Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2490 การต่อสู้ชี้ขาดระหว่างดาบกับกระบี่

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2490 การต่อสู้ชี้ขาดระหว่างดาบกับกระบี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2490 การต่อสู้ชี้ขาดระหว่างดาบกับกระบี่
หลังจากที่ดาบอริยะกวานไห่ไปจากเขาหงฮวงซานแล้ว เห็นเขาก้าวข้ามพื้นดินก้าวเดียวก็ไปปรากฎตัวนอกเกาะเซียงหลี ขณะที่เขาไปถึงด้านนอกของเกาะเซียงหลี ฉินเจี้ยนเหยาได้ยืนอยู่ที่ตรงนั้นก่อนแล้ว

“ดาบอริยะ ไม่พบกันเสียนาน” ฉินเจี้ยนเหยาก็ไม่ได้รู้สึกตระหนกเมื่อเห็นดาบอริยะกวานไห่ก้าวเพียงก้าวเดียวก็มาถึง และไม่รู้สึกเหนือความคาดคิด ยืนกอดกระบี่สงบนิ่งไม่สะทกสะท้านและเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสมือนดั่งเทพธิดาที่อยู่เหนือกิเลสทั้งปวง

“เทพธิดาฉิน ไม่พบกันเสียนาน” ดาบอริยะกวานไห่ก็นำเอาดาบโบราณที่อยู่ด้านหลังลงมา เสมือนดั่งเป็นภูเขาที่สูงตระหง่าน ขณะที่กอดดาบโบราณเอาไว้ ทันใดนั้นให้ความรู้สึกผู้คนที่ไม่สามารถสั่นคลอนได้

“ไม่พบกันหลายปี วิถีดาบของดาบอริยะใกล้จะปราศจากผู้ต่อกรแล้ว ในยุคปัจจุบันจะมีสักกี่คนที่สามารถชื่นชมวิถีดาบกับดาบอริยะได้เล่า” ฉินเจี้ยนเหยาจ้องมองดูดาบอริยะกวานไห่แล้ว ต้องกล่าวทอดถอนใจออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“เทพธิดาฉินชมเกินไปแล้ว ใต้หล้ากว้างใหญ่ มังกรเร้นกายพยัคฆ์หมอบ แค่วิถีดาบเช่นนี้ไหนเลยคู่ควรจะนำมาทะนงตนได้” ดาบอริยะกวานไห่ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ครั้งนั้น ขณะอยู่ที่ตระกูลหลี่นั้น ราชันแท้จริงต้วนยวี่ฟันเข้ามาตามอารมณ์ ก็คือวิถีดาบที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง ทำให้ข้าได้รับประโยชน์ไม่น้อยเลยทีเดียว หากจะพูดถึงวิถีดาบที่ปราศจากผู้ต่อกร เท่ากับเป็นการอวดดีแล้วล่ะ”

ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำเมื่อได้ยินคำพูดของดาบอริยะกวานไห่ ต่างมองหน้าซึ่งกันและกันในเวลานี้

ผู้คนจำนวนมากต่างก็เคยได้ยินเรื่องที่ดาบอริยะกวานไห่ประลองศึกษาซึ่งกันและกันและอภิปรายธรรมกับราชันแท้จริงต้วนยวี่ และราชันแท้จริงมู่เจี้ยน แต่เป็นแค่ได้ยินมาเท่านั้น มาวันนี้ดาบอริยะกวานไห่พูดขึ้นมาเองย่อมจะเป็นเรื่องจริง

ราชันแท้จริงต้วนยวี่ และราชันแท้จริงมู่เจี้ยนเรียกได้ว่าเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ในยุคนี้แล้ว ต่างก็เป็นราชันแท้จริงเหมือนกัน แต่กำลังความสามารถของพวกเขาทั้งสองเหนือกว่ากันมากเมื่อเทียบกับราชันแท้จริงปาเจิ้น

ขณะที่ดาบอริยะกวานไห่มีสิทธิ์ประลองศึกษาซึ่งกันและกันและอภิปรายธรรมกับพวกเขา สิ่งนี่เพียงพอที่จะบ่งบอกว่าเขามีความแข็งแกร่งเช่นใด จะอย่างไรเสียใช่ว่าใครก็มีสิทธิ์ไปอภิปรายธรรมกับผู้ดำรงอยู่ในฐานะเฉกเช่นราชันแท้จริงต้วนยวี่กับราชันแท้จริงมู่เจี้ยนได้อยู่แล้ว

“ราชันแท้จริงต้วนยวี่คือผู้ที่มีความสามารถล้ำเลิศซึ่งสวรรค์ประทานมาให้” ฉินเจี้ยนเหยาอดที่จะพยักหน้า และกล่าวว่า “พลันลงมือด้วยกระบวนท่าละมั่งแขวนเขา ปราดเปรื่องน่าทึ่ง แต่ว่าระดับความลึกซึ้งด้านวิถีดาบของดาบอริยะยังคงยากจะมีผู้เทียบเทียม โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่”

“เทพธิดาฉินยังคงช่างจำนรรจา” ดาบอริยะกวานไห่อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ และกล่าวว่า “ยากนักที่คราวนี้ข้าได้กลับมาที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่สักครั้ง มาวันนี้ได้พบกับเทพธิดาฉินอีกครั้งนับเป็นวาสนาต่อกัน ข้ากับเทพธิดาฉินร่วมศึกษาซึ่งกันและกันบ้างจะเป็นเช่นใด? ความยอดเยี่ยมด้านวิถีกระบี่ของเทพธิดาฉิน นับว่าทำให้ข้าหวนคะนึงถึง”

“ในเมื่อดาบอริยะมีอารมณ์สุนทรี เจี้ยนเหยาจะกล้าขัดได้อย่างไรเล่า?” ฉินเจี้ยนเหยาที่ใบหน้าแฝงด้วยรอยยิ้มดุจดั่งร้อยบุปผาบานเบ่งพร้อมกัน งดงามยิ่งนัก ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยจิตใจหวั่นไหว

“เชิญ…” ดาบอริยะกวานไห่ก็ไม่เกรงใจ ก้าวเท้าเข้าไปยังเกาะเซียงหลีในก้าวเดียว

ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำเมื่อได้ยินคำพูดโต้ตอบของดาบอริยะกวานไห่กับฉินเจี้ยนเหยา ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยมองหน้ากันและกัน และทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยทอดถอนใจกับสิ่งนี้

“ดาบอริยะกวานไห่ย่อมเป็นดาบอริยะกวานไห่ การที่เขาได้รับการปฏิบัติดูแลเช่นนี้หาใช่พวกหยางฝู่ฝานสามารถเทียบเคียงได้” กลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่รู้สึกสะเทือนอารมณ์ยิ่ง กล่าวทอดถอนใจออกมา

สมควรทราบว่า ขณะหยางฟู่ฝานขอเข้าพบฉินเจี้ยนเหยานั้น มาด้วยท่าทีที่เคารพยิ่งนัก แม้แต่ทังเฮ่อเสียงที่ขอพบฉินเจี้ยนเหยาก็ต้องวางท่าทีค่อนข้างต่ำ ไม่เหมือนเช่นดาบอริยะกวานไห่ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับฉินเจี้ยนเหยาอย่างสิ้นเชิง ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าดาบอริยะกวานไห่มีฐานะที่สูงกว่าไม่น้อยเมื่อเทียบกับทังเฮ่อเสียง

แม้ว่าทังเฮ่อเสียงจะเป็นระดับเทพแท้จริง ขั้นสวรรค์ชั้นห้า แม้ว่าเขาจะมีทหารองครักษ์วังหลวงอยู่ในมือ ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากกองทัพทั้งหก แต่ในด้านของฐานะแล้ว ยังคงไม่สามารถเทียบได้กับดาบอริยะกวานไห่

“วิถีดาบของดาบอริยะกวานไห่ต่อสู้ชี้ขาดกับวิถีกระบี่ของฉินเจี้ยนเหยา ใครแพ้ใครชนะเล่า?” มีผู้กล่าวด้วยความอดที่จะสงสัยไม่ได้ เมื่อเห็นดาบอริยะกวานไห่และฉินเจี้ยนเหยาทั้งสองคนหายเข้าไปอยู่ในเกาะเซียงหลี

กล่าวสำหรับปัญหาข้อนี้ ผู้คนจำนวนมากต่างจ้องตากันและกัน ไม่มีใครสามารถให้คำตอบที่ได้มาตรฐาน

“คงมีเพียงบุคคลอย่างดาบอริยะกวานไห่ ราชันแท้จริงปาเจิ้นจึงมีสิทธิ์ตัดสินว่าใครเหนือกว่าใครกับเทพธิดาฉิน วิถีกระบี่ของเทพธิดาฉินนั้นเสมือนดั่งห่านฟ้าบนท้องนภา แม้ว่าจะมองเห็นเพียงแวบเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนยากที่จะลืมเลือน” มีผู้ที่ได้เคยพบเห็นฉินเจี้ยนเหยาลงมือมาก่อนพูดออกมาจากใจ

ความจริงแล้ว ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมีท่าทีที่หนักแน่นจริงจัง เมื่อมีการพูดถึงวิถีกระบี่ของฉินเจี้ยนเหยา

ฉินเจี้ยนเหยานั้นใช่ว่านางแค่มีรูปโฉมงดงามเท่านั้น ใช่ว่านางมีชาติกำเนิดจากวัดจิ้งเหลียนกวานก็ดูสูงส่ง และได้รับการติดตามสรรเสริญเยินยอจากผู้อื่น

ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ความงดงามและชาติกำเนิดของฉินเจี้ยนเหยาทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกว่าไม่อาจเอื้อม แต่ทว่า นางหาใช่เป็นแจกันที่งามเพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น

ที่ฉินเจี้ยนเหยามีอยู่ในตัวใช่เพียงความงดงาม และใช่เพียงมีชาติกำเนิดที่สูงส่งเท่านั้น ความจริงแล้วกำลังความสามารถของฉินเจี้ยนเหยานั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง

ฉินเจี้ยนเหยาคือผู้ที่ได้ฝึกปรือเคล็ดวิชาเจียมี่ และเลียดมี่ของวัดจิ้งเหลียนกวานมา ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ยุคปัจจุบัน ผู้ที่ได้ฝึกปรือเคล็ดวิชาจิ่วมี่พร้อมกันทีเดียวสองเคล็ดวิชามีสักกี่คน? เรียกได้ว่ามีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น

ขณะที่ฉินเจี้ยนเหยาอาศัยเคล็ดวิชาเจียมี่ และเลียดมี่ที่เป็นสองเคล็ดวิชาจิ่วมี่เป็นธาตุแท้ภายใน เป็นตัวสนับสนุน ซุ่มฝึกปรือวิถีกระบี่ ซึ่งทำให้นางได้รับโชคที่น่าตกใจอย่างยิ่งในด้านวิถีกระบี่

แม้จะกล่าวว่า ฉินเจี้ยนเหยานั้นน้อยครั้งนักที่ออกท่องอยู่ในยุทธภพ และน้อยครั้งที่ลงมือ แต่สำหรับผู้ที่เคยเห็นนางลงมือ ก็จะมีความทรงจำที่ไม่อาจลบเลือนเกี่ยวกับวิถีกระบี่ของฉินเจี้ยนเหยา มันช่างปราดเปรื่องน่าทึ่งมากเหลือเกิน

ด้วยเหตุนี้เอง กลุ่มคนรุ่นใหม่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ที่หาญกล้าท้าสู้กับฉินเจี้ยนเหยาจริงๆ นั้นมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ต่อให้เป็นราชันแท้จริงปาเจิ้นหากคิดจะท้าสู้กับฉินเจี้ยนเหยาแล้ว เกรงว่าคงต้องกระทำการอย่างรอบคอบ

ฉินเจี้ยนเหยากับดาบอริยะกวานไห่จะต่อสู้ชี้ขาดด้วยวิถีกระบี่และวิถีดาบ ซึ่งทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยตั้งตาคอย ล้วนแล้วแต่ต้องการได้เห็นการต่อสู้ที่สะเทือนเลื่อนลั่นระหว่างพวกเขา

น่าเสียดาย ก่อนศึกใหญ่จะเริ่มต้น เกาะเซียงหลีกลับถูกปิดกั้นเอาไว้ ทั้งฉินเจี้ยนเหยากับดาบอริยะกวานไห่ต่างไม่มีความคิดที่จะให้ผู้คนได้ดูชม ดังนั้น ต่อให้มีผู้ที่จ้องมองไปยังเกาะเซียงหลีก็ไม่สามารถมองเห็นการต่อสู้ระหว่างพวกเขา เว้นแต่สามารถขึ้นไปยังเกาะเซียงหลี

ตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ปรากฎเสียงคำรามร่วมระหว่างดาบและกระบี่ขึ้นที่เกาะเซียงหลี ตามติดด้วยผู้คนจำนวนมากที่มองเห็นพลังกระบี่ที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ตรงขึ้นไปยังท้องฟ้า เสมือนว่าพุ่งชนทะลุสิ่งกีดขวางทุกอย่าง มีความแหลมคมที่ไม่สามารถต้านทานได้

ในเวลาเดียวกัน ดาบคำรามก้องนภา มองเห็นดาบยาวผงาดฟ้า สูงตระหง่านดั่งยอดเขา ปณิธานดาบสูงตระหง่าน เสมือนหนึ่งสามารถป้องกันทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก หนึ่งดาบที่ผงาดฟ้า ทำให้ผู้คนไม่สามารถก้าวข้ามแม้เพียงครึ่งก้าว

ในเวลานี้ เสียงคำรามของดาบและกระบี่ดังไม่ขาดสาย แม้แต่สถานที่ที่ห่างไกลมากของเขาจิ่วเหลียนซานก็สามารถได้ยินเสียงคำรามร่วมกันลักษณะเช่นนี้ของดาบและกระบี่

อีกทั้ง ยังสามารถมองเห็นประกายดาบเงากระบี่ที่ผาดโผนอยู่บนท้องฟ้าของเกาะเซียงหลี ขอเพียงมีปณิธานดาบประกายกระบี่สายหนึ่งพาดผ่านไป ก็ฟันนภาที่ว่างเปล่าจนแหลกละเอียด ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าการต่อสู้ระหว่างดาบอริยะกวานไห่และฉินเจี้ยนเหยานั้นมีความดุเดือนเพียงใด

ในเวลานี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรมองไปที่เกาะเซียงหลี และไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องการแอบมองดูศึกระหว่างฉินเจี้ยนเหยากับดาบอริยะกวานไห่

แม้ว่าทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่สามารถไปดูการต่อสู้ ณ สถานที่ที่มีการต่อสู้กัน แต่จากการกระเพื่อมของปณิธานดาบเงากระบี่ ทุกคนยังคงสามารถรับรู้ได้ถึงความดุเดือดของการต่อสู้ในครั้งนี้ ยอดฝีมือที่แท้จริงสามารถรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของแต่ละกระบวนท่า การสับเปลี่ยนระหว่างรุกและรับ การหมุนเปลี่ยนระหว่างแกร่งและอ่อนระหว่างดาบอริยะกวานไห่กับฉินเจี้ยนเหยาได้ลางๆ…

“ไม่รู้ว่าศิษย์พี่สามารถชนะได้หรือไม่” ณ เขาหงฮวงซาน หลิ่วชูฉิงอดที่จะเป็นกังวลต่อดาบอริยะกวานไห่

หลี่ชิเย่เพียงมองดูเกาะเซียงหลีจากระยะห่างไกลทีหนึ่ง จากนั้นได้ละสายตากลับมา กล่าวน้ำเสียงราบเรียบว่า “หากพูดถึงความแกร่งด้านวิถี ศิษย์พี่ของเจ้าเทียบไม่ได้กับฉินเจี้ยนเหยา นางได้ฝึกปรือเคล็ดวิชาจิ่วมี่มาสองเคล็ดวิชา ทั้งยังอาศัยอยู่ภายในวัดจิ้งเหลียนกวานเป็นประจำ ได้รับการบ่มฟักจากฟ้าดิน มีพลังที่หนาแน่นเรียกได้ว่าได้รับเงื่อนไขและสิ่งแวดล้อมที่ดีเป็นพิเศษ แต่ หากว่ากันด้วยเรื่องความชำนาญของวิถี ฉินเจี้ยนเหยาสู้ศิษย์พี่ของเจ้าไม่ได้ ศิษย์พี่ของเจ้าจมอยู่กับวิถีแห่งดาบ ดีอยู่แล้วยังพยายามให้ดีขึ้นไปอีก แต่ละดาบแต่ละกระบวนท่า เรียกได้ว่าอยู่ในระดับสุดยอด…”

“…อีกทั้งศิษย์พี่ของเจ้าชำนาญในการต่อสู้ เคยผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่มามากมาย เปี่ยมด้วยประสบการณ์จริง ชำนาญในการเอาตัวรอดชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด ซึ่งข้อนี้ฉินเจี้ยนเหยาไม่อาจเทียบเคียงได้ เมื่อขาดการขัดเกลาในส่วนนี้ไป แม้วิถีกระบี่ของฉินเจี้ยนเหยาจะลึกซึ้งและยอดเยี่ยมยิ่งนัก แต่ยังคงขาดปาฏิหาริย์ระหว่างความเป็นความตายส่วนนั้นไป”

หลี่ชิเย่พูดเจื้อยแจ้วขึ้นมา เรียกว่ามีภาพรวมอยู่ในใจแล้ว และคาดการณ์ถึงผลแพ้ชนะได้นานแล้ว

หลิ่วชูฉิงอดที่จะหายใจด้วยความโล่งอกไม่ได้เมื่อได้ฟังคำพูดของหลี่ชิเย่ ในฐานะที่เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้อง นางย่อมคาดหวังให้ศิษย์พี่ของตนเป็นผู้ชนะ

ไม่มีใครได้มองเห็นศึกครั้งนี้กับตาตนเอง แต่ทุกคนยังคงกลั้นลมหายใจเอาไว้และมองไปที่เกาะเซียงหลี รับรู้ถึงปณิธานดาบและพลังกระบี่ที่เปลี่ยนแปลงไป ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการรู้ว่าศึกครั้งนี้ผู้ใดจะแพ้และผู้ใดจะชนะ

สุดท้าย ได้ยินเสียงคำรามพร้อมกันของดาบและกระบี่ดังตึง ภายใต้เสียงคำรามพร้อมกันนี้ ดาบและกระบี่แทงทะลุท้องฟ้า ทิ้งร่องรอยที่ยากจะลบเลือนได้บนท้องฟ้า ไม่สามารถจางหายได้เป็นเวลานาน

ในเวลานี้ ปณิธานดาบและพลังกระบี่ได้จางหายไปอย่างช้าๆ เสียงดาบและกระบี่ที่ดังขึ้นมาจากเกาะเซียงหลีก็ค่อยๆ จางลง ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า การศึกระหว่างดาบอริยะกวานไห่กับฉินเจี้ยนเหยาได้สิ้นสุดลงแล้ว

ในขณะนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องกลั้นลมหายใจเอาไว้ และจ้องมองเกาะเซียงหลีอย่างไม่ละสายตา ทุกคนต่างต้องการรู้ว่าใครแพ้ใครชนะ

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ทุกคนได้มองเห็นดาบอริยะกวานไห่ก้าวเดินออกมาจากเกาะเซียงหลี ดาบศักดิ์สิทธิ์ของเขายังคงสะพายอยู่ด้านหลัง ท่าทางไม่สะทกสะท้าน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มองดูจากท่าทางของเขาแล้ว ดูไม่ออกว่าใครแพ้ใครชนะกันแน่

ทุกคนต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน ขณะมองดูดาบอริยะกวานไห่ล่องลอยไปจากเกาะเซียงหลี ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกผิดหวัง เนื่องจากไม่สามารถพินิจพิเคราะห์จากท่าทีของดาบอริยะกวานไห่ได้ว่า ใครเป็นผู้ชนะ ใครเป็นผู้แพ้กันแน่

“ใครชนะใครแพ้นะ?” ยังมียอดฝีมือกลุ่มคนรุ่นใหม่บางคนไม่ยอมแพ้ อดที่จะเอ่ยถามขึ้นไม่ได้

“ระหว่างพวกเขาใครชนะใครแพ้ไม่มีความสำคัญอีกแล้ว” ระดับบรรพบุรุษตระกูลขุนนางโบราณส่ายหน้าและกล่าวว่า “นี่เป็นการบ่งบอกแล้วว่า ในระดับเดียวกันแล้วไม่มีใครสามารถต่อกรกับพวกเขาทั้งสองคนได้ โดยเฉพาะเทพธิดาฉินที่เข้าสู่ยุทธภพน้อยมาก แต่ก็สร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้คนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครหากคิดอะไรกับนางล่ะก็ ควรฝึกปรือพลังวัตรของตนให้ดีเสียก่อนค่อยมาว่ากัน หากไม่มีกำลังความสามารถที่แกร่งพอแล้ว ไหนเลยจะได้รับการโปรดปรานจากผู้หญิงเช่นนี้ได้เล่า?”

ผู้คนจำนวนไม่น้อยได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ในใจ เมื่อได้ฟังคำพูดของระดับบรรพบุรุษตระกูลขุนนางโบราณผู้นี้แล้ว ผู้ที่สามารถได้รับการโปรดปรานจากฉินเจี้ยนเหยานั้น ต้องกำลังความสามารถแข็งแกร่งเช่นใด อย่าว่าแต่กำลังความสามารถอย่างดาบอริยะกวานไห่เลย อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็นศักยภาพดั่งทังเฮ่อเสียง

ผู้ที่มีกำลังความสามารถเช่นนี้ มีคนไหนบ้างที่ไม่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วหล้า มีคนไหนบ้างที่ไม่ได้กุมอำนาจใหญ่อยู่ในมือ

“แข็งแกร่งมากนะเนี่ย” ภายในใจของปิงฉือหานยวี่ก็รู้สึกกังวลหลังจากที่ได้เห็นภาพนี้แล้ว เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ไม่ทราบว่าเทพธิดาฉินมีท่าทีอย่างไร สถานการณ์ไม่เป็นผลดีต่อเทียนจือ หวังว่าเขาจะออกจากการกักตนในเร็ววัน บรรลุค่ายกลโบราณจูเซียน”

การมาเขาจิ่วเหลียนซานของปิงฉือหานยวี่ในครั้งนี้ ก็มีความคิดที่จะดึงเอาฉินเจี้ยนเหยาเป็นพวก ถ้าหากว่าฉินเจี้ยนเหยาให้การสนับสนุนราชันแท้จริงปาเจิ้นล่ะก็ เช่นนั้นแล้วราชันแท้จริงปาเจิ้นก็จะได้นั่งบัลลังก์อย่างมั่นคง

เวลานี้ดูไปแล้ว ภายในใจของปิงฉือหานยวี่ก็ไม่มีความมั่นใจ ไม่รู้ว่าฉินเจี้ยนเหยาจะมีท่าทีเป็นเช่นใด

………………………………………………..

  

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *