Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1725 การประดับด้วยชะตาฟ้า

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1725 การประดับด้วยชะตาฟ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1725 การประดับด้วยชะตาฟ้า
ผู้บำเพ็ญตน และยอดฝีมือของเก้าแดนต่างจ้องมองดูวังวนขนาดใหญ่ทั้งสามที่ได้กลับกลายเป็นสัจธรรม มองดูสัจธรรมทั้งสามสายที่พันเกี่ยวกันในลักษณะเช่นนี้ไม่หยุดนิ่ง ภายในใจของทุกคนต่างเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า สิ่งนี้มันคืออะไรกันแน่นะ สิ่งของลักษณะเช่นนี้ถึงได้มีพลังเช่นนี้ได้ เกรงว่าคงไม่มีใครในโลกนี้เคยเห็นมาก่อน

“ได้เวลาที่จะสมบูรณ์แบบได้แล้ว ไปเถอะ” ในเวลานี้เองหลี่ชิเย่ได้หยิบเอากล่องทองแดงออกมาใบหนึ่ง กล่องทองแดงใบนี้เป็นกล่องที่หลี่ชิเย่ได้มาจากเขาเทพยุทธในครั้งครานั้น ในเวลานั้นมีมนุษย์ทองแดงขนาดยักษ์เป็นผู้กอดกล่องทองแดงใบนี้เอาไว้

หลี่ชิเย่ได้เปิดกล่องทองแดงออกมา และจัดการโปรยสิ่งที่อยู่ภายในกล่องทองแดงออกมาทั้งหมดไปยังสัจธรรมสามสายที่กำลังพันเกี่ยวกันอยู่

“ตึง ตึง ตึง” เสียงโลหะใสกังวานดังขึ้น ในเวลานี้เอง สิ่งที่ถูกโปรยออกมาจากกล่องทองแดงทั้งหมดได้พุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้า จากนั้น ทั้งหมดได้ไปแขวนห้อยอยู่กับสัจธรรมทั้งสามสาย เมื่อสิ่งของแต่ละชิ้นได้ไปแขวนห้อยอยู่กับส่วนปลายของสัจธรรมนั้น และมองดูแล้วเห็นเป็นประกายวาววับ

สิ่งที่ถูกโปรยออกมาจากกล่องทองแดงนั้นดูไปแล้วเหมือนเป็นกฎเกณฑ์สิบสองสาย แต่มันไม่ใช่กฎเกณฑ์ ดูไปแล้วจะว่าทองก็ไม่ใช่ จะว่าเป็นหินก็ไม่เชิง ลี้ลับมหัศจรรย์ยิ่ง ยามที่สิ่งของลักษณะเช่นนี้จำนวนสิบสองสายไปแขวนอยู่บริเวณด้านปลายของสัจธรรมทั้งสามสาย แลดูเป็นธรรมชาติมาก เหมือนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอย่างนั้น เหมือนว่าพวกมันคือส่วนหนึ่งของสัจธรรมมาแต่เดิมอยู่แล้ว

ถ้าหากจะกล่าวว่า สัจธรรมที่พันเกี่ยวเข้าด้วยกันอันเกิดจากวังวนทั้งสามนั่น ภาพรวมของมันดูไปแล้วคล้ายเป็นต่างหูล่ะก็ เช่นนั้นแล้ว กฎเกณฑ์สิบสองสายที่ห้อยอยู่บนส่วนปลายของสัจธรรมก็เหมือนหนึ่งเป็นพู่ระย้าที่สามารถส่ายไปมาตามลมได้

หากจะมองสัจธรรมสามสาย และกฎเกณฑ์สิบสองสายเป็นเครื่องประดับที่ใช้กับหูล่ะก็ ความงดงามของมันเรียกได้ว่าไม่สามารถบรรยายได้ถูกเลย ด้วยลักษณะของเครื่องประดับเช่นนี้คงไม่มีผู้ใดในโลกที่มีสิทธิ์ได้นำมันมาประดับเอาไว้กับหูได้เลย

มองดูสัจธรรมสามสายที่รวมเข้าเป็นสิ่งของที่สมบูรณ์ชิ้นหนึ่ง มองดูลักษณะเหมือนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแล้ว ยิ่งเป็นการสร้างความอยากรู้อยากเห็นให้กับผู้คน ทุกคนต่างก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่รวมตัวเข้าด้วยกันเป็นสิ่งของที่สมบูรณ์นี้มันคืออะไรกันแน่ แล้วมีประโยชน์อย่างไร

“มีราชันเซียนจำนวนเท่าไรที่ไล่ตามชะตาฟ้านับแต่อดีตเป็นต้นมา ราชันเซียนจำนวนเท่าไรที่ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ” หลี่ชิเย่ที่มองดูสัจธรรมสามสาย กฎเกณฑ์สิบสองสายเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “มาในวันนี้ ชะตาฟ้ามันก็แค่สิ่งประดับเท่านั้นเอง”

หลังจากที่คำพูดของหลี่ชิเย่ได้แพร่ออกไปแล้ว ทำให้ภายในใจของผู้บำเพ็ญตน และยอดฝีมือล้วนแล้วแต่สะเทือนหวั่นไหว นับแต่อดีตเป็นต้นมาผู้คนมากมายเท่าไรที่มองว่าชะตาฟ้าคือทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อได้ครอบครองชะตาฟ้าก็เท่ากับได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่าง เวลานี้ราชันเซียนอันดับหนึ่งตลอดกาลถึงกับบอกว่าชะตาฟ้าเป็นเพียงของประดับเท่านั้นเอง คำพูดลักษณะเช่นนี้นับว่าอหังการไร้ผู้เทียบเทียม นับแต่อดีตเป็นต้นมาคงมีแต่ราชันเซียนอันดับหนึ่งที่มีคุณสมบัติพูดออกมาเช่นนี้

หลังจากที่หลี่ชิเย่พูดขาดคำ ประกายบริเวณหน้าผากของเขาได้สว่างไสวขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นได้ยินเสียงดัง “แว้งค์” หนึ่งในสิบสองกฎเกณฑ์ที่เดิมประดับอยู่บริเวณส่วนท้ายของสัจธรรมสามสายได้ยื่นออกไปเสมือนดั่งมีชีวิตขึ้นมา จากนั้น ได้ยินเสียงดัง “ปุ” กฎเกณฑ์นี้ได้พันธนาการชะตาฟ้าเอาไว้และพลันแทงทะลุเข้าไปในชะตาฟ้า

ชะตาฟ้าแต่เดิมที่บัดนี้ได้กลายเป็นสัจธรรมสูงสุดกลับเสมือนดั่งสายน้ำอย่างนั้น ได้ยินเสียงดัง “จี๊ด จี๊ด จี๊ด” ดังขึ้น มันถูกกฎเกณฑ์สายนี้ดูดเอาไป ทำให้ชะตาฟ้าทั้งสายหลอมรวมเข้ากับกฎเกณฑ์สายนี้จนเป็นเนื้อเดียวกัน และในเวลานี้ชะตาฟ้าทั้งสายก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกฎเกณฑ์สายนี้ไป

ขณะที่ชะตาฟ้าสายนี้หลอมรวมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับกฎเกณฑ์สายนั้น ทำให้กฎเกณฑ์สายนั้นพลันสว่างไสว่ขึ้นมา และกลับกลายเป็นแวววาวยิ่งนัก เหมือนว่ามันถูกมอบความมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างนั้น ทำให้มันมีพลังทุกอย่างของฟ้าดินในครอบครองอย่างนั้น

เมื่อเปรียบเทียบระหว่างกฎเกณฑ์สายนี้ที่หลอมรวมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับชะตาฟ้า กับกฎเกณฑ์อีกสิบเอ็ดสายที่ไม่ได้หลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันกับชะตาฟ้าแล้ว ดูจะหมองหม่นอับแสงไม่เหมือนเช่นกฎเกณฑ์สายนี้ที่มีความแวววับสายนั้น

ทุกคนล้วนแล้วแต่ รู้สึกหวั่นไหวกับภาพที่เห็น ยอดฝีมือและผู้บำเพ็ญตนของเก้าแดนต่างมีดวงตาที่เบิกกว้าง แม้ว่าราชันเซียนอันดับหนึ่งตลอดกาลได้พูดเอาไว้แล้วก่อนหน้า แต่ทว่า ยามที่ได้มองเห็นทุกอย่างกับตาตนเอง มันช่างจริงแท้อะไรอย่างนั้น รู้สึกได้ถึงพลังกระทบที่ละเอียดขนาดนั้น

ชะตาฟ้าคือสัญลักษณ์แห่งความปราศจากผู้ต่อกร เป็นสิ่งที่มีเพียงราชันเซียนเท่านั้นที่ได้ครอบครองมันในแต่ละยุค เป็นพลังที่ดาวรุ่งและยอดฝีมือจำนวนเท่าไรตามล่านับแต่อดีตกาลเป็นต้นมา ผู้คนจำนวนเท่าไรที่มองว่าการได้ครอบครองชะตาฟ้าคือการได้ครอบครองทุกสิ่งในรอบพันล้านปีผ่านมา ในทัศนะและมุมมองของดาวรุ่งและยอดฝีมือจำนวนเท่าไร ชะตาฟ้าคือทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเขา

แต่ทว่า มาวันนี้กล่าวสำหรับราชันเซียนอันดับหนึ่งตลอดกาลแล้ว ชะตาฟ้าเป็นเพียงเครื่องประดับชิ้นหนึ่งเท่านั้น! ความจริงเช่นนี้ช่างสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คนเหลือเกิน เรื่องเช่นนี้ช่างทำให้จิตใจของผู้คนต้องสั่นคลอนเหลือเกิน

ชะตาฟ้าเป็นเพียงของประดับเท่านั้น ถ้าหากเรื่องดังกล่าวนี้เกิดขึ้นในอดีต ไม่ว่าใครก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าใครก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่สุดจะจินตนาการได้ แต่ว่า เมื่อนาทีนี้ได้เห็นชะตาฟ้ากลายเป็นของประดับแล้ว เหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติ ดูเป็นเรื่องปรกติเหลือเกิน

เหมือนว่าทุกสิ่งอย่างในโลกไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องมหัศจรรย์อีกแล้ว เรื่องทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเป็นเรื่องที่ปรกติยิ่งกว่าเสียอีก

มองดูกฎเกณฑ์สายนั้นที่ได้กลับกลายเป็นแวววับแล้ว ทำให้ภายในใจของผู้คนจำนวนมากต่างหายใจไม่สะดวก ชะตาฟ้าสายหนึ่งเพียงทำให้กฎเกณฑ์สายหนึ่งสว่างไสวได้เท่านั้น นั่นย่อมเป็นการบ่งบอกว่าหากต้องการให้กฎเกณฑ์ทั้งสิบสองสายล้วนแล้วแต่สว่างไสวขึ้นมา อย่างน้อยก็ต้องมีชะตาฟ้าสิบสองสาย!

คนที่สามารถคิดถึงจุดนี้ได้ล้วนแล้วแต่รู้สึกหายใจไม่สะดวก ชะตาฟ้าสิบสองสาย มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจินตนาการได้! ถ้าหากคนๆ หนึ่งมีชะตาฟ้าในครอบครองถึงสิบสองสายผลจะออกมาเป็นเช่นใด? แล้วจะกลายเป็นผู้ดำรงอยู่ในสถานะเช่นใด?

เวลานี้ แม้แต่ผู้ดำรงอยู่ในสถานะดึกดำบรรพ์เช่นเทพมารวัวโลหิต และผู้เฒ่าเซียนยังรู้สึกหายใจไม่สะดวก

ขณะที่หวงหลง และป้าหู่ซึ่งเป็นผู้ที่รู้เรื่องอย่างแท้จริง พวกเขารู้ว่าสิ่งนี้บ่งบอกถึงสิ่งใด ต่อให้พวกเขาไม่รู้ว่าสัจธรรมสามสาย และกฎเกณฑ์สิบสองสายมีประวัติความเป็นมาที่แท้จริง แต่เมื่อเห็นชะตาฟ้าสายหนึ่งสามารถจุดกฎเกณฑ์ให้สว่างไสวขึ้นได้เพียงหนึ่งสายเท่านั้น พวกเขาก็รู้แล้วว่าจุดจบจะเป็นอย่างไรแล้ว

“สมควรถึงเวลาที่เหล่าเทพและราชันต้องสั่นเทาบ้างแล้ว สมควรที่พวกเขาจะต้องสั่นเทา การบ่มฟักชะตาฟ้าของเก้าแดนขึ้นมาสายหนึ่งนับว่ามีค่ายิ่งนัก ถ้าหากให้เขาจุดติดกฎเกณฑ์อีกสิบเอ็ดสาย จะต้องอาศัยชะตาฟ้าจำนวนเท่าไรในแดนที่สิบมาจุดติดให้มันสว่างไสวขึ้นมา!” หวงหลงกล่าวขึ้นมาข้าๆ ว่า “บรรดาราชันและเหล่าเทพสมควรสั่นเทามันเป็นของแน่นอนอยู่แล้ว”

“เจ้าหมอนี่ฝืนลิขิตสวรรค์เหลือเกิน ลำพังอาศัยฝีมือเช่นนี้ของเขาก็สามารถทำให้เหล่าเทพและราชันต้องปวดหัวแล้วหละ” ป้าหู่ก็ต้องยอมรับและกล่าวว่า “รอให้เขาจุดกฎเกณฑ์ทั้งสิบสองสายจนติดแล้ว ต่อให้ราชันเทพชิงมู่ปรากฏตัวอีกครั้งหนึ่ง หรือราชันสวรรค์หุ้นหยวนถือกำเนิดใหม่อีกครั้งก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา และไม่สามารถขัดขวางการย่างก้าวของเขาได้”

“ไม่ เจ้าประเมินหมอนี่มันต่ำเกินไปแล้ว” หวงหลงส่ายหน้าและกล่าวว่า “ชาตินี้เจ้าหมอนี่ได้เตรียมตัวมาอย่างดี เขาเตรียมที่จะทำการใหญ่ เวลานี้ต่อให้ราชันเทพชิงมู่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ต่อให้ราชันสวรรค์หุ้นหยวนสามารถกำเนิดขึ้นใหม่ เกรงว่าเจ้าหมอนี่คงไม่ได้นำมาใส่ใจอีกแล้ว ถ้าหากให้เขาจุดติดกฎเกณฑ์ทั้งสิบสองสายให้สว่างไสวขึ้นมาได้ ต่อให้บรรดาราชันและเหล่าเทพก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ขณะที่เวลานั้นเขาจะกลายเป็นผู้ที่มีสิทธิ์สู้รบจนถึงสุดปลายทางของโลกได้ บางทีเขาอาจกลายเป็นคนๆ เดียวที่สามารถทำได้สำเร็จ เป็นคนเดียวที่สามารถชนะการสู้รบครั้งสุดท้ายได้!”

“สู้รบกันจนถึงสุดปลายทางของโลกนะเนี่ย” แม้แต่ผู้ที่พาลอย่างป้าหู่ยังคงต้องนิ่งเงียบพักหนึ่ง และกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “นับแต่อดีตที่ผ่านมา คนที่ต้องตายบนเส้นทางสายนี้มากมายเหลือเกิน ผู้คนจำนวนเท่าไรที่กบดานมายุคแล้วยุคเล่า สุดท้ายยังไม่ทันได้ก้าวขึ้นสู่เส้นทางสายนี้ กลับถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ และต้องตายอนาถภายใต้สวรรค์ลงทัณฑ์นั่น”

“สวรรค์ลงทัณฑ์…” ร่างของหวงหลงถึงกับสั่นเทิ้มทีหนึ่ง กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ของสิ่งนี้น่ากลัวเหลือเกิน การลงโทษเช่นนี้น่ากลัวเหลือเกิน เหยียนตี้ที่เป็นประเภทพรสวรรค์ฟ้าประทาน ราชันผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนสิบ ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่สามารถต้านกับสวรรค์ลงทัณฑ์ได้”

คนอื่นอาจไม่รู้ว่าสวรรค์ลงทัณฑ์คือสิ่งใด แต่ว่า หวงหลงและป้าหู่รู้ว่าสวรรค์ลงทัณฑ์คืออะไร ต่อให้พวกเขาที่เป็นระดับปราศจากผู้ต่อกรโดยแท้จริงยังคงต้องหวาดผวา

เมื่อสวรรค์ลงทัณฑ์ปรากฏ เกรงว่าไม่มีใครในโลกนี้สามารถต้านรับเอาไว้ได้ ภายใต้สวรรค์ลงทัณฑ์ ไม่ก็ถูกสังหาร ไม่ก็หลบซ่อนตัวเอาไว้!

“นั่นสิ ใครกันเล่าที่สามารถต้านรับกับสวรรค์ลงทัณฑ์ได้ ระดับจอมราชันและเซียนหวางจำนวนเท่าไรต้องหลบซ่อนตัวไม่กล้าปรากฏตัวออกมา” ป้าหู่พึมพำว่า “อยากจะให้เจ้าหมอนี่สามารถต้านรับกับสวรรค์ลงทัณฑ์เอาไว้ได้ เป็นความจริงที่นับแต่อดีตถึงปัจจุบันยังไม่เคยมีใครต้านรับสวรรค์ลงทัณฑ์ได้ ถ้าหากเจ้าหมอนี่สามารถต่อต้านกับสวรรค์ลงทัณฑ์ซึ่งหน้าได้จริง เกรงว่าคงได้เป็นราชันอันดับหนึ่งตลอดกาลได้จริงๆ แม้แต่ที่แดนสิบก็เป็นเช่นนี้” ครั้นกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ป้าหู่ถึงกับจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่

“ต้านรับสวรรค์ลงทัณฑ์ซึ่งหน้า…” กล่าวสำหรับเรื่องนี้แล้ว หวงหลงยังต้องทำท่าไตร่ตรอง และพูดขึ้นช้าๆ ว่า “นับแต่อดีตเป็นต้นมา ยังไม่มีใครทำได้ มิฉะนั้นล่ะก็ ราชันเทพชิงมู่คงไม่หายสาบสูญไป ไม่ปรากฏตัวตลอดกาล ราชันสวรรค์หุ้นหยวนก็เดินทางไกลก่อนกำหนด ยิ่งเหยียนตี้ด้วยแล้วต้องมาตายเพราะสวรรค์ลงทัณฑ์ นับแต่อดีต ในแดนที่สิบยังจะมีใครที่มีผลงานเหนือไปกว่าพวกเขาสามคนกันเล่า เกรงว่าคงไม่มี”

เมื่อหวงหลงกล่าวมาถึงตรงนี้แล้วหยุดนิดหนึ่ง มองดูหลี่ชิเย่แล้วกล่าวต่อช้าๆ ว่า “แต่ว่า ถ้าหากเขาสามารถจุดกฎเกณฑ์ทั้งสิบสองสายจนสว่างไสวขึ้นล่ะก็ยังคงมีโอกาส สิ่งนี้ไม่เพียงสามารถต้านรับสวรรค์ลงทัณฑ์ซี่งหน้าได้เท่านั้น ยังสามารถสู้รบจนถึงสุดท้ายได้!”

“การจุดติดกฎเกณฑ์ทั้งสิบสองสายต้องใช้ชะตาฟ้าจำนวนเท่าไรกัน” ป้าหู่ถึงกับพึมพำออกมา เมื่อมองดูสัจธรรมสามสาย และกฎเกณฑ์สิบสองสาย

“เวลานี้ยังมีกฎเกณฑ์สิบเอ็ดสายยังไม่ได้จุดติด ถ้าหากต้องจุดกฎเกณฑ์ทุกสายให้ติดล่ะก็ ในแดนที่สิบนับว่าพูดยากนะเนี่ย ตามความเห็นส่วนตัว อย่างน้อยต้องใช้ชะตาฟ้าถึงหกสิบหกสายนะเนี่ย! แม้ว่าเก้าแดนสามารถกำเนิดชะตาฟ้าขึ้นมาได้เพียงสายหนึ่งในทุกยุคทุกสมัย แต่ว่า ชะตาฟ้าสายนี้มีความล้ำค่ายิ่งนัก…”

“…ชะตาฟ้าของเก้าแดนสายหนึ่งสามารถเทียบได้กับชะตาฟ้าของแดนที่สิบสองถึงหกสาย แม้ว่าชะตาฟ้าของแดนที่สิบจะมีมากคิดจะจุดติดกฎเกณฑ์ทั้งสิบเอ็ดสาย เกรงว่าชะตาฟ้าทั้งหมดในหนึ่งยุคสมัยคงต้องอยู่ในความครอบครองของเขาจึงจะใช้ได้”

เมื่อหวงหลงกล่าวมาถึงตรงนี้แล้วถึงกับหัวเราะเจื่อนๆ และส่ายหน้ากล่าวว่า “เรื่องเช่นนี้สุดจะจินตนาการได้จริงๆ แม้ว่าในแดนที่สิบสามารถให้กำเนิดจอมราชัน และเซียนหวางหลายองค์ในหนึ่งยุค แต่ว่าไม่มีบรรดาราชันและเหล่าเทพของยุคสมัยใดสามารถกวาดเอาชะตาฟ้ามาเป็นของตนได้ทั้งหมด…”

“…จอมราชัน และเซียนหวางหลายองค์เคยคิดจะกวาดเอาชะตาฟ้ามาเป็นของตนทั้งหมด แต่โดยพื้นฐานแล้วเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะมันจะทำให้แดนที่สิบตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก จอมราชันและเซียนหวางองค์อื่นๆ ย่อมจะไม่นิ่งดูดายอยู่แล้ว”

………………………………………………………………………….ตอนที่ 1725 การประดับด้วยชะตาฟ้า

ผู้บำเพ็ญตน และยอดฝีมือของเก้าแดนต่างจ้องมองดูวังวนขนาดใหญ่ทั้งสามที่ได้กลับกลายเป็นสัจธรรม มองดูสัจธรรมทั้งสามสายที่พันเกี่ยวกันในลักษณะเช่นนี้ไม่หยุดนิ่ง ภายในใจของทุกคนต่างเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า สิ่งนี้มันคืออะไรกันแน่นะ สิ่งของลักษณะเช่นนี้ถึงได้มีพลังเช่นนี้ได้ เกรงว่าคงไม่มีใครในโลกนี้เคยเห็นมาก่อน

“ได้เวลาที่จะสมบูรณ์แบบได้แล้ว ไปเถอะ” ในเวลานี้เองหลี่ชิเย่ได้หยิบเอากล่องทองแดงออกมาใบหนึ่ง กล่องทองแดงใบนี้เป็นกล่องที่หลี่ชิเย่ได้มาจากเขาเทพยุทธในครั้งครานั้น ในเวลานั้นมีมนุษย์ทองแดงขนาดยักษ์เป็นผู้กอดกล่องทองแดงใบนี้เอาไว้

หลี่ชิเย่ได้เปิดกล่องทองแดงออกมา และจัดการโปรยสิ่งที่อยู่ภายในกล่องทองแดงออกมาทั้งหมดไปยังสัจธรรมสามสายที่กำลังพันเกี่ยวกันอยู่

“ตึง ตึง ตึง” เสียงโลหะใสกังวานดังขึ้น ในเวลานี้เอง สิ่งที่ถูกโปรยออกมาจากกล่องทองแดงทั้งหมดได้พุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้า จากนั้น ทั้งหมดได้ไปแขวนห้อยอยู่กับสัจธรรมทั้งสามสาย เมื่อสิ่งของแต่ละชิ้นได้ไปแขวนห้อยอยู่กับส่วนปลายของสัจธรรมนั้น และมองดูแล้วเห็นเป็นประกายวาววับ

สิ่งที่ถูกโปรยออกมาจากกล่องทองแดงนั้นดูไปแล้วเหมือนเป็นกฎเกณฑ์สิบสองสาย แต่มันไม่ใช่กฎเกณฑ์ ดูไปแล้วจะว่าทองก็ไม่ใช่ จะว่าเป็นหินก็ไม่เชิง ลี้ลับมหัศจรรย์ยิ่ง ยามที่สิ่งของลักษณะเช่นนี้จำนวนสิบสองสายไปแขวนอยู่บริเวณด้านปลายของสัจธรรมทั้งสามสาย แลดูเป็นธรรมชาติมาก เหมือนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอย่างนั้น เหมือนว่าพวกมันคือส่วนหนึ่งของสัจธรรมมาแต่เดิมอยู่แล้ว

ถ้าหากจะกล่าวว่า สัจธรรมที่พันเกี่ยวเข้าด้วยกันอันเกิดจากวังวนทั้งสามนั่น ภาพรวมของมันดูไปแล้วคล้ายเป็นต่างหูล่ะก็ เช่นนั้นแล้ว กฎเกณฑ์สิบสองสายที่ห้อยอยู่บนส่วนปลายของสัจธรรมก็เหมือนหนึ่งเป็นพู่ระย้าที่สามารถส่ายไปมาตามลมได้

หากจะมองสัจธรรมสามสาย และกฎเกณฑ์สิบสองสายเป็นเครื่องประดับที่ใช้กับหูล่ะก็ ความงดงามของมันเรียกได้ว่าไม่สามารถบรรยายได้ถูกเลย ด้วยลักษณะของเครื่องประดับเช่นนี้คงไม่มีผู้ใดในโลกที่มีสิทธิ์ได้นำมันมาประดับเอาไว้กับหูได้เลย

มองดูสัจธรรมสามสายที่รวมเข้าเป็นสิ่งของที่สมบูรณ์ชิ้นหนึ่ง มองดูลักษณะเหมือนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแล้ว ยิ่งเป็นการสร้างความอยากรู้อยากเห็นให้กับผู้คน ทุกคนต่างก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่รวมตัวเข้าด้วยกันเป็นสิ่งของที่สมบูรณ์นี้มันคืออะไรกันแน่ แล้วมีประโยชน์อย่างไร

“มีราชันเซียนจำนวนเท่าไรที่ไล่ตามชะตาฟ้านับแต่อดีตเป็นต้นมา ราชันเซียนจำนวนเท่าไรที่ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ” หลี่ชิเย่ที่มองดูสัจธรรมสามสาย กฎเกณฑ์สิบสองสายเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “มาในวันนี้ ชะตาฟ้ามันก็แค่สิ่งประดับเท่านั้นเอง”

หลังจากที่คำพูดของหลี่ชิเย่ได้แพร่ออกไปแล้ว ทำให้ภายในใจของผู้บำเพ็ญตน และยอดฝีมือล้วนแล้วแต่สะเทือนหวั่นไหว นับแต่อดีตเป็นต้นมาผู้คนมากมายเท่าไรที่มองว่าชะตาฟ้าคือทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อได้ครอบครองชะตาฟ้าก็เท่ากับได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่าง เวลานี้ราชันเซียนอันดับหนึ่งตลอดกาลถึงกับบอกว่าชะตาฟ้าเป็นเพียงของประดับเท่านั้นเอง คำพูดลักษณะเช่นนี้นับว่าอหังการไร้ผู้เทียบเทียม นับแต่อดีตเป็นต้นมาคงมีแต่ราชันเซียนอันดับหนึ่งที่มีคุณสมบัติพูดออกมาเช่นนี้

หลังจากที่หลี่ชิเย่พูดขาดคำ ประกายบริเวณหน้าผากของเขาได้สว่างไสวขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นได้ยินเสียงดัง “แว้งค์” หนึ่งในสิบสองกฎเกณฑ์ที่เดิมประดับอยู่บริเวณส่วนท้ายของสัจธรรมสามสายได้ยื่นออกไปเสมือนดั่งมีชีวิตขึ้นมา จากนั้น ได้ยินเสียงดัง “ปุ” กฎเกณฑ์นี้ได้พันธนาการชะตาฟ้าเอาไว้และพลันแทงทะลุเข้าไปในชะตาฟ้า

ชะตาฟ้าแต่เดิมที่บัดนี้ได้กลายเป็นสัจธรรมสูงสุดกลับเสมือนดั่งสายน้ำอย่างนั้น ได้ยินเสียงดัง “จี๊ด จี๊ด จี๊ด” ดังขึ้น มันถูกกฎเกณฑ์สายนี้ดูดเอาไป ทำให้ชะตาฟ้าทั้งสายหลอมรวมเข้ากับกฎเกณฑ์สายนี้จนเป็นเนื้อเดียวกัน และในเวลานี้ชะตาฟ้าทั้งสายก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกฎเกณฑ์สายนี้ไป

ขณะที่ชะตาฟ้าสายนี้หลอมรวมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับกฎเกณฑ์สายนั้น ทำให้กฎเกณฑ์สายนั้นพลันสว่างไสว่ขึ้นมา และกลับกลายเป็นแวววาวยิ่งนัก เหมือนว่ามันถูกมอบความมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างนั้น ทำให้มันมีพลังทุกอย่างของฟ้าดินในครอบครองอย่างนั้น

เมื่อเปรียบเทียบระหว่างกฎเกณฑ์สายนี้ที่หลอมรวมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับชะตาฟ้า กับกฎเกณฑ์อีกสิบเอ็ดสายที่ไม่ได้หลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันกับชะตาฟ้าแล้ว ดูจะหมองหม่นอับแสงไม่เหมือนเช่นกฎเกณฑ์สายนี้ที่มีความแวววับสายนั้น

ทุกคนล้วนแล้วแต่ รู้สึกหวั่นไหวกับภาพที่เห็น ยอดฝีมือและผู้บำเพ็ญตนของเก้าแดนต่างมีดวงตาที่เบิกกว้าง แม้ว่าราชันเซียนอันดับหนึ่งตลอดกาลได้พูดเอาไว้แล้วก่อนหน้า แต่ทว่า ยามที่ได้มองเห็นทุกอย่างกับตาตนเอง มันช่างจริงแท้อะไรอย่างนั้น รู้สึกได้ถึงพลังกระทบที่ละเอียดขนาดนั้น

ชะตาฟ้าคือสัญลักษณ์แห่งความปราศจากผู้ต่อกร เป็นสิ่งที่มีเพียงราชันเซียนเท่านั้นที่ได้ครอบครองมันในแต่ละยุค เป็นพลังที่ดาวรุ่งและยอดฝีมือจำนวนเท่าไรตามล่านับแต่อดีตกาลเป็นต้นมา ผู้คนจำนวนเท่าไรที่มองว่าการได้ครอบครองชะตาฟ้าคือการได้ครอบครองทุกสิ่งในรอบพันล้านปีผ่านมา ในทัศนะและมุมมองของดาวรุ่งและยอดฝีมือจำนวนเท่าไร ชะตาฟ้าคือทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเขา

แต่ทว่า มาวันนี้กล่าวสำหรับราชันเซียนอันดับหนึ่งตลอดกาลแล้ว ชะตาฟ้าเป็นเพียงเครื่องประดับชิ้นหนึ่งเท่านั้น! ความจริงเช่นนี้ช่างสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คนเหลือเกิน เรื่องเช่นนี้ช่างทำให้จิตใจของผู้คนต้องสั่นคลอนเหลือเกิน

ชะตาฟ้าเป็นเพียงของประดับเท่านั้น ถ้าหากเรื่องดังกล่าวนี้เกิดขึ้นในอดีต ไม่ว่าใครก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าใครก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่สุดจะจินตนาการได้ แต่ว่า เมื่อนาทีนี้ได้เห็นชะตาฟ้ากลายเป็นของประดับแล้ว เหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติ ดูเป็นเรื่องปรกติเหลือเกิน

เหมือนว่าทุกสิ่งอย่างในโลกไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องมหัศจรรย์อีกแล้ว เรื่องทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเป็นเรื่องที่ปรกติยิ่งกว่าเสียอีก

มองดูกฎเกณฑ์สายนั้นที่ได้กลับกลายเป็นแวววับแล้ว ทำให้ภายในใจของผู้คนจำนวนมากต่างหายใจไม่สะดวก ชะตาฟ้าสายหนึ่งเพียงทำให้กฎเกณฑ์สายหนึ่งสว่างไสวได้เท่านั้น นั่นย่อมเป็นการบ่งบอกว่าหากต้องการให้กฎเกณฑ์ทั้งสิบสองสายล้วนแล้วแต่สว่างไสวขึ้นมา อย่างน้อยก็ต้องมีชะตาฟ้าสิบสองสาย!

คนที่สามารถคิดถึงจุดนี้ได้ล้วนแล้วแต่รู้สึกหายใจไม่สะดวก ชะตาฟ้าสิบสองสาย มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจินตนาการได้! ถ้าหากคนๆ หนึ่งมีชะตาฟ้าในครอบครองถึงสิบสองสายผลจะออกมาเป็นเช่นใด? แล้วจะกลายเป็นผู้ดำรงอยู่ในสถานะเช่นใด?

เวลานี้ แม้แต่ผู้ดำรงอยู่ในสถานะดึกดำบรรพ์เช่นเทพมารวัวโลหิต และผู้เฒ่าเซียนยังรู้สึกหายใจไม่สะดวก

ขณะที่หวงหลง และป้าหู่ซึ่งเป็นผู้ที่รู้เรื่องอย่างแท้จริง พวกเขารู้ว่าสิ่งนี้บ่งบอกถึงสิ่งใด ต่อให้พวกเขาไม่รู้ว่าสัจธรรมสามสาย และกฎเกณฑ์สิบสองสายมีประวัติความเป็นมาที่แท้จริง แต่เมื่อเห็นชะตาฟ้าสายหนึ่งสามารถจุดกฎเกณฑ์ให้สว่างไสวขึ้นได้เพียงหนึ่งสายเท่านั้น พวกเขาก็รู้แล้วว่าจุดจบจะเป็นอย่างไรแล้ว

“สมควรถึงเวลาที่เหล่าเทพและราชันต้องสั่นเทาบ้างแล้ว สมควรที่พวกเขาจะต้องสั่นเทา การบ่มฟักชะตาฟ้าของเก้าแดนขึ้นมาสายหนึ่งนับว่ามีค่ายิ่งนัก ถ้าหากให้เขาจุดติดกฎเกณฑ์อีกสิบเอ็ดสาย จะต้องอาศัยชะตาฟ้าจำนวนเท่าไรในแดนที่สิบมาจุดติดให้มันสว่างไสวขึ้นมา!” หวงหลงกล่าวขึ้นมาข้าๆ ว่า “บรรดาราชันและเหล่าเทพสมควรสั่นเทามันเป็นของแน่นอนอยู่แล้ว”

“เจ้าหมอนี่ฝืนลิขิตสวรรค์เหลือเกิน ลำพังอาศัยฝีมือเช่นนี้ของเขาก็สามารถทำให้เหล่าเทพและราชันต้องปวดหัวแล้วหละ” ป้าหู่ก็ต้องยอมรับและกล่าวว่า “รอให้เขาจุดกฎเกณฑ์ทั้งสิบสองสายจนติดแล้ว ต่อให้ราชันเทพชิงมู่ปรากฏตัวอีกครั้งหนึ่ง หรือราชันสวรรค์หุ้นหยวนถือกำเนิดใหม่อีกครั้งก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา และไม่สามารถขัดขวางการย่างก้าวของเขาได้”

“ไม่ เจ้าประเมินหมอนี่มันต่ำเกินไปแล้ว” หวงหลงส่ายหน้าและกล่าวว่า “ชาตินี้เจ้าหมอนี่ได้เตรียมตัวมาอย่างดี เขาเตรียมที่จะทำการใหญ่ เวลานี้ต่อให้ราชันเทพชิงมู่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ต่อให้ราชันสวรรค์หุ้นหยวนสามารถกำเนิดขึ้นใหม่ เกรงว่าเจ้าหมอนี่คงไม่ได้นำมาใส่ใจอีกแล้ว ถ้าหากให้เขาจุดติดกฎเกณฑ์ทั้งสิบสองสายให้สว่างไสวขึ้นมาได้ ต่อให้บรรดาราชันและเหล่าเทพก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ขณะที่เวลานั้นเขาจะกลายเป็นผู้ที่มีสิทธิ์สู้รบจนถึงสุดปลายทางของโลกได้ บางทีเขาอาจกลายเป็นคนๆ เดียวที่สามารถทำได้สำเร็จ เป็นคนเดียวที่สามารถชนะการสู้รบครั้งสุดท้ายได้!”

“สู้รบกันจนถึงสุดปลายทางของโลกนะเนี่ย” แม้แต่ผู้ที่พาลอย่างป้าหู่ยังคงต้องนิ่งเงียบพักหนึ่ง และกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “นับแต่อดีตที่ผ่านมา คนที่ต้องตายบนเส้นทางสายนี้มากมายเหลือเกิน ผู้คนจำนวนเท่าไรที่กบดานมายุคแล้วยุคเล่า สุดท้ายยังไม่ทันได้ก้าวขึ้นสู่เส้นทางสายนี้ กลับถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ และต้องตายอนาถภายใต้สวรรค์ลงทัณฑ์นั่น”

“สวรรค์ลงทัณฑ์…” ร่างของหวงหลงถึงกับสั่นเทิ้มทีหนึ่ง กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ของสิ่งนี้น่ากลัวเหลือเกิน การลงโทษเช่นนี้น่ากลัวเหลือเกิน เหยียนตี้ที่เป็นประเภทพรสวรรค์ฟ้าประทาน ราชันผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนสิบ ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่สามารถต้านกับสวรรค์ลงทัณฑ์ได้”

คนอื่นอาจไม่รู้ว่าสวรรค์ลงทัณฑ์คือสิ่งใด แต่ว่า หวงหลงและป้าหู่รู้ว่าสวรรค์ลงทัณฑ์คืออะไร ต่อให้พวกเขาที่เป็นระดับปราศจากผู้ต่อกรโดยแท้จริงยังคงต้องหวาดผวา

เมื่อสวรรค์ลงทัณฑ์ปรากฏ เกรงว่าไม่มีใครในโลกนี้สามารถต้านรับเอาไว้ได้ ภายใต้สวรรค์ลงทัณฑ์ ไม่ก็ถูกสังหาร ไม่ก็หลบซ่อนตัวเอาไว้!

“นั่นสิ ใครกันเล่าที่สามารถต้านรับกับสวรรค์ลงทัณฑ์ได้ ระดับจอมราชันและเซียนหวางจำนวนเท่าไรต้องหลบซ่อนตัวไม่กล้าปรากฏตัวออกมา” ป้าหู่พึมพำว่า “อยากจะให้เจ้าหมอนี่สามารถต้านรับกับสวรรค์ลงทัณฑ์เอาไว้ได้ เป็นความจริงที่นับแต่อดีตถึงปัจจุบันยังไม่เคยมีใครต้านรับสวรรค์ลงทัณฑ์ได้ ถ้าหากเจ้าหมอนี่สามารถต่อต้านกับสวรรค์ลงทัณฑ์ซึ่งหน้าได้จริง เกรงว่าคงได้เป็นราชันอันดับหนึ่งตลอดกาลได้จริงๆ แม้แต่ที่แดนสิบก็เป็นเช่นนี้” ครั้นกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ป้าหู่ถึงกับจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่

“ต้านรับสวรรค์ลงทัณฑ์ซึ่งหน้า…” กล่าวสำหรับเรื่องนี้แล้ว หวงหลงยังต้องทำท่าไตร่ตรอง และพูดขึ้นช้าๆ ว่า “นับแต่อดีตเป็นต้นมา ยังไม่มีใครทำได้ มิฉะนั้นล่ะก็ ราชันเทพชิงมู่คงไม่หายสาบสูญไป ไม่ปรากฏตัวตลอดกาล ราชันสวรรค์หุ้นหยวนก็เดินทางไกลก่อนกำหนด ยิ่งเหยียนตี้ด้วยแล้วต้องมาตายเพราะสวรรค์ลงทัณฑ์ นับแต่อดีต ในแดนที่สิบยังจะมีใครที่มีผลงานเหนือไปกว่าพวกเขาสามคนกันเล่า เกรงว่าคงไม่มี”

เมื่อหวงหลงกล่าวมาถึงตรงนี้แล้วหยุดนิดหนึ่ง มองดูหลี่ชิเย่แล้วกล่าวต่อช้าๆ ว่า “แต่ว่า ถ้าหากเขาสามารถจุดกฎเกณฑ์ทั้งสิบสองสายจนสว่างไสวขึ้นล่ะก็ยังคงมีโอกาส สิ่งนี้ไม่เพียงสามารถต้านรับสวรรค์ลงทัณฑ์ซี่งหน้าได้เท่านั้น ยังสามารถสู้รบจนถึงสุดท้ายได้!”

“การจุดติดกฎเกณฑ์ทั้งสิบสองสายต้องใช้ชะตาฟ้าจำนวนเท่าไรกัน” ป้าหู่ถึงกับพึมพำออกมา เมื่อมองดูสัจธรรมสามสาย และกฎเกณฑ์สิบสองสาย

“เวลานี้ยังมีกฎเกณฑ์สิบเอ็ดสายยังไม่ได้จุดติด ถ้าหากต้องจุดกฎเกณฑ์ทุกสายให้ติดล่ะก็ ในแดนที่สิบนับว่าพูดยากนะเนี่ย ตามความเห็นส่วนตัว อย่างน้อยต้องใช้ชะตาฟ้าถึงหกสิบหกสายนะเนี่ย! แม้ว่าเก้าแดนสามารถกำเนิดชะตาฟ้าขึ้นมาได้เพียงสายหนึ่งในทุกยุคทุกสมัย แต่ว่า ชะตาฟ้าสายนี้มีความล้ำค่ายิ่งนัก…”

“…ชะตาฟ้าของเก้าแดนสายหนึ่งสามารถเทียบได้กับชะตาฟ้าของแดนที่สิบสองถึงหกสาย แม้ว่าชะตาฟ้าของแดนที่สิบจะมีมากคิดจะจุดติดกฎเกณฑ์ทั้งสิบเอ็ดสาย เกรงว่าชะตาฟ้าทั้งหมดในหนึ่งยุคสมัยคงต้องอยู่ในความครอบครองของเขาจึงจะใช้ได้”

เมื่อหวงหลงกล่าวมาถึงตรงนี้แล้วถึงกับหัวเราะเจื่อนๆ และส่ายหน้ากล่าวว่า “เรื่องเช่นนี้สุดจะจินตนาการได้จริงๆ แม้ว่าในแดนที่สิบสามารถให้กำเนิดจอมราชัน และเซียนหวางหลายองค์ในหนึ่งยุค แต่ว่าไม่มีบรรดาราชันและเหล่าเทพของยุคสมัยใดสามารถกวาดเอาชะตาฟ้ามาเป็นของตนได้ทั้งหมด…”

“…จอมราชัน และเซียนหวางหลายองค์เคยคิดจะกวาดเอาชะตาฟ้ามาเป็นของตนทั้งหมด แต่โดยพื้นฐานแล้วเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะมันจะทำให้แดนที่สิบตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก จอมราชันและเซียนหวางองค์อื่นๆ ย่อมจะไม่นิ่งดูดายอยู่แล้ว”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *