Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1786 ประชุมลึกลับ
ตอนที่ 1786 ประชุมลึกลับ
ยามค่ำคืน บรรยากาศเงียบสงบยิ่งนัก ดุจดั่งสายน้ำที่ไหลรินไป หลี่ชิเย่ยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง ผ่อนพลังขมุกขมัวและพลังของโลกยุคดึกดำบรรพ์เข้าออก ในขณะนี้เขาได้นอนหลับไปแล้ว แต่ ต่อให้นอนหลับแล้วก็ยังคงฝึกฝนอยู่ กล่าวสำหรับ “เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน” แล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในลักษณะอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาหรือสถานที่ใด มันยังคงฝึกฝนไปได้เรื่อยๆ ไม่หยุดนิ่ง มันเป็นพลังภายในที่ธรรมดาที่สุด และเป็นพลังภายในที่ยอดเยี่ยมที่สุด
บรรยากาศยามค่ำคืนเงียบสงัดตลอดทั้งคืน ท่ามกลางบรรยากาศยามค่ำคืนแม้แต่เมืองฉีหลินที่มีความเจริญรุ่งเรืองก็ตกอยู่ในสภาพของความเงียบสงัด เหมือนว่าแม้แต่ราตรีกาลก็ไม่กล้ารบกวนยามนิทราของผู้คน
ไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าไรแล้ว หลี่ชิเย่ที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงพลันลืมตาทั้งสองขึ้น และลุกเดินไปด้านนอกประตู
เวลานี้ ด้านนอกประตูมีชายฉกรรจ์สี่คนยืนห้อยมืออยู่ เป็นชายฉกรรจ์สี่คนที่หามเกี้ยวหลังนี้มา ในเวลานี้ เกี้ยวหลังนี้ได้ถูกวางอยู่ด้านหน้าประตูของหลี่ชิเย่
สี่คนกับเกี้ยวหนึ่งหลังปรากฏอยู่ด้านหน้าประตูของหลี่ชิเย่ดั่งเป็นภูตผีวิญญาณ ปราศจากซุ่มเสียง ไม่มีผู้ใดพบเห็นพวกเขา พวกเขาเสมือนหนึ่งได้หลอมรวมเข้ากับบรรยากาศของยามค่ำคืนไปแล้ว
เมื่อหลี่ชิเย่ก้าวออกมาจากประตู ชายฉกรรจ์สองคนที่อยู่ข้างหน้าได้กดเกี้ยวลงมา และรอคอยอย่างเงียบๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ พวกเขาไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ
ท่าทีของหลี่ชิเย่ดูเป็นธรรมชาติ ก้าวขึ้นไปบนเกี้ยว และนั่งอยู่ในนั้นด้วยท่าทีปรกติ
ชายฉกรรจ์ปล่อยผ้าม่านคลุมเกี้ยวลง จากนั้นหามเกี้ยวขึ้นแล้วเหินฟ้าขึ้นไป เพียงชั่วพริบตาเดียวก็หายไปท่ามกลางยามค่ำคืนเช่นนี้ พวกเขาไม่มีซุ่มเสียงใดๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ เหมือนเป็นภูตผีวิญญาณที่อยู่ท่ามกลางยามค่ำคืน ไม่ได้สร้างความแตกตื่นให้กับผู้ใด และไม่มีผู้ใดพบเห็นการดำรงอยู่ของพวกเขา
ณ สถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่มีใครรู้ ที่ตรงนั้นมีลานบ้านหลังหนึ่ง ลานบ้านแห่งนี้เงียบสงบมาก มีตะเกียงที่ไฟในตะเกียงส่ายไปมาอยู่ดวงหนึ่ง แม้จะเป็นเพียงตะเกียงดวงเดียวที่ไฟตะเกียงส่ายไปมา แต่เหมือนว่ามันสามารถส่องสว่างไปทั่วท้องฟ้ายามราตรีอย่างนั้น
เวลานี้ เกี้ยวหลังนั้นได้ร่อนลงลานบ้านโดยปราศจากซุ่มเสียง หลังจากที่มีการกดด้านหน้าของเกี้ยวให้ต่ำลงแล้ว หลี่ชิเย่ ได้ก้าวออกมาจากเกี้ยว
เมื่อหลี่ชิเย่ก้าวลงมาจากเกี้ยวแล้วนั้น บริเวณประตูทางเข้าลานบ้านมีผู้เฒ่าคนหนึ่งรออยู่นานแล้ว พลันที่มองเห็นหลี่ชิเย่ เขาได้ก้มกราบและกล่าวว่า “ไม่ทราบว่าใต้เท้ามาด้วยตนเอง ข้าน้อยมีวิสัยทัศน์ไม่กว้างไกล ไม่ทันให้การต้อนรับใต้เท้าด้วยตนเอง”
ถ้าหากพวกของเสิ่นเสี่ยวซันอยู่ในเหตุการณ์ล่ะก็ เมื่อเห็นผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้าแล้วจะต้องตกใจมากแน่นอน เนื่องจากผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้าก็คือเถ้าแก่ร้านเฒ่าของร้านของชำที่ชื่อหอราชันที่อยู่ในเมืองฉีหลินนั่นเอง
“ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นช้าๆ พร้อมกับโบกมือเบาๆ
“ใต้เท้า เชิญด้านใน บรรดาผู้อาวุโสรอคอยการมาของใต้เท้าอยู่” หลังจากลุกขึ้นยืนแล้ว เถ้าแก่ร้านเฒ่ารีบเร่งนำทางให้กับหลี่ชิเย่
ภายในห้องโถงที่อยู่บริเวณลานบ้านปรากฏผู้เฒ่านั่งอยู่ในนั้นหลายสิบคน ผู้เฒ่าหลายสิบคนต่างสวมใส่ชุดที่เรียบง่ายดูแล้วไม่มีความสะดุดตา แต่ทว่า ยามที่ดวงตาทั้งสองของพวกเขาส่งประกายแวบวับออกมานั้น ทำให้ภายในใจของผู้คนถึงกับเต้นกระตุกทีหนึ่ง เนื่องจากประกายตาของเขาเหมือนว่าสามารถตัดขาดสุริยันจันทรา สะบั้นหยินหยางได้อย่างนั้น ด้วยกำลังความสามารถเช่นนี้นับเป็นที่ยำเกรงของผู้คนยิ่งนัก
ขณะที่หลี่ชิเย่เดินเข้ามา บรรดาผู้เฒ่าหลายสิบคนต่างทยอยกันคารวะต่อหลี่ชิเย่ พวกเขาไม่ได้ส่งเสียงใดๆ หรือพูดคำใดๆ ออกมาสักคำ
“ใต้เท้า บรรดาเหล่าบรรพบุรุษที่อยู่ที่นี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ประสานงานของยุคนี้ รับผิดชอบตามเขตต่างๆ” เถ้าแก่ร้านเฒ่ารีบให้การแนะนำต่อหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “ข้าน้อยด้อยความสามารถ ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาเหล่าบรรพบุรุษให้เป็นเจ้าสำนักในรุ่นปัจจุบัน”
สำนักที่สามารถสืบทอดต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ นับเป็นเรื่องดี” หลี่ชิเย่มองดูบรรดาผู้เฒ่าที่อยู่ในเหตุการณ์ พยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ในเมื่อมีโอกาสได้พบคือวาสนา นั่งลงเถอะ”
เถ้าแก่ร้านเฒ่านำพาบรรดาเหล่าบรรพบุรุษที่อยู่ในเหตุการณ์ทยอยกันนั่งประจำที่ พวกเขานั่งลงตรงเบื้องหน้าของหลี่ชิเย่ด้วยความเคารพ รอฟังคำจากหลี่ชิเย่
“ไม่มีบัญชาจากใต้เท้า ข้าน้อยไม่กล้าตัดสินใจเอง ดังนั้นจึงไม่กล้ารบกวนบรรดาบรรพบุรุษ ยิ่งไม่ได้แจ้งต่อบรรดาเหล่าเทพทั้งหลาย” หลังจากนั่งลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เถ้าแก่ร้านเฒ่ากล่าวด้วยท่าทีเคารพยิ่งว่า “ไม่ทราบว่าใต้เท้าจะให้ข้าน้อยถ่ายทอดคำสั่งเชิญบรรดาบรรพบุรุษและเหล่าเทพให้มาพบหรือไม่”
“ไม่ต้องแล้ว” หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ และกล่าวว่า “แจ้งข่าวเรื่องข้ามาถึงที่นี่อย่างปลอดภัยแล้วก็พอ ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขามาพบ เมื่อไรที่ข้าต้องการพบพวกเขา พวกเขาก็จะรู้เอง”
เถ้าแก่ร้านเฒ่าเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้ว รีบตอบว่า “คำพูดของใต้เท้า พวกเราจะถ่ายทอดออกไปแน่นอน เวลานี้ฟ้าดินแปรปรวน เก้าแดนได้เชื่อมต่อถึงประตูของสิบสามทวีป แต่มีการปิดกั้นด่านของสิบสามทวีป ทำให้ความลับถูกซ่อนเร้น พวกเราต่างไม่สามารถทราบการมาสิบสามทวีปของใต้เท้า เหล่าราชันไม่สามารถให้การช่วยเหลือใต้เท้าอย่างทันท่วงที ทำให้ฝ่ายของราชันซื่อตี้ช่วงชิงโอกาสได้ก่อน”
พวกของเถ้าแก่ร้านเฒ่ามาจากกองทัพที่ลึกลับยิ่ง กองทัพของพวกเขามีกองกำลังที่ยิ่งใหญ่มากนัก มีการสืบทอดต่อๆ กันมารุ่นสู่รุ่น เรียกได้ว่าพวกเขามีความชำนาญสถานการณ์ของชิงโจวอย่างละเอียด
“ความลับที่ซ่อนอยู่ภายในหาใช่ระดับเช่นพวกเจ้าสามารถเข้าใจได้ แม้ว่าพวกเจ้าไม่สามารถรุดมาให้ความช่วยเหลือแต่ก็ไม่โทษพวกเจ้า ข้าได้มีการนัดหมายกับเหล่าราชันแล้วก่อนหน้า หากว่าเขาคิดจะรุดมาช่วยเหลือคงลงมือนานแล้ว ต่อให้ราชันซื่อตี้คิดจะปิดกั้นความลับก็ปิดได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยขึ้นมา
ทั้งเถ้าแก่ร้านเฒ่าและบรรดาเหล่าบรรพบุรุษที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตะลึงงันเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ พวกเขาจึงได้เข้าใจแล้วว่า ความลึกลับที่ซ่อนอยู่ภายในหาใช่ระดับผู้เยาว์เช่นพวกเขาสามารถเข้าใจได้ การหารือที่เป็นความลับเช่นนี้มีเพียงจอมราชันและเซียนหวังเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าร่วมได้ พวกเขาที่เป็นระดับผู้เยาว์ต่อให้แข็งแกร่งเช่นใดก็เป็นได้แค่ประสานงานเท่านั้น
“ใต้เท้าต้องการพบเหล่าจอมราชันและเซียนหวังหรือไม่?” หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เถ้าแก่ร้านเฒ่าจึงได้พูดขึ้นมา
“ยังไม่จำเป็น” หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ และกล่าวว่า “เจ้าให้พวกจอมเทพทั้งหลายส่งข่าวให้เบื้องบน แจ้งข่าวบรรดาราชันและเซียนหวังว่า ข้าปลอดภัยดีก็พอ”
“พวกข้าจะไปจัดการอีกสักครู่ บรรดาเหล่าราชันและเซียนหวังจะได้รับข่าวนี้อย่างรวดเร็ว” เถ้าแก่ร้านเฒ่ารีบกล่าวตอบ
แน่นอน การที่จะเข้าพบบรรดาเหล่าราชันและเซียนหวังที่ปลีกตัวจากโลกภายนอกนั้น บรรดาเถ้าแก่ร้านเฒ่าที่เป็นเพียงผู้เยาว์เท่านั้นยังไม่มีคุณสมบัติพอ ต่อให้พวกเขามีกำลังกล้าแข็งมากแล้วก็ตาม หากจะต้องไปพบกับเหล่าราชันและเซียนหวังต้องเป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะจอมเทพเท่านั้น
ในเวลานี้ หลี่ชิเย่นิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากผ่านไปชั่วครู่เขาได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ได้ยินว่าการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายในครั้งที่หกนี้มีราชันเซียนฉวี่เจินเป็นผู้ริเริ่ม ไม่รู้ว่ามีจอมราชันและเซียนหวังจำนวนเท่าไรที่เข้าร่วมการศึกในครั้งนี้?”
“จอมราชันและเซียนหวังที่เข้าร่วมการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายในครั้งที่หกมีจำนวนมากมาย” เวลานี้เถ้าแก่ร้านเฒ่าแสดงท่าทีที่ให้ความเคารพยิ่งนักขึ้นมาทันที ท่าทีเคร่งขรึม เป็นการแสดงความเคารพสูงสุดที่ผู้เยาว์มีต่อบรรดาจอมราชันและเหล่าปรัชญาเมธี ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั่วไปบางทีอาจไม่เข้าใจความหมายของการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายว่าคืออะไร แต่ว่า เฉกเช่นผู้ดำรงอยู่ในสถานะอย่างพวกเขากลับเข้าใจเป็นอย่างดี
“การเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายในครั้งนี้ หรือเรียกว่าราชันเซียนหญิงออกศึก และหรือเรียกกันว่าราชันเซียนหญิงออกปราบปราม” เถ้าแก่ร้านเฒ่ากล่าวด้วยท่าทีที่เคารพว่า “การเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งนี้ได้ยินว่ามีราชันเซียนหญิงและเซียนหวังเข้าร่วมจำนวนยี่สิบถึงสามสิบท่าน เป็นราชันเซียนและเซียนหวังที่เป็นผู้หญิงล้วนทั้งหมด เล่าลือกันว่า การเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งนี้ริเริ่มขึ้นโดยราชันเซียนฉวี่เจินเป็นท่านแรก โดยมีราชันเซียนซิ่วสุ่ยให้การสนับสนุนเป็นท่านแรก และมีราชันเซียนหวูโก้ว ราชันเซียนปี้หลิง ราชันเซียนชิงเหอ ราชันเซียนเตาหวาย ราชันเซียนปิงหวี่ ราชันเซียนเชียนหลี่…และบรรดาเซียนหวังก็ได้เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย”
เถ้าแก่ร้านเฒ่าได้นำรายชื่อของเหล่าจอมราชันและเซียนหวังที่เข้าร่วมรายงานต่อหลี่ชิเย่ให้ทราบ ขอเพียงเป็นสิ่งที่เขารับรู้มาก็จะรายงานออกมาทั้งหมด
จอมราชันและเซียนหวังที่เข้าร่วมการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่จอมราชันหรือเซียนหวังของร้อยชาติพันธุ์เท่านั้น และไม่จำกัดแค่ราชันเซียนของเก้าแดน แม้แต่จอมราชันและเซียนหวังของเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์ก็ได้เข้าร่วมด้วย
ถ้าหากจะกล่าวว่า ในสิบสามทวีปนี้มีเรื่องใดสามารถทำให้จอมราชันและเซียนหวังละทิ้งบุญคุณความแค้นระหว่างชาติพันธุ์ ทุกคนร่วมแรงร่วมใจรบเคียงบ่าเคียงไหล่ได้ล่ะก็ คงมีเพียงการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งสุดท้ายแล้วหละ”
ความจริงแล้ว ในอดีตที่ยาวนานมาก ภายใต้การริเริ่มของราชันเทพจุงหนาน และราชันเซียนเฟย ในศึกการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายในครั้งที่สามนั้น จอมราชันและเซียนหวังของร้อยชาติพันธุ์ และจอมราชันของเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์ก็เคยรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาก่อน ท่ามกลางสมรภูมิรบเช่นนี้ พวกเขาได้ละทิ้งบุญคุณความแค้น ละทิ้งการแย่งชิงระหว่างชาติพันธุ์ ร่วมเป็นร่วมตายกันสู้รบกันถึงที่สุด!
“อิสตรีไม่ด้อยไปกว่าบุรุษ” หลี่ชิเย่ถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ หลังจากได้ยินรายชื่อดังกล่าวนี้แล้ว เขารู้มาก่อนแล้วว่า การเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งสุดท้ายจะต้องเกิดขึ้นแน่ เนื่องจากฉวี่เจินเคยพูดถึงนานมาแล้ว และมีการตระเตรียมมาโดยตลอด เพียงแต่โอกาสยังไม่อำนวยเท่านั้นเอง
การที่ราชันเซียนฉวี่เจินประกาศศึกการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายเป็นครั้งที่หกในครั้งนี้ กล่าวสำหรับราชันเซียนฉวี่เจินคือโอกาสได้มาถึงแล้ว เพื่อศึกในครั้งนี้พวกนางได้มีการตระเตรียมการมาเป็นเวลานานมากแล้ว
อีกทั้งผู้ที่เข้าร่วมการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งสุดท้ายในครั้งนี้มีเพียงราชันเซียนหญิง นอกจากเป็นการกระทำที่แสดงถึงความหมายบางอย่างของการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งสุดท้ายนี้แล้ว ยังเป็นการแสดงต่อชาวโลกให้เห็นในอีกด้านหนึ่งของบรรดาราชันเซียนหญิงว่า อิสตรีไม่ได้ด้อยไปกว่าบุรุษเลย
การเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งสุดท้ายไม่เคยหยุดตลอดที่ผ่านมา นับจากโบราณกาลที่ผ่านมาต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน จอมราชันหุ้นหยวน ราชันเทพจุงหนาน ราชันเซียนเฟย ราชันเซียนกู่ฉุน ราชันเซียนหมิงเหรินเป็นต้น จอมราชันและเซียนหวังแต่ละองค์ที่ได้ริเริ่มประกาศศึกการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งสุดท้ายครั้งแล้วครั้งเล่า
จอมราชันและเซียนหวังที่เข้าร่วมด้วยทุกครั้งล้วนแล้วแต่มีจำนวนไม่น้อย เรียกได้ว่าโลกนี้ไม่มีการศึกใดๆ สามารถเทียบเคียงกับการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งสุดท้ายได้อีกแล้ว ซึ่งศึกการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งสุดท้ายเช่นนี้มีจอมราชันและเซียนหวังเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
เพียงแต่ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ศึกการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งสุดท้ายจะเป็นจอมราชันและเซียนหวังที่เป็นบุรุษเสียส่วนใหญ่ มีจอมราชันและเซียนหวังที่เป็นสตรีเข้าร่วมน้อยมาก
มาคราวนี้ ราชันเซียนฉวี่เจินประกาศศึกการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายในครั้งที่หกขึ้น อีกทั้งมีจอมราชันและเซียนหวังที่เข้าร่วมในศึกครั้งนี้เป็นสตรีทั้งหมด ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงการปราศจากผู้ต่อกรของบรรดาราชันเซียนหญิง และแสดงให้เห็นว่าฐานะของราชันเซียนหญิงในสิบสามทวีปไม่ได้ด้อยไปกว่าจอมราชันและเซียนหวังที่เป็นบุรุษทั้งสิ้น!
ศึกการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งสุดท้ายเป็นหัวข้อสนทนาที่หนักอึ้งมาก เนื่องจากบนเส้นทางสายนี้มีผู้คนจำนวนมากที่ไปแล้วไปลับไม่มีกลับมาอีกเลย เส้นทางสายนี้ถูกปูไว้ด้วยโครงกระดูกมากมายเหลือเกิน
ไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะปราศจากผู้ต่อกรเพียงใด ไม่ว่าจะมีความปราดเปรื่องน่าทึ่งปานใดก็ตาม แต่กับเส้นทางสายนี้ล้วนแล้วแต่มีโอกาสล้มลงทั้งสิ้น นับแต่อดีตกาลที่ผ่านมา มีจอมราชันและเซียนหวังจำนวนเท่าไรที่ไปแล้วไม่มีหวนกลับมาบนเส้นทางสายนี้
“ราชันเซียนหญิงหงเทียนได้เข้าร่วมหรือไม่?” หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ หลี่ชิเย่ได้ทำลายความสงบด้วยการเอ่ยขึ้นมาช้าๆ
“เรื่องนี้…” เถ้าแก่ร้านเฒ่าทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่งแล้วกล่าวว่า “เรื่องนี้ข้าน้อยไม่แน่ชัดนัก ผู้ที่รู้เรื่องนี้อย่างชัดเจนก็คงมีเพียงจอมราชันและเซียนหวังพวกเขาแล้วหละ แต่ว่า มีการเล่าลือกันว่า ขณะที่กำลังออกเดินทางได้ปรากฏเงาของราชันเซียนหญิง เท็จจริงอย่างไรนั้น พวกข้าที่เป็นผู้เยาว์ไม่สามารถรู้ได้ ความลับระดับเช่นนี้ระดับผู้เยาว์เช่นพวกเราไม่จะสามารถไปคาดการณ์ได้”
“มีข่าวเกี่ยวกับราชันเซียนหญิงหงเทียนบนโลกนี้หรือไม่”
“เรื่องนี้ พวกเราก็ไม่มีข่าวในขณะนี้เช่นกัน” เถ้าแก่ร้านเฒ่ากล่าวว่า “ตลอดเวลาที่ผ่านมา ราชันเซียนหญิงหงเทียนประดุจดั่งมังกรที่เห็นหัวไม่เห็นหางมาโดยตลอด ยากที่ใครจะได้พบเห็น พวกเราไม่สามารถไปศึกษาอย่างละเอียดได้ และผู้เยาว์อย่างพวกเราก็ไม่สามารถรู้ได้”
หลี่ชิเย่พยักหน้าเงียบๆ อดที่จะจ้องมองออกไปด้านนอก หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่แล้วกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “การเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งสุดท้ายหน่ะ จะมีสักกี่คนที่สามารถหนีพ้นได้นะ” ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว เขาถึงกับมีท่าทีที่สลด
Comments