Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1741 ชิงโจว

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1741 ชิงโจว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1741 ชิงโจว
เสียง “แว้งค์” ดังขึ้น เวลานี้รอยประทับมรณะได้สว่างสุกใสขึ้นมาอีกครั้ง รอยประทับมรณะที่ดั่งดอกบัวได้ยกตัวหลี่ชิเย่ลอยขึ้น พริบตาเดียวก็หายตัวไปท่ามกลางพื้นที่ที่กว้างใหญ่ไพศาล

รอยประทับมรณะพาหลี่ชิเย่ก้าวข้ามอาณาจักรที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา สุดท้าย เสียงดัง “ปัง” พุ่งทะลุท้องฟ้า เพียงพริบตาเดียว รอยประทับมรณะได้พาหลี่ชิเย่เข้าสู่แดนที่สิบแล้ว

“ตุบ” เมื่อรอยประทับมรณะหายไป หลี่ชิเย่จึงร่วงหล่นลงกลิ้งไปกับพื้น เขาหัวเราะและปัดเอาดินและฝุ่นที่ติดอยู่บนตัวออกไป

เวลานี้ หลี่ชิเย่มองออกไปข้างหน้า เห็นเพียงพื้นดินที่แห้งผากสุดลูกหูลูกตา เหมือนมองไม่เห็นท้องฟ้าอย่างนั้น

ที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือผืนแผ่นดินแห้งผากที่กว้างใหญ่ เหมือนว่าพื้นดินแห้งผากนี้จะกว้างไกลไม่มีขอบเขตสิ้นสุด ยาวต่อเนื่องเป็นสิบล้านลี้

ยืนอยู่ท่ามกลางพื้นดินที่แห้งผากเช่นนี้ ปรากฏคลื่นความร้อนที่ลอยเข้ามาปะทะใบหน้า เหมือนว่าใต้พื้นดินที่แห้งผากนี้จะมีภูเขาไฟที่ยังพร้อมปะทุออกมาได้อย่างนั้น บางทีพื้นดินแห้งผากนี้อาจเคยประสบอัคคีภัยที่สุดจินตนาการเผาผลาญมาก่อน

การมายืนอยู่บนพื้นที่แห้งผากเช่นนี้ ก้าวเดินไปบนเศษหินดินทรายทำให้รับรู้ถึงความร้อนที่ลวกฝ่าเท้า เหมือนหนึ่งก้าวเดินอยู่บนก้อนถ่านไฟ เป็นการทดสอบปณิธานผู้คนได้ดียิ่งอย่างหนึ่ง

“ผาไหม้ไฟชิงโจว นับเป็นสถานที่ที่ไม่เลวนัก ศูนย์รวมร้อยชาติพันธุ์” หลี่ชิเย่ยืนอยู่ท่ามกลางแผ่นดินที่แห้งผากนี้ สุดลมหายใจเอาอากาศที่มีกลิ่นอายไหม้เกรียมเข้าไป เลียริมฝีปากแผล็บ กล่าวยิ้มแต้ขึ้นมา

สิบสามทวีปแดนสิบ ชิงโจวก็คือหนึ่งในนั้น อีกทั้งชิงโจวนับได้ว่าเป็นสถานที่ที่เป็นศูนย์รวมของร้อยชาติพันธุ์ ในชิงโจวนี้มีมนุษย์ปุถุชน ผู้บำเพ็ญตนของเผ่ามนุษย์ เผ่ามนุษย์ศิลา เผ่าวิญญาณเทพ…ต่างๆ เป็นต้น อาศัยรวมกันอยู่ที่นี่หนึ่งล้านล้านคน

ชิงโจวกว้างขวางไร้ขอบเขต กว้างใหญ่ไพศาล กระทั่งไม่มีใครบอกได้ชัดเจนว่า ชิงโจวมีพื้นที่กว้างไกลเพียงใดกันแน่ พูดได้อย่างเต็มปากว่าความกว้างใหญ่ของชิงโจวไม่ได้ด้อยไปกว่าแดนใดๆ ในเก้าแดนเลย

ในบรรดาสิบสามทวีปนั้น อาจกล่าวได้ว่าทวีปชิงโจวคือที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดแห่งหนึ่งของร้อยชาติพันธุ์ แม้ว่าในความคิดของร้อยชาติพันธุ์จะมองว่าชิงโจวจะด้อยกว่าเจียวเหิงโจวอยู่นิดหนึ่ง แต่ว่า ก่อนศึกล่าสังหารราชัน ทั้งชิงโจวและเจียวเหิงโจวคือสองในสิบสามทวีปที่ร้อยชาติพันธุ์สามารถมีสิทธิเท่าเทียมกับเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่าได้

เนื่องเพราะสาเหตุนี้เอง ทั้งเจียวเหิงโจวและชิงโจวจึงถูกชนรุ่นหลังจำนวนมากของร้อยชาติพันธุ์ยกย่องให้เป็นที่ที่เจริญรุ่งเรืองของร้อยชาติพันธุ์

ในบรรดาสิบสามทวีปนั้น เจียวเหิงโจวเป็นสถานที่แห่งแรกของร้อยชาติพันธุ์ได้รับสิทธิเสมอภาคกับเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่า ขณะที่ชิงโจวคือแห่งที่สองที่ร้อยชาติพันธุ์ได้รับสิทธิเสมอภาคกับเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์ทั้งสามเผ่า

ก่อนศึกล่าสังหารราชัน ประชาชนของร้อยชาติพันธุ์ล้วนแล้วแต่ต้องการอาศัยอยู่ในเจียวเหิงโจวและชิงโจว เนื่องจากทวีปทั้งสองแห่งคือที่ที่รู้สึกถึงความปลอดภัยได้มากที่สุด แน่นอนที่สุด การที่ร้อยชาติพันธุ์ได้รับความคุ้มครองเช่นนี้ได้ ล้วนแล้วแต่เป็นความพยายามของปรัชญาเมธีชนรุ่นก่อน เป็นเพราะพวกเขาที่ต่อสู้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จึงได้รับสถานะเช่นนี้มาได้

การที่ชิงโจวและเจียวเหิงโจวสามารถได้รับสิทธิเสมอภาคกับเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่าได้นั้น ต้องนับเป็นผลงานของราชันเซียนสององค์…ราชันเซียนเจียวเหิงกับราชันเซียนกู่ฉุน

ในบรรดาสิบสามทวีปนั้น เจียวเหิงโจวคือสถานที่แห่งแรกที่ร้อยชาติพันธุ์สามารถได้รับสิทธิเสมอภาคกับเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่า อีกทั้งท้ายที่สุดแล้วมันได้นำเอาชื่อของราชันเซียนเจียวเหิงมาตั้งเป็นชื่อ ซึ่งย่อมเพียงพอที่จะบ่งบอกได้ว่าราชันเซียนเจียวเหิงมีผลงานที่ยิ่งใหญ่เพียงใดแล้ว

ในอดีตทวีปเจียวเหิงโจวไม่ได้ชื่อเจียวเหิงโจว มันมีชื่อว่าไป๋โจว ต่อมาภายหลังราชันเซียนเจียวเหิงได้มาถึงแดนสิบ ราชันเซียนเจียวเหิงเอาชนะราชันทั้งเก้าได้ ด้วยผลงานที่ดุดัน เรียกได้ว่าอำนาจสยบทั่วทั้งแดนที่สิบ

กาลเวลาต่อจากนั้น ราชันเซียนเจียวเหิงเคยเกรียงไกรไปทั่วสิบสามทวีปในหลายยุคสมัยต่อมา ไม่ว่าจะผ่านไปที่ใดล้วนแล้วแต่ปราศจากผู้ต่อกร สุดท้ายราชันเซียนเจียวเหิงกระทั่งท้าดวลราชันเหยียนตี้ที่สืบทอดสิบสองชะตาฟ้า

แม้ว่าชนรุ่นหลังไม่สามารถล่วงรู้ถึงผลการต่อสู้ในครั้งนั้นได้ ไม่มีใครรู้ว่าราชันเซียนเจียวเหิงเป็นฝ่ายชนะ หรือราชันเหยียนตี้เป็นฝ่ายชนะ โดยเฉพาะต่อมาภายหลังราชันเหยียนตี้ตายด้วยสวรรค์ลงทัณฑ์ ทำให้ผลการต่อสู้ยิ่งไม่มีใครรู้อีกต่อไป

แม้ว่าจะไม่มีใครรู้ว่าผลการต่อสู้ใครเป็นผู้แพ้ผู้ชนะ แต่ว่า ภายหลัง ราชันเซียนเจียวเหิงได้เปลี่ยนชื่อไป๋โจวเป็นเจียวเหิงโจว อีกทั้งประชาชนของเจียวเหิงโจวไม่ได้อยู่ภายใต้การปกครองของเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่า

ราชันเหยีนนตี้ที่ยืนอยู่จุดสูงสุดไม่ได้คิดค้านการกระทำของราชันเซียนเจียวเหิง อีกทั้งจอมราชันของเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่าก็ไม่มีใครก้าวออกมาคัดค้าน เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้เจียวเหิงโจวกลายเป็นสถานที่ที่ร้อยชาติพันธุ์ได้อาศัยอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข โดยร้อยชาติพันธุ์ของเจียวเหิงโจวได้ต้องอยู่ภายใต้การปกครองของเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่าอีกต่อไป!

ด้วยเหตุนี้เอง ครั้งนั้นราชันเซียนเจียวเหิงเคยกล่าวเอาไว้ประโยคหนึ่งว่า “หนึ่งหัตถ์ราวีสามพันราชัน สองฝ่ามือกวาดสิ้นสิบสามทวีป!”

เนื่องเพราะคำพูดประโยคนี้ของราชันเซียนเจียวเหิงนี่เอง ดังก้องไปทั่วสิบสามทวีป ทำให้เผ่ามนุษย์ที่อ่อนแอดั่งมดปลวกได้มีวันที่ลืมตาอ้าปากได้!

ชิงโจวที่เปรียบกับเจียวเหิงโจว ชิงโจวได้กลายเป็นแห่งที่สองในบรรดาสิบสามทวีปที่ร้อยชาติพันธุ์สามารถมีสิทธิเสมอภาคกับเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่า ซึ่งระยะห่างเกิดขึ้นช้ากว่ากันไม่น้อยเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม การที่ชิงโจวสามารถกลายเป็นสถานที่ที่ประชาชนอาศัยอยู่กันอย่างมีความสุขเป็นแห่งที่สองได้นั้น ต้องยกให้เป็นผลงานยิ่งใหญ่ของราชันเซียนกู่ฉุน

ราชันเซียนกู่ฉุนคือราชันเซียนองค์แรกของเก้าแดน เขาคือผู้ได้รับการยกย่องเป็นราชันเซียนองค์แรกของเก้าแดน ระยะเวลาที่เขาขึ้นไปยังแดนสิบก่อนราชันเซียนเจียวเหิงเสียอีก

เพียงแต่หลังจากที่ราชันเซียนกู่ฉุนขึ้นไปยังแดนสิบแล้วไม่ได้เหมือนเช่นราชันเซียนเจียวเหิงที่ปราดเปรื่องน่าทึ่ง และไม่ได้เหมือนเช่นราชันเซียนเจียวเหิงที่หลังจากขึ้นไปยังแดนสิบแล้วได้ท้าดวลกับจอมราชันของสิบสามทวีปยุคแล้วยุคเล่า และเขาไม่เหมือนเช่นราชันเซียนเจียวเหิงที่เอาชนะจอมราชันของเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่ามายุคแล้วยุคเล่า

แม้ว่าการมาถึงแดนสิบของราชันเซียนกู่ฉุนไม่ได้มีผลงานการสู้รบที่สะเทือนฟ้า แต่ว่า ขณะที่ราชันเซียนกู่ฉุนเพิ่งมาถึงแดนสิบนั้น เขาอยู่ในฐานะที่สูงส่งมาก

ช่วงที่ราชันเซียนกู่ฉุนเพิ่งก้าวขึ้นแดนสิบในเวลานั้น เขาเคยได้รับจอมราชันจำนวนไม่น้อยของเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่าให้การยอมรับ กระทั่งราชันสวรรค์หุ้นหยวนที่เป็นผู้ครอบครองสิบสองชะตาฟ้าของสิบสามทวีปเป็นองค์ที่สอง ก็ให้ความชื่นชมต่อเขาเป็นอันมาก

เพียงแต่หลังจากราชันเซียนกู่ฉุนมาถึงแดนสิบแล้วทำตัวค่อมต่ำมาก โดยเฉพาะหลังจากที่จอมราชันหุ้นหยวนกระทำการเดินทางไกลปราบปรามครั้งสุดท้ายขึ้นเป็นครั้งที่สองแล้ว ราชันเซียนกู่ฉุนยิ่งยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวโลกภายนอกน้อยมาก มุ่งบำเพ็ญเพียรเพียงอย่างเดียว

หลังจากที่ยุคแล้วยุคเล่าได้ผ่านไป จากการที่จอมราชันจุงหนาน และราชันเซียนเฟยได้กระทำการเดินทางไกลปราบปรามครั้งสุดท้ายขึ้นเป็นครั้งที่สามล้มเหลวแล้ว ราชันเซียนกู่ฉุนที่ครองตนเงียบสงัดมายุคแล้วยุคเล่าได้ผงาดปรากฎตัวขึ้นในที่สุด

ในเวลานี้เอง ราชันเซียนกู่ฉุนได้กระทำการเดินทางไกลปราบปรามครั้งสุดท้ายขึ้นเป็นครั้งที่สี่ขึ้น ก่อนก้าวขึ้นสู่การเดินทางไกล ราชันเซียนกู่ฉุนได้นัดพบจอมราชันของเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่า นัดพบกับราชันเซียนของเก้าแดน ขณะเดียวกันก็นัดพบกับเซียนหวางของร้อยชาติพันธุ์

สุดท้าย ภายใต้บรรดาราชันและเหล่าเทพเป็นพยาน ได้ร่วมลงนามในข้อตกลง โดยเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่าเห็นด้วยให้ชิงโจวได้รับการนิรโทษ หลังจากที่ลงนามในข้อตกลงเรียบร้อยแล้ว ประชาชนร้อยชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในชิงโจวจึงได้รับอำนาจทุกอย่างที่เผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่ามีอยู่ และได้รับสิทธิที่เสมอภาคด้วยเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่า

หลังจากลงนามในข้อตกลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ราชันเซียนกู่ฉุนจึงพร้อมด้วยจอมราชันและเซียนหวางก้าวเดินไปสู่การเดินทางไกลปราบปรามครั้งสุดท้ายเป็นครั้งที่สี่!

แม้ว่าราชันเซียนกู่ฉุนไม่ได้ปราดเปรื่องน่าทึ่งเช่นราชันเซียนเจียวเหิง และไม่เหมือนราชันเซียนเจียวเหิงที่สามารถเอาชนะจอมราชันแต่ละองค์ของเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่ามาแต่ละยุคสมัย! ท้ายที่สุดแล้ว หลังจากที่ปราศจากผู้ต่อกรมายุคแล้วยุคเล่า ก็สามารถยืนยันฐานะของเจียวเหิงโจวได้!

แต่ว่า การปฏิบัติตนอย่างเงียบๆ ของราชันเซียนกู่ฉุน การเสียสละอย่างเงียบๆ การพยายามอย่างเงียบๆ ของเขา ทำให้เขาได้รับการเคารพนับถือในสิบสามทวีป และได้รับการเคารพนับถือจากประชาชนร้อยชาติพันธุ์ในสิบสามทวีป ดังนั้น ในความคิดของบรรดาประชาชนร้อยชาติพันธุ์ ราชันเซียนกู่ฉุนจึงไม่ได้เสียชื่อในฐานะที่เป็นราชันเซียนองค์แรกของเก้าแดน

บางทีในความคิดของประชาชนในเจียวเหิงโจวอาจมองว่าฐานะของราชันเซียนกู่ฉุนไม่เท่าราชันเซียนเจียวเหิง แต่ว่าในความคิดของประชาชนจำนวนมากของชิงโจวมองว่า ฐานะของราชันเซียนกู่ฉุนนั้นสูงส่งที่สุด!

ผาไหม้ไฟเป็นเพียงทะเลทรายรกร้างที่มีขนาดเล็กมากๆ แห่งหนึ่งของชิงโจวที่กว้างขวางสุดเปรียบเปรยเท่านั้น แม้ว่าผาไหม้ไฟจะกว้างใหญ่เป็นสิบล้านลี้ แต่สำหรับชิงโจวที่กว้างใหญ่ไพศาลแล้ว มันเป็นเพียงทะเลทรายขนาดเล็กๆ แห่งหนึ่งเท่านั้น

ต่อให้ผาไหม้ไฟแห่งนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่ร้อนระอุและไหม้เกรียมทุกหนทุกแห่ง แต่ว่า ถ้าหากบุคคลนั้นคือราชันเซียนที่มาจากเก้าแดนล่ะก็จะต้องรับรู้ได้ว่า ใต้พื้นดินแห่งนี้มีกลิ่นอายที่ไม่เคยมีมาก่อน เป็นกลิ่นอายที่ยากจะรู้สึกได้ในเก้าแดน นั่นก็คือกลิ่นอายขมุกขมัว พลังของโลกดึกดำบรรพ์ก่อนที่ฟ้าดินจะแยกเป็นสองส่วน!

นี่แหละคือความแตกต่างโดยสิ้นเชิงระหว่างเก้าแดนกับแดนที่สิบ ผู้บำเพ็ญตนของเก้าแดนหายใจเข้าออกเป็นพลังแก่นฟ้าดิน ควบคุมพลังสัจธรรม ขณะที่แดนสิบจะโดยตรงมากกว่า หายใจเข้าออกด้วยกลิ่นอายขมุกขมัว ควบคุมพลังของโลกดึกดำบรรพ์ก่อนที่ฟ้าดินจะแยกเป็นสองส่วน

แม้ว่าพลังแก่นฟ้าดินของเก้าแดนก็สามารถกลั่นให้เป็นกลิ่นอายขมุกขมัวได้ และสามารถหลั่นเป็นพลังของโลกดึกดำบรรพ์ก่อนที่ฟ้าดินจะแยกเป็นสองส่วนขึ้นมาได้ แต่หากบุคคลผู้นั้นไม่ใช่ระดับราชันเซียน ก็จะมีความยากลำบากมาก

หลังจากที่ราชันเซียนมาถึงแดนสิบแล้วต้องการแข็งแกร่งมากว่านี้ พวกเขาก็จะทำการกลั่นพลังแก่นฟ้าดิน พลังสัจธรรมของตน สุดท้ายกลายเป็นกลิ่นอายขมุกขมัวที่มีความบริสุทธิ์ที่สุด และพลังของโลกดึกดำบรรพ์ก่อนที่ฟ้าดินจะแยกเป็นสองส่วน!

หลี่ชิเย่เพียงเผยรอยยิ้มเฉยเมยออกมาให้เห็น เมื่อรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายขมุกขมัว และพลังของโลกดึกดำบรรพ์ก่อนที่ฟ้าดินจะแยกเป็นสองส่วนที่ยากจะรับรู้ได้ในเก้าแดน

หลังจากที่หลี่ชิเย่กำหนดทิศทางที่แน่ชัดแล้ว จึงก้าวเดินออกไปจากผาไหม้ไฟทีละก้าวๆ

เวลานี้ หลี่ชิเย่เดินได้เชื่องช้ามาก ไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่ง ความจริงแล้วหลี่ชิเย่ในขณะนี้ก็คือมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่ง มนุษย์ปุถุชนที่ปราศจากพลัง

เนื่องจากประกายทำให้แห้งและเน่าเปื่อยของราชันซื่อตี้นั้นมีอานุภาพทำลายล้างที่สูงมาก มันได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของหลี่ชิเย่ไปสิ้น หลี่ชิเย่ในเวลานี้ฐานเต๋าได้กลายเป็นเถ้าธุลีไปโดยสิ้นเชิง ภายใต้สิบสามลัคนาทำให้สี่ยอดกายเซียนยังคงรักษาเอาไว้ได้

ต่อให้สิบสามลัคนาและสี่ยอดกายเซียนยังคงอยู่ แต่พวกมันสลดและอับแสงไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสิบสามลัคนาหรือสี่ยอดกายเซียนก็ตาม พวกมันไม่ได้มีพลังเหลืออยู่อีกเลย

การที่ฐานเต๋าของหลี่ชิเย่ถูกทำลาย ทำให้เขาในเวลานี้ก็คือมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย

ความจริงแล้วการที่หลี่ชิเย่ต้องตกต่ำถึงเพียงนี้ก็ไม่แปลก ลองคิดดูภายใต้ราชันซื่อตี้และสิบสองจอมราชันชาตาฟ้าสี่สิบสาย ใครเล่าจะเอาชีวิตรอดได้? เรียกได้ว่า ภายใต้ท่าไม้ตายเช่นนี้ไม่มีผู้ใดสามารถรอดชีวิตมาได้

การที่หลี่ชิเย่สามารถฟื้นคืนชีพนับว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้วหละ หากไม่เป็นเพราะหลี่ชิเย่มีสิบสามลัคนาไว้ในครอบครอง เกรงว่าผลจากการถูกทำร้ายคงติดตามรบกวนเขาไปทั้งชีวิต และทำให้เขาไม่สามารถฝึกวิชาได้อีก

สิบสามลัคนาได้สลัดสิ้นพันธนาการทุกสิ่ง มันรักษาสี่ยอดกายเซียนเอาไว้ ภายใต้สิบสามลัคนาและสี่ยอดกายเซียน ทำให้หลี่ชิเย่ฟื้นคืนชีพภายใต้รอยประทับมรณะสามารถขับเอาพิษจากการทำให้แห้งและเน่าเปื่อยให้สลายไป ทำให้พิษจากการทำให้แห้งและเน่าเปื่อยไม่สามารถรบกวนเขาชั่วชีวิต

ฐานเต๋าถูกทำลายส่งผลให้สิ่งที่หลี่ชิเย่ได้ฝึกมาก่อนหน้ามลายหายไปทั้งหมด แต่ในมุมมองของหลี่ชิเย่กลับมองว่าเป็นผลดี เขาไม่ย่อท้เอ และไม่หมดกำลังใจ มองโลกในแง่ดี

กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว การที่ฐานเต๋าถูกทำลาย สูญสิ้นสรรพวิชาไม่นับเป็นอะไร ทุกอย่างสามารถเริ่มต้นใหม่ได้กล่าวสำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องปรกติมาก และหาใช่เรื่องที่ยากเย็นแต่อย่าง

การถูกล้อมปราบโดยราชันซื่อตี้ และสิบสองจอมราชัน แม้ว่าหลี่ชิเย่จะสูญเสียฐานเต๋า สูญเสียวิชา แต่สำหรับหลี่ชิเย่แล้วมองว่า เขาได้บรรลุถึงเป้าหมายของยุทธวิธีที่ตั้งเอาไว้แล้ว

อย่างน้อยที่สุด ทำให้หลี่ชิเย่สามารถแย่งชิงชาตะฟ้าได้หกสาย จุดประกายกฎเกณฑ์สายที่สองให้สว่างสุกใสขึ้นได้

ที่สำคัญที่สุดก็คือ เขาทำให้สิบสองจอมราชันได้รับความเสียหายอย่างหนัก ราชันซื่อตี้ต้องล่าถอยไปเพราะสวรรค์ลงทัณฑ์ ภายในระยะเวลาอันสั้น จอมราชันของเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่าล้วนแล้วแต่ไม่กล้ามายุ่งกับเขา

ขณะเดียวกัน มีความเป็นไปได้ที่อเวจีได้ขึ้นมาแดนสิบแล้ว ซึ่งจะสร้างความกดดันให้กับราชันซื่อตี้เป็นอันมาก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ควรกำจัดอีกาทมิฬที่เป็นศัตรูมายุคแล้วยุคเล่า หรือควรร่วมมือกันทำลายล้างอเวจีที่มาจากความมืด!

ไม่ว่าท้ายที่สุดพวกของราชันซื่อตี้จะเลือกอย่างไร พวกเขาก็ต้องมีเวลานั่งคุยหารือกัน ต้องมีเวลาในการตัดสินใจ

ช่วงเวลาจากนี้กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว มันคือช่วงเวลาที่เขาสบายใจและอิสระอย่างไม่ต้องสงสัย

เขามาถึงแดนที่สิบแล้ว ยุทธวิธีการรบก็บรรลุตามเป้าหมาย กล่าวได้ว่าก้าวแรกในแดนที่สิบของเขาได้ก้าวออกไปแล้ว

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *