Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 1726 ไม่หวนคืนกลับมา

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 1726 ไม่หวนคืนกลับมา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1726 ไม่หวนคืนกลับมา
“จุดติดกฎเกณฑ์ทั้งสิบเอ็ดสาย มันไม่ง่ายเลยเป็นภารกิจที่ใหญ่มาก” เมื่อหวงหลงกล่าวมาถึงตรงนี้แล้วยังต้องกล่าวทอดถอนใจว่า “บรรดาราชันและเหล่าเทพจะไม่นิ่งดูดายแน่ พวกเขาจะไม่ยอมให้ใครกวาดเอาชะตาฟ้าไปอยู่ที่คนๆ เดียวอย่างเด็ดขาด ต่อให้บรรดาราชันและเหล่าเทพไม่ขัดขวาง ถ้าหากได้ครอบครองชะตาฟ้ายิ่งมากเท่าไร สวรรค์ลงทัณฑ์ก็ต้องลงมา ถึงเวลานั้นยังไม่ทันได้จุดติดกฎเกณฑ์สิบเอ็ดสายก็ถูกสวรรค์ลงทัณฑ์พุ่งเข้ามาสังหารแล้ว”

“แหะ ข้ากลับไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายเช่นนี้” ป้าหู่หัวเราะแหะแหะและกล่าวว่า “ข้ากลับคาดหวังว่าเจ้าหมอนี่สามารถทำได้ เมื่อขึ้นไปแล้วจัดการกวาดเอาชะตาฟ้าทั้งเจ็ดสิบสองสายมาไว้ทั้งหมด ซึ่งเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ทั่วทั้งแดนที่สิบไม่เพียงตกอยู่ในยุควิบากแห่งเต๋าเท่านั้น แหะ แหะ แหะ เขาจะสร้างความมหัศจรรย์เพียงหนึ่งเดียวนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน ด้วยการครอบครองชะตาฟ้าเจ็ดสิบสองสายในตัวคนเดียว นี่จะเป็นการสังหารบรรดาราชันและเหล่าเทพเลยหละ และปราศจากผู้ต่อกรตลอดกาลนะเนี่ย”

“ลัคนาหนึ่งสามารถรองรับชะตาฟ้าได้สายเดียวเท่านั้น ชะตาฟ้าสิบสองสายคือขีดสูงสุด” หวงหลงยิ้มเจื่อนๆ ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ต่อให้เขามีสิบสามลัคนาในครอบครอง ทะลุกฎเกณฑ์ปรกติไปแล้ว แต่หากว่าให้เขาสืบทอดชะตาฟ้าสิบสองสาย เกรงว่าตัวเขาเองคงรองรับไม่ไหว ขึ้นอยู่กับความอภินิหารของสัจธรรมสามสายและกฎเกณฑ์สิบเอ็ดสายแล้วหละ…”

“…ทว่า จะอย่างไรเสียมันก็คือพลังของชะตาฟ้านะเนี่ย ต่อให้เขาเอาชะตาฟ้าทั้งหมดมาจุดติดกฎเกณฑ์ทั้งสิบเอ็ดสายได้ก็ตาม แต่เกรงว่าพลังที่สั่งสมอยู่ในนั้นเขาก็ไม่สามารถรองรับและยากที่จะควบคุมมันได้ พลังขนาดชะตาฟ้าสิบสองสายสามารถทำลายจอมจักรพรรดิและเซียนหวางใดๆ ได้ทั้งหมด!”

มุมมองของป้าหู่กลับแตกต่างกัน เขากล่าวว่า “แหะ เจ้าหมอนี่คือผู้เสร้างปาฏิหาริย์ เขาไปกลับระหว่างเก้าแดนกับแดนที่สิบตั้งหลายครั้งยังไม่ตาย ซึ่งไม่สามารถนำเอากฎกติกาทั่วไปมาประเมินตัวเขาได้ จะอย่างไรเสียข้าก็มั่นใจในตัวเจ้าหมอนี่ ถ้าหากเขาสามารถช่วงชิงเอาชะตาฟ้าทั้งสิบสองสายมาทั้งหมดล่ะก็สนุกหละ ข้ากลับต้องการได้เห็นท่าทีการร้องด้วยความโศกเศร้าของบรรดาราชันและเหล่าเทพบ้าง”

ครั้นป้าหู่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้ากับหัวเราะเสียงดังท่าทีดีใจที่ได้เห็นผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน

หวงหลงหัวเราะเจื่อนๆ โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ต่อเป็นแดนที่สิบ การมีสิบสองชะตาฟ้าก็คือขีดสูงสุด หนึ่งชะตาฟ้าต่อหนึ่งลัคนา! นับแต่อดีตกาลเป็นต้นมายังไม่เคยมีจอมราชันคนไหนสามารถมีเกินกว่าสิบสองชะตาฟ้ามาก่อน

ราชันเทพชิงมู่ที่ลึกลับที่สุด ราชันสวรรค์ที่หุ้นหยวนที่ปราดเปรื่องที่สุด และเหยียนตี้ที่พาลที่สุด พวกเขาก็แค่มีสิบสองชะตาฟ้าในครอบครองเท่านั้น พวกเขาล้วนแล้วแต่ไม่สามารถก้าวข้ามขีดสูงสุดไปได้

แม้แต่รชันเทพชิงมู่ที่เต็มไปด้วยตำนาน และถูกปกคลุมด้วยความลึกลับมาชั่วชีวิต เขาก็ไม่สามารถทะลุขีดสูงสุดไปได้ ยังคงมีสิบสองชะตาฟ้าอยู่ในความครอบครอง

ความจริงแล้ว การได้ครอบครองสิบสองชะตาฟ้าในแดนที่สิบคือขีดสูงสุดแล้ว และถือเป็นจอมราชันหรือเซียนหวางที่แข็งแกร่ง และปราศจากผู้ต่อกรที่สุดแล้ว!

ในมุมมองของหวงหลง ภายใต้กฎเกณฑ์ปรกติทั่วไป การที่หลี่ชิเย่มีสิบสามลัคนาในครอบครอง หากเขาจะสืบทอดชะตาฟ้าสิบสามสายนับว่ายังมีโอกาสอยู่! ส่วนกรณีสิบเอ็ดกฎเกณฑ์ต้องอาศัยชะตาฟ้ามาจุดติดนี่สิที่ทำให้หวงหลงรู้สึกกังวล ต่อให้หลี่ชิเย่สามารถอาศัยชะตาฟ้ามากกว่านี้มาจุดกฎเกณฑ์ทั้งสิบเอ็ดสายให้ติด เกรงว่าหลี่ชิเย่จะไม่สามารถรองรับพลังลักษณะเช่นนี้ได้ จะอย่างไรเสียยังไม่เคยมีผู้ใดมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อนนับแต่อดีตที่ผ่านมา

“ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตาม ชาตินี้เจ้าหมอนี่ยังคงมีโอกาสแซงล้ำหน้าราชันเทพชิงมู่ได้” หวงหลงไม่อาจไม่ยอมรับในจุดนี้ และกล่าวว่า “การมีสิบสามลัคนาก็เท่ากับชาตินี้ของเขาได้ถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าไม่ธรรมดาแล้ว ต่อให้ภายใต้กฎเกณฑ์ปรกติ เกรงว่าเขาก็ต้องสามารถสืบทอดสิบสามชะตาฟ้าเอาไว้ได้!”

“ราชันเทพชิงมู่นะเนี่ย” ผู้ที่พาลยิ่งเช่นป้าหู่ยังคงรู้สึกเคารพนับถือเมื่อเอ่ยถึงราชันเทพองค์นี้ และกล่าวว่า “ในฐานะจอมราชันคนแรกของแดนที่สิบที่ได้ครอบครองสิบสองชะตาฟ้า กระทั่งเป็นไปได้ที่อาจจะเป็นจอมราชันอันดับหนึ่งของแดนที่สิบ ตลอดชีวิตของเขามีตำนานมากมายเหลือเกิน ความลึกลับของเขาเคยเป็นที่ใฝ่หาของจอมราชันและเซียนหวางจำนวนเท่าไร และมีผู้คนจำนวนเท่าไรที่อาศัยเขาเป็นแบบอย่างกันเล่า”

หวงหลงก็ถึงกับพยักหน้าเบาๆ เช่นกัน ชื่อของราชันเทพชิงมู่เปี่ยมด้วยแรงดูงดูดเป็นอันมากในแดนที่สิบ เขาคือตำนาน ทั้งยังคงความลึกลับตลอดกาล เหมือนว่าเขาถูกปกคลุมอยู่ท่ามกลางความลึกลับมาตั้งแต่อดีตอยู่แล้ว

ครั้นชะตาฟ้าได้ทำการจุดติดกฎเกณฑ์สายหนึ่งแล้ว หลี่ชิเย่ได้ทอดถอนใจออกมาเบาๆ ทีหนึ่ง ได้เวลาที่เขาต้องไปจากแล้ว และเป็นเวลาที่เขาต้องกล่าวอำลาแล้ว

หลี่ชิเย่ถึงกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และกอดปู้เหลียนเซียงเอาไว้อย่างลึกซึ้ง กล่าวขึ้นมาแผ่วเบาว่า “ข้าจะกลับมาอย่างมีชัย ข้าจะปราศจากผู้ต่อกรจนถึงที่สุด ไม่ว่าจเป็นบรรดาราชันและเหล่าเทพ หรือว่าสวรรค์โจรล้วนแล้วแต่ขวางการก้าวเดินของข้าไม่ได้!”

“แน่นอน เจ้าจะต้องทำได้สำเร็จ” ปู้เหลียนเซียงกอดคนรักของตนเอาไว้แน่น กล่าวน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ไปอย่างสบายใจ และสู้เต็มที่ไม่ต้องมีกังวล ไม่ว่าจะเป็นเวลาใดที่ใดข้าก็คาดหวังให้เจ้าก้าวเดินไปข้างหน้า เจ้าคือผู้กล้าของข้า ผู้กล้าที่สามารถก้าวเดินไปจนถึงที่สุด”

หลี่ชิเย่ถึงกับจูบกับปู้เหลียนเซียงอย่างดูดดื่ม ขณะที่ปู้เหลียนเซียงกอดเขาเอาไว้แน่น หลังจากผ่านไปนานมาก การจูบกันอย่างดูดดื่มก็ได้แยกจากกัน ปู้เหลียนเซียงยังกอดตัวเขาเอาไว้แน่น แม้เปี่ยมด้วยความไม่อยากแยกจากกัน แต่นางยังคงเอ่ยขึ้นแผ่วเบาว่า “ไปเถอะที่รักของข้า ผู้กล้าของข้า กล้าที่จะมุ่งไปข้างหน้า ไม่หันหลังกลับตลอดไป ไม่หยุดการก้าวเดินตลอดกาล!”

“ลาก่อน…” หลี่ชิเย่กระซิบข้างหูนางเบาๆ ขาดคำหันหลังจากไปทันที เขายืนอยู่บนยอดเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง และไม่หันหลังกลับอีกต่อไป เวลานี้เขาแหงนมองไปบนท้องฟ้า ไม่ต้องการเหลียวหลังกลับไปมองดูผู้ที่อยู่เบื้องหลังอีก นาทีนี้เขาเกรงว่าหากตัวเองหันหลังกลับไปมองแล้วจะทำให้จิตของตนต้องหวั่นไหว

ปู้เหลียนเซียงเพียงจ้องมองเงาหลังของคนรักอย่างเงียบๆ นางคอยอธิฐานให้กับผู้ชายของตน นางอวยพรให้กับผู้ชายของตน นางไม่ต้องการเป็นเครื่องพันธนาการในการเก้าวเดินไปข้างหน้าของผู้ชายตน นางไม่ต้องการเป็นอุปสรรคต่อการก้าวไปข้างหน้าของผู้ชายของนาง

ปราชญ์จะไม่หวั่นไหวต่อความรัก กล่าวสำหรับผู้ชายของตนนั้น การไปยังสุดปลายทางของโลกนั้นเป็นเส้นทางที่ทารุณโหดร้ายมาก ต้องการความกล้าแบบไปแล้วไม่กลับ ดังนั้น ปู้เหลียนเซียงจึงไม่ต้องการอยู่เคียงข้างผู้ชายของตน เนื่องจากความอ่อนโยนคือสุสานของผู้กล้า! นางไม่ต้องการเห็นผู้ชายของตนต้องหยุดความกล้าที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าเพราะครอบครัว ดังนั้น นางจึงไม่ต้องการอยู่เคียงข้างผู้ชายของตน ไม่ต้องการถ่วงความตั้งใจเด็ดขาดชั่วชีวิตของผู้ชายตนในอันที่จะก้าวไปข้างหน้า

นับแต่อดีตเป็นต้นมา ราชินีราชันเซียนทุกคนล้วนแล้วแต่มีการตัดสินใจในที่สุด ท่ามกลางเส้นทางที่สุดแสนจะยาวไกลเช่นนี้ ถ้าหากหยุดอยู่กับที่นานเกินไป ความสนิทสนม ความรักล้วนแล้วแต่มีโอกาสกลายเป็นเครื่องพันธนาการของราชันเซียนในการก้าวไปข้างหน้า ภรรยาและบุตรอาจกลายเป็นไข้ใจที่ราชันเซียนตัดใจไม่ลง!

เมื่อมีบุตรและภรรยาแล้ว บางทีอาจทำให้คนเราลังเล บางทีอาจทำให้สูญเสียพลังความกล้าหาญที่จะก้าวไปข้างหน้า ดังนั้น นับแต่อดีตเป็นต้นมาราชันเซียนทุกองค์ล้วนแล้วแต่ได้มีการตัดสินใจเลือก จังหวะที่ราชันเซียนทุกองค์ก้าวไปยังแดนที่สิบราชินีราชันเซียนต่างเลือกที่จะรั้งอยู่เก้าแดนต่อไป หรือเลือกที่จะจากไป

เนื่องจากกล่าวสำหรับราชินีราชันเซียนแล้ว การที่พวกนางรั้งอยู่ข้างกายราชันเซียนอาจกลายเป็นภาระ! ดังนั้น ส่วนมากแล้วมักจะราชันเซียนไปยังแดนที่สิบ ขณะที่ราชินีราชันเซียนรั้งอยู่เก้าแดนคอยดูแลสำนัก เลี้ยงดูลูกชายลูกสาวอยู่เสมอๆ ! นี่แหละคือหน้าที่ของราชินีราชันเซียน และเป็นการเลือกของราชินีราชันเซียน!

หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้ยืนอยู่บนยอดเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งแล้ว จ้องมองไปบนท้องฟ้า สุดท้ายเขาได้ยื่นมือขวาออกไป กางมือออก ทันใดนั้นได้ทำการล็อกท้องฟ้าเอาไว้ทั้งหมด ท่ามกลางมือที่ชำนาญ ความแตกต่างมิติกาลเวลาแต่ละอันปรากฎขึ้นมา

ในเวลานี้เองบนท้องฟ้าเบื้องบนของเก้าแดนเหมือนตกอยู่ท่ามกลางความมืดมิดอย่างนั้น เห็นประกายเป็นแวบวับเป็นจุดๆ โดยที่ประกายดังกล่าวเหมือนดั่งเป็นดวงดาวแต่ละดวงที่แขวนอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างนั้น

ปรากฎการณ์เก้าแดนตกอยู่ท่ามกลางความมืดมิดกะทันหัน และปรากฏประกายดาวเป็นจุดๆ ได้สร้างความตระหนกให้กับผู้บำเพ็ญตน และยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วน

ในเวลานี้เองทุกคนจึงได้เข้าใจได้ว่าอะไรที่เรียกว่าหลับตาเป็นกลางคืน ลืมตาเป็นกลางวัน เมื่อก้าวถึงระดับแข็งแกร่งเช่นราชันเซียนอันดับหนึ่งตลอดกาลแล้ว สามารถควบคุมจักรวาลได้ตามใจปรารถนา บงการกลางวันกลางคืนได้

“นี่มันคืออะไร?” ครั้นมองเห็นประกายดาวเป็นจุดๆ ปรากฏบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ซึ่งแลดูเหมือนเป็นพิกัดกาลเวลานิดหนึ่ง แต่ก็มีความแตกต่างจากพิกัดกาลเวลาของเก้าแดน

“โดยปรกติแล้ว ความแตกต่างของมิติกาลเวลาระหว่างเก้าแดนกับแดนที่สิบนั้น มีเพียงราชันเซียนเท่านั้นที่สามารถมองเห็นของดีๆ เช่นนี้ได้ ราชันเซียนอันดับหนึ่งตลอดกาลอาศัยมือข้างเดียวก็สามารถทำให้ความแตกต่างของมิติกาลเวลาปรากฎแก่สายตาของผู้คนบนโลก เขาช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน” เคยมีผู้ที่เป็นขุนพลอันดับหนึ่งของราชันเซียนได้อธิบายให้กับความสงสับของผู้เยาว์ตนเอง

“แดนที่สิบเป็นแดนที่มีลักษณะเช่นใด เป็นแดนของเซียนอย่างนั้นรึ?” มีลูกหลานที่ได้ยินคำพูดเช่นนี้ถึงกับอยากรู้อยากเห็นยิ่งนัก พวกเขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับแดนที่สิบมาก่อน โลกนี้มีเพียงเก้าแดน บวกกับโลกของประตูมิติที่เพิ่งปรากฏขึ้นมาใหม่ แต่โลกของประตูมิติไม่ใช่แดนที่สิบ มันถูกผู้คนเรียกว่าเป็นแดนมิติ

“สิ่งนี้หาใช่สิ่งที่พวกเจ้าควรจะรู้ มีเพียงระดับราชันเซียนเท่านั้นที่มีสิทธิ์รับรู้ได้” ขุนพลผู้นี้ไม่ต้องการบอกกล่าวต่อลูกหลานของตน มองดูราชันเซียนอันดับหนึ่งตลอดกาลที่ทำให้ความแตกต่างของมิติกาลเวลาปรากฎแก่สายตาออกมา เขาถึงกับบ่นพึมพำออกมาว่า “ตลอดเวลาที่ผ่านมา โดยสถานการณ์ส่วนใหญ่แล้วราชันเซียนล้วนแล้วแต่ขึ้นไปเพียงลำพังคนเดียว อีกทั้งราชันเซียนไม่ต้องการให้ใครมารบกวน มักเลือกที่จะเปิดความแตกต่างของมิติกาลเวลาออกมาบนจักรวาลที่ไกลโพ้น เวลานี้ราชันเซียนอันดับหนึ่งตลอดกาลกลับจะพาคนมากมายขึ้นไป อีกทั้งยังไม่เกรงว่าใครจะมารบกวน ช่างอหังการเหลือเกิน เกรงว่าพฤติกรรมเช่นนี้คงเป็นการสร้างความมหัศจรรย์ขึ้นมาตลอดกาลนะเนี่ย”

ตลอดเวลาที่ผ่านมา การขึ้นสู่แดนที่สิบของราชันเซียนมักจะทำด้วยความรอบคอบยิ่งนัก แม้ว่าเขาจะมีความปราศจากผู้ต่อกรยังคงไม่กล้าประมาท

ดังนั้น จึงมีเพียงผู้ที่ราชันเซียนไว้ใจมากที่สุดที่สามารถไปส่งการเดินทางไปยังแดนที่สิบของราชันเซียน อีกทั้งสถานที่ที่ราชันเซียนทำการเปิดความแตกต่างของมิติกาลเวลาระหว่างเก้าแดนกับแดนที่สิบเป็นความลับโดยตลอด ราชันเซียนจะบอกกล่าวรายละเอียดการเดินทางและสถานที่ของตนให้กับคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

เนื่องจากการเดินทางไปยังแดนที่สิบนั้นเป็นเรื่องที่อันตรายยิ่งนัก ราชันเซียนจึงไม่ต้องการให้ขั้นตอนระหว่างการเดินทางไปยังแดนที่สิบถูกผู้ใดรบกวน ส่งผลต่อการเดินทางไปยังแดนที่สิบซึ่งเป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่

ด้วยเหตุนี้เอง นับแต่อดีตถึงปัจจุบันจึงมีน้อยคนนักที่รับรู้ถึงร่องรอยของราชันเซียน และน้อยคนนักที่ล่วงรู้ถึงการดำรงอยู่ของแดนที่สิบ

เฉกเช่นราชันเซียนอันดับหนึ่งตลอดกาลที่กล้าเปิดเผยการเดินทางไปยังแดนที่สิบต่อหน้าผู้คนทั่วหล้าเช่นนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่สั่นสะเทือนจิตใจผู้คนโดยแท้ สำหรับผู้คนที่รับรู้ถึงเรื่องนี้แล้วพวกเขาต่างก็เข้าใจเป็นอย่างดีว่า ราชันเซียนอันดับหนึ่งตลอดกาลไม่กลัวว่าใครจะมารบกวนการเดินทางขึ้นไปยังแดนที่สิบของเขาแต่อย่างใด และเขาไม่กลัวว่าจะมีใครแย่งชิงช่องทางผ่านไปยังแดนที่สิบของเขา

ดังนั้น เมื่อหลี่ชิเย่ทำการเปิดความแตกต่างของมิติกาลเวลาระหว่างเก้าแดนกับแดนที่สิบให้ปรากฎต่อสายตาของผู้คนในหล้า ได้ทำให้ผู้ยิ่งใหญ่ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในเก้าแดนบางคนถึงกับใจเต้นตูมตามขึ้นมา

“การที่ราชันเซียนอันดับหนึ่งตลอดกาลสามารถพาผู้คนขึ้นไปได้มากมายถึงเพียงนี้ บางทีอาจเป็นโอกาส เป็นโอกาสเยี่ยมยอดที่จะได้ขึ้นไป” ในใจของผู้ยิ่งใหญ่บางคนถึงกับอยากจะทดลองยิ่งนัก ในเวลานี้เองมีบางคนได้มีการตัดสินใจขึ้นมาชั่วคราวในทันที

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *