Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2487 ตกใจไปทั่ว

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2487 ตกใจไปทั่ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เดิมทีก่อนหน้านี้เขาจิ่วเหลียนซานมีความคึกคักยิ่งนัก ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ต่างแออัดยัดเยียดกันเป็นจำนวนมาก ไม่รู้ว่ามีอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่วิพากวิจารณ์เรื่องบ้านเมืองด้วยจิตใจที่ฮึกเหิม

แต่ทว่า หลังจากศึกที่ป่าหินแล้ว เขาจิ่วเหลียนซานกลับกลายเป็นเงียบสงัดไปทั่ว แต่เดิมผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่แออัดยัดเยียดพลัน เงียบสงัด อัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เคยวิพากวิจารณ์เรื่องบ้านเมืองด้วยจิตใจที่ฮึกเหิมก็พลันเงียบสงัดจนไม่มีเสียงแม้แต่นิดเดียว

นาทีนี้เอง เสียงเอะอะโวยวายทุกอย่างหายเงียบไปโดยพลัน แม้แต่อัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีจิตใจฮึกเหิมนาทีนี้ก็เงียบสงัดไร้ซุ่มไร้เสียง กระทั่งซ่อนตัวไม่กล้าส่งเสียงออกมาสักคำ

ขยับกายด้วยการสังหารหม่าจินหมิง หยางฟู่ฝานตามลำดับ อีกทั้งยังได้เข่นฆ่าอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่อีกสิบกว่าคน บังคับให้อัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ และระดับบรรพบุรุษที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนหลายร้อยคนที่อยู่ในป่าหินต้องคุกเข่า และประจบสอพลอ

กล่าวได้ว่า บรรดายอดฝีมือ และอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่เคยปรากฏตัวที่เขาจิ่วเหลียนซานล้วนแล้วแต่ได้ประสบเคราะห์กรรมนี้มาแล้ว เรียกได้ว่าสำหรับยอดฝีมือ อัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ผู้ที่รอดชีวิตมาได้หวุดหวิดนั้น มันคือความอัปยศ และเป็นอัปยศที่สลักอยู่ในใจยากจะลืมเลือนไปชั่วชีวิต

ลองนึกภาพดู ปรกติแล้วพวกเขาที่เป็นยอดฝีมือ และอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่มีความหยิ่งผยองเพียงใด มองตัวเองว่าสูงเด่นเช่นใด โดยปรกติแล้วพวกเขาล้วนแล้วแต่เชิดหน้าชูคอ กระทั่งอาศัยสายตาที่ก้มมองคนอื่นอยู่แล้ว

แต่ว่า หลังจากศึกที่ป่าหินแล้ว หลี่ชิเย่อาศัยวิธีการที่โหดร้ายทารุณและอันธพาลทำลายเกียรติยศของพวกเขาเสียแหลกลาญ เหยียบย่ำความหยิ่งผยองของพวกเขา เหยียบย่ำคอที่ชูตั้งขึ้นของพวกเขาจนหัก บังคับให้หัวที่หยิ่งผยองของพวกเขาต้องก้มลง ประสบการณ์เช่นนี้กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วช่างเป็นความอัปยศเช่นใด

แต่ว่า ภายใต้วิธีการและปณิธานแข็งแกร่งโหดร้ายทารุณ ถ้าหากพวกเขาไม่ยอมลดตัวก้มศีรษะที่หยิ่งผยองนั้นลงมา ก็ต้องเห็นพรรคพวกคืนอื่นๆ ที่กลางเป็นศพแต่ละศพอยู่ในป่าหิน เลือดไหลนองบันไดหิน ในเวลานี้ต่อให้คนที่หยิ่งยโสมากกว่านี้ แข็งแกร่งมากกว่านี้ เมื่อกลายเป็นศพไปแล้วทุกอย่างดูจะเล็กน้อยเท่านั้น ทุกอย่างช่างต่ำต้อยอะไรอย่างนั้น

ดังนั้น เพื่อให้มีชีวิตก้าวเดินออกจากป่าหิน พวกเขาไม่อาจไม่เลิกชูคอที่หยิ่งยโสนั้นเสีย ไม่อาจไม่คุกเข่ากราบแทบเท้าของหลี่ชิเย่

กล่าวได้ว่า วิธีการและปณิธานแข็งแกร่งโหดร้ายทารุณของหลี่ชิเย่นั้น มีอำนาจสยบจิตใจของทุกคนได้ มาคราวนี้ ได้ทำให้ผู้คนผุดความทรงจำขึ้นมาอีกครั้ง นั่นก็คือฮ่องเต้ทรราช!

ในเมื่อเป็นฮ่องเต้ทรราชองค์หนึ่ง แน่นอนที่สุดย่อมจะต้องมีปณิธานแข็งแกร่งโหดร้ายทารุณ ชื่นชอบการเข่นฆ่าและกระหายเลือด กล่าวสำหรับทรราชองค์หนึ่งแล้ว ยังมีอะไรที่เขาไม่กล้าทำ?

หลังจากศึกป่าหินแล้ว ได้สยบทุกคนที่อยู่ในเขาจิ่วเหลียนซานเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือกลุ่มคนรุ่นใหม่ และหรือยอดฝีมือรุ่นอาวุโสต่างก็เสียวสันหลังวาบ ในเวลานี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่มองหน้ากันและกัน

ฮ่องเต้องค์ใหม่เป็นอะไรไปกันแน่? ทุกคนไม่สามารถเรียกสติกลับมาท่ามกลางความตกตะลึง เหมือนว่าฮ่องเต้องค์ใหม่กลับกลายเป็นน่าสยองขวัญกะทันหันขนาดนี้ภายในชั่วข้ามคืนได้อย่างไร?

ปัญหาข้อนี้ทำให้ผู้คนจำนวนมากคิดไม่ตก ก่อนหน้านั้น ภาพของฮ่องเต้องค์ใหม่คือโง่เขลาเบาปัญญาไร้ความสามารถ เหลวไหลเจ้าชู้ เป็นฮ่องเต้ที่ไร้ความสามารถสุดจะเยียวยาได้

แต่ว่า เมื่อเขาลงมือกะทันหัน พลันมีปณิธานที่แข็งแกร่งโหดเหี้ยมทารุณ ลบล้างภาพลักษณ์ที่โง่เขลาเบาปัญญาไร้ความสามารถไปจนสิ้น มาคราวนี้ทำให้ทุกคนเดาไม่ถูก

“หรือว่าฮ่องเต้องค์ใหม่จะเป็นประเภทน้ำนิ่งไหลลึก?” มียอดฝีมือรุ่นอาวุโสถึงกับพึมพำขึ้นมา หลังจากได้ยินข่าวเช่นนี้แล้ว

แต่ว่า เมื่อนึกให้ละเอียดก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ ถ้าหากกล่าวว่าฮ่องเต้องค์ใหม่เป็นประเภทน้ำนิ่งไหลลึก นั่นเท่ากับบ่งบอกว่าตัวเขาเองก็มีความแข็งแกร่งเช่นนั้นอยู่แล้ว แต่ ถ้าหากฮ่องเต้องค์ใหม่แข็งแกร่งเช่นนั้นจริงล่ะก็ จะไม่สูญเสียแผ่นดิน จะไม่ถูกใครเขาลากลงมาขณะนั่งบนบัลลังก์

สมควรทราบว่า หลังจากที่ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์แล้วนั้น ต่อให้กองทัพหยินมี่และซุนหลิ่งหยิ่งได้ไปจาก แต่ยังคงมีหกกองทัพอยู่ในครอบครอง ราชวงศ์โต่วเซิ่นยังคงให้การสนับสนุนฮ่องเต้องค์ใหม่อย่างเต็มที่ และห้าแกร่งก็ไม่กล้าส่งกองทัพมาชิงบัลลังก์

กล่าวได้ว่า นาทีนั้นฮ่องเต้องค์ใหม่ได้ยืนอยู่จุดสูงสุดของอำนาจ ในมือกุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ และมีอำนาจสุงสุด ในเวลานี้ เขาไม่จำเป็นต้องน้ำนิ่งไหลลึก เป็นช่วงเวลาที่เขาสามารถเผยศักยภาพของตนออกมาได้อย่างสิ้นเชิง สามารถอาศัยความเฉียบขาดเพื่ออำนาจปกครองและทำให้อำนาจฮ่องเต้ของตนมั่นคง

แต่ทว่า ฮ่องเต้องค์ใหม่ไม่ได้ทำเช่นนั้น แต่เป็นการกระทำที่เอาแต่ใจ ทำให้หกกองทัพทรยศ สูญเสียแผ่นดินถูกไล่ลงมาจากบัลลังก์

ถ้าหากว่าฮ่องเต้องค์ใหม่น้ำนิ่งไหลลึกจริง เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้คนอื่นมาแย่งชิงบัลลังก์ของตน ถูกไล่ลงมาจากบัลลังก์

ถ้าหากสืบได้ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่เป็นเช่นนั้นจริง เช่นนั้นแล้วไม่เรียกว่าน้ำนิ่งไหลลึก นั่นคือคนเสียสติ เป็นคนเสียสติคนหนึ่งอย่างสิ้นเชิง

มีศักยภาพที่จะสร้างความมั่นคงให้กับฐานะของตน มีความสามารถที่จะกุมอำนาจฮ่องเต้เอาไว้อย่างมั่นคงแล้ว ยังปล่อยปละละเลยให้ต้องเสียแผ่นดิน ถูกคนอื่นลากลงมาจากบัลลังก์ คนประเภทนี้หากไม่ใช้คนเสียสติจะเป็นอะไรได้?

ผู้คนจำนวนมากคิดดูอย่างรอบคอบรู้สึกว่ามันก็เป็นไปไม่ได้ โลกนี้จะมีสักกี่คนที่กุมอำนาจอยู่ในมือ ขณะที่ยืนอยู่บนอำนาจสูงสุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่แล้วยังปล่อยให้คนอื่นรังแกได้ ปล่อยให้คนอื่นแย่งชิงบัลลังก์แย่งอำนาจ เรื่องแบบนี้มีไม่กี่คนในโลกที่ทำเช่นนี้ได้

หากจะบอกว่าฮ่องเต้องค์ใหม่ไม่ได้เป็นประเภทน้ำนิ่งไหลลึก แล้วฮ่องเต้องค์ใหม่กลายเป็นแข็งแกร่งขนาดนี้กะทันหันได้อย่างไรกันแน่ การมีจิตวิญญาณเข่นฆ่าที่แข็งกร้าวเช่นนี้ โหดร้ายทารุณกระหายเลือดเช่นนี้?

ทุกคนต่างก็ไม่เข้าใจสำหรับปัญหาข้อนี้ ไม่รู้ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

แต่ทว่า หลังจากศึกที่ป่าหินแล้ว พลันทำให้ทุกคนต่างรู้สึกหวั่นเกรงขึ้นมา เนื่องจากฮ่องเต้องค์ใหม่ได้ทำการทำลายล้างภาพลักษณ์ที่ทุกคนเคยมีต่อเขา ฮ่องเต้องค์ใหม่พลันกลายเป็นสิ่งที่ผู้คนไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับตัวของเขา ดังนั้น ไม่รู้มีผู้คนจำนวนเท่าไรต้องรู้สึกใจหายใจคว่ำภายในใจกับสิ่งนี้

“ฮ่องเต้องค์ใหม่ใช่ประเภทน้ำนิ่งไหลลึกจริงๆ รึ?” ที่เกาะเซียงหลี ฉินเจี้ยนเหยาเป็นผู้รับทราบข่าวนี้เป็นคนแรก หลังจากฟังรายงานจากศิษย์ในสำนักแล้ว นางรับรู้ถึงความเป็นไปของเรื่องราวทั้งหมดอย่างชัดเจน

สีหน้าของฉินเจี้ยนเหยาเปลี่ยนไปมากทีเดียวหลังจากได้ทราบข่าวนี้แล้ว พลันทำให้นางรู้สึกร้อนอกร้อนใจ ภายในใจรู้สึกตลอดว่าจะต้องมีอะไรผิดแผนเป็นแน่เท้

“ฮ่องเต้องค์ใหม่เป็นคนแบบไหนกันแน่นะ?” ในเวลานี้ ฉินเจี้ยนเหยารู้สึกว่าตัวเองนั้นมืดแปดด้าน ก่อนหน้านั้นนางเข้าใจว่าตนเองนั้นเข้าใจในตัวของฮ่องเต้องค์ใหม่แล้ว แต่ว่า เวลานี้นางรู้สึกว่าตนเองนั้นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฮ่องเต้องค์ใหม่เลยขึ้นมากะทันหัน หากเป็นทรราชคนหนึ่งที่พลันกลายเป็นหมอกหนาทึบที่ผู้คนไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนทันที

“หรือว่าผิดพลาดไปแล้วจริงๆ” เวลานี้ฉินเจี้ยนเหยาถึงกับเหม่อลอย และพึมพำขึ้นมา

นางมีสัญญาหมั้นหมายกับฮ่องเต้องค์ใหม่ แม้จะกล่าวว่าวัดจิ้งเหลียนกวานของพวกเขาไม่ได้อาศัยตัวปลอมไปทำแบบขอไปทีกับสัญญาหมั้นหมายในครั้งนั้น เฉกเช่นตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ และไม่ได้ไปแสดงท่าทียกตนข่มท่านขอถอนการหมั้นหมายกับฮ่องเต้องค์ใหม่

กลยุทธที่พวกเขาใช้ก็คือ มองข้ามเรื่องสัญญาหมั้นหมายครั้งนี้ไป ต่างฝ่ายถือเสียว่าไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายล้วนแล้วแต่มีทางลง ให้ทั้งสองฝ่ายไม่รู้สึกอึดอัดมากเป็นพิเศษ

กลยุทธเช่นนี้ไม่ได้ตัดสินใจโดยฉินเจี้ยนเหยาเพียงลำพังผู้เดียว บรรดาเหล่าบรรพบุรุษของวัดจิ้งเหลียนกวานต่างเห็นด้วยกับกลยุทธเช่นนี้

ถ้าหากว่า ฮ่องเต้องค์ใหม่เป็นทรราชจริงๆ กลยุทธเช่นนี้กล่าวสำหรับวัดจิ้งเหลียนกวานของพวกเขาแล้ว เป็นเพียงเรื่องที่ดีมากเรื่องหนึ่งเท่านั้น

วัดจิ้งเหลียนกวานของพวกเขาย่อมไม่ยินดีที่จะให้ศิษย์สาวที่มีอนาคตไร้ขีดจำกัดเช่นนี้แต่งงานกับฮ่องเต้ทรราชอยู่แล้ว และวัดจิ้งเหลียนกวานของพวกเขาก็ไม่ยินยอมทุ่มทุนให้กับฮ่องเต้ทรราชเช่นนี้ จะอย่างไรเสียมันเป็นเรื่องที่ลงทุนมหาศาลไปแล้วไม่ได้ผลตอบแทนกลับคืน

แต่ทว่า หากฮ่องเต้องค์ใหม่เป็นคนที่น้ำนิ่งไหลลึกล่ะ? เมื่อเป็นเช่นนั้นก็จะกลับกลายเป็นเรื่องที่กลับตาลปัตรมากที่สุด ซึ่งสิ่งนี้กล่าวสำหรับวัดจิ้งเหลียนกวานของพวกเขาแล้ว จะส่งผลกระทบที่น่าสยองขวัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับภาพรวมสถานการณ์ของแผนการต่อสู้ทั้งหมด

“คุณหนู เวลานี้ควรจะทำอย่างไรดี?” เวลานี้ผู้รับใช้เฒ่าที่อยู่ข้างกายก็รู้สึกมึนงง จึงเอ่ยถามขอความเห็นจากฉินเจี้ยนเหยา

“เจ้ารีบกลับไปที่สำนักเพื่อขอคำชี้แนะจากท่านปรมาจารย์ ดูว่าท่านปรมาจารย์จะมีความเห็นเป็นเช่นใด” ฉินเจี้ยนเหยาทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่ง สุดท้ายสั่งการกับผู้รับใช้เฒ่าที่อยู่ข้างกาย

ผู้รับใช้เฒ่ารับคำแล้วจากไปอย่างรีบเร่ง เพื่อกลับไปยังวัดจิ้งเหลียนกวานรีบด่วน

หลังจากที่ผู้รับใช้เฒ่าจากไปแล้ว ฉินเจี้ยนเหยามองดูน้ำในทะเลสาบนอกหน้าต่าง ถึงกับตกอยู่ในความครุ่นคิดในขณะนี้ ในยุคปัจจุบันนี้ ยุคของฮ่องเต้ไท่ชิงที่เป็นใหญ่แต่ผู้เดียวได้สิ้นสุดลงแล้ว และวัดจิ้งเหลียนกวานของพวกเขาก็คิดจะทำการใหญ่เหมือนเช่นอดีตที่ผ่านมา แทรกซึมเข้าไปอยู่ในอำนาจฮ่องเต้ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่

กล่าวสำหรับวัดจิ้งเหลียนกวานของพวกเขาแล้ว สามารถแทรกซึมลึกเข้าไปในอำนาจฮ่องเต้นั้น วิธีการที่ดีที่สุดก็คือสนับสนุนฮ่องเต้ขึ้นมาองค์หนึ่ง

เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมา วัดจิ้งเหลียนกวานของพวกเขาไม่เข้าไปกุมอำนาจฮ่องเต้โดยตรง และด้วยวิธีการที่อาศัยการแทรกซึมนี้เอง หลังจากผ่านมาแต่ละยุคสมัยไปแล้ว วัดจิ้งเหลียนกวานของพวกเขายังคงยืนหยัดอยู่โดยไม่ล้ม ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ได้เปลี่ยนแปลงราชวงศ์ไปไม่รู้เท่าไร แต่ว่า วัดจิ้งเหลียนกวานของพวกเขายังคงอยู่

เวลานี้ดูไปแล้ว ผู้ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งฮ่องเต้คงมีเพียงทังเฮ่อเสียงกับราชันแท้จริงปาเจิ้นเท่านั้น วัดจิ้งเหลียนกวานของพวกเขาจะทำการเลือกจากหนึ่งในสองคนนี้

แต่แล้วเวลานี้กลับปรากฏฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นมากะทันหัน พลันไปรบกวนจิตใจของฉินเจี้ยนเหยาจนสับสนวุ่นวาย เนื่องจากฮ่องเต้องค์ใหม่พลันอยู่เหนือความควบคุมของพวกเขา

ที่แย่ยิ่งกว่านั้นก็คือ ฮ่องเต้องค์ใหม่ไม่ชอบนางอยู่แล้ว แม้ว่าในสายตาของผู้อื่นนางมีรูปโฉมที่งดงามยอดเยี่ยมในหล้า ฮ่องเต้องค์ใหม่กลับไม่ชอบฉินเจี้ยนเหยาที่มีบุคลิกเหนือมนุษย์ปุถุชนธรรมดา

บุรุษจำนวนมากเท่าไรที่ผูกใจรักนางตั้งแต่แรกพบ จิตใจหวั่นไหว และเคลิบเคลิ้มหลงใหลเพราะนาง แต่ทว่า ฮ่องเต้องค์ใหม่กลับเชิดใส่นาง

“คนฉลาดเสียท่าเพราะความฉลาดของตน ฉินเจี้ยนเหยาน่ะ เจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไปแล่วล่ะ” สุดท้าย ฉินเจี้ยนเหยาถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ รู้สึกกลัดกลุ้มในใจ

แม้ว่าจะยังไม่มีบทสรุปที่สุด แต่ท่ามกลางความเลือนราง นางรู้สึกว่าสถานการณ์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่กำลังจะปิดฉากลง แม้ว่ายังไม่ทันปิดฉาก แต่นางสามารถคาดการณ์ได้ถึงจุดจบลางๆ ได้แล้ว นางสามารถคาดเดาได้เลือนรางแล้วว่า ใครคือผู้ชนะในที่สุด

พริบตาเดียวนั่นเอง ฉินเจี้ยนเหยารู้แล้วว่าตัวเองคำนวณผิดพลาดเสียแล้ว ตนเองมีความเฉลียวฉลาดอย่างยิ่งมาตลอดชีวิต แต่กลับทำเรื่องที่โง่เขลามากเรื่องหนึ่ง

“ว่าอะไรนะ? หยางฟู่ฝานถูกฆ่า…” ปิงฉือหานยวี่ที่เพิ่มจะมาถึงเขาจิ่วเหลียนซานได้ครู่เดียวถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไปมากทีเดียวเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้

นางคือคู่หมั้นของราชันแท้จริงปาเจิ้น เข้าใจในความสามารถของหยางฟู่ฝานเป็นอย่างดี ระดับเทพแท้จริง ขั้นขึ้นสู่สวรรค์ขั้นที่สาม เชี่ยวชาญเรื่องค่ายกลกระบี่ เรียกได้ว่ามีศักยภาพสามารถท้าสู้กับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ขั้นที่สี่ได้

ด้วยกำลังความสามารถเช่นนี้ เรียกได้ว่ายากจะหาผู้ต่อกรได้ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ เว้นแต่ราชันแท้จริงปาเจิ้นเพียงไม่กี่คนแล้ว ยากที่จะมีใครสามารถเอาชนะหยางฟู่ฝานได้อีกแล้ว

แต่ทว่า ก่อนหน้านี้หยางฟู่ฝานที่ยังคงมีจิตใจที่ฮึกเหิม เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ถูกฮ่องเต้องค์ใหม่สังหารท่ามกลางป่าหินนั่น จะไม่ให้ปิงฉือหานยวี่ต้องตกใจยิ่งได้อย่างไรกันเล่า

“ฮ่องเต้องค์ใหม่มีกำลังความสามารถระดับไหนกันแน่นะ” ในเวลานี้สีหน้าของปิงฉือหานยวี่ดูหนักแน่นจริงจังขึ้นมา

ผู้ที่อยู่ข้างกายปิงฉือหานยวี่ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในป่าหินให้นางฟังครั้งหนึ่ง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *