Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2332 เหล่าศัตรูชุมนุมกันมากมาย

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2332 เหล่าศัตรูชุมนุมกันมากมาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สีหน้าของหลินซิม่อเปลี่ยนไปมากทีเดียวเมื่อมองเห็นพวกของเจี้ยนจุน ถ้าหากหลี่ชิเย่อยู่นางกลับไม่กลัว เนื่องจากต่อให้ฟ้าถล่มลงมาก็จะมีหลี่ชิเย่คอยค้ำเอาไว้ เวลานี้หลี่ชิเย่เข้าฌานบรรลุสัจธรรม ย่อมอันตรายแล้ว

เวลานี้หลินซิม่อไม่ได้ห่วงตัวเอง แต่เป็นกังวลในตัวของหลี่ชิเย่ เนื่องจากการเข้าฌานบรรลุสัจธรรมหากถูกขัดขวาง มีความเป็นไปได้ที่จะถูกธาตุไฟเข้าแทรก หากรุนแรงกระทั่งถึงขั้นเสียชีวิตได้

เวลานี้หลินซิม่อถึงกับมองดูหลี่ชิเย่แวบหนึ่งด้วยท่าทีร้อนรน ในเวลานี้นางกระหายอยากให้หลี่ชิเย่สามารถฟื้นขึ้นมาเร็วไว กลับออกมาจากการเข้าฌาน

“ระวังตัวด้วย” ในขณะนี้ ท่าทีของหวู่ปิงหนิงก็หนักแน่นจริงจังและเตรียมความพร้อมเอาไว้ สั่งการเสียงแผ่วเบาออกไป

หลินซิม่อกำหมัดแน่น ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม นางก็ไม่ปล่อยให้พวกเจี้ยนจุนได้สมใจ กระทั่งในเวลานี้นางได้เอาตัวของเองบังอยู่ด้านหน้าของหลี่ชิเย่แล้ว แม้จะกล่าวว่าทักษะของนางอ่อนด้อย แต่นางไม่อาจมองตาปริบๆ ปล่อยให้หลี่ชิเย่ต้องเสียชีวิตภายใต้เงื้อมมือของพวกเจี้ยนจุน

พวกของเจี้ยนจุนมาด้วยปี้โซ่ว นับว่าพวกเขาก็มีความเข้าใจในปี้โซ่วเฉิงอยู่ระดับหนึ่ง ดังนั้น พวกเขาจึงค้นหาจนมาถึงสถานที่แห่งนี้ได้ เพียงแต่ว่าปี้โซ่วที่พวกเขานั่งโดยสารมาด้วยนั้นไม่กล้าเข้ามาถึงที่ตรงนี้ พวกเขาจึงต้องลงเดินเท้าจนมาถึงตรงนี้

เทือกเขาเทือกนี้มีความอันตรายอย่างยิ่ง ดังนั้น พวกของเจี้ยนจุนต่างระมัดระวังรอบคอบยิ่ง ด้วยเกรงว่าจะไปหาเรื่องกับปี้โซ่วที่มีความแข็งแกร่งยิ่งเข้าให้ ต่อให้พบเห็นไข่ของปี้โซ่วพวกเขาก็ไม่กล้าลงมือบุ่มบ่าม

แต่ว่า ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า พวกเขากลับมาพบพวกหลี่ชิเย่สามคนที่นี่ได้

ดวงตาทั้งสองของเจี้ยนจุนเพ่งตรงไปข้างหน้าเมื่อเห็นหลี่ชิเย่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น ส่งเสียงฮึเย็นชาออกมา สายตาพลันล็อกเป้าตัวหลี่ชิเย่เอาไว้

“เขาก็คือผู้เยาว์ที่แซ่หลี่คนนั้นรึ?” ในเวลานี้เอง ด้านหลังเจี้ยนจุนปรากฏผู้เฒ่าผู้หนึ่งก้าวเดินออกมา สายตาของเขาก็พลันตกลงบนตัวของหลี่ชิเย่ และกล่าวขึ้นช้าๆ

ด้านหลังของผู้เฒ่าสะพายกระบี่ยักษ์เล่มหนึ่ง กระบี่ยักษ์เล่มนี้มีสีเทาดำดั่งเหล็ก ไม่รู้ว่าหลอมสร้างขึ้นมาโดยโลหะศักดิ์สิทธิ์ชนิดใด รูปร่างของเขากำยำมาก เมื่อพกพากระบี่ยักษ์เล่มนี้แล้วแลดูแข็งแกร่งมีพลังยิ่ง แม้ว่าเขาไม่ได้จงใจแผ่กลิ่นอายเทพแท้จริงที่ทรงพลังปราศจากผู้ต่อกรออกมา แต่ทว่า วงแหวนศักดิ์สิทธ์ที่ลอยล่องอยู่บนตัวของเขานั้นชัดเจนยิ่งกว่า เขาคือระดับเทพแท้จริง ทั้งยังเป็นเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์

เทพกระบี่กูตู๋…สีหน้าของหลินซิม่อถึงกับซีดเผือดเมื่อได้เห็นผู้เฒ่าผู้นี้ ร้องเสียงหลงออกมาโดยไม่สามารถควบคุมตนเองได้

“หวินเทียน!” ดวงตาทั้งสองของหวู่ปิงหนิงก็ต้องเพ่งตรงไปข้างหน้าและมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเมื่อเห็นผู้เฒ่าผู้นี้ และนึกไม่ถึงเหมือนกันว่าบรรพบุรุษระดับสูงของสุสานกระบี่จะมาด้วยตนเอง

หวินเทียน เทพกระบี่กูตู๋คือระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดของสุสานกระบี่ เป็นระดับเทพแท้จริงขั้นสวรรค์ชั้นเก้า มีความแข็งแกร่ง่ยิ่งกว่ายายเท่าเทวะไล่วายุของจูเซียงหวู่ถิงไม่รู้เท่าไร อีกทั้งชั่วชีวิตของเทพกระบี่กูตู๋มุ่งมั่นอยู่กับการฝึกวิชากระบี่ เรียกได้ว่าในด้านวิชากระบี่นั้นมีฝีมือที่ล้ำเลิศยากจะหาใดเทียม ด้วยเหตุนี้เองจึงมีคำเล่าลือกันว่าเทพกระบี่กูตู๋มีวิชากระบี่ที่ปราศจากผู้ต่อกร ชั่วชีวิตของเขาน้อยครั้งนักที่ใช้ถึงสามกระบวนท่า

ดังนั้น จึงเคยมีผู้คาดการณ์ว่า แม้เทพกระบี่กูตู๋จะเป็นระดับเทพแท้จริงขั้นสวรรค์ชั้นเก้า อาศัยวิชากระบี่ที่ทระนงองอาจปราศจากผู้ต่อกรแล้ว เป็นไปได้ที่สามารถรับมือกับผู้ที่เพิ่งจะก้าวสู่ขั้นอมตะหมาดๆ ได้

ที่เทพกระบี่กูตู๋รู้สึกเสียใจก็คือไม่สามารถฝีกเคล็ดวิชาที่เป็นแก่นแท้ของกระบี่อัจฉริยะ มิฉะนั้นล่ะก็ เขามีโอกาสได้สืบทอดสุดยอดวิชากระบี่สูงสุดของอัจฉริยะกระบี่ได้

“ข้ากลับต้องการได้เห็นกระบี่ไวของเขา” ดวงตาทั้งสองของเทพกระบี่กูตู๋ส่งประกายเจิดจ้า เผยให้เห็นประกายที่ละลานตายิ่ง และสีสันของความตื่นเต้นที่วูบวาบ

เทพกระบี่กูตู๋หลงใหลในเรื่องกระบี่อย่างยิ่ง สิ่งที่เขาชื่มชอบมากที่สุดหาใช่การท้าประลองยอดฝีมือจากทั่วหล้า แต่เป็นการศึกษาวิชากระบี่กับยอดฝีมือทั่วหล้า

เดิมทีเทพกระบี่กูตู๋หวินเทียนไม่สนใจเรื่องที่เกี่ยวกับสุสานกระบี่มานานแล้ว เพียงแต่เขาได้ทราบข่าวที่เจี้ยนจุนส่งมาว่า กระบี่ไวของหลี่ชิเย่ปราศจากผู้ต่อกร พลันทำให้เทพกระบี่กูตู๋สนใจขึ้นมาทันที ดังนั้นจึงกลับสู่ยุทธภพอีกครั้งเพื่อกระบี่ไวของหลี่ชิเย่โดยเฉพาะ

การที่เจี้ยนจุนเชิญตัวเทพกระบี่กูตู๋ออกมาก็เพื่อจัดการกับหลี่ชิเย่ เมื่อยายเฒ่าเทวะไล่วายุล้มเหลว ดังนั้นเจี้ยนจุนจึงได้ครุ่นคิดในใจ เว้นแต่ระดับอมตะแล้ว คงมีเพียงเทพกระบี่กูตู๋ของสุสานกระบี่พวกเขาที่สามารถตัดสินชี้ขาดกับหลี่ชิเย่ได้แล้ว

เจี้ยนจุนเองก็รู้ว่าเจ้าสำนักอย่างเขาไม่สามารถเชิญให้ผู้ดำรงอยู่ในฐานะเทพกระบี่กูตู๋ออกโรงได้ ดังนั้นจึงจงใจเน้นย้ำถึงกระบี่ไวของหลี่ชิเย่ที่ปราศจากผู้ต่อกร วิชากระบี่ที่สุดยอดหนึ่งไม่มีสองในหล้า จึงทำให้เเทพกระบี่กูตู๋บังเกิดความสนใจและกลับสู่ยุทธภพอีกครั้ง

แน่นอน การกลับสู่ยุทธภพไม่ได้มาเพื่อบุญคุณความแค้นส่วนตัวของเจี้ยน่จุน เขาแค่ต้องการรับรู้ถึงกระบี่ไวปราศจากผู้ต่อกรของหลี่ชิเย่ เขาต้องการตัดสินชี้ขาดกับหลี่ชิเย่ในด้านวิชากระบี่

“หลี่ชิเย่ ท่านผู้นี้คือระดับบรรพบุรุษของสุสานกระบี่พวกเรา วิชากระบี่ปราศจากผู้ต่อกร มาวันนี้ก็เพื่อต้องการรับการชี้แนะจากกระบี่ไวที่ปราศจากผู้ต่อกรของเจ้า” เจี้ยนจุนก้าวออกมาและกล่าวน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมา เขาจงใจเน้นย้ำคำว่า ‘กระบี่ไวปราศจากผู้ต่อกร’ คำนี้

แต่ว่า หลี่ชิเย่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้นไม่มีการเคลื่อนไหว

“คุณชายของพวกเราไม่สนใจในขณะนี้” เวลานี้หวู่ปิงหนิงออกปากปฏิเสธคำพูดของจี้ยนจุน นางคาดหวังใช้โอกาสนี้ถ่วงเวลาออกไป และไม่ต้องการให้ใครมองออกว่าหลี่ชิเย่กำลังเข้าฌานบรรลุสัจธรรมอยู่ที่ตรงนี้

“ฮึวาจาสามหาวนัก” เจี้ยนจุนส่งเสียงฮึเย็นชา กล่าวน่าเกรงขามว่า “เทพกระบี่ของพวกเราคือระดับเทพแท้จริงสวรรค์ชั้นเก้า…”

“ไหนเลยที่คุณชายของพวกเราต้องกลัว เทพแท้จริงสวรรค์ชั้นแปดมิถูกเฉดหัวกลับไปตามอารมณ์เท่านั้นเอง” หวู่ปิงหนิงโบกมือเบาๆ กล่าวตัดบทคำพูดของเจี้ยนจุน

ท่าทีที่หยิ่งยโสเช่นนี้ของหวู่ปิงหนิงนั้น เป็นการจงใจสร้างบรรยากาศเช่นนี้ขึ้นมาของนาง ทำให้พวกของเจี้ยนจุนเข้าใจผิดคิดว่าการที่หลี่ชิเย่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น เป็นการเมินเฉยต่อศัตรูอย่างพวกเขา

ความจริงแล้วก่อนหน้านี้หลี่ชิเย่ก็เกือบจะเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว บ่อยครั้งที่เขาหลับตาพักผ่อนกายาอยู่เสมอๆ โดยเชิดใส่เหล่าศัตรูลักษณะเช่นนี้

เวลานี้หลี่ชิเย่นั่งขัดสมาธิไม่เคลื่อนไหวอยู่ตรงนั้น ในขณะนี้เจี้ยนจุนยังนึกไม่ถึงว่าหลี่ชิเย่กำลังเข้าฌานเพื่อบรรลุสัจธรรมอยู่ ยังคงเข้าใจว่าหลี่ชิเย่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีที่หยิ่งยโส เมินใส่ศัตรูทุกคน จะอย่างไรเสียก่อนหน้านั้นหลี่ชิเย่ก็เป็นเช่นนี้

คำพูดและท่าทีเช่นนี้ของหวู่ปิงหนิงพลันทำให้สีหน้าของเจี้ยนจุนดูไม่จืด แต่ในเวลานี้เขาก็ยากจะหาคำพูดใดมาตอบโต้ เนื่องจากที่หวู่ปิงหนิงพูดนั้นเป็นเรื่องจริง ก่อนหน้านี้ไม่นานหลี่ชิเย่จัดการสยบยายเฒ่าเทวะล่าวายุในพริบตาเดียว

ฮึ…ขณะที่เจี้ยนจุนถึงกับพูดอะไรไม่ออกนั้น เสียงฮึที่เย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้น น้ำเสียงที่เย็นชาได้พูดขึ้นว่า “พูดแบบนี้ เทพธิดาสงครามต้องการทรยศออกจากจูเซียงหวู่ถิงโดยสิ้นเชิง และหันไปพึ่งพาจอมมารผู้นี้แล้วสิ”

ในเวลานี้ ปรากฏคนอีกกลุ่มหนึ่งได้มาถึง ผู้ที่มาก็คือคุณชายพานหลงแห่งระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิพานหลง อีกทั้งคุณชายพานหลงไม่ได้มาเพียงคนเดียว แต่นำพาผู้เฒ่ามาด้วยนับร้อยคน ส่วนใหญ่จะเป็นระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิพานหลง ล้วนแล้วแต่เป็นระดับเทพแท้จริงกระทั่งระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ทั้งสิ้น

“คุณชายพานหลง ข้าจะทรยศหักหลังจูเซียงหวู่ถิงหรือไม่มันเป็นเรื่องภายในครอบครัวของจูเซียงหวู่ถิงพวกเรา ถ้าหากคุณชายพานหลงอยากจะยุ่งเรื่องของคนอื่นล่ะก็ จัดการชำระเรื่องเก่าแก่นมนานของพรรคบูชาจันทราของพวกเจ้าเองเสียก่อนเถอะ รอให้เช็ดก้นตัวเองจนสะอาดเสียก่อนและค่อยไปกล่าวตำหนิคนอื่นว่าใบหน้าเปื้อนโคลนจะดีกว่า” หวู่ปิงหนิงกล่าวเสียงเย็นชาขึ้น โดยไม่เกรงใจ และไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย

ย่อมไม่เป็นที่สงสัย หวู่ปิงหนิงที่เป็นเทพธิดาสงครามผู้นี้ใช่เป็นผู้มีชื่อเสียงจอมปลอม เมื่อไรที่นางแข็งขึ้นมาล่ะก็นับว่าแข็งแกร่งยิ่งนัก ไม่หวาดหวั่นต่อผู้ใด หมางเมินเหล่าผู้กล้า

“เจ้า…” คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหวู่ปิงหนิงมันคือการตบหน้าคุณชายพานหลงอย่างแรงชัดๆ และฟาดใส่ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิพานหลงพวกเขาอย่างแรงเช่นกัน ไม่ใช่พรรคบูชาจันทราของพวกเขา ทำให้ระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิพานหลงจำนวนไม่น้อยมองหน้าหวู่ปิงหนิงด้วยความโกรธเคือง แต่ก็จนด้วยเกล้า จะอย่างไรเสียมันคือความจริงที่พรรคบูชาจันทราของพวกเขาเคยมีประวัติที่ไม่สู้จะมีเกียรตินักกับกรณีนกเขาแย่งชิงรังของนกสาริกา

“แม่นางหวู่ ไม่พบกันเสียนาน” จังหวะที่คุณชายพานหลงถูกยั่วโมโหจนพูดอะไรไม่ออกนั้น ด้านหลังของคุณชายพานหลงปรากฎผู้เฒ่าผู้หนึ่งที่ก้าวเดินออกมา พลันที่ผู้เฒ่าผู้นี้ก้าวออกมา มองเห็นประกายที่รั่วไหลลงพื้น ประกายดังกล่าวดุจดั่งสายน้ำที่ไหลรินอยู่บนพื้นอย่างนั้น

ผู้เฒ่าผู้นี้มีพันกรหมื่นแขน มือแต่ละมือที่กางออกเสมือนหนึ่งค้ำยันฟ้าดินจนขาดอย่างนั้น จำนวนแขนที่มากมายของเขาหาใช่คุณชายพานหลงสามารถเทียบเคียงได้อยู่แล้ว

หวู่ปิงหนิงยังคงให้การรับรองด้วยท่าทีเรียบเฉยกับผู้เฒ่าผู้นี้ พยักหน้าและกล่าวขึ้นเบาๆ ว่า “เทพหมื่นแขน ไม่พบกันนาน” ไอรีนโนเวล

“เทพหมื่นแขน…” เมื่อหลินซิม่อได้ยินหวู่ปิงหนิงเรียกว่า ‘เทพหมื่นแขน’ นั้น นางนึกถึงคนผู้หนึ่งทันทีและถึงกับร้องเสียงหลงออกมา นางจึงรีบเอามือปิดปากตัวเองเอาไว้

เทพหมื่นแขน ถูกต้อง ผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้าก็คือเทพหมื่นแขนที่มีชื่อเสียงโด่งดังของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิพานหลง และเป็นระดับบรรพบุรุษที่เคยเข้าร่วมกองทัพพันธมิตรที่โจมตีลานกำแหงในครั้งนั้น

การปรากฏตัวขึ้นที่ตรงนี้ของเขาในวันนี้ก็เพื่อหลี่ชิเย่

ครั้งนั้น กองทัพพันธมิตรของพวกเขาพ่ายแพ้อย่างยับเยินต่อหลี่ชิเย่ ภายในใจของเทพหมื่นแขนไม่ยอมรับอย่างยิ่ง จะอย่างไรเสียเขามองว่าการที่กองทัพพันธมิตรที่แข็งแกร่งขนาดนี้ของพวกเขาต้องพ่ายแพ้ให้กับหลี่ชิเย่นั้น เป็นเพราะหลี่ชิเย่ควบคุมความได้เปรียบด้านเวลาและสถานที่ ถ้าหากหลี่ชิเย่ไม่ได้ควบคุมต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิลานกำแหงเอาไว้ กองทัพพันธมิตรของพวกเขาจะไม่พ่ายแพ้ยับเยินถึงเพียงนี้

ด้วยเหตุนี้เอง มาคราวนี้หลังจากที่เขารู้ว่าหลี่ชิเย่ปรากฏตัวที่เงินทองตกพื้นแล้วนั้น เทพหมื่นแขนที่เพิ่งจะรักษาจนหายจากอาการบาดเจ็บจึงรุดมาที่นี่ทันที หวังจะล้างความอัปยศที่ได้รับก่อนหน้าต่อหลี่ชิเย่

ยิ่งไปกว่านั้น เทพหมื่นแขนเข้าใจว่า ขอเพียงในมือของหลี่ชิเย่ไม่ได้ควบคุมต้นกำเนิดสัจธรรมเอาไว้ เขาก็มีโอกาสเอาชนะหลี่ชิเย่ได้ จะอย่างไรเสียศักยภาพของผู้ที่อยู่ในระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ใช่จะดูแคลนกันได้ง่ายดาย

เทพหมื่นแขนมองดูหลี่ชิเย่ที่นั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่นแวบหนึ่ง จากนั้นมองไปที่หวู่ปิงหนิงและเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “แม่นางหวู่อย่าลืมไปสิ นับแต่อดีตกาล ธรรมะและอธรรมไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ แม่นางหวู่คือผู้สืบทอดของจูเซียงหวู่ถิง สมควรมีจุดยืนของตนเอง”

“อะไรคือธรรมะ อะไรคืออธรรม?” หวู่ปิงหนิงกล่าวน้ำเสียงเรียบๆ และเย็นชาว่า “เทพหมื่นแขน อย่าลืมข้อตกลงที่ได้ร่วมลงนามในวันนั้นสิ ในเมื่อระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิทั่งหมดเห็นด้วย นั่นบ่งบอกว่าให้การยอมรับในเรื่องนี้ ในเมื่อระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิทั้งหมดต่างยอมรับแล้ว แล้วจะมีพรรคมารที่ชั่วร้ายขึ้นมาได้อย่างไรอีก? หรือว่าเทพหมื่นแขนต้องการปฏิเสธข้อตกลงที่ลงนามในวันนั้นอย่างนั้นรึ?”

“ย่อมไม่เป็นเช่นนั้น” เทพหมื่นแขนส่ายหน้าและกล่าวว่า “ข้าไม่ปฏิเสธข้อตกลงฉบับนั้น เพียงแต่พวกเราต้องไม่ประมาทเท่านั้นเอง รอบคอบไว้จะดีกว่า อย่าให้ผู้อื่นมาทำให้สับสน คำพูดนี้เหมาะกับแม่นางหวู่มากที่สุด”

“ความปรารถนาดีของเทพหมื่นแขน ข้าน้อมรับใส่ใจ” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “การตัดสินใจเลือกของข้าไม่จำเป็นต้องให้เทพหมื่นแขนมากังวล หากเทพหมื่นแขนไม่มีเรื่องอื่นใดล่ะก็ เชิญกลับไปก่อนเถอะ”

พวกของคุณชายพานหลงไม่รู้ว่าจะแทรกได้อย่างไรในเวลานี้ เนื่องจากหวู่ปิงหนิงคือผู้ที่เข้าร่วมปฏิบัติการของกองทัพพันธมิตรในครั้งนั้น ในระดับหนึ่งแล้ว หวู่ปิงหนิงมีสิทธิ์สนทนาอย่างเท่าเทียมกับผู้ดำรงอยู่ในฐานะอย่างเทพหมื่นแขนได้ ตรงกันข้ามกับคุณชายพานหลง และเจี้ยนจุนที่ล้วนแล้วแต่ไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนี้

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *