Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2428 ฮ่องเต้สวรรคต

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2428 ฮ่องเต้สวรรคต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ปิงฉือหยิ่งเจี้ยนไม่รู้ว่าตนเองนั้นควรจะโมโหดี หรือว่าควรดีใจที่โชคดี อย่างน้อยที่สุดจอมมารน้อยในร่างมนุษย์ไม่ได้ถูกใจในตัวของนาง แต่ว่า นางที่เป็นสาวเป็นแส้คนหนึ่งถูกจอมมารน้อยในร่างมนุษย์รังเกียจเช่นนี้ ทำให้นางอดที่จะค้อนหลี่ชิเย่เบาๆ ทีหนึ่ง จากนั้นรีบหลับตาลง

หลี่ชิเย่ละมือกลับมา หัวเราะทีหนึ่งหันหลังไปจากทันที สั่งการกับจางเจี๋ยตี้ที่อยู่ข้างกายว่า “เจี๋ยตี้เอ๊ย แม่นางผู้นี้ข้าชอบ ทิ้งสักล้านหนึ่งให้นางได้ซื้อหาเสื้อผ้าใส่บ้าง”

จางเจี๋ยตี้ไม่พูดให้มากความ จัดการโยนถุงจักรวาลใบหนึ่งบนโต๊ะโดยตรง หันหลังติดตามหลี่ชิเย่จากไป

พลันหยิบออกมาก็คือเหรียญแท้จริงนับล้าน เวลานี้ ทำให้ปิงฉือหยิ่งเจี้ยนกับอาเถี่ยมองด้วยความตกตะลึงจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก ช่างเป็นพฤติกรรมที่จะทำให้ครอบครัวล่มจม ใช้จ่ายเป็นล้านได้ตามอารมณ์ ต่อให้สายของพวกเขาสามารถกุมอำนาจในตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ ต่อให้นางเป็นคุณหนูของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหยิบออกมาใช้จ่ายฟุ่มเฟือยถึงเพียงนี้ ถลุงได้ถึงเพียงนี้ นี่มันคือลูกที่ล้างผลาญพ่อแม่ขั้นเทพเลยนะเนี่ย

ครั้นปิงฉือหยิ่งเจี้ยนได้สติกลับมาแล้วนั้น หลี่ชิเย่ได้ไปไกลแล้ว ในเวลานี้นางไม่มีความกล้าพอที่จะไล่ติดตามไป ยังคงรู้สึกเกรงกลัวต่อจอมมารน้อยในร่างมนุษย์ผู้นี้ในใจอยู่บ้าง

ปิงฉือหยิ่งเจี้ยนยืนเหม่ออยู่ตรงนั้น เวลานี้นางรู้สึกงงงัน ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี

จางเจี๋ยตี้จ้องมองหลี่ชิเย่แล้วถึงกับเผยรอยยิ้มออกมา หลังจากได้ไปจากร้านเหล็กไปแล้ว และกล่าวว่า “แม่นางคนนี้นับว่าไม่เลวเลยนี่ ไฉนองค์ชายไม่รับเอาไว้เล่า”

“ทำไมจะต้องรับเอาไว้ล่ะ?” หลี่ชิเย่อดที่จะหัวเราะไม่ได้และกล่าวว่า “ข้าไม่ได้เป็นคนที่ขาดแคลนผู้หญิง แม่นางที่ไม่เลวคนหนึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากก็จริง ใช่ว่าจะต้องเอานางขึ้นเตียง ช่างเป็นเรื่องที่ไร้รสนิยมเหลือเกิน”

จางเจี๋ยตี้อดที่จะหัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “พูดแบบนี้แสดงว่าองค์ชายชอบแม่นางคนนี้แล้วสิ?” เขาเคยชินกับนิสัยที่เข้าหาได้ง่ายของหลี่ชิเย่แล้ว

ติดตามอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่กับติดตามอยู่ข้างกายฮ่องแต้ไท่ชิงเป็นความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าหลี่ชิเย่จะถูกผู้คนเรียกว่าเป็นจอมมารน้อยในร่างมนุษย์ เป็นคนไม่ดี คนระยำเต็มพิกัด แต่ จางเจี๋ยตี้ไม่ได้รู้สึกว่ามันเลวร้ายแค่ไหน อย่างมากที่สุดก็แค่ดื้อรั้นและล้างผลาญเงินทองเท่านั้นเอง

ส่วนฮ่องแต้ไท่ชิงนั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าใครก็ตามที่รั้งอยู่ข้างกายเขาล้วนแล้วแต่ต้องตัวสั่นงันงก ขอเพียงเขาโกรธขึ้นมา ไม่ว่าใครก็มีโอกาสหัวหลุดออกจากบ่า

“ชอบมีหลายแบบ ชอบไม่ได้หมายถึงรัก” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “ความชอบบางอย่างแค่เป็นการเห็นพ้องต้องกันอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง”

จางเจี๋ยตี้ใบหน้าแฝงรอยยิ้มพยักหน้า แล้วก็ไม่พูดอะไรต่อ

ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ทันใดนั้นเอง ภายในพระราชวังปรากฎลำแสงศักดิ์สิทธิ์สายหนึ่งพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง เมื่อลำแสงสายนี้พุ่งขึ้นท้องฟ้าได้ทำให้เมฆบนท้องฟ้าแตกกระจาย พลันส่องสว่างไปทั่วฟ้าดิน ส่องสว่างไปในจักรวาล

ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ที่น่าเกรงขามไม่สิ้นสุดได้ตลบอบอวลระหว่างฟ้าดิน เสมือนหนึ่งต้องการทำให้จมมิดไปทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่อย่างนั้น

ขณะที่กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ที่น่าเกรงขามไม่สิ้นสุดท่วมระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ทั้งหมดจนจมมิดไปนั้น ฉับพลันนั้นเอง ที่ถูกทำให้ต้องแตกตื่นไม่ได้มีเพียงยอดฝีมือของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังมียอดฝีมือทั้งหมดของแดนลัทธิราชันอีกด้วย

เสียงแว้งค์ดังขึ้นเสียงหนึ่ง เดิมลำแสงสายนั้นที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้านั้นพลันปราศจากพลังหนุนเนื่อง เหมือนบ่อน้ำพุที่พวยพุ่งน้ำขึ้นมา เมื่อพวยพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงแล้วพลันแห้งเหือดลง ดังนั้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง น้ำพุที่พวยพุ่งขึ้นมาพลันไม่มีน้ำขึ้นมาหนุนเนื่อง แล้วตกลงมา

ในเวลานี้เอง ได้มองเห็นภาพที่อลังการมากภาพหนึ่ง ลำแสงที่พุ่งขึ้นท้องฟ้าอย่างรุนแรงขณะที่แห้งเหือดลงนั้น ทำให้ลำแสงทั้งหมดได้กลับกลายเป็นประกายเป็นเม็ดๆ ล่องลอยไปตามลม เพียงชั่วพริบตาเดียว ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ทุกหนทุกแห่งล้วนแล้วแต่มองเห็นประกายเป็นเม็ดๆ ที่กระจายทั่วไป คล้ายดั่งท้องฟ้าปรากฎฝนประกายที่ตกลงมา แต่งแต้มทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เหมือนอยู่ท่ามกลางความฝัน

แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น นาทีนี้ทั่วทั้งพระราชวังปรากฏแสงเปลวไฟขึ้นมา หากเปรียบพระราชวังเป็นเทียนเล่มหนึ่งล่ะก็ เช่นนั้นแล้ว แสงของเปลวไฟที่ปรากฏขึ้นมาก็เหมือนแสงเทียนที่ถูกจุดติดขึ้นมา

เพียงแต่ แสงลักษณะเช่นนี้คล้ายดั่งเป็นแสงเทียนของเทียนที่เผาจนใกล้จะมอดและอยู่ท่ามกลางลมพายุ ให้ความรู้สึกของชีวิตที่ดุจไฟใกล้มอดดับ แสงไฟลักษณะเช่นนี้พร้อมที่จะมอดดับได้ทุกเมื่อ

ในเวลานี้ได้ยินเสียงแว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น มองเห็นแสงไฟที่ลอยขึ้นมาจากพระราชวังเคลื่อนที่ไปมาไม่สงบนิ่ง ประเดี๋ยวสว่างประเดี๋ยวเจิดจ้า เหมือนว่าพร้อมจะดับมอดลงได้ทุกเมื่อ

แย่แล้ว…สีหน้าของจางเจี๋ยตี้เปลี่ยนไปมากทีเดียวเมื่อได้เห็นสภาพการณ์เช่นนี้ กล่าวด้วยท่าทางที่หวาดผวาว่า “สถานการณ์ของฝ่าบาทไม่ดี องค์ชาย พวกเรารีบเร่งเสด็จกลับวังเถอะ” ไม่พูดพล่ามทำเพลง หอบเอาหลี่ชิเย่ขึ้นมาแล้วอาศัยความเร็วที่สุดยอดปราศจากผู้เทียบเทียมมุ่งสู่พระราชวัง

ขณะเดียวกัน ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ กระทั่งแดนลัทธิราชันก็มีสายตาแต่ละคู่ที่จ้องมองไปที่พระราชวัง มองดูแสงที่ติดๆ ดับๆ นั่น เวลานี้ทุกคนรู้แล้วว่าฮ่องเต้ไท่ชิงยื้อต่อไปไม่ไหวแล้ว เวลานี้เขามีสีหน้าที่ดูสดใสขึ้นก่อนจะสวรรคต พร้อมจะสวรรคตได้ทุกเมื่อ

ปุ…เสียงหนึ่งดังาขึ้น จังหวะที่จางเจี๋ยตี้พาหลี่ชิเย่มุ่งหน้าเข้าพระราชวังอยู่นั้น มองเห็นแสงที่แตกละเอียด เพียงพริบตาเดียวประกายทั้งหมดพลันจางหายไป

พริบตาเดียวนั่นเอง เสมือนดั่งทั่วพระราชวังตกอยู่ในความมืดอย่างนั้น เหมือนว่าทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่สูญเสียแสงสว่างไปอย่างนั้น

“ฝ่าบาทสวรรคต…” สีหน้าของจางเจี๋ยตี้เปลี่ยนไปมาก ร้องเสียงดังขึ้นมา “ฝ่าบาท…” พาหลี่ชิเย่พุ่งตรงไปยังที่ประทับของฮ่องเต้ไท่ชิง

ขณะที่จางเจี๋ยตี้พาหลี่ชิเย่บุกเข้าไปถึงห้องบรรทมของฮ่องเต้ไท่ชิงนั้น มองเห็นฮ่องเต้ไท่ชิงได้บรรทมอยู่ตรงนั้นปราศจากลมหายใจแล้ว ผู้รับใช้คุกเข่าอยู่เต็มไปหมด

มีเพียงซุนหลึ่งหยิ่งที่นั่งอยู่ข้างเตียง มองดูฮ่องเต้ไท่ชิงที่เหมือนหนึ่งบรรทมสนิทไปแล้ว น้ำตาพรั่งพรู กุมพระหัตถ์ของฮ่องเต้ไท่ชิงเอาไว้ไม่พูดไม่จาอยู่เป็นเวลานาน

“ฝ่าบาท…” จางเจี๋ยตี้วิ่งเข้าไป มองเห็นฮ่องเต้ไท่ชิงที่นอนอยู่ตรงนั้นและปราศจากลมหายใจไปแล้ว ถึงกับคุกเข่าลงกับพื้น ไม่สามารถลุกขึ้นเป็นเวลานาน

ความรู้สึกที่เศร้าสลดของจางเจี๋ยตี้นี้มาจากก้นบึ้งของจิตใจโดยแท้จริง ภายในใจของเขารู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ฮ่องเต้ไท่ชิงดีต่อเขาเสมือนดั่งบิดามารดาคนใหม่ เวลานี้ฮ่องเต้ไท่ชิงสวรรคต ย่อมทำให้เข้าเสียใจอย่างแท้จริง

ในเวลานี้ ทั่วทั้งพระราชวังตกอยู่ในบรรยากาศของร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ทั่วทั้งพระราชวังเสมือนดั่งถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก

“ฮ่องเต้เสด็จสวรรคต…” หลังจากผ่านไปนานมาก ในที่สุดสำนักพระราชวังก็ได้มีเสียงประกาศออกมา ได้ยินเสียงดังพรึบ พรึบ พรึบตำหนักเป็นหมื่นพันได้ประดับด้วยผ้าม่านสีขาว เวลานี้ ทั่วทั้งพระราชวังเสมือนหนึ่งหิมะตกอย่างนั้น ทุกแห่งหนถูกประดับด้วยผ้าม่านและคำไว้อาลัยสีขาว ประดับประดาจนพระราชวังกลายเป็นโลกที่ขาวโพลนไปหมด

นับแต่คำประกาศเรื่องฮ่องเต้เสด็จสวรรคตเสียงแรกที่ดังออกมา ไม่รู้ว่าได้สร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คนจำนวนเท่าไร ผู้คนจำนวนมากภายในพระราชวังต่างรู้ว่าช้าหรือเร็วฮ่องเต้ไท่ชิงก็ต้องสวรรคต แต่ทว่า ครั้นฮ่องเต้ไท่ชิงสวรรคตจริงๆขึ้นมา ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ถูกทำให้สะเทือนหวั่นไหว

อีกทั้งภายในระยะเวลาอันสั้น ผู้คนต่างมีจิตที่หวั่นวิตก โดยเฉพาะผู้รับใช้จำนวนไม่น้อยภายในพระราชวัง เวลานี้ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ไม่รู้ว่าไปทางไหนดี เสมือนดั่งเป็นแหนที่ไร้รากและล่องลอยอย่างนั้น

ทันทีที่แสงสว่างดับมอดลง พริบตาเดียวนั่นเองในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ กระทั่งแดนลัทธิราชันปรากฎดวงตาแต่ละคู่ที่สว่างขึ้น เหมือนมีตะเกียงศักดิ์สิทธิ์แต่ละดวงที่ถูกจุดติดขึ้นท่ามกลางความมืด

ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นปรมาจารย์ของแคว้นเจ้าลัทธิในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ หรือว่าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ทั้งห้า ต่างก็รู้สึกหวั่นไหวทีหนึ่ง

“ในที่สุดฮ่องเต้ไท่ชิงก็สวรรคตแล้ว” ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะของสำนักที่มีความแข็งแกร่งได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ

“พายุฝนฟ้าคะนองจะมาแล้ว” ภายในสำนักของผู้ยิ่งใหญ่ทั้งห้ามีปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดได้เผยให้เห็นความยินดีบางๆ ออกมา ดวงตาทั้งสองปรากฏประกายศักดิ์สิทธิ์เต้นระริกอยู่

“ในที่สุดวันนี้ที่รอคอยได้มาถึงแล้ว” ท่ามกลางความมืดก็มีปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดยิ้มเยาะทีหนึ่ง

ยิ่งกว่านั้น ยังมีปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดเผยประกายเยือกเย็นออกมาจากดวงตาทั้งสอง เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่จะได้ต้อนรับการเปลี่ยนแปลงราชวงศ์แล้ว”

กล่าวสำหรับบรรดาระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะผู้ที่ยืนอยู่บนที่สูงนั้น การสวรรคตของฮ่องเต้ไท่ชิงนั้น ไม่เพียงเป็นโอกาสดีที่สวรรค์ประทานให้เท่านั้น แต่เหมือนหนึ่งคือขนมเปี๊ยะที่ตกลงมาจากสวรรค์อย่างนั้น

การสวรรคตของฮ่องเต้ไท่ชิงไม่เพียงทำให้ราชวงศ์โต่วเซิ่นสูญเสียผู้กุมบังเหียนเท่านั้น อีกทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ทั้งหมดยังกลายเป็นมังกรไร้หัวไปโดยพลัน เป็นการบ่งบอกว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่จะตกอยู่ท่ามกลางการกระเพื่อม และยิ่งกว่านั้นยังบ่งบอกว่ามีโอกาสมากกว่าที่ถูกวางอยู่ด้านหน้าของทุกกคน

โดยเฉพาะบรรดาปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดเข้าใจเป็นอย่างดี ขอเพียงฮ่องเต้ไท่ชิงสวรรคตราชวงศ์โต่วเซิ่นก็จะจบสิ้นลงแล้ว แม้ว่าฮ่องเต้ไท่ชิงได้แต่งตั้งรัชทายาทเอาไว้แล้วก็ไม่มีประโยชน์ เนื่องจากลำพังแค่รัชทายาทองค์หนึ่งจะไปสยบระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ทั้งหมดได้อย่างไร

ยิ่งไปกว่านั้น ฮ่องเต้ไท่ชิงในครั้งนั้นหลังจากเอาชนะสภาศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว สภาศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ถอนตัวและหายสาบสูญไป เมื่อสูญเสียสภาศักดิ์สิทธิ์ก็เสมือนหนึ่งราชวงศ์โต่วเซิ่นสูญเสียงโครงกระดูกไปอย่างนั้น ทำให้ตึกใหญ่ที่เป็นราชวงศ์โต่วเซิ่นทั้งหมดอาศัยเพียงท่อนไม้อย่างฮ่องเต้ไท่ชิงค้ำยันไว้แต่เพียงท่อนเดียว

เวลานี้ฮ่องเต้ไท่ชิงล้มลงแล้ว เกรงว่าราชวงศ์โต่วเซิ่นคงห่างจากการล่มสลายอีกไม่ไกลแล้ว

ดังนั้น ในเวลานี้จึงมีผู้คนไม่รู้จำนวนเท่าไรที่คันไม้คันมืออยากลองเต็มที ไม่รู้ว่ามีผู้คนที่กำลังเคลื่อนไหวจะก่อการอยู่เท่าไร กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว การสวรรคตของฮ่องเต้ไท่ชิงคือการประทานโอกาสของสวรรค์

“ฮ่องเต้ฮ่องเต้ไท่ชิงเสด็จสวรรคต…” เวลานี้ ข่าวดังกล่าวได้แพร่กระจายไปทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ตระกูลขุนนาโบราณ และนิกายโบราณจำนวนไม่น้อยหลันรู้สึกหวั่นไหวในใจหลังจากได้ทราบข่าวนี้แล้ว

“ฝ่าบาทสวรรคตแล้ว” เวลานี้ บรรดาเจ้าสำนักหัวหน้าพรรคจำนวนไม่น้อยต่างเหม่อลอย แม้ว่าได้มีการเตรียมใจเอาไว้แล้วก็ตาม แต่ยังคงหวั่นไหวในใจเมื่อได้ยินข่าวนี้แล้ว

ฮ่องเต้ไท่ชิงเป็นฮ่องแต้มาสามยุคสมัย ได้กุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เอาไว้แน่น เป็นใหญ่เป็นผู้เดียวในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ไม่รู้ว่ามีแคว้นเจ้าลัทธิจำนวนเท่าไรที่เกือบจะชินชากับสถานการณ์การเป็นใหญ่แต่ผู้เดียวในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ของฮ่องเต้ไท่ชิงเสียแล้ว

พลันที่ฮ่องเต้ไท่ชิงสวรรคตก็คล้ายดั่งอำนาจยิ่งใหญ่สุดเทีบบเทียมพลันล่มสลายลงอย่างนั้น ทำให้แคว้นเจ้าลัทธิจำนวนมากตกอยู่ในสภาพงุนงง ทุกคนต่างรู้ว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่จะมีการเปลี่ยนราชวงศ์แล้ว

“ในที่สุดฮ่องเต้ไท่ชิงก็ตายแล้ว…” จังหวะที่ข่าวการสวรรคตฮ่องเต้ไท่ชิงกำลังโหมกระจายไปทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่นั้น ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนมากในแดนลัทธิราชันก็ค่อยๆ รับรู้ข่าวนี้แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกดีใจขึ้นมา โดยเฉพาะตระกูลมู่ และตระกูลหลี่ที่เป็นสามผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนลัทธิราชันร่วมกับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ เมื่อทราบข่าวว่าฮ่องเต้ไท่ชิงสวรรคตแล้ว

สมควรทราบว่า การที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่สามารถกลายเป็นหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนลัทธิราชันนั้น มีความสัมพันธ์แน่นเฟ้นชนิดแยกกันไม่ออกกับการเป็นใหญ่เพียงหนึ่งเดียวใต้หล้าของฮ่องเต้ไท่ชิงที่เป็นฮ่องเต้มาสามยุคสมัย

เวลานี้ฮ่องเต้ไท่ชิงสวรรคต ก็คล้ายดั่งเป็นสิ่งที่ใหญ่โตมโหฬารพลันพังทลายล้มลงอย่างนั้น ส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากมองเห็นโอกาส ดุจดั่งเป็นสัตว์ยักษ์ตัวหนึ่งล้มลง ไม่รู้ว่ามีสัตว์และวิหคดุร้ายจำนวนเท่าไรที่ต้องการแบ่งแยกชิ้นเนื้อหอมมันชิ้นนี้

“ในที่สุดฮ่องเต้ไท่ชิงก็ได้ตายแล้ว” ในแดนลัทธิราชัน มีราชันแท้จริงสององค์มองตรงไปที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ แววตาเสมือนหนึ่งทะลุผ่านอดีตถึงปัจจุบันอย่างนั้น

ต่อให้แข็งแกร่งดั่งราชันแท้จริง ขอเพียงฮ่องเต้ไท่ชิงยังมีชีวิตอยู่พวกเขาก็ไม่กล้ากำเริบเสิบสาน ไม่กล้าวางแผนต่อระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่

เวลานี้ฮ่องเต้ไท่ชิงสวรรคต ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่แปรเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ทั้งหมดก็กลายเป็นเหมือนชิ้นเนื้อมันชิ้นหนึ่ง

“องค์รัชทายาทหลี่ชิเย่ขึ้นครองราชย์…” ในวันที่ฮ่องเต้ไท่ชิงสวรรคตนั่นเอง ภายในราชวังได้แพร่กระจายราชโองการก่อนที่ฮ่องเต้ไท่ชิงจะสวรรคต เวลานี้เสียงที่เข้มและมากด้วยอำนาจยิ่งได้ดังก้องไปทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ทรงไว้ซึ่งเกียรติยศอันสูงส่งและกำลังอำนาจ ขณะที่ราชโองการเปิดออก กลิ่นอายอมตะที่น่าเกรงขามสูงสุดตลบอบอวลทั่วฟ้าดิน

ขณะที่ราชโองการประกาศออกมา ได้สยบไปทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ย่อมไม่ต้องสงสัย แม้ว่าฮ่องเต้ไท่ชิงได้สวรรคตไปแล้ว แต่อำนาจบารมียังคงอยู่ ดังนั้น เมื่อรราชโองการนี้ถูกประกาศออกมา ยังคงมีผู้คนจำนวนไม่น้อยถูกทำให้หวั่นไหวในระยะเวลาอันสั้น ไม่อาจเรียกสติกลับมา

“รัชทายาทหลี่ชิเย่…” ไม่รู้ว่ามีผู้ที่รู้สึกงุนงงจำนวนเท่าไร เมื่อได้ยินราชโอการเช่นนี้

“หลี่ชิเย่เป็นใครกันนะ?” สำนักเจ้าลัทธิ ระดับบรรพบุรุษ และหรือเจ้าสำนักต่างเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อหลี่ชิเย่มาก่อน ยังเป็นครั้งแรกที่ทราบว่าฮ่องเต้ไท่ชิงได้มีการแต่งตั้งรัชทายาทแล้ว

………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *