Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2367 กลองเทพเจ้าฟ้าผ่า

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2367 กลองเทพเจ้าฟ้าผ่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผ่าทวนยาวออกสองซีก ฟันแขนเทพอินทรีหวินตู้ขาดทั้งสองข้าง ทั้งหมดนี่เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นเอง

อีกทั้งในชั่วพริบตาเดียวนั้น ไม่ได้มีท่าการโจมตีที่สะเทือนเลื่อนลั่น ไม่มีกระบวนท่าที่สุดยอดปราศจากผู้ต่อกรในหล้า ไร้ซุ่มไร้เสียง ไร้เงาไร้รูป กระทั่งไม่มีผู้ใดมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลี่ชิเย่นั้นลงมืออย่างไร

เลือดสดๆ ไหลไปตามตัวกระบี่และหยดลงพื้นทีละหยดๆ ไหลท่วมและย้อมดินบริเวณนั้น

เมื่อเลือดสดๆ ไหลรินผ่านกระบี่ จังหวะนั้นทุกคนจึงได้มองเห็นกระบี่เล่มนั้นที่อยู่ในมือหลี่ชิเย่อย่างชัดเจนโดยแท้ มันบางดั่งปีกจั๊กจั่น ไร้เงาไร้รูป ตัวกระบี่คมกริบจนสุดจะจินตนาการได้

มันคือกระบี่คริสตัล หนึ่งใน ‘กระบี่สิ้นสุด’ ของหลี่ชิเย่นั่นเอง กระบี่ดังกล่าวมีความคมอย่างที่สุด หนึ่งกระบี่ที่สะบัดออกไปปราศจากสิ่งใดต้านทานได้ สามารถผ่าทุกสิ่งทุกอย่างได้โดยพลัน

แม้ว่าทวนดาราหวินตู้ของเทพอินทรีหวินตู้ยอดเยี่ยมมากไปกว่านี้ แม้ว่าวัสดุที่ใช้ในการสร้างทวนยาวเล่มนี้จะอาศัยดวงดาวที่ล้ำค่าและหาได้ยากยิ่งในการหลอมสร้างขึ้นมา ยังคงต้านกระบี่คริสตัลของหลี่ชิเย่ไม่ได้ ภายใต้การตัดของกระบี่คริสตัลแล้ว พลันถูกฟันแยกออกเป็นสองชิ้นเหมือนแผ่นเต้าหู้อย่างนั้น

หากไม่เป็นเพราะเทพอินทรีหวินตู้ไหวพริบดี ล่าถอยไปในชั่วพริบตาเดียวล่ะก็ เกรงว่าหนึ่งกระบี่เช่นนี้ของหลี่ชิเย่คงจะฟันร่างกายของเทพอินทรีหวินตู้ออกเป็นสองท่อน

ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่มองเห็นแขนที่ขาดและมีเลือดไหลหยดลงพื้นคู่นั้นของเทพอินทรีหวินตู้แล้ว ถึงกับผวาดผวาจนขนลุกซู่ ร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง กระทั่งมีผู้ที่กระเพาะบิดตัว อยากจะอาเจียนออกมา

หนึ่งกระบี่ผ่าเอาทวนยาวของเทพแท้จริงขั้นอมตะแยกออก และฟันแขนทั้งสองข้างของเขาขาด มันช่างเป็นเรื่องที่น่าสยองขวัญเพียงใด ถ้าหากหนึ่งกระบี่นี้ฟันใส่ตัวของพวกเขา ต้องจัดการฟันพวกเขาเป็นสองท่อนอย่างแน่นอน ไม่มีกำลังแม้แต่จะขัดขืน

ปุ…เสียงหนึ่งดังขึ้น เลือดสดๆ แตกกระจาย เพียงชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง แขนคู่นั้นของเทพอินทรีหวินตู้ที่ถูกตัดขาดพลันถูกสร้างขึ้นมาใหม่ภายในระยะเวลาอันสั้น แขนคู่หนึ่งที่สมบูรณ์ไร้ที่ติปรากฏขึ้นมาแล้ว

ผู้ที่ก้าวมาถึงระดับเฉกเช่นเทพอินทรีหวินตู้นี้แล้ว ขอเพียงเขายังคงมีชีวิตอยู่ เขาก็สามารถสร้างกายเนื้อขึ้นมาได้ใหม่ทุกที่ทุกเวลา แม้ว่าร่างทั้งร่างถูกทำลายไปทั้งหมด เขายังคงสร้างร่างกายที่ใหม่ทั้งหมดขึ้นมาได้ใหม่เช่นเดิม

ดังนั้น กล่าวสำหรับเทพอินทรีหวินตู้แล้ว การสร้างแขนสองข้างขึ้นมาใหม่หาใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างไร เป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากเสียอีก

ถึงแม้ว่าการสร้างแขนสองข้างขึ้นมาใหม่หาใช่เป็นเรื่องยากอะไรสำหรับเทพอินทรีหวินตู้ แต่ว่า นาทีนี้สีหน้าของเขาดูไม่จืดถึงขีดสุด สายตาคู่นั้นของเขาที่จ้องมองหลี่ชิเย่นั้นถึงกับม่านตาหดลง

เขามีฐานะเป็นถึงขั้นอมตะ แต่จากการปะมือกันเพียงแค่หนึ่งกระบวนท่าเท่านั้น ก็ถูกหลี่ชิเย่ผ่าทวนดาราหวินตู้ออก แถมถูกตัดแขนขาดสองข้าง สิ่งนี้กล่าวสำหรับเขาแล้วมันคือความอัปยศอย่างยิ่ง

ผู้คนจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิต่างทยอยกันหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นแขนทั้งสองของเทพอินทรีหวินตู้ได้งอกขึ้นมาใหม่

สิ่งนี้หาใช่เป็นเพราะบรรดาระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิเหล่านี้ให้การสนับสนุนเทพอินทรีหวินตู้ หรือยืนอยู่ข้างฝ่ายของเทพอินทรีหวินตู้ แต่เป็นเพราะเทพอินทรีหวินตู้เป็นตัวแทนของยอดฝีมือรุ่นอาวุโสของพวกเขา ในฐานะเทพแท้จริงขั้นอมตะคนหนึ่ง เทพอินทรีหวินตู้ย่อมเป็นตัวแทนเกียรติยศรุ่นอาวุโสเช่นพวกเขาในระดับหนึ่ง เวลานี้ หากเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นอาวุโสของพวกเขาก็ยังรับมือกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างหลี่ชิเย่ไม่ได้แม้เพียงกระบวนท่าเดียวล่ะก็ เช่นนั้นแล้วก็จะเป็นที่ผิดหวังของบรรดาพวกเขาที่เป็นยอดฝีมือรุ่นอาวุโส

ถ้าหากเทพอินทรีหวินตู้ไม่สามารถรับมือหลี่ชิเย่ได้แม้เพียงกระบวนท่าเดียว เช่นนั้นแล้วพวกเขาที่เป็นระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่อยู่แล้ว พวกเขาที่เป็นรุ่นอาวุโสคงต้องไสหัวกลับไปพักผ่อนในฐานะผู้แก่ผู้เฒ่าแล้วล่ะ อนาคตจะเป็นโลกของกลุ่มคนรุ่นใหม่แล้ว

ด้วยเหตุนี้เองไม่รู้ว่ามีระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิที่หายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นแขนทั้งสองของเทพอินทรีหวินตู้สมบูรณ์ไม่มีสึกหรอ อย่างน้อยเทพอินทรีหวินตู้ยังคงสู้ต่อไปได้อีก

เวลานี้ เทพอินทรีหวินตู้จ้องเขม็งไปที่กระบี่คริสตัลในมือของหลี่ชิเย่ ม่านตาของเขาหดตัวเนื่องจากมองไม่รู้ว่ากระบี่ในมือหลี่ชิเย่คือกระบี่อะไร ทำให้ไม่สามารถสอดส่องถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของกระบี่เล่มนี้ได้

ขณะที่หลี่ชิเย่ลงมือนั้นคนอื่นไม่ทันได้เห็นอย่างชัดเจน แต่ว่า เขากลับมองเห็นชัดเจน ขณะที่หนึ่งกระบี่ของหลี่ชิเย่ที่ฟาดฟันมานั้นไม่มีกระบวนท่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันมานั้นกลับผ่าทวนยาวของเขาจนแยกออก

เขาไม่เคยเห็นกระบี่เช่นนี้มาก่อน และเขาก็ไม่เชื่อว่าบนโลกนี้จะมีกระบี่ที่คมได้ถึงเพียงนี้ ไม่มีวัสดุใดๆ สามารถสร้างกระบี่ที่คมกริบปราศจากผู้เทียบเทียมเช่นนี้ได้

สุดท้าย เห็นร่างของเทพอินทรีหวินตู้แวบหนึ่งพลันล่าถอยไปทันที แต่ว่า เขาไม่ได้หลบหนีไป แต่เป็นการเว้นช่วงห่างกับหลี่ชิเย่ให้มากขึ้น ทั้งยังเป็นการดึงช่วงห่างกับหลี่ชิเย่ออกไปอย่างเพียงพอ เทพอินทรีหวินตู้ในเวลานี้อยู่บนท้องฟ้าสูง ยึดชัยภูมิที่ได้เปรียบจากที่สูง

“เยี่ยมมาก” เวลานี้เทพอินทรีหวินตู้กล่าวน่าเกรงขามว่า “แต่ว่า สิ่งนี้ไม่ได้แทนว่าเจ้านั้นปราศจากผู้ต่อกร วันนี้หากไม่สังหารเจ้าข้าจะไม่เลิกรา”

หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “อาศัยเพียงเจ้าเกรงว่าคงเป็นการฝันกลางวันแล้ว ไม่ก็พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันสองคน!” กล่าวพลาง มองดูมู่เส้าเฉินที่ยืนเหม่ออยู่ข้างๆ มาโดยตลอด

มู่เส้าเฉินยืนอยู่ด้านข้างตรงนั้นด้วยความสงบท่ามกลางขั้นตอนที่เกิดขึ้น โดยไม่ได้หนีไปไหน เหมือนว่ากำลังครุ่นคิดถึงวิธีการเอาชนะศัตรูอยู่ อีกทั้งในขณะนี้แววตาของเขาดูสว่างไสวขึ้น เหมือนว่าคิดหาวิธีที่จะเอาชนะหลี่ชิเย่ได้แล้ว

ความเคลื่อนไหวของมู่เส้าเฉินไหนเลยจะรอดสายตาหลี่ชิเย่ไปได้เล่า ดังนั้น หลี่ชิเย่จึงได้พูดคำพูดเช่นนี้ขึ้นมา

“ผู้อาวุโส พวกเราร่วมมือขจัดเจ้ามารร้ายนี้ด้วยกัน” เวลานี้ มู่เส้าเฉินก็ออกปากแล้ว รีบเร่งกล่าวกับเทพอินทรีหวินตู้

“รอให้ข้าได้ขอคำชี้แนะจากสุดยอดวิชาของเขาอีกที” เวลานี้เทพอินทรีหวินตู้ได้ปฏิเสธคำขอของมู่เส้าเฉิน จ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ กล่าวเย็นชาว่า “รอให้ข้าสู้ไม่ได้เสียก่อน ค่อยร่วมมือกับหลานชายสังหารเขาก็ยังไม่สาย”

จะอย่างไรเสียเทพอินทรีหวินตู้ก็คือระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะคนหนึ่ง จึงมีความทะนงตนอยู่ในใจ เขาเคยบัญชาฟ้าดินเกรียงไกรไปทั่วแดนลัทธิพรรษ มาวันนี้ต้องถูกผู้เยาว์คนหนึ่งตัดแขนสองข้าง จะให้เขาต้องกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้อย่างไร ดังนั้น เขาจะต้องสู้กับหลี่ชิเย่ให้ได้

กล่าวสำหรับ เทพอินทรีหวินตู้แล้ว หากไม่สามารถเอาชนะหลี่ชิเย่ยากที่จะกล้ำกลืนความอัปยศนี้ไปได้ ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธความหวังดีของมู่เส้าเฉิน จะต้องเอาชนะหลี่ชิเย่ด้วยมือของตนให้จงได้

“ตกลง รอให้ผู้อาวุโสได้รับชัยชนะตั้งแต่ยกแรก” มู่เส้าเฉินกล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง แต่จากท่าทางของเขาดูออกว่าเขาไม่ได้มั่นใจในตัวเทพอินทรีหวินตู้ ไม่ได้คิดว่าเทพอินทรีหวินตู้จะเอาชนะหลี่ชิเย่ได้

ดังนั้น หลังจากที่เทพอินทรีหวินตู้กล่าวปฏิเสธแล้ว ภายในใจของมู่เส้าเฉินก็ได้คิดหาวิธีการอื่น กล่าวสำหรับเขาแล้วหากไม่สังหารหลี่ชิเย่ยากจะทำให้จิตใจของเขาสงบ ขอเพียงมีหลี่ชิเย่อยู่หนึ่งวัน แผนการณ์ใหญ่ของเขาก็ไม่สามารถดำเนินการได้วันหนึ่ง

“ผู้เยาว์ วันนี้ข้านี่แหละจะให้เจ้าได้รู้จักสุดยอดเคล็ดวิชาของข้า” เทพอินทรีหวินตู้ในเวลานี้ส่งเสียงดังเย็นชาออกมาคำหนึ่ง

ท่าทีหลี่ชิเย่ตามอารมณ์ยิ่ง ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “มีฝีมืออะไรก็สำแดงออกมาให้เต็มที เผื่อว่าข้าไม่ทันระวังลงมือหนักไปแล้วสังหารเจ้าเสีย ก็จะทำให้เจ้าไม่มีโอกาสได้สำแดงสุดยอดฝีมือที่เจ้าภูมิใจมากที่สุดในชีวิตออกมา”

คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้สีหน้าของเทพอินทรีหวินตู้ดูไม่จืดถึงขีดสุด ชั่วชีวิตของเขาไม่เคยพบคนที่ดูแคลนเขาเช่นนี้มาก่อน แม้แต่เทพสงครามมังกรคชาธาร ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งแดนลัทธิพรรษ เมื่อพบเจอเขาก็ยังนับว่าให้ความเกรงใจในตัวเขาอยู่

หลี่ชิเย่ในขณะนี้คือไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย มองว่าเขาคือมดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น เช่นนี้แล้วเทพอินทรีหวินตู้จะกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้อย่างไรกันเล่า

สำหรับผู้อยู่ในเหตุการณ์เมื่อได้ยินคำพูดลักษณะเช่นนี้แล้วถึงกับหัวเราะเจื่อนๆ เวลานี้ไม่มีใครคิดว่าหลี่ชิเย่นั้นอวดดีและทะนงตนอีกแล้ว เขามีสิทธิ์ มีความสามารถที่จะพูดคำพูดที่พาล ถืออำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้ได้แล้ว ลำพังอาศัยเขาที่ตัดแขนเทพอินทรีหวินตู้สองข้างในกระบี่เดียว ไม่ว่าเขาจะพูดเช่นใดในเวลานี้ก็จะไม่มีใครคิดว่าเขาพูดจาอวดดีและทะนงตนอีกต่อไป!

เทพอินทรีหวินตู้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ค่อยๆ หยิบเอาของวิเศษออกมาชิ้นหนึ่ง มันเป็นกลองขนาดยักษ์ใบหนึ่ง ขาตั้งกลองใบนี้เหมือนว่าหลอมสร้างขึ้นมาจากโลหะศักดิ์สิทธิ์ดึกดำบรรพ์ ตัวกลองทำขึ้นมาจากไม้ศักดิ์สิทธิ์รัดด้วยห่วง ส่วนหนังกลองนั้นขึงด้วยหนังของงูหลามเทพมังกรเจียวหลงดึกดำบรรพ์

สิ่งที่สร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้กับผู้คนมากที่สุดในขณะนี้ก็คือ ไม้ตีกลองคู่นั้นที่เทพอินทรีหวินตู้ล้วงหยิบออกมานั่น โดยที่ไม้ตีกลองคู่นี้มีสีขาวดั่งหิมะทั้งอัน ไม่รู้ว่าไปเอากระดูกซี่โครงของสัตว์ประหลาดชนิดใดมากลั่นและสร้างขึ้นมา ไม้ตีกลองคู่นี้มีสายฟ้าที่วิ่งไปมา ประดุจว่าเมื่อตีกลองด้วยไม้ตีกลองเช่นนี้แล้วก็จะนำมาซึ่งฟ้าผ่าและฟ้าแลบ

‘กลองเทพเจ้าฟ้าผ่า!’ มีระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิสามารถจดจำได้ ถึงกับรู้สึกใจหายใจคว่ำเมื่อเห็นเทพอินทรีหวินตู้ได้หยิบเอาของวิเศษชิ้นนี้ออกมา กล่าวด้วยความหวาดผวาว่า “ได้ยินมาว่ากลองใบนี้ปฐมบรรพบุรุษหวินตู้ได้ทิ้งเอาไว้ให้ แม้ว่าจะไม่ได้กำเนิดจากมือของปฐมบรรพบุรุษหวินตู้ แต่ก็เป็นของวิเศษที่สืบทอดกันมาแต่อดีตที่ยาวนาน”

ตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น เทพอินทรีหวินตู้แค่ลั่นกลองเบาๆ ไปทีหนึ่งเท่านั้นเอง ได้ยินเสียงเปรียะ เปรียะ เปรียะดังขึ้นมาเป็นระลอก ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนไม่รู้จำนวนเท่าไรที่ล้มตัวลงกับพื้นในทันที พวกเขาเสมือนหนึ่งถูกดูดเอาวิญญาณออกจากร่าง พลันรู้สึกอ่อนแรงไปทั้งตัวและล้มลงกับพื้นสุดแล้วแต่จะเชือดเฉือน

นี่เป็นเพียงการทดลองของเทพอินทรีหวินตู้เท่านั้นเอง ก็มีอานุภาพที่ทรงพลัง น่ากลัวถึงเพียงนี้ ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่ามันมีความแกร่งเพียงใดแล้ว

“เสียงไม่เลวทีเดียว” สำหรับการทดสอบลั่นกลองของเทพอินทรีหวินตู้นั้น หลี่ชิเย่ยืนเอ้อระเหยอยู่ตรงนั้น ยิ้มกล่าวด้วยท่าทีที่สงบนิ่งอย่างยิ่ง

สีหน้าของเทพอินทรีหวินตู้ดูปั้นยากมาก เขาแค่ทดลองลั่นกลองไปตามอารมณ์เพียงครั้งก็สามารถดึงเร้าวิญญาณผู้คนได้แล้ว ขณะที่หลี่ชิเย่กลับชื่นชมโดยมองว่าเป็นเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่ง นี่มันเป็นการหยามเหยียดต่อของวิเศษของบรรพชนที่สืบทอดกันมาของพวกเขา!

ตึง ตึง ตึง…พริบตาเดียวนั่นเอง เทพอินทรีหวินตู้ได้ลั่นกลองขึ้นมาทันที เสียงกลองดั่งพายุห่าฝนที่โหมซัดเข้ามาดังเปรี้ยงปร้าง

ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว แต่ว่าหาใช่เป็นเสียงกลอง ขณะที่เทพอินทรีหวินตู้ลั่นกลองขึ้นมานั้น เสียงกลองดั่งคลื่นยักษ์ที่โหมสาดซัดโจมตีเข้ามา มองเห็นภูเขาสูงใหญ่แต่ละลูกที่แตกละเอียดในทันทีที่คลื่นเสียงที่น่ากลัวเช่นนี้โจมตีเข้ามา กลายเป็นผุยผงทันทีที่ถูกกระทบ ผู้ที่หลบหนีไม่ทันพลันถูกพุ่งโจมตีจนกลายเป็นหมอกเลือดไป

เสียงปุเสียงหนึ่งดังขึ้น ขณะที่คลื่นเสียงลักษณะเช่นนี้พุ่งเข้ากระทบบนตัวของหลี่ชิเย่นั้น มองเห็นบริเวณอกเสื้อที่สวมใส่อยู่นั้นกลับกลายเป็นผุยผงไปในทันที เพียงแต่กายเนื้อของหลี่ชิเย่นั้นแกร่งมากเหลือเกิน ฝืนต้านกับคลื่นเสียงที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรเช่นนี้ยังคงปลอดภัยเหมือนเดิม นับว่าแกร่งจนเหนือบรรยาย

ตึง ตึง ตึงเสียงกลองที่รัวและถี่ยิบอย่างยิ่งดังขึ้นมาอีกระลอก เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ยังคงอยู่รอดปลอดภัยภายใต้คลื่นที่พุ่งเข้าปะทะ เทพอินทรีหวินตู้ลงมือราวกับพายุห่าฝน ไม้ตีกลองที่รัวตีบนกลองทั้งหนักหน่วงทั้งเร็ว เวลานี้เสียงกลองดังสะเทือนก้องฟ้าดิน สะเทือนหวั่นไหวไปทั่วแดน ทำลายหมื่นอาณาจักรจนแตกละเอียด…

เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว ภายใต้เสียงกลองที่พุ่งเข้าปะทะ ดวงดาวบนท้องฟ้าล้วนแล้วแต่เกิดระเบิดขึ้น เสมือนหนึ่งดอกไม้ไฟที่สวยงามยามค่ำคืน!

……………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *