Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2273 มนุษย์เถาวัลย์ยักษ์

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2273 มนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สามสิบหกจ้าวมังกรเรียงหน้ากระดานขวางอยู่ด้านหน้าของหลี่ชิเย่ นาทีนี้พวกเขาเปี่ยมด้วยกลิ่นอายการฆ่า ชุดเกราะขนาดยักษ์บนตัวของพวกเขาก็ส่งประกายที่ละลานตา มองดูคล้ายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สามสิบหกองค์ที่ลงมายังโลกมนุษย์อย่างนั้น ทำให้ผู้คนต้องให้ความเคารพยำเกรง ทำให้ผู้คนถึงกับหวาดกลัวจนขนลุกซู่

“ผู้เยาว์ เจ้าคิดจะตายด้วยวิธีอย่างไรล่ะ?” นาทีนี้เอง หนึ่งในสามสิบหกจ้าวมังกรได้พูดขึ้น น้ำเสียงเย็นชา เปี่ยมด้วยกลิ่นอายการฆ่า ทำให้ผู้ที่ได้ยินถึงกับร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง

อย่างไรเสียก็คือเสาหลักประจำแคว้น…ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิอดที่จะพึมพำออกมา ขณะมองดูสามสิบหกจ้าวมังกรเหล่านี้

ด้วยศักยภาพของสามสิบหกจ้าวมังกร สามารถกวาดล้างสำนักจำนวนมากของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ อีกทั้งเกรงว่าธาตุแท้ภายในของแคว้นว่านโซ่วคงไม่ได้มีเพียงเท่านี้ จะโทษว่าแคว้นว่านโซ่วหาญกล้าแอบส่องอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะก็ไม่ถูก

“ตายด้วยวิธีไหน?” หลี่ชิเย่ยังคงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนบัลลังก์กษัตริย์กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า “พวกเจ้าออกจากสำคัญตนเองมากเกินไปแล้วกระมัง? ฝีมือเพียงแค่นี้ก็คิดจะสังหารข้ารึ? ข้าไม่จำเป็นต้องลงมือก็มีวิธีร้อยพันที่จะสังหารพวกเจ้า เอาเถอะ ให้พวกเจ้าได้เห็นฝีมือของข้าก็แล้วกัน รอให้พวกเจ้ามีปัญญาฝ่าเข้ามาให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาคุยว่าจะสังหารข้าก็ยังไม่สาย”

พลันที่หลี่ชิเย่พูดขาดคำ ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้น ชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง เหนือศีรษะของหลี่ชิเย่เหมือนมีช่องว่างช่องหนึ่งเปิดออก คล้ายดั่งเปิดประตูอาณาจักรแห่งหนึ่งขึ้นมาอย่างนั้น

ในช่องว่างนี้ปรากฏต้นไม้แก่ต้นหนึ่ง โดยที่ต้นไม้แก่ต้นนี้มีความแก่หง่อมอย่างยิ่ง เหมือนว่ามันเจริญเติบโตมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์จนถึงปัจจุบัน ต้นไม้เก่าแก่ต้นนี้ดูเหมือนจะห่างไกลจากโลกปัจจุบันมากเหลือเกิน ทุกคนเพียงมองเห็นเป็นโครงร่างที่รางเลือนเท่านั้นเอง ไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดของมันได้อย่างชัดเจน

แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ขณะที่ต้นไม้แก่ต้นนี้ปรากฏขึ้นมานั้น พลันเปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวา ทั่วทั้งเรือนโอสถถูกทำให้จมอยู่ท่ามกลางความมีชีวิตชีวาที่น่าเกรงขาม เหมือนว่าทั่วทั้งเรือนโอสถได้กลับกลายเป็นทะเลแห่งความมีชีวิตชีวา ความมีชีวิตชีวาที่คึกคักทำให้ผู้คนรู้สึกได้ว่าอากาศช่างบริสุทธิเหรือเกิน ทำให้อดที่จะสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ สักทีหนึ่ง หลังจากที่ได้สูดเอาอากาศที่มีชีวิตชีวานี้แล้ว รู้สึกว่าความอ่อนล้าหายไปราวปลิดทั้ง รู้สึกสบายตัวอย่างบอกไม่ถูก

“นี่มันคืออะไรกันแน่…” ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกตกใจกับต้นไม้แก่ที่ดูเลือนราง และบ่นพึมพำขึ้นมา

“หรือว่าตามตำนานเล่ากันว่าที่เขาเก็บสมุนไพรมีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อยู่ต้นหนึ่ง หรือว่าตำนานเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง?” ระดับบรรพบุรุษตระกูลขุนนางโบราณมองดูต้นไม้แก่ต้นนั้นที่อยู่เหนือศีรษะของหลี่ชิเย่แล้วกล่าวด้วยความตระหนก

เคยมีตำนานเล่าว่าบนยอดเขาเก็บสมุนไพรมีต้นไม้แก่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ต้นหนึ่ง แต่ไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อนจึงไม่รู้ว่าเป็นจริงหรือเท็จ แต่ เวลานี้ได้ปรากฏต้นไม้แก่เหนือศีรษะหลี่ชิเย่ต้นนี้แล้ว ทำให้ระดับบรรพบุรุษของสำนักต่างๆ ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะจำนวนไม่น้อยได้นึกถึงตำนานเรื่องนี้

จี๊ด จี๊ด จี๊ดเสียงของบางสิ่งที่มุดออกมาจากพื้นดิน นาทีนี้ ใต้พื้นดินปรากฎรากไม้แก่แต่ละรากที่โผล่พรวดขึ้นมาจากใต้พื้นดิน แล้วขวางอยู่ด้านหน้าของสามสิบหกจ้าวมังกร

“แค่ไม้ผุๆ กองหนึ่งเท่านั้น ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง” มีจ้าวมังกรที่มองดูอย่างดูแคลน เวลานี้สามสิบหกจ้าวมังกรไม่เห็นอยู่ในสายตาสำหรับรากไม้แก่แต่ละรากที่โผล่พราดขึ้นมาเหล่านี้

แต่ในเวลานี้เอง ได้ยินเสียงจี๊ดดังขึ้นเสียงหนึ่ง มองเห็นรากแก่แต่ละรากที่โผล่พรวดออกมาจากใต้พื้นดินล้วนแล้วแต่ถักทอเข้าด้วยกัน และกลายเป็นรูปร่างคล้ายคนๆ หนึ่ง หลังจากที่รากแก่ทั้งหมดได้ถักทอจนเสร็จสิ้นแล้ว ปรากฏรูปร่างของคนที่สูงใหญ่มาก

ชุดเกราะที่สวมอยู่บนตัวของสามสิบหกจ้าวมังกรนับว่าสูงใหญ่มากแล้วสิ แต่ทว่าเมื่อรากแก่ทั้งหมดพันถักทอเข้าด้วยกันจนกลายเป็นมนุษย์ยักษ์เถาวัลย์นั้น มันมีความใหญ่โตมหึมายิ่ง ร่างของมันดุจดั่งเป็นภูเขาขนาดยักษ์ลูกหนึ่ง ขณะที่มันยืนอยู่ตรงนั้น เมฆที่ลอยล่องแค่ลอยเฉียดหัวไหล่ของเขาไปเท่านั้น ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่ามนุษย์เถาวัลย์ยักษ์นี้มีขนาดที่สูงใหญ่เพียงใด

“ต่อให้กลายเป็นมนุษย์ร่างยักษ์ มันก็แค่ไม้ผุๆ กองหนึ่งเท่านั้น” สามสิบหกจ้าวมังกรยังคงไม่ใส่ใจ มองดูรากไม้แก่ทั้งหมดที่ถักทอเข้าด้วยกันจนกลายเป็นมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์นั่น

“อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย ช่องว่างที่อยู่เหนือศีรษะของเขาพลันบินออกไป ได้ยินเสียงดังจี๊ดขึ้นมา ช่องว่างนี้พลันไปลอยล่องอยู่ด้านหลังของมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ พริบตาเดียวนั่นเอง ประตูของช่องว่างดังกล่าวเหมือนถูกดันให้เปิดออก ขณะที่ต้นไม้แก่ที่เลือนรางต้นนั้นก็กลับกลายเป็นมีขนาดที่สูงใหญ่สุดเปรียบเปรย เหมือนว่าได้กลายเป็นเหมือนท้องฟ้าที่กว้างไกล ทำการปกป้องมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ภายใต้ร่มเงาสีเขียวของมัน

ได้ยินเสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้น รากแก่ที่อยู่บนตัวของมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์พลันเหมือนมีพลังชีวิตฟื้นคืนอย่างไม่มีขีดจำกัดอย่างนั้น เมื่อได้รับการบำรุงด้วยทะเลชีวิตที่น่าเกรงขามจากต้นไม้แก่ต้นนี้ ได้ยินเสียงดังตึง ตึง ตึงรากแก่แต่ละรากกลับกลายเป็นมีขนาดใหญ่และแข็งแรง เหมือนดั่งกลับคืนสู่ช่วงวัยที่แข็งแรงที่สุดในครั้งนั้น รากแก่ที่เดิมดูเหี่ยวแห้งแก่หง่อมพลันมีพลังชีวิตฟื้นคืนขึ้นมาใหม่ เปลือกแก่ที่หนามากซึ่งห่อหุ้มลำต้นเอาไว้นั้นดุจดั่งเป็นเกราะเหล็กเกล็ดมังกรที่ไม่สามารถทำลายได้

ในเวลานี้ มองเห็นมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ตัวนี้แผ่กระจายความมีชีวิตชีวาที่น่าเกรงขามออกมา นาทีนี้มนุษย์เถาวัลย์ยักษ์เหมือนมีชีวิตขึ้นมาและเปี่ยมไปด้วยความมีชีวิต ทั้งยังมีพลังที่น่าเกรงขามไร้ขีดจำกัด เพียงแค่มันเคลื่อนไหวก็เปี่ยมไปด้วยอานุภาพที่ทำลายฟ้าดินได้

นาทีนี้ที่ทุกคนมองเห็นหาใช่มนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ตัวหนึ่งเท่านั้น มันเหมือนเป็นมนุษย์ยักษ์ที่มีชีวิตจริงๆ มีพลังที่แข็งแกร่งปราศจากปราศจากผู้ต่อกร ประดุจเป็นเผ่าพันธุ์ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ลงมาจากสวรรค์อย่างนั้น คล้ายดั่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงส่งองค์หนึ่ง

มาคราวนี้ มนุษย์เถาวัลย์ยักษ์เหมือนเปลี่ยนโฉมไปโดยสิ้นเชิงอย่างนั้น ทำให้ผู้พบเห็นต้องรู้สึกใจหายใจคว่ำ เดิมทีเป็นเพียงสิ่งที่มีรูปร่างคล้ายคนซึ่งถักทอขึ้นมาจากรากไม้แก่ๆ แห้งๆ ตัวหนึ่ง เวลานี้กลับกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปในทันที ช่างเป็นเรื่องที่สร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจเพียงใด

“เป็นการประทานพลังโดยต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นะเนี่ย ประทานให้มันมีชีวิตขึ้นมาใหม่” ระดับบรรพบุรุษของตระกูลขุนนางโบราณมองออกถึงความนัยถึงกับพึมพำออกมาว่า “ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้นับว่าแข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรโดยแท้จริง แปลงสิ่งที่ไร้ค่าให้กลับกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์”

แม้แต่ผู้พเนจรหยางหมิงในเวลานี้ก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองดูยอดเขาเก็บสมุนไพรที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ในฐานะที่เป็นเจ้าสำจักหยางหมิง นางรู้อะไรดีๆ มากกว่าคนอื่น เวลานี้หลี่ชิเย่เปิดช่องว่างออกมาช่องหนึ่ง ปรากฏเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา นางเองก็รู้ได้ว่าพลังของหลี่ชิเย่นั้นมาจากที่ใด และเข้าใจได้ว่าบรรดารากแก่เหล่านี้มีอภินิหารมาจากสิ่งใดกันแน่

“ทำลาย…” สามสิบหกจ้าวมังกรร้องคำรามออกมาพร้อมกัน เมื่อมองเห็นมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ที่เปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวาคึกคัก คล้ายกลับกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว พวกเขาจึงลงมือพร้อมกันโดยไม่เปิดโอกาสให้กับมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ เนื่องจากพวกเขาเข้าใจเป็นอย่างดี ขอเพียงทอดเวลาเนิ่นนานออกไป พลังของมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ตัวนี้ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยสิ้นเชิง

เสียงตูมดังสนั่น จังหวะที่สามสิบหกจ้าวมังกรคำรามพร้อมกันนั้น บนหน้าอกของพวกเขาได้พวยพุ่งเป็นประกายที่เจิดจ้าขึ้นมาอีกครั้ง ลำแสงสามสิบหกสายพลันรวมตัวกันเป็นสายเดียว ลำแสงสายนี้พุ่งเข้ามาด้วยพลังมหาศาลที่ทำลายฟ้าดินได้ พุ่งเป้าไปที่บริเวณกลางอกของมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ คาดหวังโจมตีจนอกของมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ทะลุ พวกเขาต้องการทำลายมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ให้ได้เร็วที่สุด ไม่ปล่อยให้มันแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นอีกต่อไป

แต่ทว่าในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง มองเห็นมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์พลิกฝ่ามือทีหนึ่ง ปรากฏโล่ไม้ขนาดใหญ่โตมโหฬารอยู่ในมือ ได้ยินเสียงดังปังขึ้นมา เมื่อโล่ไม้ขนาดยักษ์เช่นนี้ไปตั้งอยู่ด้านหน้า มันก็คล้ายดั่งเป็นกำแพงไม้ที่มหึมาด้านหนึ่งขวางกั้นอยู่ด้านหน้าตัวของมัน

เมื่อมีโล่ยักษ์เช่นนี้ขวางอยู่ด้านหน้า มันคล้ายดั่งตัดขาดกับโลกๆ หนึ่ง สูงเป็นหมื่นจ้างจนไม่อาจก้าวข้ามไปได้อย่างนั้น

ตูม ตูม ตูม…เสียงตูมตามดังขึ้นไม่ขาดสาย มองเห็นลำแสงทั้งสามสิบหกสายของสามสิบหกจ้าวมังกรที่โจมตีต่อโล่ไม้อย่างบ้าคลั่ง สำแสงที่ร้อนแรงส่งเสียงดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดขึ้นขณะปะทะกับโล่ไม้นั่น มองเห็นโล่ไม้ถูกเผ่าไหม้ไปทีละชั้นๆ

แต่ทว่า โล่ไม้นี้มีขนาดที่หนามากเหลือเกิน การที่สามสิบหกจ้าวมังกรจะอาศัยลำแสงยิงเผาจนทะลุไปนั้น เกรงว่าคงต้องใช้เวลาที่ยาวนานมาก

ฟ่าวววไม่รอให้สามสิบหกจ้าวมังกรเผาจนโล่ทะลุ มืออีกข้างหนึ่งของมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ได้เงื้อค้อนไม้ขนาดยักษ์ขึ้นมาแล้วทุบลงไป

“ระวัง…” สามสิบหกจ้าวมังกรเองก็ไม่ต้องการต้านเอาไว้ซึ่งหน้า เมื่อมองเห็นค้อนไม้ยักษ์หอบเอาพลังที่สามารถทำลายฟ้าดินทุบลงมา จึงรีบกระโดดหนีกันไป ได้ยินเสียงดังปัง ค้อนไม้ทุบลงบนพื้น สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วฟ้าดิน จ้าวมังกรจำนวนไม่น้อยสะเทือนจนต้องก้าวถอยหลังดังตึง ตึง ตึง

ขณะที่สามสิบหกจ้าวมังกรพากันหลบไปนั้น ลำแสงที่พวกเขารวมเข้าด้วยกันก็พลันหายไป จังหวะที่พวกเขายังไม่ทันได้ยืนอย่างมั่นคง มนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ก็ได้ใช้โล่ไม้ยักษ์กวาดขวางเข้ามา ครอบคลุมไปทุกพื้นที่

ปัง…เมื่อสามสิบหกจ้าวมังกรมองเห็นโล่ไม้ที่โจมตีเข้ามาและไม่สามารถหลบไปไหนได้ พวกเขาได้แต่คำรามเสียงดังขึ้นมา และต่างเสกเอาท่าไม้ตายของตนออกมา บางคนเสกเอาเจดีย์ขนาดยักษ์โจมตีเข้าไป บางคนคำรามเสียงยาวพาตัวเองพุ่งชนปะทะเข้าไป บางคนอาศัยกระบี่สวรรค์เพื่อแยกและสลายพลัง…

ปัง ปัง ปังเสียงโจมตีปะทะกันดังไม่ขาดสาย เศษไม้ปลิวว่อน ภายใต้การโจมตีของสามสิบหกจ้าวมังกร ทำให้โล่ไม้แตกหักเสียหายไม่สมประกอบ แต่ทว่าโล่ไม้ดังกล่าวมีขนาดใหญ่ยักษ์เหลือเกิน การที่มันจะขาดแหว่งไปส่วนหนึ่งบ้างก็ไม่ส่งผลกระทบแต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้นภายใต้การคุ้มครองของต้นไม้แก่ทำให้มนุษย์เถาวัลย์ยักษ์เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาที่ไม่มีสิ้นสุด ต่อให้โล่ไม้ยักษ์ถูกโจมตีจะขาดแหว่งไม่สมประกอบ แต่ว่า ได้ยินเสียงดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดขึ้น ส่วนที่ขาดแหว่งหายไปพลันงอกทดแทนขึ้นมาเหมือนเดิมภายในระยะเวลาอันสั้น ทำให้สามสิบหกจ้าวมังกรไม่สามารถทำลายโล่ยักษ์นี้ได้อยู่แล้ว

ตูม ตูม ตูมเสียงดังสนั่นดังขึ้นมาเป็นระลอกสร้างความหวั่นไหวไปทั่วฟ้าดิน มองเห็นมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ที่มือข้างหนึ่งกำค้อนไม้ขนาดยักษ์ มืออีกข้างถือโล่ยักษ์ หนึ่งค้อนหนึ่งโล่โจมตีสลับซ้ายขวา ทำเอาสามสิบหกจ้าวมังกรรับมือกันพัลวัน เวลานี้พวกเขารับมือทางซ้ายก็เปิดช่องทางขวา ถูกมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์เข้าโจมตีจนต้องถอยร่นไปเรื่อยๆ

ทุกคนต่างมองดูภาพเช่นนี้จนอ้าปากตาค้าง แม้ว่าสามสิบหกจ้าวมังกรจะทุ่มเทสรรพกำลังอย่างเต็มที่แล้ว ยังคงสู้มนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ตัวนี้ไม่ได้ มนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ตัวนี้คล้ายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่งที่ปราศจากผู้ต่อกร บุกเข้าสังหารจนสามสิบหกจ้าวมังกรหมดแรงที่จะต้านรับ

เวลานี้สามสิบหกจ้าวมังกรถูกไล่ฆ่าจนต้องถอยร่นไปเรื่อยๆ ท่าทางของพวกเขาดูกระเซอะกระเซิง ทำให้พวกเขาโกรธเคืองเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็จนด้วยเกล้า

ลองนึกภาพดู พวกเขาเคยเกรียงไกรไปทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ ไม่มีใครต้านได้ มาวันนี้กลับถูกมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์ตัวหนึ่งเล่นงานจนล้มลุกคลุกคลาน ท่าทางกระเซอะกระเซิงอย่างยิ่ง ไม่สามารถต่อกรได้อยู่แล้ว ซึ่งสิ่งนี้กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วคือความอัปยศอย่างใหญ่หลวง!

………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *