Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2234 เหาก้ามปูผี

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2234 เหาก้ามปูผี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นาทีนี้หวงฉวนเวยจ้องมองตรงไปยังหลี่ชิเย่ แววตาดูดุเดือดรุนแรง กระทั่งเรียกได้ว่ามีท่าทียกตนข่มท่าน ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าหวงฉวนเวยจงใจยั่วยุหลี่ชิเย่

กล่าวสำหรับหวงฉวนเวยแล้ว ไม่ง่ายนักกว่าจะมีโอกาสได้แสดงฝีมือต่อหน้าคนที่ตนรัก แล้วเขาจะยอมพลาดโอกาสเช่นนี้ไปได้อย่างไร เขาจะต้องแสดงออกให้เต็มที่ ให้มู่หย่าหลันได้รู้จักวิชาพิษที่เป็นหนึ่งไม่มีสองของตน ซึ่งต้องได้รับความโปรดปรานจากโฉมตรูอย่างแน่นอน

กล่าวได้ว่าหวงฉวนเวยมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมในวิชาด้านพิษ ฉายา ‘ราชาพิษ’ ของเขาใช่เป็นชื่อเสียงจอมปลอม เขาเข้าใจว่าในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ วิชาด้านพิษไม่มีใครสามารถแซงล้ำหน้าเขาไปได้ ถ้าหากพิษที่เขาแก้ไม่ได้ล่ะก็ คนอื่นยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะแก้พิษชนิดนี้ได้

ด้วยเหตุนี้เอง จึงเป็นเหตุให้หวงฉวนเวยมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมไปท้าทายศิษย์พี่ใหญ่อย่างหลี่ชิเย่ที่เป็นศิษย์อันดับที่หนึ่ง เขาไม่เคยนำมาใส่ใจเลยสำหรับศิษย์พี่ใหญ่ที่ได้ชื่อว่าเป็นศิษย์อันดับที่หนึ่งผู้นี้ แค่ผู้เยาว์ที่ไร้ชื่อเสียงคนหนึ่งเท่านั้น ก็เป็นเพียงได้กลายเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของนักพรตฉางเซินเท่านั้น และกลายเป็นศิษย์พี่ใหญ่ที่เป็นศิษย์อันดับที่หนึ่งดังว่าเท่านั้นเอง

“เรื่องนี้…” พลันทำให้ผู้อาวุโสหยางลังเลขึ้นมาทันที แม้ว่าฟ่านเมี่ยวเจินพยายามแนะนำหลี่ชิเย่ บอกว่าด้านปรุงกลั่นยา ด้านยาสมุนไพร ด้านการแพทย์ และด้านวิชาพิษหลี่ชิเย่เชี่ยวชาญทุกแขนง แต่ว่าเขาไม่เคยได้ยินว่ามีบุคคลที่ชื่อหลี่ชิเย่มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงได้พบเห็นได้รู้จักฝีมือของหลี่ชิเย่แล้ว

สำหรับหวงฉวนเวยนั้นแตกต่างกัน ชื่อ ‘ราชาพิษ’ ของเขาขจรไกลในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ วิชาด้านพิษของเขาได้รับการยอมรับจากผู้คนทั่วหล้า อย่างน้อยที่สุดข้อนี้ก็เหนือกว่าหลี่ชิเย่ที่ปราศจากชื่อเสียงมากทีเดียว

“พี่หวงอยู่ในเส้นทางของพิษมาหลายสิบปี มีทักษะที่ทรงพลังมาก มาคราวนี้พี่หวงสู้อุส่าห์เดินทางไกลนับหมื่นลี้ เชื่อว่าพี่หวงต้องสามารถแก้พิษของผู้อาวุโสได้” สุดท้ายมู่หย่าหลันได้พูดขึ้น เป็นการยืนยันให้หวงฉวนเวยเป็นผู้รักษาให้ผู้อาวุโสหยาง

เรื่องนี้ใช่ว่ามู่หย่าหลันมีอคติต่อหลี่ชิเย่ เพียงแต่นางมองที่ความน่าเชื่อถือ แม้ว่าศิษย์พี่จะแนะนำหลี่ชิเย่ตลอด แต่ว่านางไม่เคยได้เห็นความสามารถของหลี่ชิเย่ ไม่มีความมั่นใจเพียงพอ ขณะที่หวงฉวนเวยต่างกัน เป็นความจริงที่เขาคือปรมาจารย์ด้านนี้ ดังนั้น มู่หย่าหลันจึงไม่กล้านำเอาชีวิตของผู้อาวุโสหยางมาเสี่ยงง่ายๆ จึงให้หวงฉวนเวยเป็นผู้ลงมือโดยตรง

“ศิษย์น้องโปรดวางใจ ข้าจะต้องรักษาพิษร้ายที่อยู่บนตัวของผู้อาวุโสหยางให้หายขาดแน่นอน อีกไม่นานต้องให้ผู้อาวุโสหยางสามารถกระโดดโลดเต้นได้แน่นอน” เมื่อเห็นว่ามู่หย่าหลันเชื่อมั่นตนเอง พลันทำให้เลือดอุ่นในกายของหวงฉวนเวยเดือดพล่าน มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมขึ้นมาโดยพลัน

กล่าวสำหรับหวงฉวนเวยแล้ว คำพูดคำหนึ่งที่ให้การยอมรับในวิชาพิษของเขา ไม่เพียงแค่เป็นการฉีดยาบำรุงหัวใจให้กับเขาเท่านั้น ยังทำให้เขารู้สึกดีใจยิ่งโดยพลัน ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าเวลานี้มู่หย่าหลันได้โปรดปรานในตัวเขาเพิ่มขึ้นแล้ว เวลานี้ทำให้หวงฉวนเวยถึงกับคิดเพ้อเจ้อ จินตนาการถึงวันที่ได้ครอบครองสาวงามในวันนั้น

“เช่นนี้ย่อมเป็นการดีที่สุด ดีที่สุด” เมื่อมู่หย่าหลันพูดเช่นนี้ ผู้อาวุโสหยารีบกล่าวตาม เขาไม่คิดจะเอาชีวิตของตนเองมาล้อเล่น สำหรับความสามารถของหลี่ชิเย่นั้นเป็นสิ่งที่เต็มไปด้วยความสงสัยสำหรับเขา เพียงแต่ติดที่ฟ่านเมี่ยวเจินซึ่งเขาไม่อยากพูดออกไปเท่านั้น

เวลานี้มู่หย่าหลันได้ชี้ขาดลงไปแล้วว่าให้หวงฉวนเวยเป็นผู้รักษาให้กับตน สิ่งนี้กล่าวสำหรับผู้อาวุโสหยางแล้วมันคือเรื่องที่ปรารถนาให้ได้มาอยู่แล้ว

เมื่อฟ่านเมี่ยวเจินเห็นว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ออกมา เพียงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีที่เอ้อระเหยเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวอะไรกับตนเองอย่างนั้น ทำให้นางจ้องตาเขม็งทีหนึ่ง อดที่จะใช้ข้อศอกกระทุ้งเข้าให้อย่างแรงไปทีหนึ่ง ท่าทางดูโกรธเคืองอย่างยิ่ง

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเฉยเมยเท่านั้นกับภาพเช่นนี้ เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังคงไม่นำมาใส่ใจ

“ผู้อาวุโส ให้ข้าได้เห็นบาดแผลของท่านก่อน” เวลานี้หวงฉวนเวยแทบอยากจะแสดงฝีมือเดี๋ยวนี้เลยให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

ผู้อาวุโสหยางเปิดเสื้อของตนออกมาให้เห็นบาดแผลบริเวณหน้าอก มองเห็นบาดแผลบริเวณหน้าอกของเขาสาหัสมาก บาดแผลมีขนาดเท่าฝ่ามือ รอบๆ บาดแผลมีร่องรอยไหม้เกรียม และบาดแผลส่งกลิ่นของกำมะถันออกมาสายหนึ่ง

แม้จะกล่าวว่าบาดแผลของเขามีการใส่ยาแล้ว แต่มองเห็นได้ชัดว่าไม่มีผลแต่อย่างใด รอบๆ ของบาดแผลมองเห็นรอยจางๆ สีม่วงดำที่แผ่กระจายออกไป เหมือนว่าพิษร้ายนี้ต้องการขยายไปทั่วร่างกายของเขาอย่างนั้น

โชคดีตรงที่รอยจางๆ สีม่วงดำนี้ถูกควบคุมให้อยู่รอบๆ บริเวณหน้าอก ซึ่งสิ่งนี้แหละที่มู่หย่าหลันอาศัยฝีมือทางการแพทย์ที่สูงส่งทำการสะกดสถานการณ์ของพิษ ควบคุมพิษร้ายเอาไว้ ไม่ให้มันแผ่ขยายไปทั่วร่าง

“เป็นพิษที่ร้ายแรงมาก” หวงฉวนเวยก็ต้องกล่าวขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อได้เห็นอาการบาดเจ็บเช่นนี้

“นี่คือ…” หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่ด้านข้างก็รู้สึกเหนือความคาดคิดเมื่อได้เห็นบาดแผลของผู้อาวุโสหยาง ถึงกับมองดูด้วยความสนใจ

สายตาของหวงฉวนเวยมองผ่านแวบหนึ่ง เห็นท่าทางที่รู้สึกสนใจของหลี่ชิเย่จึงกล่าวว่า “ศิษย์พี่มองเห็นความนัยอะไรแล้วรึ?” ท่าทางหยิ่งยโส ไม่ได้มองศิษย์พี่ใหญ่อันดับหนึ่งผู้นี้อยู่ในสายตา

“เกรงว่านี่คงไม่ใช่แค่ถูกพิษธรรมดาๆ เท่านั้น” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเฉยเมยกับการยั่วยุของหวงฉวนเวยเท่านั้น

“พูดแบบนี้แสดงว่าศิษย์พี่ใหญ่มีวิธีที่จะขจัดพิษได้แล้ว” ฟ่านเมี่ยวเจินรีบกล่าวยิ้มแต้ขึ้นมา

หวงฉวนเวยส่งเสียงฮึดูแคลนออกมา กล่าวเสียงเย็นชาว่า “เกรงว่าศิษย์พี่ใหญ่คงมองพลาดไป ผู้อาวุโสได้รับพิษร้ายแรงจริงๆ อีกทั้งพิษชนิดนี้มีความรุนแรงมาก สามารถขยายลามไปทั่วร่างในพริบตา”

“ถูกต้อง เป็นเช่นนี้จริงๆ” ผู้อาวุโสหยางรีบกล่าวขึ้นมาว่า “วันนั้นข้าไปเก็บสมุนไพร ถูกจู่โจมอย่างกะทันหัน มีสิ่งมีพิษพลันทิ่มแทงเข้าหน้าอกของข้า ร่างของข้ากลายเป็นสีดำทันที ข้ารีบปิดกั้นชีพจรทั้งร่างจึงค่อยยังหายใจได้ ต่อมา โชคดีที่แม่นางมู่ช่วยขับพิษร้ายให้กลับไปยังบริเวณหน้าอก มิฉะนั้นล่ะก็ เกรงว่าคงตายเพราะพิษไปแล้ว”

“ผู้อาวุโสมองเห็นสิ่งมีพิษชัดเจนหรือไม่? สิ่งมีพิษตัวนั้นใช่มีขนาดเท่ากำปั้น มีเขี้ยว สวมมงกุฎ มีหางแหลม?” หวงฉวนเวยเอ่ยถามขึ้น

“เป็นลักษณะเช่นนี้จริง หลานพูดได้ถูกต้อง สิ่งมีพิษตัวนี้แทงเข้าหน้าอกของข้าในพริบตา เมื่อข้าหยิบมันออกจากบาดแผลนั้น มันถูกพลังของข้ากระแทกจนตายไปแล้ว ลักษณะของมันเป็นไปตามที่หลานได้พูดมาอย่างนั้น” ผู้อาวุโสหยางพลันรู้สึกดีใจ และกล่าวว่า “หลานรู้หรือไม่ว่านี่เป็นสิ่งมีพิษอะไร?”

“ศิษย์พี่รู้จักสิ่งมีพิษนี้หรือไม่?” หวงฉวนเวยไม่ได้ตอบคำถามของผู้อาวุโสหยางทันที กลับจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ ท่าทางที่ท้าทายต่อหลี่ชิเย่ชัดเจนมาก

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ และไม่ได้พูดอะไรออกมา แค่ขี้คร้านจะไปสนใจต่อการยั่วยุของหวงฉวนเวยเท่านั้น

“ดูท่าศิษย์พี่ใหญ่คงรู้จักสิ่งมีพิษตัวนี้ไม่มากนัก” เมื่อเห็นว่าหลี่ชิเย่ไม่พูดอะไร หวงฉวนเวยจึงเข้าใจว่าหลี่ชิเย่ไม่รู้ จึงลำพองยิ่งนัก และกล่าวว่า “นี่คือเหาก้ามปูผี มันอาศัยอยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงและชื้นแฉะ เมื่อดูตามนี้แล้ว ที่ที่ผู้อาวุโสไปเก็บสมุนไพรจะต้องเป็นบริเวณปากปล่องภูเขาไฟ และหรือบริเวณที่อยู่ใกล้ภูเขาไฟ”

“ถูกต้อง เป็นเช่นนี้จริง เป็นเช่นนี้จริงๆ” เมื่อได้ฟังการวิเคราะห์จากหวงฉวนเวยแล้ว ผู้อาวุโสหยางรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง รู้ว่าได้พบกับหมอที่มีฝีมือแล้ว

“เหาก้ามปูผีจะหลบซ่อนตัวอยู่ในที่มืด ชำนาญเรื่องการจู่โจมผู้คน มีความรวดเร็วดั่งสายฟ้า มักจะทำให้เสียชีวิตในการโจมตีเพียงครั้งเดียว น่าสยองขวัญยิ่ง เมื่อใดที่ถูกเข็มหางของเหาก้ามปูผีแทงเข้าร่าง พิษร้ายจะแผ่ขยายไปทั่วร่างทันที” หวงฉวนเวยกล่าวขึ้นมาช้าๆ

“ที่หลานพูดมาถูกต้องที่สุด หลานไม่เสียทีที่เป็นราชาพิษในยุคปัจจุบัน ความรู้ด้านพิษสูงส่งยากจะหาผู้ใดเทียม เยี่ยม เยี่ยมมาก เห็นทีชีวิตตาเฒ่าอย่างข้าคงรอดแล้วล่ะ” ผู้อาวุโสหยางรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง

หวงฉวนเวยถึงกับลำพองใจ มองดูหลี่ชิเย่ทีหนึ่งเป็นเชิงท้าทาย ย่อมไม่ต้องสงสับ คราวนี้เขาจะได้แสดงฝีมือเต็มที่แล้ว จะต้องแสดงให้เต็มที่ต่อหน้าของมู่หย่าหลัน เพื่อให้ครองใจสาวงาม ส่วนศิษย์พี่ใหญ่ที่ว่านี้คงเป็นได้แค่หินที่ใช้รองเท้าของเขาเท่านั้นเอง

เวลานี้ หวงฉวนเวยได้ตรวจดูอาการบาดเจ็บอย่างละเอียดอีกครั้ง สุดท้ายเขาได้กล่าวขึ้นด้วยความมั่นใจว่า “พิษที่ผู้อาวุโสได้รับเป็นพิษเหาก้ามปูผีแน่นอน เพียงแต่น่าแปลกตรงที่เหมือนว่าพิษนี้ได้พันธนาการผู้อาวุโสเอาไว้ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้ ไม่ก็คือจังหวะที่ผู้อาวุโสถูกพิษได้ทำการปิดกั้นชีพจรทั้งหมดในทันที ทำให้พิษก็ได้พันธนาการผู้อาวุโสเช่นกัน ไม่ก็เป็นเพราะระยะเวลาได้รับพิษของผู้อาวุโสนานเกินไป ทำให้พิษได้ซึมซาบไปทั่ว และพันธนาการเอาไว้ และหรือทั้งสองกรณี”

“คำพูดของพี่หวงมีเหตุผล” มู่หย่าหลันกล่าวว่า “ขณะที่ผู้อาวุโสรุดมาขอความช่วยเหลือนั้น แม้ว่าเขาได้ปิดกั้นชีพจรทั้งตัวเอาไว้ แต่พิษได้กำเริบแผ่ขยายไปทั่วร่าง ต่อมาข้าได้ขับเอาพิษให้ไปรวมตัวกันที่บริเวณหน้าอก เกรงว่าอาจทำได้ไม่เต็มที่ เพราะเหตุนี้เองจึงทำให้ถูกพิษร้ายพันธนาการชะตาแท้เอาไว้ ทำให้ผู้อาวุโสต้องทนทรมานจากพิษร้ายนี่”

“ถ้าหากไม่เป็นเพราะถูกพิษร้ายพันธนาการเอาไว้ เกรงว่าข้าคงสละกายเนื้อนี้ทิ้งไปนานแล้ว” ผู้อาวุโสหยางหัวเราะเจื่อนๆ และกล่าวว่า “เวลานี้ต้องรบกวนหลานแสดงฝีมือที่ล้ำเลิศ ขจัดพิษนี้ออกไป”

กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนแล้ว โดยเฉพาะระดับยอดฝีมือคิดจะให้ถูกพิษนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก โดยเฉพาะระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งถึงระดับหนึ่งแล้ว เรียกว่าหมื่นพิษไม่กล้ำกราย หรือต่อให้ถูกพิษเข้าให้จริงๆ และพิษนั้นมีระดับความร้ายแรงสูงมากล่ะก็ พวกเขาสามารถละทิ้งกายเนื้อของตนได้ในทันที ด้วยการทำลายกายเนื้อของตนแล้วชะตาแท้หลบหนีออกจากกายเนื้อ อาศัยวิธีนี้หลุดพ้นจากพิษร้าย

ขอเพียงชะตาแท้ยังคงอยู่ก็สามารถสร้างกายเนื้อขึ้นมาได้ใหม่ เพียงแต่เป็นการเสียหายอย่างหนักแต่ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต

ทว่าสถานการณ์ในเวลานี้ของผู้อาวุโสหยางแตกต่างกัน เขาถูกพิษร้ายพันธนาการเอาไว้ ชะตาแท้ของเขาถูกพันธนาการเอาไว้กับร่างกายของตนเอง เวลานี้แม้เขาคิดจะสละร่างกายก็ทำไม่ได้ ทำให้ชะตาแท้ของเขาต้องร่วมเป็นตายกับกายเนื้อของเขา มิฉะนั้นล่ะก็ เขาคงสละกายเนื้อของตนไปนาน เพื่อให้ชะตาแท้ของตนได้หนีออกมาแล้ว

“ผู้อาวุโสวางใจ แม้พิษเหาก้ามปูผีจะรุนแรง แต่ยังไม่ทำให้ข้าจนด้วยเกล้า” หวงฉวนเวยกล่าวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม และกล่าวว่า “ไม่เกินครึ่งวัน ข้ารับรองว่าผู้อาวุโสจะต้องยาถึงโรคหายอย่างแน่นอน”

“ดีมาก ดีมาก เช่นนั้นแล้วก็รบกวนหลานแล้วล่ะ หลานคือบุคคลผู้สูงศักดิ์ของข้า” เมื่อได้ยินว่ารักษาหายได้ ผู้อาวุโสหยางก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง

“สรุปเวลานี้ดูจะเร็วเกินไป” หลี่ชิเย่เห็นหวงฉวนเวยได้วินิจฉัยสรุปแล้วจึงส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวเตือนสติเขา

“พูดแบบนี้แสดงว่าศิษย์พี่มีข้อคิดเห็นที่สูงส่งน่ะสิ” เวลานี้หวงฉวนเวยมองหน้าหลี่ชิเย่ทีหนึ่งและกล่าวโดยไม่เกรงใจว่า “ถ้าหากศิษย์พี่มีความเห็นสูงส่งอะไร ข้าพร้อมรับฟัง”

“พิษนี้แปลกมาก เจ้าลองพินิจพิเคราะห์อีกครั้งแล้วค่อยสรุปก็ยังไม่สาย” หลี่ชิเย่เพียงกล่าวเฉยเมยขึ้นมา

“เกรงว่านี่สำหรับศิษย์พี่ใหญ่กระมัง” หวงฉวนเวยหัวเราะเยาะทีหนึ่ง และกล่าวว่า “สำหรับข้าราชาพิษแล้ว เหาก้ามปูผีมันก็แค่พิษน้อยๆ เท่านั้น ข้าทำได้โดยไม่ต้องเปลืองแรง ใยจะต้องพินิจพิเคราะห์อีก”

“ตาเฒ่าอย่างช้าเชื่อใจวิชาพิษของหลาน รีบลงมือเถอะ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน” ผู้อาวุโสหยางก็รีบกล่าวขึ้น

ในสายตาของผู้อาวุโสหยางมองว่า เมื่อเทียบกับราชาพิษหวงฉวนเวยแล้ว หลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงผู้เยาว์ไร้ชื่อเสียงไม่น่าเชื่อถือมากกว่า

“ศิษย์น้องคิดว่าความคิดเห็นของศิษย์พี่ผู้นี้เป็นเช่นใด?” หวงฉวนเวยจงใจแสดงออกต่อหน้ามู่หย่าหลัน ด้วยท่าทีที่สอบถามและปฏิบัติตามความเห็นของมู่หย่าหลัน และกล่าวว่า “ศิษย์น้องคิดว่ายังต้องให้มีการพินิจพิเคราะห์อีกหรือไม่?”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *