Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2505 ลอบโจมตี

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2505 ลอบโจมตี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2505 ลอบโจมตี
หนึ่งทวนที่ลอบโจมตีนั้นเป็นไปอย่างกะทันหันอย่างยิ่ง ทังเฮ่อเสียงลงมือแทงทะลุศีรษะของหลี่ชิเย่ในพริบตาเดียว ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีนั่นเอง ทำให้ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่ทันตั้งตัว

พริบตาเดียวที่ทวนมังกรของทังเฮ่อเสียงแทงทะลุศีรษะของหลี่ชิเย่นั้น ทำให้ผู้คนจำนวนมากต่างมีดวงตาทั้งสองที่เบิกกว้างในเวลานั้น ผู้คนจำนวนมากต่างเหม่อลอยไม่อาจเรียกสติกลับมาในขณะนี้

การต่อสู้ชี้ขาดระหว่างหลี่ชิเย่กับดาบอริยะกวานไห่เป็นการต่อสู้อย่างยุติธรรมระหว่างพวกเขาทั้งสอง แม้ว่าดาบอริยะกวานไห่สำแดงดาบนี้ที่ชื่อ ‘แผนสกปรกฮ่องเต้’ แล้วไปปรากฏตัวอยู่ด้านหลังหลี่ชิเย่โดยพลัน และแทงทะลุร่างกายของเขาจากทางด้านหลังในชั่วพริบตาเดียว

แต่ยังคงไม่ใช่วิธีการลอบโจมตี บอกได้แต่เพียงเป็นวิถีดาบที่เปลี่ยนแปลงของดาบอริยะกวานไห่ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดลึกซึ้งยอดเยี่ยมอย่างหนึ่ง

ขณะที่ทังเฮ่อเสียงนั้นแตกต่าง เดิมทีมันก็คือการต่อสู้ระหว่างหลี่ชิเย่กับดาบอริยะกวานไห่ ทังเฮ่อเสียงในฐานะเป็นผู้ชมได้ลงมือลอบโจมตีอย่างกะทันหัน จังหวะที่หลี่ชิเย่อยู่ในอันตรายได้อาศัยหนึ่งทวนแทงทะลุศีรษะของหลี่ชิเย่โดยพลัน เมื่อเป็นเช่นนี้พฤติกรรมการกระทำของทังเฮ่อเสียงก็ย่อมเป็นการลอบโจมตีโดยแท้จริง การการลอบโจมตีที่ไร้ยางอาย

ในเวลานี้ ทุกคนต่างรู้สึกใจหายในคว่ำ แม้ว่าในโลกของผู้บำเพ็ญตนเหตุการณ์ลอบโจมตีก็เคยเกิดขึ้นมาไม่น้อย และมีผู้คนจำนวนมากที่เคยลอบโจมตีผู้อื่นมาก่อน

แต่ว่า ทังเฮ่อเสียงนั้นแตกต่าง อีกทั้งเหตุการณ์ตรงหน้าก็ไม่เหมือนกัน ทังเฮ่อเสียงคืออัจฉริยะบุคคลที่โดดเด่นมากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ เรียกได้ว่าเป็นตัวแทนของราชวงศ์โต่วเซิ่น เป็นยอดฝีมือกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาในฐานะที่เป็นแม่ทัพแห่งทหารองครักษ์ การกระทำทุกอย่างของเขานับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เป็นตัวแทนด้านความประพฤตาของเขา

หากว่าเป็นการลักลอบซุ่มโจมตีในกรณีของศัตรูคู่อาฆาตในช่วงเวลาปรกติยังพอจะอนุโลมกันไปได้ แต่ หลี่ชิเย่ยังคงเป็นฮ่องเต้ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ขณะที่เขากำลังต่อสู้ชี้ขาดอย่างยุติธรรมกับดาบอริยะกวานไห่ แล้วทังเฮ่อเสียงในฐานะผู้ชมกลับลงมือลอบโจมตีในฉับพลัน มันเป็นการแสดงให้เห็นว่าต่ำทรามมากเกินไปแล้ว

พฤติกรรมเช่นนี้ ไม่สมกับฐานะของทังเฮ่อเสียงอย่างสิ้นเชิง และไม่สามกับตำแหน่งของเขา ในฐานะที่เป็นอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ พฤติกรรมเช่นนี้นับว่าเป็นการทำให้ชีวิตของเขาต้องแปดเปื้อนมลทิน

การที่ทังเฮ่อเสียงลอบโจมตีกะทันหัน และแทงทะลุศีรษะของหลี่ชิเย่ในพริบตาเดียว พลันทำให้สีหน้าของดาบอริยะกวานไห่เปลี่ยนไป พฤติกรรมของทังเฮ่อเสียงไม่เพียงเป็นการขัดขวางการต่อสู้ระหว่างตัวเขากับหลี่ชิเย่เท่านั้น แม้แต่การต่อสู้ในครั้งนี้ก็จะปรากฏรอยมลทินไว้ด้วย

“เจ้าทำอะไร…” ดาบอริยะกวานไห่ที่มีสีหน้าเปลี่ยนไป ได้ร้องตวาดใส่ทังเฮ่อเสียง

“ดาบอริยะ ข้าน้อยต้องการช่วยเหลือท่านอีกแรง เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ยืดเยื้อและมีปัญหา” ทังเฮ่อเสียงหัวเราะเสียงประหลาดขึ้นมา

กล่าวสำหรับทังเฮ่อเสียงแล้ว หลี่ชิเย่คุกคามต่อเขามากมายเหลือเกิน ดังนั้นการที่เขาลงมือในชั่วพริบตาเดียว ด้วยการแทงทะลุศีรษะของหลี่ชิเย่ในหนึ่งทวนก็เพื่อต้องการให้หลี่ชิเย่ตายสนิท ไม่ให้หลี่ชิเย่มีโอกาสพลิกฟื้น หรือหายใจได้แม้แต่น้อย

“เจ้านับเป็นตัวอะไร…” ดวงตาทั้งสองของดาบอริยะกวานไห่ดูไม่เป็นมิตร ปณิธานดาบดั่งคลื่นยักษ์ กล่าวน่าครั่นคร้ามเย็นชาว่า “การต่อสู้ของข้าจำเป็นต้องให้ท่านมาลงมือช่วยเหลืออย่างนั้นรึ?”

กล่าวสำหรับอัจฉริยะบุคคลอย่างดาบอริยะกวานไห่ สิ่งที่เขาถือสามากที่สุดก็คือผู้อื่นแทรกเข้ามาในการศึกของเขา!

สีหน้าของทังเฮ่อเสียงเปลี่ยนไปมากทีเดียวเมื่อถูกดาบอริยะกวานไห่ตวาดด้วยเสียงอันดัง ในใจของเขามองว่าเขาเป็นผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับดาบอริยะกวานไห่ แต่ทว่า เวลานี้ดาบอริยะกวานไห่ไม่เห็น่เขาอยู่ในสายตาเอาเสียเลย สิ่งนี้ถือเป็นความอัปยศสำหรับเขา!

“ฝ่าบาท…” ในขณะนี้เอง หลิ่วชูฉิงร้องเสียงแหลมขึ้นมา เกือบจะเป็นลม และวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ทุกคนต่างรุ้สึกใจหายใจคว่ำ ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่คาดคิดว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปในทิศทางเช่นนี้ นับว่าอยู่เหนือความคาดคิดของทุกคนมากเหลือเกิน

“ศิษย์น้อง…” ในเวลานี้ ดาบอริยะกวานไห่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี ถ้าหากว่าลำพังอาศัยเขาเอาชนะหลี่ชิเย่ได้ยังพอจะรับได้ เวลานี้ทังเฮ่อเสียงพลันลอบโจมตีอย่างกะทันหัน ทำให้การศึกครั้งนี้ของเขามีรอยมนทินขึ้นมา และทำให้เขารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหลิ่วชูฉิง

“ฝ่าบาท…” หลิ่วชูฉิงที่วิ่งเข้ามารีบไปกอดหลี่ชิเย่เอาไว้ ในเวลานี้ น้ำตาได้เปียกหางตาของนางไปหมดแล้ว

ปุ…เสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่หลิ่วชูฉิงวิ่งเข้าไปกอดหลี่ชิเย่นั่นเอง มองเห็นหลี่ชิเย่ที่ยังคงยืนอยู่ที่ตรงนั้น ทว่านาทีนี้เองเรื่องที่แปลกประหลาดได้เกิดขึ้นมาแล้ว เหมือนว่ามีหลี่ชิเย่อีกคนที่ก้าวเดินออกมาจากร่างกายของหลี่ชิเย่คนเดิมอย่างนั้น เสมือนดั่งเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพครั้งหนึ่งอย่างนั้น

ขณะที่หลี่ชิเย่คนนี้ก้าวเดินออกมาแล้ว หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่จุดเดิมจึงได้หายไป ในขณะเดียวกันได้ยินเสียงปุดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ช่องว่างเหมือนมีการกระเพื่อมทีหนึ่ง

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ทุกคนต่างได้สติกลับมา สิ่งนี่หาใช่เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพของหลี่ชิเย่ แต่เป็นเพราะหลี่ชิเย่ไม่ได้ยืนอยู่ที่ตรงนั้น เพียงแต่เขาได้ดึงตัวเองจากช่องว่างหนึ่งไปยังอีกช่องว่างหนึ่งเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นดาบอริยะกวานไห่ก็ดี หรือทังเฮ่อเสียงก็ช่าง ล้วนแล้วแต่ไม่ได้ทำให้หลี่ชิเย่ต้องได้รับบาดเจ็บ

“เด็กโง่ มีอะไรน่าร้องไห้ โลกนี้ยังไม่มีใครสามารถสังหารข้าได้ ลำพังอาศัยเคล็ดวิชาแค่นี้เองไหนเลยทำอันตรายข้าได้” หลี่ชิเย่กอดหลิ่วชูฉิงเอาไว้ และช่วยปาดน้ำตาให้กับนางเบาๆ

หลิ่วชูฉิงซุกหน้าเข้าไปอยู่ในอกของหลี่ชิเย่ และกอดหลี่ชิเย่เสียแน่นโดยไม่รู้ตัว รู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่งจะต้องสูญเสียหลี่ชิเย่ไปอย่างกะทันหัน

ดาบอริยะกวานไห่หายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้เป็นอะไร หลี่ชิเย่ยังคงมีชีวิตอยู่ สิ่งนี้กล่าวสำหรับเขาแล้วนับเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง ถ้าหากหลี่ชิเย่ต้องตายไป เขาไม่เพียงไม่รู้สึกดีใจในชัยชนะ แต่ยังยังรู้สึกระอายใจ และตัวเขาที่ผิดต่อศิษย์น้องของตน

“แผนสกปรกฮ่องเต้ น่าสนใจอยู่บ้าง” หลี่ชิเย่มือหนึ่งกอดหลิ่วชูฉิงเอาไว้ และยิ้มเอ่ยเอ้อระเหยขึ้นมาว่า “รอให้เจ้าสำเร็จเป็นระดับอมตะเสียก่อน วิถีดาบนี้นับว่าคุ้มค่าแก่การดูชม เวลานี้ยังอ่อนเกินไป”

ดาบอริยะกวานไห่ต้องยิ้มเจื่อนๆ อย่างช่วยไม่ได้ ทอดถอนใจออกมาเบาๆ ส่ายหัวและกล่าวว่า “ข้าแพ้แล้ว แพ้ทั้งกายและใจ”

เวลานี้ ดาบอริยะกวานไห่ไม่มีโอกาสลงมือได้อีกแล้ว เขารู้ว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้สำแดงเต็มที่ เพียงแค่รับมือไปตามอารมณ์เท่านั้นเอง ถ้าหากเขาลงมือจริงๆ ล่ะก็ เกรงว่าเขาคงนอนอยู่ที่ตรงนี้แล้ว ผ่านไปสามกระบวนท่า ดาบอริยะกวานไห่ตระหนักอย่างลึกซึ้งแล้วว่า ช่วงห่างระหว่างหลี่ชิเย่กับตนเองนั้นต่างกันเยอะมาก เกรงว่าชาตินี้ทั้งชาติเขาก็คงยากที่จะก้าวข้ามช่วงห่างนั้นไปได้

โง่เขลาไร้ความสามารถ ดาบอริยะกวานไห่ถึงกับหัวเราะเจื่อนๆ เมื่อนึกถึงคำเล่าลือเช่นนี้ เขาเข้าใจแล้วว่าใครกันแน่ที่เป็นพวกไร้สมอง ในสายตาของหลี่ชิเย่ ผู้คนบนโลกเป็นเพียงมดปลวกเท่านั้นเอง ขณะที่ผู้คนบนโลกกลับจะเข้าใจว่าเขานั้นเป็นคนโง่เขลาไร้ความสามารถ

ภายในใจของดาบอริยะกวานไห่อดที่จะดีใจแทนศิษย์น้องของตนไม่ได้ ในอดีตเขายังเข้าใจว่าฮ่องเต้ทรราชเช่นนี้ไม่คู่ควรกับศิษย์น้องของตน เวลานี้ดูไปแล้ว ศิษย์น้องของตนเลือกคนได้ถูกต้องจริงๆ

“ระดับอัจฉริยะบุคคลของราชวงศ์โต่วเซิ่นที่ว่า แท้จริงแล้วเป็นเพียงพวกคนโง่ไร้สมองเท่านั้น เป็นคนถ่อยคนหนึ่งที่ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง” หลี่ชิเย่ขณะโอบกอดหลิ่วชูฉิงเอาไว้ จ้องมองทังเฮ่อเสียงแวบหนึ่ง ยิ้มกล่าวเรียบเฉยขึ้นมา

ในเวลานี้ทุกคนต่างจ้องมองไปที่ทังเฮ่อเสียง คู่สายตาแต่ละคู่ล้วนแล้วแต่ตกไปอยู่บนตัวของทังเฮ่อเสียง แม้ว่าไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมา แต่ท่าทางนั้นได้อธิบายทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว

แม้ว่าจะไม่มีใครที่เป็นปราชญ์ แต่ทว่า การลอบโจมตีของทังเฮ่อเสียงเมื่อครู่นับว่าไม่เข้ากับฐานะของเขาเอาเสียเลย เป็นการทำให้ฐานะความเป็นยอดอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ของเขา เวลานี้หน้าตาของดูไม่จืดเลย ภายใต้สายตาของผู้คนจำนวนมากตัวเขาเองดูจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างยิ่ง ถ้าหากเมื่อครู่ลอบโจมตีเป็นผลสำเร็จล่ะก็ยังพอจะอนุโลมกันได้ อย่างน้อยก็ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร ขอเพียงสังหารหลี่ชิเย่ได้ก็เท่ากับบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว สำหรับเรื่องราวหลังจากนั้นก็สุดแล้วแต่คนอื่นจะพูดว่าอย่างไร

แต่ว่า หลี่ชิเย่กลับไม่ได้เป็นอะไร สิ่งนี้กล่าวสำหรับเขาแล้วนับเป็นความผิดพลาดที่หนักหนาที่สุด

“ออกมาสู้กัน…” เวลานี้ดวงตาทั้งสองของดาบอริยะกวานไห่ดูไม่เป็นมิตร ดาบยาวในมือชี้ไปที่ทังเฮ่อเสียง กล่าวน่าเกรงขามขึ้นว่า “วันนี้ ข้าจะตัดหัวสุนัขของเจ้าออกมาแน่นอน!”

มาคราวนี้นับว่าดาบอริยะกวานไห่บันดาลโทสะแล้วจริงๆ เดิมทีระหว่างเขากับหลี่ชิเย่เป็นการต่อสู้ชี้ขาดที่ยุติธรรม กล่าวสำหรับตัวเขาที่เป็นสุดยอดอัจฉริยะบุคคลแล้ว ไม่ว่าผลออกมาจะแพ้หรือชนะ ก็คือการต่อสู้ที่เปิดเผยและบริสุทธิ์ครั้งหนึ่ง ต่อให้พ่ายแพ้ก็ไม่มีอะไรที่น่าอับอาย จะอย่างไรเสียชนะหรือแพ้ก็เป็นเรื่องปรกติ

แต่ว่า การต่อสู้ชี้ขาดที่ยุติธรรมเช่นนี้กลับมีทังเฮ่อเสียงเข้ามาสอดแทรกอย่างกะทันหัน ทั้งยังลงมือลอบทำร้ายหลี่ชิเย่ ดีไม่ดีคนอื่นอาจเข้าใจว่าเขาเป็นพวกเดียวกันกับทังเฮ่อเสียง ซึ่งจะส่งผลให้ชื่อเสียงที่สั่งสมมาชั่วชีวิตของเขาต้องด่างพล้อย และสิ่งนี้ก็ทำให้เขาต้องละอายใจต่อศิษย์น้องของตน

ดังนั้น จะไม่ให้ดาบอริยะกวานไห่ต้องบันดาลโทสะได้รึ? และไม่สามารถโทษดาบอริยะกวานไห่ต้องคลั่ง จนประกาศว่าจะตัดศีรษะของทังเฮ่อเสียง

“ดาบอริยะ ท่านกับข้าต่างมีศัตรูคนเดียวกัน ข้าเองก็ลงมือด้วยความใจดี หวังช่วยเหลือดาบอริยะด้วยอีกแรง…” ทังเฮ่อเสียงหัวเราะเจื่อนๆ ทีหนึ่ง และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ

“หุบปาก…” ดาบอริยะกวานไห่กล่าวตัดบทคำพูดของทังเฮ่อเสียงโดยไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย กล่าวน่าเกรงขามว่า “ใครมีศัตรูคนเดียวกันกับเจ้า? เจ้านับเป็นตัวอะไร มีสิทธิ์มายืนอยู่บนแนวรบแนวเดียวกันด้วยอย่างนั้นรึ? ออกมารับความตายเสีย!”

พลันที่กล่าวขาดคำ เสียงตึงดังขึ้น เสียงดาบคำรามดังก้องเก้าชั้นฟ้า ด้วยปณิธานการฆ่าที่ไม่สะทกสะท้าน

คำพูดของดาบอริยะกวานไห่น้ำเสียงดูเข้มและเย็นชาโดยไม่ให้เกียรติทังเฮ่อเสียงแม้แต่น้อย พลันทำให้สีหน้าของทังเฮ่อเสียงดูปั้นยากจริงๆ พวกเขาต่างก็เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ในสายตาของเขามองว่าพวกเขาอยู่ในระดับเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นถึงแม่ทัพของกองทหารองครักษ์อีกด้วย

แต่ว่าดาบอริยะกวานไห่ในเวลานี้ไม่ให้เกียรติเขาเลยแม้แต่น้อย

ฉินเจี้ยนเหยาที่อยู่ด้านข้างอดที่จะส่ายหัวไม่ได้ แม้ว่านางไม่ถึงขั้นทับถม แต่การกระทำของทังเฮ่อเสียงนั้นต่ำช้ามากเหลือเกิน เป็นการรนหาที่ตายอย่างสิ้นเชิง หากเป็นเรื่องอื่นบางทีนางอาจจะช่วยคลี่คลายบ้าง แต่กับเรื่องเช่นนี้นางจะไม่เข้าไปก้าวก่ายอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องที่ทังเฮ่อเสียงหาเรื่องเอง

ในเวลานี้ ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ คำพูดของดาบอริยะกวานไห่แม้จะยกตนข่มท่าน แต่ทว่า ในฐานะที่เป็นเทพแท้จริงขั้นสวรรค์ชั้นเก้า เขาย่อมมีสิทธิ์พูดคำพูดที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้ได้

แม้แต่ผู้ซึ่งดำรงอยู่ในฐานะเช่นทังเฮ่อเสียง เทียบกันระหว่างดาบอริยะกวานไห่แล้วยังคงมีช่วงห่างอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

“ดาบอริยะ ท่านเล่นของจริงเลยรึ?” สีหน้าของทังเฮ่อเสียงดูบึ้งตึง กล่าวน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมา

“หรือว่าข้าจะกลัวเจ้าอย่างนั้นรึ?” ดาบอริยะกวานไห่ที่ยกตนข่มท่าน ยิ้มเยาะเย้ยและกล่าวว่า “เจ้ามีอะไรที่ให้การสนับสนุนเข้ามาได้ตามใจเลย หอหลินไห่เก๋อข้าเคยกลัวว่าจะมีเรื่องตั้งแต่เมื่อไหรกัน?”

ทังเฮ่อเสียงอดที่จะมีสีหน้าที่บึ้งตึงไม่ได้ นิ้วมือทั้งห้ากำทวนมังกรเอาไว้แน่น เผยปณิธานการฆ่าออกมาจากแววตา

เดิมทีเขาไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ดาบอริยะกวานไห่ เป้าหมายของเขาคือหลี่ชิเย่ เขายังมีธาตุแท้ภายในที่ไม่ได้นำออกมาใช้ ซึ่งก็มีไว้มุ่งไปยังหลี่ชิเย่เฉพาะ แต่ทว่า หากดาบอริยะกวานไห่ยังคงยกตนข่มท่านต่อไปล่ะก็ เขาเองก็จะไม่ถอยให้อีก จะอย่างไรเสีย แม้คนที่มีนิสัยอ่อนโยนมากกว่านี้ก็ต้องมีอารมณ์เหมือนกัน

……………………………………………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *