเหมินพวกเขาแล้ว พวกเขายิ่งดูถูกและไม่ได้นำเอามาใส่ใจ

อย่างไรก็ตาม เวลานี้ตนเองกลับถูกผู้ชายที่ตัวเองไม่เคยใส่ใจ เมินใส่ลบหลู่ได้ถึงเพียงนี้ แล้วจะไม่ให้ใบหน้าของนางแดงก่ำได้รึ? โดยนางมองว่านี่เป็นการทำให้นางได้รับความอับอาย!

เวลานี้ ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาโกรธจนถึงขีดสุด จ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “เวลานี้ไม่ใช่ยุคที่ราชวงศ์โต่วเซิ่นเป็นผู้กุมอำนาจแล้ว หากรู้จักกาลเทศะล่ะก็มอบสัญญาแต่งงานออกมา หาไม่แล้วเป็นเจ้าเองที่หาเรื่องให้ต้องอับอาย!”

พลันที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาพูดคำๆ นี้ออกมา ได้เรียกเสียงเชียร์จากศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมินได้มากมาย ศิษย์บางคนได้ส่งเสียงดังออกมาโดยตรงว่า “สมควรเป็นเช่นนี้ พวกเราสำนักเสินสิงเหมินคือผู้ยิ่งใหญ่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ฮ่องเต้สิ้นชาติคนหนึ่งอาศัยอะไรมายโสอวดดีถึงถิ่นของพวกเรา”

“ฮึ อาศัยฮ่องเต้ชั่วที่ไร้ความสามารถคนหนึ่งไหนเลยคู่ควรกับศิษย์พี่สาวได้เล่า ให้เขารีบไสหัวออกไปเถอะ การที่สำนักเสินสิงเหมินของพวกเรายอมให้เขาอาศัยอยู่นานขนาดนี้ก็นับว่าได้ให้การดูแลอย่างสุดความสามารถแล้ว” มีศิษย์บางคนที่ร้องกล่าวเสียงดังขึ้นมา

เวลานี้หลี่ชิเย่ได้วางถ้วยน้ำชาในมือลง เลิกหนังตาทีหนึ่ง มองดูธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวา ถึงกับไม่แสดงความโกรธและยิ้มแต้กล่าวว่า “เจ้าคิดจะยกเลิกงานแต่งรึ?”

“ถูกต้อง!” ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวากล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “งานแต่งนี้ไม่มีผลอีกต่อไป เวลานี้เจ้ามอบสัญญาแต่งงานออกมา กล่าวสำหรับเจ้าแล้วก็เป็นเรื่องที่มีแต่ได้กับได้อย่างเดียว”

“ถ้าหากข้าไม่มอบออกมาล่ะ?” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าขึ้นมา

“ฮึ ไม่มอบรึ ไม่อาจตามใจเจ้า!” มีศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมินอดที่จะร้องเอ็ดตะโรขึ้นมาว่า “เจ้ายังคิดว่าที่นี่ยังเป็นราชวงศ์โต่วเซิ่นของเจ้ารึ? อีกทั้ง ราชวงศ์โต่วเซิ่นของเจ้าล่มสลายไปแล้ว”

ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาจ้องมองดูหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีเย็นชา กล่าวน่าครั่นคร้ามว่า “เกรงว่าเจ้าคงหาเรื่องให้ตัวเองต้องอับอายแล้ว! อาศัยเจ้าก็คิดจะเป็นคางคกกินเนื้อห่านฟ้า! เจ้าไม่ใช่ผู้กุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่อีกต่อไปแล้ว ถ้าหากเจ้ารู้สถานการณ์ชัดเจน เจ้าก็สมควรรู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไร!”

“พูดแบบนี้ แสดงว่าฮ่องเต้ชั่วอย่างข้าไม่คู่ควรกับองค์หญิงของสำนักเสินสิงเหมินเช่นเจ้าแล้วสิ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวขึ้น

“ถูกต้อง…” ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวากล่าวน่าเกรงขามว่า “อนาคตข้าจะต้องได้ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด กลายเป็นขั้นอมตะที่ปราศจากผู้ต่อกร ส่วนเจ้าเป็เพียงฮ่องเต้ชั่วที่เหลวไหลไร้ความสามารถคนหนึ่งตลอดไปเท่านั้นเอง เวลานี้เจ้ายังคงคิดว่ารจะรักษาชีวิตรอดได้อย่างไร…”

“ยังคงเข้าใจว่าตนเองนั้นเป็นห่านฟ้านะเนี่ย” หลี่ชิเย่โบกมือยิ้มกล่าวตัดบทของธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวา “ก็แค่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ของสำนักเสินสิงเหมินคนหนึ่งเท่านั้นเอง ยังคงให้ความสำคัญตนเองจริงๆ นะเนี่ย แค่ขั้นอมตะที่ปราศจากผู้ต่อกร ในสายตาข้ามันก็แค่มดปลวกเท่านั้น และก็เป็นแค่ทาสรับใช้เท่านั้นไม่เห็นมีอะไรน่าลำพองใจ พูดไม่น่าฟังสักหน่อย ขณะอยู่วังหลวงนั้น ขั้นอมตะที่ปราศจากผู้ต่อกรที่คุกเข่าแทบเท้าข้านั้น สิบนิ้วก็นับไม่หมด เจ้ามองตัวเองสำคัญมากเกินไปแล้ว”

“เจ้า…” ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาพลันมีสีหน้าที่แดงก่ำ เมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้

บรรดาศิษย์สำนักเสินสิงเหมินที่อยู่ในเหตุการณ์พลันมีดวงตาที่พ่นเป็นเพลิงความโกรธออกมา จ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่เป็นการทำให้ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาต้องอับอาย และเป็นการทำให้สำนักเสินสิงเหมินพวกเขาอับอายขายหน้า

“จะว่าไปแล้ว เจ้าสมควรขอบคุณฮ่องเต้ไท่ชิงจึงจะถูก” หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะไปมองหน้านางอีกครั้ง กล่าวด้วยท่าทีเหนื่อยหน่ายว่า “ด้วยรูปร่างหน้าตาเช่นนี้อย่างเจ้า เจ้ายังเข้าใจว่าจะเป็นภรรยาของข้าน่ะเนี่ย? เป็นภรรยาน้อยของข้ายังไม่ถึงขั้น ไม่สิ ต่อให้เป็นสาวใช้ประจำตัวก็ยังไม่มีสิทธิ์ ด้วยรูปลักษณ์อย่างเจ้านี่ล่ะนะ ทักษะที่อ่อนด้อย ฝืนเป็นได้แค่นังหนูที่คอยล้างเท้าให้ข้าเท่านั้นเอง! หากไม่ได้ฮ่องเต้ไท่ชิงพระราชทานงานแต่งนี้ให้กับเจ้า เจ้าไม่มีโอกาสแม้กระทั่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาน้อยด้วยซ้ำ”

“เพ้อเจ้อ…” เวลานี้ศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมินต่างอดทนต่อไปไม่ไหวทยอยกันบันดาลโทสะด่ากราดด้วยความโกรธ “เจ้านับเป็นตัวอะไร…”

สีหน้าของธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาพลันแดงก่ำ ดวงตาคู่นั้นที่จ้องมองหลี่ชิเย่ถึงกับพ่นเป็นเพลิงแห่งความโกรธออกมา กระทั่งกล่าวได้ว่า แววตาแห่งความโกรธของนางนั้นฆ่าคนได้

“เจ้า…” เวลานี้ ดวงตาคู่นั้นของธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาไม่เพียงพ่นเป็นเพลิงแห่งความโกรธออกมาเท่านั้น ทั้งยังเผยปณิธานการฆ่าออกมา กล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “เจ้าสมควรตาย! นี่เป็นการไม่เจียมตัวของเจ้าเอง หาเรื่องให้ตัวเองต้องอับอาย!”

“ศิษย์น้อง…” เวลานี้ จางเจี้ยนชวนรีบดึงตัวธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาเอาไว้เมื่อเห็นท่าไม่ดี ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ศิษย์น้อง ขอให้เจ้าสงบสติอารมณ์เอาไว้หน่อย”

“ฮึ ศิษย์พี่ ท่านอย่าลืมไปสิ ท่านเองก็เป็นศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมินเหมือนกัน” เวลานี้ศิษย์จำนวนไม่น้อยทยอยกันแสดงความไม่พอใจขึ้นมา และจ้องมองจางเจี้ยนชวนด้วยความโกรธ เมื่อเห็นว่าจางเจี้ยนชวนยังคงเข้าข้างหลี่ชิเย่อยู่

ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาถึงกับมีสีหน้าเย็นชา กล่าวเสียงเยือกเย็นว่า “ศิษย์พี่ ทำเช่นนี้หมายความว่าอะไร”

จางเจี้ยนชวนส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ศิษย์น้อง ข้ารับคำสั่งจากท่านปรมาจารย์ รับผิดชอบความเป็นอยู่และความปลอดภัยของฝ่าบาท ดังนั้น ขอศิษย์น้องโปรดอภัย”

“ศิษย์พี่ ท่านถอยไปก่อน ถือเสียว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น” นัยน์ตาทั้งสองของธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาได้เผยปณิธานการฆ่าออกมา กล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมาว่า “สำหรับด้านปรมาจารย์ข้ารับผิดชอบเอง”

“ไม่ได้” จางเจี้ยนชวนส่ายหน้าและปฏิเสธ กล่าวว่า “ข้าได้รับคำสั่งมา หวังว่าศิษย์น้องจะให้อภัย”

“นับว่าสำนักเสินสิงเหมินยังมีคนหนึ่งที่ไม่ใช่คนโง่” หลี่ชิเย่ที่นั่งอยู่ตรงนั้น ยิ้มกล่าวด้วยท่าทีเหนื่อยหน่ายว่า “ที่เหลือแค่พื้นๆ ธรรมดาจนรับไม่ได้ แค่ไอ้โง่ฝูงหนึ่งเท่านั้น”

“วาจาสามหาวมาก” ในเวลานี้เอง เสียงที่เย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้น กล่าวเย้ยหยันว่า “เจ้านับเป็นตัวอะไรกล้าคุยโตโอ้อวดไม่รู้จักละอายในสำนักเสินสิงเหมินของพวกเรา ไม่เจียมตัว”

ในเวลานี้ บุรุษผู้หนึ่งได้เดินเข้ามา ชายหนุ่มผู้นี้มีบุคลิกลักษณะองอาจผึ่งผายคุกคามผู้คน มีท่าทางที่ข่มแหงผู้คน สวมชุดขาวทั้งชุด เดินเอามือไพล่หลัง เสมือนหนึ่งเป็นกระเรียนขาวที่หยิ่งยโส ขณะที่ชายหนุ่มผู้นี้เดินเข้ามา ข้างกายของเขายังมีศิษย์จำนวนมากดั่งดาวล้อมเดือนอย่างนั้น

“ศิษย์พี่ใหญ่มาแล้ว ศิษย์พี่ใหญ่” บรรดาศิษย์ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างทยอยกันเรียกเสียงดังขึ้นมาเมื่อเห็นชายหนุ่มผู้นี้แล้ว ท่าทางดีใจอย่างยิ่ง และมีศิษย์จำนวนไม่น้อยที่เลื่อมใสศรัทธาชายหนุ่มผู้นี้

ศิษย์พี่ใหญ่ที่ว่าก็คือศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักเสินสิงเหมิน คุณชายเฮ่อเฟยจางเฮ่า!

คุณชายเฮ่อเฟยก็คือศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักเสินสิงเหมิน มีพรสวรรค์ที่สูงมาก ไม่ด้อยไปกว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์แม้แต่น้อย อีกทั้งเขาเข้าสู่ยุทธภพก่อนธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวานานมาก ดังนั้น ทักษะยุทธของเขาจึงสูงกว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาอยู่ไม่น้อย ในสำนักเสินสิงเหมินเองก็มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีมาก ได้รับความรักใคร่เทิดทูนจากศิษย์รุ่นที่สามยิ่งนัก ขณะเดียวกัน ก็มีชื่อเสียงในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ไม่น้อยทีเดียว

หลังจากที่คุณชายเฮ่อเฟยเดินเข้ามาแล้ว นัยน์ตาทั้งสองดั่งกระแสเย็น เป็นที่เคารพยำเกรงของผู้คนเมื่อกวาดตามองออกไป เวลานี้แววตาที่ดั่งสายฟ้าได้ตกลงบนตัวของหลี่ชิเย่

“ฮึ…” ดวงตาทั้งสองของคุณชายเฮ่อเฟยเยือกเย็น กล่าวเย็นชาและน่าครั่นคร้ามว่า “เจ้ามีสิทธิ์วิจารณ์สำนักเสินสิงเหมินอย่างนั้นรึ? เจ้านับเป็นตัวอะไร!”

คุณชายเฮ่อเฟยแสดงอำนาจบีบคั้นผู้คนยิ่งกว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาเสียอีก ยิ่งไม่ไว้หน้าคนอื่น

……………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *