Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2054 สังหารรอบทิศ

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2054 สังหารรอบทิศ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กรรร…เสียงคำรามของมังกรดังไม่ขาดสาย พริบตาเดียวนั่นเองปรากฏร่างเงาขนาดยักษ์ขึ้นบนท้องฟ้า กรงเล็บของมันทำเอาเมฆที่อยู่บนท้องฟ้าแตกกระจัดกระจาย

มันเป็นมังกรขนาดยักษ์ตัวหนึ่ง แต่ก็ไม่เหมือนมังกรเสียทีเดียว มันเป็นสัตว์ประหลาดที่คล้ายมังกรยักษ์แต่มีกระดูกงอกแหลมคมที่งอกออกมาบนหลัง ทุกๆ กระดูกงอกแหลมคมนั้นเปล่งประกายขาววาววับออกมา กระดูกงอกทุกอันล้วนแล้วแต่สามารถแทงทะลุท้องฟ้า น่าหวาดผวาอย่างยิ่ง

มันคือมังกรรึ…นักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ เมื่อมองเห็นสัตว์ประหลาดที่คล้ายดั่งมังกรตัวนี้

ปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้กรงเล็บขนาดใหญ่ดังภูเขาพลันแทงทะลุท้องฟ้า เข้าคว้าตัวราชันทักษิณทันที

“มาได้เหมาะ…” ราชันทักษิณคำรามเสียงยาวออกไป ทวนวงเดือนสวรรค์แทงสวนขึ้นไปรับมือกับกรงเล็บขนาดยักษ์ของมังกรยักษ์ หนึ่งทวนที่สามารถทำลายเก้าชั้นฟ้า แหลมคมปราศจากผู้เทียบเทียบ สรรพสิ่งล้วนยากจะต้านทาน

ตึง…เสียงระหว่างทวนวงเดือนสวรรค์กับกรงเล็บมังกรที่แหลมคมยิ่งปะทะกันซึ่งหน้า สะเก็ดไฟกระจัดกระจาย เสมือนดั่งเป็นการระเบิดแตกออกของดวงดาวขนาดใหญ่แต่ละดวงอย่างนั้น ดุจดั่งดอกไม้ไฟที่ถูกจุดขึ้นในยามค่ำคืน แลดูอลังการยิ่งนัก

ในเวลานี้ มังกรยักษ์ตัวนี้ก็ยอดเยี่ยมมาก ถึงกับต้านรับกับทวนวงเดือนสวรรค์ของราชันทักษิณเอาไว้ได้ มีท่าทีที่พอฟัดพอเหวี่ยงอย่างยิ่ง มีความดุดันยิ่งนัก

“เปิด…” ราชันทักษิณคำรามเสียงยาว ทวนวงเดือนสวรรค์ในมือวาดขวางออกไป กระแทกกรงเล็บมังกรยักษ์ให้ถอยออกไป จากนั้น ถือทวนวงเดือนสวรรค์สลับข้างกระโดดเหินข้ามช่องว่าง แล้วฟาดลงบนตัวของมังกรยักษ์อย่างแรง

ปัง…เสียงดังสนั่น จากการที่ทวนวงเดือนสวรรค์ได้ฟาดลงบนตัวของมังกรยักษ์อย่างแรง ได้ยินเสียงกระดูกแตกหักดังคร๊ากก หนึ่งทวนที่ฟาดลงกลางหลังมังกรยักษ์ทำเอากระดูกงอกแหลมคมที่อยู่บนหลังมังกรยักษ์หักไปหลายอัน มังกรยักษ์ที่มีร่างกายใหญ่โตมโหฬารถูกทวนวงเดือนสวรรค์ของราชันทักษิณฟาดจนกระเด็นออกไป

กรรร…มังกรยักษ์ที่ถูกฟาดจนกระเด็นไปได้พุ่งตัวกลับเข้ามา แยกเขี้ยวกางเล็บเข้าสังหารราชันทักษิณ มังกรยักษ์ตัวนี้ฉีกท้องฟ้าจนขาด ทำลายทุกสรรพสิ่ง ขณะที่กรงเล็บแหลมคมตะปบเข้ามามีความแหลมคมยากจะต้านทาน

“ขอสังหารเจ้าก่อนแล้วค่อยว่ากัน!” ราชันทักษิณเองก็เปี่ยมด้วยความพาล คำรามเสียงยาวออกมา แช้งค์ประกายทวนทะลุผ่านท้องฟ้าที่คลาคล่ำด้วยดวงดาวไกลนับล้านล้านลี้ พุ่งเข้าสังหารมังกรยักษ์ตัวนี้

บรรดานักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าจำนวนมากต่างชมเปาะกับภาพที่ได้เห็น แต่ ไม่รู้ว่าเป็นการชื่นชมในความดุดันของมังกรยักษ์ หรือชื่นชมในความพาลของราชันทักษิณกันแน่

ฟ่าวว..นาทีนี้เอง เกิดเป็นพายุที่พัดโหมกระหน่ำ เศษหินดินทรายปลิวว่อน ได้ยินเสียงลมปีศาจที่ดังฟ่าวว ฟ่าวว ฟ่าววขึ้นมา มองเห็นต้นไม้ที่ถูกถอนรากถอนโคน ตำหนักบ้านเรือนทยอยถูกดูดขึ้นไปบนท้องฟ้า สุดท้ายได้ยินเสียงดังปังแม้แต่ภูเขาแต่ละลูกยังถูกดูดจนยกลอยขึ้นไป

ในขณะนี้ มองเห็นปลิงยักษ์ตัวนั้นที่คล้ายดั่งแม่น้ำได้อ้าปากกว้างที่ประดุจหลุมดำขนาดยักษ์ ต้องการกลืนกินเอาสถาบันศึกษาเทพเจ้าทั้งหมดเข้าไป

“ช่วยด้วย…” ปรากฎเสียงร้องแหลมดังขึ้นบนท้องฟ้า มองเห็นนักศึกษาที่ถูกลมปีศาจเช่นนี้ดูดเอาตัวขึ้นไป

“บังอาจ…” เวลานี้ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้ปรากฎตัวออกมา คำรามเสียงยาวทีหนึ่ง ได้ยินเสียงดังตึงเสียงหนึ่ง ลึกเข้าไปภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้าพลันปรากฎกระบี่พิฆาตเซียนขนาดยักษ์แต่ละเล่มที่พุ่งขึ้นมา กลายเป็นค่ายกลกระบี่ขนาดยักษ์ขึ้นมา ตึงเสียงดังสะเทือนฟ้า กระบี่พิฆาตเซียนขนาดยักษ์ทั้งหมดได้รวมตัวกันกลายเป็นกระบี่พิฆาตเซียนขนาดมหึมาเล่มหนึ่ง ประกายกระบี่ส่องสว่างไปทั่วสิบสามทวีป ปณิธานการฆ่ารุนแรง

ภายใต้ปณิธานการฆ่ารุนแรงของค่ายกลกระบี่นี้ ปลิงยักษ์ที่ปราศจากผู้เทียบเทียมตัวนี้บังเกิดความหวาดกลัวอย่างยิ่งขึ้น หันหลังคิดจะหนีไป แต่ทุกอย่างล้วนสายไปเสียแล้ว

ปุ…กระบี่พิฆาตเซียนยักษ์ได้ฟาดฟันลงมา มองเห็นบนท้องฟ้าพลันปรากฎเป็นของเหลวเหนียวที่ตกลงมาดั่งฝนห่าใหญ่ ฮือเสียงร้องน่าเวทนาดังขึ้น เจ้าปลิงยักษ์ตัวนี้ถูกกระบี่พิฆาตเซียนเล่มยักษ์ได้ผ่าเอาท้องของปลิงยักษ์ออก มันล้มลงท่ามกลางเสียงร้องน่าเวทนานั่น ท่ามกลางของเหลวเหนียวที่ไหลรินมองเห็นกระดูกอ่อนที่คล้ายสายรัดหยกไหลอยู่ มีผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าเอื้อมมือคว้าเอากระดูกอ่อนนี้มาทันที

“ของดี…” แม้แต่ผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าหลังจากได้กระดูกอ่อนดังกล่าวมาอยู่ในมือแล้ว ก็ต้องกล่าวชื่นชมออกมา

จี๊ด จี๊ด จี๊ดในเวลานี้ ปรากฏสัตว์ประหลาดที่คล้ายตั๊กแตนตำข้าวแต่ละตัวที่มีขนาดเท่าหน้าโต๊ะได้บุกรุกเข้าไปในสถาบันศึกษาเทพเจ้า แต่เมื่อสัตว์ประหลาดเหล่านี้ได้เจอะเจอเข้ากับนักศึกษาอัจฉริยะบุคคลจากจวนราชันกลุ่มหนึ่ง พวกเขาทยอยกันลงมือ ตูม ตูม ตูมปรากฏเพลิงที่พวยพุ่งบนพื้น ทำการเผาไหม้เหล่าสัตว์ประหลาดเหล่านี้จะล้มกลิ้งอยู่บนพื้น เพียงชั่วพริบตาเดียวก็จัดการเผาผลาญสัตว์ประหลาดเหล่านี้จนกลายเป็นเถ้าธุลีไป เหลือไว้เพียงเน่ยตันแต่ละเม็ดที่คล้ายบัวโพธิสัตว์เอาไว้

บรรดานักศึกษาอัจฉริยะบุคคลจากจวนราชันได้นำเอาเน่ยตันเหล่านี้มาแบ่งสันปันส่วนกันไป บรรดานักศึกษาอัจฉริยะบุคคลจากจวนราชันต่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อมองเห็นเน่ยตันที่เต็มถุง และกล่าวว่า “ดูท่าคราวนี้ได้รับผลตอบแทนไม่เลวเลยนี่”

ประตูด้านทิศใต้ของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ผู้หญิงที่สุดยอดปราศจากผู้ต่อกรในหล้า ท่วงท่ากิริยาอ่อนช้อยงดงามดั่งเทพธิดา นางยืนอยู่ตรงนั้นลำพังคนเดียว รับมือกับสัตว์ประหลาดแต่ละตัวที่รุกล้ำเข้ามา

ปุ…มองเห็นกิ่งไม้นั้นทิ่มแทงออกไปเบาๆ พลันแทงทะลุตะขาบยักษ์ตัวนั้น สังหารมันแน่นิ่งอยู่กับพื้น

ปังกิ่งไม้กิ่งนั้นปัดออกไปเบาๆ จนสัตว์ดุร้ายที่ดั่งภูเขาลูกเล็กตัวนั้นปลิวออกไป มันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดสดๆ สาดกระจาย

มันเป็นกิ่งไม้ของต้นไม้ที่มีเปลือกไม้หนาๆ กิ่งหนึ่ง โดยที่กิ่งไม้ซึ่งหุ้มด้วยเปลือกไม้แก่ๆ มีใบอ่อนอยู่สามถึงห้าใบ ด้วยกิ่งไม้ลักษณะเช่นนี้แหละ ยามที่มันแข็งก็จะแข็งดั่งเหล็กกล้า ยามที่มันอ่อนนุ่มสามารถนำมาพันกับนิ้วได้

ด้วยกิ่งไม้ลักษณะเช่นนี้แหละ เมื่ออยู่ในมือของสุดยอดผู้หญิงในหล้าแล้วก็ได้กลับกลายเป็นอาวุธที่น่ากลัวที่สุด การที่นางเฝ้าอยู่บริเวณประตู้ด้านทิศใต้ ทำให้สัตว์ยักษ์วิหคดุร้ายยากที่จะล้ำเส้นได้แม้เพียงครึ่งก้าว

“ที่แท้เทพธิดาเหมยแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้นะเนี่ย” มองดูการลงมือของผู้หญิงยอดเยี่ยมในหล้า ทำให้แม้แต่นักศึกษาจากจวนราชันยังต้องหวั่นไหว พวกเขานึกไม่ถึงว่าเหมยซู่เหยาจะแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้ เป็นการอยู่เหนือความคาดคิดของพวกเขาไปมากเลยทีเดียว..Aileen-novel

ไม่เพียงเหมยซู่เหยาจะมีความแข็งแกร่งยิ่ง แม้แต่กิ่งไม้ที่อยู่ในมือของนางก็มีความฝืนลิขิตสวรรค์อย่างยิ่ง นี่หาใช่กิ่งไม้ธรรมดาทั่วไป กิ่งไม้กิ่งนี้เป็นกิ่งไม้เก่าแก่กิ่งหนึ่งที่นางได้มาจากต้นจักรวาลในครั้งนั้น มันมีพละกำลังและพลังชีวิตที่ไม่มีสิ้นสุดอยู่ในครอบครอง

เวลานี้เหมยซู่เหยาที่มีเพียงกิ่งไม้กิ่งเดียวในมือ มีท่าทีปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้ายิ่งนัก ไม่ได้มีอานุภาพที่สะเทือนฟ้า ไม่ได้มีพลังที่ยิ่งใหญ่ดั่งคลื่นยักษ์ เพียงแต่กิ่งไม้เก่าแก่กิ่งนี้ที่อยู่ในมือโจมตีครั้งเดียวถึงชีวิต มีความน่ากลัวอย่างยิ่ง

นักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าล้วนแล้วแต่รู้ว่าพรสวรรค์ของเหมยซู่เหยาสูงมาก ในใจของนักศึกษาจากจวนราชันจำนวนมากต่างคิดว่าพรสวรรค์ของเหมยซู่เหยาสูงกว่านายน้อยทะยานฟ้าเป็นอันมาก เพียงแต่สยบต่ออำนาจบารมีของนายน้อยทะยานฟ้า ผู้คนจำนวนมากจึงไม่สะดวกที่จะพูดออกมา

ตลอดเวลาที่ผ่านมา เหมยซู่เหยาไม่เคยลงมือให้เห็น ดังนั้น ทุกคนจึงรู้เพียงว่านางมีพรสวรรค์ที่สูงมากเท่านั้น ด้านทักษะยุทธของนางทุกคนกลับไม่ค่อยจะเข้าใจอะไรมากนัก เวลานี้พลันที่ได้เห็นการลงมือของเหมยซู่เหยาแล้ว นักศึกษาของจวนราชันจำนวนมากต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ ในเวลานี้ ทุกคนจึงได้รู้ว่าพวกเขาประเมินศักยภาพของเหมยซู่เหยาต่ำเกินไปมาก

ตูม ตูม ตูมเสียงดังตูมตามดังขึ้นเป็นระลอกไม่ขาดสาย ฟ้าดินสั่นไหวโคลงเคลง ฝูงสัตว์ดุวิหคร้ายที่บุกเข้าไปยังสถาบันศึกษาเทพเจ้าดั่งน้ำขึ้น มากันแบบมืดฟ้ามัวดิน เหมือนว่าฆ่าอย่างไรก็ไม่หมดอย่างนั้น

ขณะที่บรรดาอาจารย์ และนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าทยอยกันออกมารับมือ ยิ่งผู้เฒ่าของสถาบันแล้ว เรียกได้ว่าสังหารรอบทิศ ภายในระยะเวลาอันสั้น สถาบันศึกษาเทพเจ้าได้สังหารจนศพของสัตว์ประหลาดกองพะเนินดั่งภูเขา เลือดสัตว์ไหลนองดั่งทะเล ขณะเดียวกันเสียงร้องฆ่าและเสียงคำรามก็ดังก้องไปทั่วฟ้าดิน

ในเวลานี้นับเป็นเวลาที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าได้สำแดงธาตุแท้ภายใจออกมาแล้ว การลงมือของผู้เฒ่าแห่งสถาบันศึกษาเทพเจ้าเรียกได้ว่าถล่มสุริยันจันทรา ทำลายดวงดาว ไม่ว่าจะเป็นมังกรยักษ์หรือว่าเหล่าวิหค ต่อให้เป็นสัตว์ดุวิหคร้ายที่ทรงพลังมากกว่านี้หากบุกเข้ามา ก็ต้องถูกบรรดาผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าสังหารจนสิ้น

โดยเฉพาะสถาบันศึกษาเทพเจ้าปรากฏกระบี่ยักษ์ที่ปะทุขึ้นมาเป็นระยะ ต่อให้เป็นสัตว์ดุวิหคร้ายที่ทรงพลังมากกว่านี้ที่บุกเข้ามา ล้วนแล้วแต่เป็นการรนหาที่ตายทั้งสิ้น

แม้ว่าบรรดาผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าจะสังหารไปรอบทิศ แต่ว่า ภายใต้สภาพการณ์ที่ยุ่งเหยิงเช่นนี้ สถาบันศึกษาเทพเจ้าดูจะยุ่งเหยิงวุ่นวาย ซึ่งเปิดโอกาสให้บางคนฉวยโอกาสหาผลประโยชน์จากความวุ่นวายนี้

เนื่องจากสถานที่ตั้งอยู่ในที่ที่ห่างไกล ไม่ได้เหมือนเช่นจวนราชัน หอศักดิ์สิทธิ์ และศตาคารที่โดนเข้าเต็มๆ เมื่อเปรียบเทียบถึงความคึกคักด้านนอกแล้ว เรือนตำราดูจะเงียบสงบอย่างยิ่ง เนื่องจากสัตว์ดุวิหคร้ายจำนวนมากยังไม่ทันไปถึงเรือนตำราก็จะถูกบรรดาอาจารย์ และผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าจัดการสิ้น

ต่อให้มีเล็ตรอดสองถึงห้าตัวโดยบังเอิญ คิดจะเข้าไปยังสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็ไม่ง่ายนัก ถูกบรรดานักศึกษาที่คอยฉกฉวยโอกาสจัดการจนสิ้น

หลี่ชิเย่นั่งอยู่ภายในตำหนักใหญ่ ท่าทีดูเป็นธรรมชาติ ไม่ได้รู้สึกเป็นกังวลในสถาบันศึกษาเทพเจ้าแม้แต่น้อย หลี่ชิเย่ยังมีความมั่นใจในเรื่องนี้ต่อสถาบันศึกษาเทพเจ้า อาศัยพวกสัตว์ยักษ์วิหคดุร้ายเหล่านี้ยังไม่สามารถทำอะไรสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้ อันตรายที่แท้จริงยังอยู่ด้านหลัง

ในขณะนี้ เรือนตำราสงบเงียบยิ่งนัก เนื่องจากพวกของเย่ซินเสวี่ยได้หลบซ่อนตัวไปแล้ว หลิวจินเซิ่นถูกหลี่ชิเย่ใช้ให้ไปออกไปคอยสังเกตการ ดังนั้น เรือนตำราขนาดใหญ่จึงมีหลี่ชิเย่เพียงคนเดียวเท่านั้น

เสียงซ่า ซ่า ซ่าดังขึ้นมาเป็นระลอก ในเวลานี้มีมดประหลาดที่มีขนาดเท่ากำปั้นฝูงหนึ่งไม่รู้ว่าลอบเข้ามาสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้อย่างไรกัน มดประหลาดฝูงนี้เสมือนดั่งน้ำขึ้นที่รุกเข้าไปภายในเรือนตำรา

ครั้นมดประหลาดฝูงนี้เข้าไปยังเรือนตำราแล้ว พลันปรากฏเสียงดังซ่าซ่าซ่าขึ้นมาไม่ขาดสาย พวกมันทั้งหมดได้มุดลงใต้ดิน เหมือนว่าต้องการขุดเอาดินของเรือนตำราขึ้นมาให้หมดอย่างนั้น

เจ้ามดตัวร้าย จะหนีไปไหน…ขณะที่มดประหลาดฝูงใหญ่บุกเข้าไปภายในเรือนตำราแล้ว บนฟากฟ้าปรากฎคนสามคนที่ไล่ติดตามเข้ามา ทั้งสามคนก็คือพวกของนายน้อยทะยานฟ้านั่นเอง

เมื่อพวกของนายน้อยทะยานฟ้าเห็นว่ามดประหลาดฝูงนี้ได้มุดลงใต้ดินไปหมดแล้ว จึงทยอยกันส่งเสียง

ดังออกมาว่า “เจ้ามดตัวร้าย อย่าหวังจะทำชั่วในสถาบันศึกษาเทพเจ้าของพวกเรา วันนี้ต่อให้ต้องขุดลึกลงใต้ดินก็ต้องทำลายพวกเจ้าให้สิ้นซาก”

ตามติดด้วยเสียงดังตูม ตูม ตูมที่ดังขึ้นมาเป็นระยะๆ มองเห็นพวกของนายน้อยทะยานฟ้ากำลังขุดไปตามภูเขาและหุบเขา พวกเขาทยอยลงมือพลิกแผ่นดินเป็นการใหญ่ ต้องการสังหารบรรดามดประหลาดให้สิ้น ท่าทีเหมือนต้องการขุดพื้นดินจนทั่ว

เวลานี้ พวกของนายน้อยทะยานฟ้าสามคนได้ทำการขุดค้นเรือนตำราจนฟ้าถล่มดินทลาย จนมีสภาพยุ่งเหยิงไปหมด พวกเขาทำการขุดค้นอย่างบ้าคลั่งเพื่อค้นหามดประหลาดที่มุดลงใต้พื้นดินเหล่านั้น

หลี่ชิเย่ที่นั่งอยู่ภายในตำหนักใหญ่พลันรับรู้ได้ เขาเพ่งดวงตาทั้งสองตรงไปข้างหน้า จากนั้นก้าวเดินออกจากตำหนักใหญ่

“พวกเจ้ากำลังทำอะไร?” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ มองดูพวกของนายน้อยทะยานฟ้าสามคนที่กำลังขุดค้นจนยุ่งเหยิงไปหมด

การโผล่ออกมาของหลี่ชิเย่ แม้ว่าพวกของนายน้อยทะยานฟ้าทั้งสามคนจะได้เตรียมใจมาแล้ว ยังอดที่จะขนลุกซู่ในใจไม่ได้ พวกเขาต่างรู้สึกตกใจยิ่งนัก ถึงกับก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยสัญชาตญาณ จ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความระมัดระวัง

……………………………………………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *