Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2069 รุกรานเข้าไปยังสถาบันศึกษาเทพเจ้า

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2069 รุกรานเข้าไปยังสถาบันศึกษาเทพเจ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตูม…ตูม…ตูม…นาทีนี้เองสถาบันศึกษาเทพเจ้าโครงแคลงไปมาไปทั่วทำท่าเหมือนจะหลุดร่วงไปอย่างนั้น นักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าล้วนแล้วแต่ถูกทำให้ตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง นักศึกษาทั้งหมดถูกพลังที่น่ากลัวเช่นนี้สยบจนหมอบอยู่กับพื้น ไม่สามารถทรงตัวลุกขึ้นมาได้

แม้ว่าระบบป้องกันของสถาบันศึกษาเทพเจ้าจะได้รับการปลุกเสกจากราชันเซียนและเทพโบราณที่อยู่ในระดับสูงสุดมาแล้ว เช่นราชันเซียนเฟย ราชันเทพจงหนาน ราชันเซียนหมิงเหริน เซียนหวังอิเย่ เทพโบราณกู่ฝาน…เป็นต้น แต่อย่างไรเสียยังคงต้านทานต่อการโจมตีอย่างรุนแรงของจอมราชันเซียนหวังมากมายเช่นนี้

ปัง…ในที่สุดระบบป้องกันของสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็ไม่สามารถต้านทานได้ เสียงดังสนั่นขึ้นมาพร้อมกับระบบป้องกันถูกทำลายจนแตกละเอียด ไม่สามารถรองรับพลังที่จ่ากลัวเช่นนี้ได้อีก

“ควรเป็นทีของพวกเราแล้ว” เวลานี้พวกราชันมารอวี่หลุนหัวเราะเสียงดัง เสียงปังดังสนั่นขึ้น ก้าวเท้าเข้าไปในสถาบันศึกษาเทพเจ้า อาศัยท่วงท่าที่พาลและปราศจากผู้ต่อกรก้าวเข้าไปยังด้านในของสถาบันศึกษาเทพเจ้า

“รับมือ…” เวลานี้อดีตผู้อำนวยการสถาบันคำรามเสียงยาวทีหนึ่ง นำพาผู้เฒ่าอื่นๆ วิ่งลุยออกมา พริบตาเดียวนั่นเอง ได้ยินเสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้น ส่วนที่ลึกที่สุดของสถาบันศึกษาเทพเจ้าปรากฎประกายพวยพุ่งขึ้นมา ประกายดังกล่าวได้ฉายลงบนตัวของพวกเขา ฉับพลันนั้นพวกเขาก็ได้สวมเสื้อเกราะกันคนละตัว ซึ่งสิ่งนี้ก็คือการป้องกันของสถาบันศึกษาเทพเจ้า

“ยกไป…” เวลานี้จอมเทพทั้งแปดของกลุ่มแปดเสาหลักยังคงไม่เลิกล้มความตั้งใจในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกนั้น คำรามเสียงยาวออกมา ยื่นมือขนาดใหญ่ออกไป ต้องการหยิบฉวยเอาภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกนี้ไป

“ลั่วเหวินชาง อย่าได้ทำกำเริบเสิบสาน…” ในขณะนี้อดีตผู้อำนวนการสถาบันได้นำพาผู้เฒ่าหลายคนลุยเข้ามา หนึ่งในนั้นรวมทั้งม่อเชียนจวินที่ปรกติไม่ปรากฎตัว แม้ว่าผู้เฒ่าหลายคนเรียกว่าแก่ชราแล้ว แต่เมื่อเข้าสู่สมรภูมิรบแล้ว ก็จะมีกำลังวังชาที่เปี่ยมล้น

ปัง…เวลานี้อดีตผู้อำนวนการสถาบันได้นำพาผู้เฒ่าหลายคนสู้รบพันตูอยู่กับจอมเทพทั้งแปดของกลุ่มแปดเสาหลัก สมควรทราบว่าจอมเทพทั้งแปดของกลุ่มแปดเสาหลักยังมีผู้ที่เคยเป็นศิษย์ของพวกอดีตผู้อำนวนการสถาบันรวมอยู่ด้วย

“ต้นไม้วิเศษควรจะเป็นของข้า” เวลานี้ราชันเซียนฉงหวงได้บุกเข้าไปในสถาบันศึกษาเทพเจ้า พลันเล็งไปที่ต้นไม้วิเศษที่ปลูกอยู่ลึกเข้าไปภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้า ซึ่งมีเปลวเพลิงเซียนแลบออกมา หวังจะขุดเอาไปทันที

“ฉงหวง คิดจะชิงเอาต้นไม้วิเศษไป ถามพวกเราสองคนก่อน!” ในเวลานี้เอง เซียนหวังสองประสานสองสามีภรรยาได้ขวางทางของราชันเซียนฉงหวงเอาไว้ กล่าวเสียงน่าเกรงขามออกมา

“ดี สงเคราะห์พวกเจ้า” ดวงตาทั้งสองของราชันเซียนฉงหวงเบิกกว้าง ส่งประกายเยือกเย็นไปรอบด้าน อ้าปากขึ้น ตูมเสียงหนึ่งดังขึ้น หนอนมารที่ไม่มีสิ้นสุดพลันพุ่งเข้าหาเซียนหวังสองประสาน มากันแบบมืดฟ้ามัวดิน หนอนมารจำนวนนับไม่ถ้วนต้องการจัดการกลืนกินเซียนหวังสองประสานให้สิ้น

ตึง…ตึง…ดังขึ้นมาสองครั้ง ดาบและกระบี่ออกจากฝัก ดาบส่องประกายหมื่นยุค กระบี่คำรามเก้าชั้นฟ้า ทันใดนั้นดาบและกระบี่สองประสาน เงาของทั้งสองทับซ้อนกัน ฉับพลันนั้นเซียนหวังสองประสานต่างก็หายตัวไป ได้ยินเสียงดาบและกระบี่ดังตึง ตึง ตึงไม่ขาดสาย ปรากฏห่าฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้าอย่างรุนแรง มันไม่ใช่ห่าฝน แต่เป็นฝนกระบี่ กระบี่สวรรค์จำนวนนับไม่ถ้วยลงมาจากฟากฟ้า ขณะเดียวกัน บังเกิดเสียงดังตูม หอบเอาคลื่นยักษ์ที่สูงเป็นล้านล้านจ้างถาโถมเข้ามา เมื่อมองดูให้ละเอียด นั่นไม่ใช่คลื่นยักษ์ แต่เป็นคลื่นดาบ คลื่นดาบที่ไม่มีสิ้นสุดไล่หลังตามกันมา

ได้ยินเสียงจี๊ดดังขึ้น ฝนกระบี่และคลื่นดาบที่บิดเป็นเกลียวผ่านมา ฉับพลันก็จัดการบดขยี้หนอนมารจำนวนนับล้านล้านกลายเป็นเนื้อบด

“ฆ่า…” ราชันเซียนฉงหวงใช่ว่าจะสร้างชื่อด้วยการอาศัยหนอนมารเพียงอย่างเดียว เขาคำรามเสียงยาว ในมือได้ถือระฆังขนาดใหญ่อยู่ปากหนึ่ง กระแทกเข้าไปอย่างแรง ได้ยินเสียงดังปัง กระแทกจนคลื่นยักษ์พลิกหงายขึ้นไป

แว้งค์ แว้งค์ แว้งค์อีกด้านหนึ่งของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ร่างเงาของราชันเซียนชาติที่สองแวบวับครั้งแล้วครั้งเล่า ภายในระยะเวลาอันสั้น เขาได้แวบไปปรากฏตัวอยู่ที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ที่เก่าแก่โบราณหลังหนึ่ง

“ที่นี่ก็คือวิหารเซียนที่เล่าลือกันว่าได้ซ่อนตำราเอาไว้” เมื่อราชันเซียนชาติที่สองมองเห็นวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่เก่าแก่โบราณหลังนี้แล้ว เขาหรี่ตาทั้งสองข้าง เขาได้กำหนดเป้าหมายแต่แรกกับการมาที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าเอาไว้แล้ว

“สหายชาติที่สอง กลับไปเถอะ อย่าให้ตัวเองต้องเดือดร้อนเลย!” เวลานี้ปรากฏคนผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าวิหารศักดิ์สิทธิ์ ขวางทางราชันเซียนชาติที่สองเอาไว้ คนผู้นี้ก็คือเซียนหวังฝูสือที่รุดมาให้การช่วยเหลือนั่นเอง

“สหายฝูสือ สถาบันศึกษาเทพเจ้าต้องล่มสลายอย่างแน่นอน ใยจะต้องเฝ้ารักษาอย่างสุดชีวิตเล่า? ท่านกับข้าร่วมกันแบ่งปันตำรานี้ท่านเห็นเป็นอย่างไร?” ราชันเซียนชาติที่สองยิ้มกล่าว

“เซียนหวังไม่เคยเป็นคนถ่อย เรื่องต่ำทรามเป็นที่เสื่อมเสียชื่อเสียงของเซียนหวัง” เซียนหวังฝูสือปฏิเสธข้อเสนอของราชันเซียนชาติที่สองเย็นชา

“แต่ว่า ราชันเซียนเป็นคนโหดคนหนึ่ง” ราชันเซียนชาติที่สองยิ้มกล่าว ขาดคำ เสียงตึงดังขึ้นกงจักรในมือพลันถูกขว้างออกไป พุ่งเป้าตัดศีรษะของเซียนหวังฝูสือ

“ทำลาย…” เซียนหวังฝูสือร้องตวาดออกมาเมื่อเห็นกงจักรที่พุ่งเข้ามา ไม้ตระบองในมือฟาดออกไป

“สหายทั้งหลาย ล่วงเกินแล้ว…” เวลานี้ราชันมารอวี่หลุนได้บุกเข้าไปภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้า จากการที่เขามีชะตาฟ้าสิบสาย อาจารย์ทั่วไป กระทั่งผู้เฒ่าก็ขวางเขาไม่อยู่ เพียงชั่วพริบตาเดียวก็บุกรุกเข้าไปยังหุบเขาเซียนแห่งหนึ่ง

เขามีพลังชะตาฟ้าที่น่าเกรงขาม เพียงพริบตาเดียวก็จัดการกับอาจารย์และผู้เฒ่าหลายคนของสถาบันศึกษาเทพเจ้าจนร่างปลิวออกไป ในฐานะที่เป็นจอมราชัน เขามีท่วงท่าที่สุดยอดไร้เทียมทาน เพียงตวัดแขนเสื้อทีหนึ่ง ปิดฟ้าบังตะวัน พลันจัดการกับอาจารย์และผู้เฒ่าที่เฝ้ารักษาอยู่ที่นี่ปลิวไปไกลล้านล้านลี้ ทำลายแนวป้องกันของหุบเขาเซียนได้โดยพลัน.ไอรีนโนเวล.

แม้ว่าระบบป้องกันของหุบเขาเซียนแห่งนี้ได้ผ่านการปลุกเสกจากจอมราชันเซียนหวัง ระดับสูงสุดมา แต่จะอย่างไรเสียก็ต้านจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบสายเช่นเขาได้ อย่างไรก็ตามเขามาด้วยร่างจริง จึงมีอานุภาพที่ไม่ธรรมดา

แช้งค์…ขณะที่ราชันมารอวี่หลุนกำลังจะเคลื่อนย้ายหุบเขาแห่งนี้เอาไป พลันปรากฏประกายกงจักรแวบผ่าน ปะกายกงจักรที่มีพลังล้ำเลิศ ต่อให้เป็นระบบป้องกันของจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบสายก็ถูกแทงจนทะลุ ได้ยินเสียงดังปุ แนวป้องการของราชันมารอวี่หลุนถูกแทงทะลุ เขาต้องก้าวถอยหลังติดต่อกันหลายก้าว เพื่อหลีกเลี่ยงประกายกงจักรที่น่ากลัวและยอดเยี่ยม

ราชันมารอวี่หลุนเพ่งมองดู เห็นผู้เฒ่าผู้หนึ่งได้ขวางทางของเขาเอาไว้

“พี่อสุรา ไม่พบกันเสียนาน” เมื่อราชันมารอวี่หลุนมองเห็นผู้เฒ่าแล้วก็ไม่ได้ตระหนก แสดงคารวะแบบจีน ยิ้มกล่าวขึ้น แม้ว่าเขาจะเข้าโจมตีสถาบันศึกษาเทพเจ้า แต่ยังคงมีท่วงทีกิริยาที่คล่องแคล่วสง่างาม

ผู้เฒ่าที่ขวางทางของราชันมารอวี่หลุนเอาไว้ไม่ใช่ใครอื่นไกล คือหนึ่งในผู้เฒ่าที่แข็งแกร่งที่สุดของสถาบันศึกษาเทพเจ้า นามว่าอสุรานั่นเอง!

“ไม่พบกันเสียนาน” ในมืออสุรามีกงจักรศักดิ์สิทธิ์ เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “อวี่หลุน ท่านพนันว่าสถาบันศึกษาเทพเจ้าของเราต้องล่มสลายอย่างแน่นอน”

“พี่อสุรา นี่ไม่ใช่พนัน แต่เป็นความจริง” ราชันมารอวี่หลุนยิ้มเฉยเมย และกล่าวว่า “พี่อสุราอาจจะยังไม่รู้ แต่ข้าได้ข่าวบางอย่างมา กองทัพจอมราชันของเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าต้องยกมาประชิดแน่ ข้าอวี่หลุนไม่เจียมตัวขอลงมือเป็นคนแรก หากรอให้บรรดาราชันของเทียนฉวนลงมือ เกรงว่าข้าคงได้ดื่มแค่น้ำแกงแล้วกระมัง”

“เทียนฉวนก็ทำลายสถาบันศึกษาเทพเจ้าข้าไม่ได้” อสุราพูดเสียงเรียบเฉยว่า “ท่านฟังคำหวังดีของข้า ไปเสีย มิฉะนั้นหละก็ อย่าว่าแต่ท่านเลย แม้แต่พวกเจ้าสี่ราชันอวี่หลุนบวกกับตระกูลขุนนางโบราณอวี่หลุนก็จะรักษาเอาไว้ไม่ได้”

“ขอบคุณความหวังดีของพี่อสุรา อยากร่ำรวยก็ต้องกล้าเสี่ยง ของวิเศษที่สถาบันศึกษาเทพเจ้ามีไว้ในครอบครองข้าไม่ต้องกล่าวมากความ พี่อสุราคิดว่ามันคุ้มค่าที่ข้าจะเสี่ยงสักครั้งหรือไม่?” ราชันมารอวี่หลุนอมยิ้มและกล่าวว่า “ข้าไม่ได้มีความแค้นกับบรรดาสหายของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ทุกคนแค่ต้องการของวิเศษเท่านั้นเอง หากพี่อสุราและทุกท่านไม่ขวางทางข้า ข้าก็ไม่ทำให้ทุกท่านต้องลำบาก ปล่อให้ทุกคนในสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้ไปจากอย่างอิสระเสรี”

ตัวเขาที่อยู่ในฐานะจอมราชัน การที่ราชันมารอวี่หลุนพูดคำพูดลักษณะเช่นนี้ออกมา เรียกได้ว่าเป็นคำพูดที่มีน้ำหนักมาก จะอย่างไรเสีย เขาก็คือจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบสาย คำพูดก็คือกฎ

“ถ้าเช่นนั้น พวกเราก็ไม่มีอะไรต้องพูดกัน วัดกันด้วยความเป็นความตาย” แววตาของอสุราดูน่าเกรงขาม กงจักรในมือพลันออกจากมือไปทันที

“ดี วัดด้วยความเป็นความตาย” ราชันมารอวี่หลุนก็เปี่ยมด้วยบุคลิกลักษณะอันอาจหาญ กล่าวหัวเราะเสียงดัง

เสียงปัง…ดังสนั่น ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง อสุราและราชันมารอวี่หลุนได้สู้รบพันตูด้วยกัน

ในเวลานี้ จอมเทพแต่ละองค์ได้บุกเขาไปในสถาบันศึกษาเทพเจ้า มีจอมเทพจำนวนไม่น้อยที่ไม่ยอมเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของตน ปิดบังตัวตนที่แท้จริง โดยเฉพาะจอมเทพระดับล่าง ทำลับๆ ล่อๆ ติดตามอยู่อ้านหลังของจอมราชันเซียนหวัง ฉวยโอกาสที่กำลังสับสนวุ่นวายย่องเข้าไปในสถาบันศึกษาเทพเจ้า อาศัยความชุลมุนหาผลประโยชน์ใส่ตัว

แน่นอน ในบรรดาจอมเทพก็มีประเภทเปิดเผยบริสุทธิ์และยึดมั่นในความเป็นธรรม เป็นต้นว่าเทพสงครามร้อยแขนแห่งวิหารเหล่าเทพ เขาได้บุกสังหารเขามายังสถาบันศึกษาเทพเจ้าอย่างเปิดเผย ได้ยินเสียงดังตูม หลังจากที่เอาชนะอาจารย์ที่เฝ้ารักษาการณ์ที่ตรงนี้แล้ว เทพสงครามร้อยแขนถึงกับผ่าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกหนึ่งจนแยกออก คลังสมบัติที่ซ่อนอยู่ภายในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้เผยตัวออกมา

“ฆ่า…” บรรดาอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าคำรามเสียงดังและลุยเข้าหา เมื่อมองเห็นเทพสงครามร้อยแขนหวังแย่งชิงคลังสมบัติไป

“ไสหัวไป…” เทพสงครามร้อยแขนร้องตวาดเสียงดัง พลันเผยให้เห็นแขนที่มีเป็นร้อยเป็นพัน ทุกๆ ฝ่ามือก็คล้ายดั่งเป็นภูเขาแต่ละลูก หนึ่งฝ่ามือทำลายฟ้าดินจนแหลกละเอียด ได้ยินเสียงดังปัง ปัง ปังจัดการกระแทกจนอาจารย์แต่ละคนตัวปลิวออกไป

“แล้วจะมีใครขวางข้าได้…” เทพสงครามร้อยแขนที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงที่มีความพาลยิ่งนัก ยื่นมือออกไปคว้า ต้องการเคลื่อนย้าคลังสมบัติไป

“ร้อยแขนอย่าทำกำแหงนัก สถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่อนุญาตให้เจ้าทำกำเริบเสิบสาน!” เวลานี้เสียงคำรามที่เปี่ยมด้วยความโกรธ มองเห็นร่างเงาที่มีขนาดใหญ่มากลอยตัวขึ้นมา ได้ยินเสียงดังปัง มองเห็นคนทั้งสามพลันก้าวเข้าไปภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้า

“พี่น้องตระกูลจางมาช่วยเหลือชักช้า…” ในเวลานี้หนึ่งในพวกเขาสามคนคำรามเสียงยาว ร่างเงาที่สูงใหญ่ได้ขวางอยู่ด้านหน้าของเทพสงครามร้อยแขน

“จางยั่วเหลย จางยั่วฟง จางยั่วยวี่ สามจอมเทพตระกูลจาง!” มีจอมเทพที่รู้สึกหวั่นไหวในใจ เมื่อมองเห็นร่างเงาที่ใหญ่โตทั้งสามคน

จอมเทพสามองค์ที่อยู่ตรงหน้า คือสองชายหนึ่งหญิง เป็นระดับจอมเทพที่มีชื่อเสียงของทวีปเจียวเหิงโจว พวกเขาได้รับการยกย่องว่า “สามสองเทพแห่งตระกูลจาง” พวกเขาสามพี่น้องล้วนแล้วแต่เคยเป็นศิษย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ที่ยากยิ่งกว่านั้นก็คือ พวกเขาทั้งสามพี่นองล้วนแล้วแต่จอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบดวง เรียกได้ว่าศักยภาพแข็งแกร่งยิ่งนัก

มาวันนี้สถาบันศึกษาเทพเจ้ามีภัย พวกเขาสามพี่น้องยังคงไม่ลืมบุญคุณที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าได้บ่มเพาะมา จึงรีบรุดมาช่วยเหลือ

“จอมเทพตระกูลจาง” เทพสงครามร้อยแขนมองเห็นจอมเทพทั้งสามที่เข้ามาขวางตนเอาไว้ หัวเราะและกล่าวว่า “พวกเจ้าพี่น้องคือจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบดวง แต่ข้ามีถึงสิบเอ็ดดวง”

“ดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงก็ฆ่าตามระเบียบ!” ในบรรดาพี่น้องสามคน น้องสาวสุดท้องจางยั่วยวี่อารมณ์ร้อนที่สุด คำรามเสียงยาว พลันลงมือด้วยสุริยันเร่าร้อนกลางหาวเข้าโจมตีเทพสงครามร้อยแขน

“ฆ่า…” จางยั่วเหลย และจางยั่วฟงก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง คำรามเสียงยาว เข้าโจมตีต่อเทพสงครามร้อยแขนตามน้องเล็กของตนไปติดๆ

“มาได้จังหวะ ข้ากลับอยากจะขอคำชี้แนะจากสุดยอดวิชาของพวกเจ้าสามพี่น้อง” เทพสงครามร้อยแขนยังคงอย่างไรก็ได้แม้ต้องรับมือหนึ่งต่อสาม หัวเราะเสียงดัง คว้าสุริยันจันทรา ทะลุผ่านหมื่นอาณาจักร ตอบโต้สามพี่น้องตระกูลจางอย่างรุนแรง

………………………………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *