Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2423 ข้าอยากเป็นนักเลงหัวไม้

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2423 ข้าอยากเป็นนักเลงหัวไม้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เฮ้ คนสวย มาหาความสุขกับคุณชายอย่างข้าดีไหม?” ไม่ทันใด หลี่ชิเย่ก็หมายตาไปที่ผู้หญิงอีกคนแล้ว และเข้าไปเทะโลมทันที ยโสและชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ ท่าทางเหมือนเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดอย่างนั้น

จางเจี๋ยตี้เองได้แต่ทอดถอนใจออกมา มองดูหลี่ชิเย่ที่เทะโลมหญิงสาวชาวบ้านกลางวันเสกๆ

ฉับ ฉับ ฉับเสียงฝีเท้าที่พร้อมเพรียงกันดังขึ้น ยังไม่ทันที่หลี่ชิเย่จะได้ไปเทะโลมหญิงสาวอีกคนหนึ่ง พลันก็ถูกกองทหารล้อมเอาไว้แล้ว

แม้ว่าจำนวนทหารกองนี้จะมีไม่มาก แต่ว่า ทหารทุกคนต่างสวมชุดเกราะ และแผ่กลิ่นอายที่…เย็นเยียบชวนหวาดหวั่น…ทำให้ผู้พบเห็นรู้ได้ทันทีว่าเป็นกองทัพที่เคยสู้ศึกเหนือใต้มาแล้ว

“กองทัพของราชวงศ์โต่วเซิ่น” ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกตื่นตระหนกที่ได้เห็นทหารของทัพนี้ ทยอยกันถอยห่างออกไป ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

ภายใต้การปกครองของฮ่องแต้ไท่ชิง กองทัพของราชวงศ์โต่วเซิ่นเกรียงไกรไปทั่วหล้า มีชื่อเสียงโด่งดังด้านความโหด แม้ว่ากองทัพที่เห็นอยู่ตรงหน้าจะไม่ได้สังกัดกองทัพหยินมี่ แต่ยังคงเป็นที่หวั่นเกรงของผู้คน

ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกดีใจที่เห็นผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน เมื่อเห็นหลี่ชิเย่ถูกทัพของราชวงศ์โต่วเซิ่นล้อมเอาไว้ ต่างหัวเราะเยาะขึ้นมาลับๆ รู้ว่าเจ้าหนูคนนี้ตายแน่ๆ แล้ว สมควรทราบว่า ทั่วทั้งราชวงศ์โต่วเซิ่นมีใครบ้างล่ะที่กล้าเป็นศัตรูกับราชวงศ์โต่วเซิ่น?

กองทัพลักษณะเช่นนี้ก็คือตัวแทนทางการของราชวงศ์โต่วเซิ่น

“อาหลัว เป็นเขานั่นแหละ” ในเวลานี้เอง เสียงของผู้หญิงที่งดงามเฉลียวฉลาดดังขึ้น เมื่อทุกคนหันไปมอง นางคือหลัวฉีที่วิ่งหนีไปเมื่อครู่นั่นเอง

เวลานี้ข้างกายของหลัวฉีมีแม่ทัพอยู่คนหนึ่ง แม่ทัพคนนี้เป็นชายวัยกลางคน สวมใส่ชุดเกราะ ท่าทางดุเดือดรุนแรง พลันที่ผู้คนมองเห็นก็รู้ได้ทันทีว่า ต่อให้เขาไม่ใช่แม่ทัพใหญ่ของกองทัพนี้ ก็ต้องมีฐานะไม่เบาทีเดียว

ดูท่าหลังจากที่หลัวฉีหนีไปแล้วได้ไปหาคนมาช่วย จะอย่างไรเสียนางก็มีชาติกำเนิดจากตระกูลแม่ทัพ นางจะกล้ำกลืนความอัปยศได้อย่างไรเมื่อถูกเทะโลมและล่วงเกินกลางถนน ดังนั้น นางจึงไปร้องไห้และฟ้องกับผู้อาวุโสของนางที่เฝ้าประตูเมืองอยู่ ผู้อาวุโสของนางเป็นแม่ทัพเมื่อได้ยินคำจากนางแล้วโกรธจัดและนำทหารมาทันที

“ว้าว นี่ไม่ใช่น้องหนูที่หนีไปเมื่อครู่รึ?” เมื่อหลี่ชิเย่เห็นเป็นหลัวฉีแม้จะถูกทหารล้อมเอาไว้ก็ไม่ได้รับผลกระทบอย่างสิ้นเชิง หัวเราะเสียงดังและกล่าวว่า “น้องหนู คิดจะกลับมาโผเข้าอ้อมกอดใช่หรือไม่? แต่ว่า คุณชายอย่างข้าชมชอบบังคับฝืนใจคนอื่น ไม่สนหรอกนะว่าจะสนุกหรือไม่ สำหรับแม่หนูที่โผเข้าอ้อมกอดนั้น ข้าไม่มีอารมณ์แม้แต่น้อย”

เวลานี้ หลี่ชิเย่ยืนกอดอกตรงนั้น ยังคงอวดดีอย่างยิ่ง เหมือนว่าบนหน้าผากของเขาได้เขียนคำว่า ‘นักเลงหัวไม้’ โจ๋งครึ่มเอาไว้ ท่าทางคือคุณชายอย่างข้าคือฮ่องเต้อย่างนั้น

ตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ภายใต้การโบกมือของแม่ทัพหลัว มองเห็นทหารที่ล้อมหลี่ชิเย่เอาไว้พลันปลายทวนชี้ไปที่หลี่ชิเย่ กระทั่งเกือบจะแตะหน้าอกของหลี่ชิเย่แล้ว เปี่ยมด้วยปณิธานการฆ่า

“เจ้าโจรมาจากไหน ถึงกับกล้าก่อความวุ่นวายในเมืองหลวง!” ดวงตาทั้งสองของแม่ทัพหลัวผู้นี้ดูไม่เป็นมิตร เผยปณิธานการฆ่าออกมา และกล่าวน่าครั่นคร้ามขึ้น

“อาหลัว ฆ่าเขาเสีย” เวลานี้หลัวฉีทำเชิดคางให้กับหลี่ชิเย่ ท่าทางเหมือนลำพองใจเล็กๆ ที่จะได้แก้แค้น

แม่ทัพหลัวกล่าวน่าครั่นคร้ามว่า “เจ้าหนู ยอมให้จับแต่โดยดีตอนนี้ มิฉะนั้นล่ะก็ ถูกสับจนเละแน่”

“เละบ้าอะไรของเจ้า” ท่าทีของหลี่ชิเย่ดูจะไม่ใส่ใจโดยสิ้นเชิง โบกมือและกล่าวว่า “ไสหัวไปข้างๆ ไป อย่ามายุ่งกับคุณชายอย่างข้า มิฉะนั้นล่ะก็จะให้เจ้าปลดประจำการไปเลย”

แม้ว่าหลี่ชิเย่จะถูกทหารจำนวนมากล้อมเอาไว้ ยังคงแสดงบทบาทของนักเลงหัวไม้ได้อย่างถึงอกถึงใจ ยังคงยโสชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ กำเริบเสิบสานอวดดี ไม่เห็นทุกคนอยู่ในสายตาเลย

“เจ้าคนไม่รู้จักคำว่าตาย ฆ่า” แม่ทัพหลัวผู้นี้คือผู้ที่เคยผ่านสมรภูมิรบมาก่อน ดวงตาทั้งสองของเขาดูไม่เป็นมิตร และไร้ซึ่งความปราณี

“แม่ทัพหลัว…” ขณะที่ทหารกำลังจากลงมือในทันใดนั้น จางเจี๋ยตี้ได้ส่งเสียงไอกระแอมทีหนึ่ง

“เจ้าเป็นใคร? ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครก็ตาม ก็ทำกำเริบเสิบสานตรงนี้ไม่ได้” แม่ทัพหลัวผู้นี้สังเกตจางเจี๋ยตี้ตั้งแต่นาทีแรกที่มาถึง เวลานี้ได้ตวาดเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา

“ฮึ…” จางเจี๋ยตี้ไม่พูดอะไรมากความ เพียงแค่ส่งเสียงฮึเย็นชาขึ้นเท่านั้นเอง

เสียงฮึเย็นชาเสียงหนึ่งของจางเจี๋ยตี้ทำให้แม่ทัพหลัวคนนี้ถึงกับเหมือนโดนฟ้าผ่าเอาอย่างนั้น พลันมีใบหน้าที่ขาวซีด แม้ว่าจางเจี๋ยตี้จะปิดบังใบหน้าของตนไว้ทั้งหมด ไม่มีใครสามารถจดจำเขาได้ แต่เสียงฮึเย็นชาเสียงนี้ทำให้แม่ทัพหลัวรู้ได้ทันทีว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าคนนี้เป็นใครแล้ว

“ใต้ ใต้ ใต้…” เวลานี้ แม่ทัพหลัวตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ

ศาสตราวุธใต้หล้า! จางเจี๋ยตี้! นาทีนี้แม่ทัพหลอที่มีชาติกำเนิดเป็นทหารย่อมรู้แล้วว่า ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนเองนั้นเป็นผู้ใด

ศาสตราวุธใต้หล้าคือหัวหน้าองครักษ์ของฝาบาท มีฐานะอยู่ข้างกายฝ่าบาทและมีตำแหน่งด้อยกว่าซุนหลึ่งหยิ่งเท่านั้นเอง เวลานี้คนผู้นี้ก็ได้มายืนอยู่ด้านหน้าของตนเอง แล้วจะไม่ให้แม่ทัพหลัวตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อได้อย่างไรกันเล่า

สมควรทราบว่า ฮ่องแต้ไท่ชิงหาใช่เป็นฮ่องเต้ทั่วไป เมื่อไรที่เขาไม่สบอารมณ์แล้วล่ะก็ อย่าว่าแต่แม่ทัพใหญ่อย่างเขาเลย แม้แต่ปรมาจารย์ราชสำนักเขาก็จับตัดศีรษะเหมือนสับแตงโมอย่างนั้น สามารถสับจนกลิ้งเต็มพื้นได้ตามอารมณ์

เวลานี้ศาสตราวุธใต้หล้าได้มาเป็นองครักษ์ให้กับเจ้าหนูที่ไร้ชื่อเสียงคนหนึ่ง ทำเอาแม่ทัพหลัวตกใจจนขวัญกลับร่างเดิม

“ข้า ข้า ข้าไม่ทราบ…” เวลานี้ แม่ทัพหลัวแม้แต่พูดก็ยังสั่นเทา การพูดการจาของแม่ทัพหลัวก็ไม่คล่องเสียแล้ว

“พอแล้ว” จางเจี๋ยตี้โบกมือและกล่าวว่า “นายน้อยพวกเราถูกใจแม่นางคนนั้น” เวลานี้เขาขี้คร้านพูดให้มากความแล้ว

แม่ทัพหลัวรู้สึกตกใจยิ่งนักเมื่อได้ยินคำพูดของจางเจี๋ยตี้ อดที่จะมองไปที่หลี่ชิเย่ด้วยความหวาดผวา

ศาสตราวุธใต้หล้าเป็นใคร เขาคือหัวหน้าองครักษ์ของฮ่องแต้ไท่ชิงนะเนี่ย เขาจะไปมีนายน้อยได้อย่างใด? เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้ว แม่ทัพหลัวถึงกับร่างสั่นเทิ้ม

แม้จะกล่าวว่าเรื่องการแต่งตั้งรัชทายาทของฮ่องแต้ไท่ชิงนั้นยังไม่ได้ประกาศ แต่ทว่า เวลาของฮ่องแต้ไท่ชิงเหลืออยู่ไม่มากเป็นเรื่องที่รับรู้กันทั่วหล้าแล้ว

อีกทั้งก่อนหน้านี้ ศาสตราวุธทั่วหล้ารั้งอยู่ข้างกายของฮ่องแต้ไท่ชิงตลอดมา เวลานี้ถึงกับไปรับใช้อยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่ง อีกทั้งยังเรียกเขาว่านายน้อย แม้ว่าแม่ทัพหลัวที่ไม่ได้ข่าวนาทีนี้ก็เรียกว่าคำตอบถูกเฉลยออกมาแล้ว

“เรื่อง เรื่อง เรื่อง…” เวลานี้แม่ทัพหลัวไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี จะอย่างไรเสียนังหนูหลัวฉีก็คือแก้วตาดวงใจบ้านตระกูลหลัวของพวกเขา เป็นคุณหนูของตระกูลหลัวพวกเขา

“นี่คือเกียรติและโชคดีของตระกูลหลัวพวกเจ้า” จางเจี๋ยตี้เพียงกล่าวน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมา

“ข้าน้อย ข้าน้อยทราบแล้ว” เวลานี้แม่ทัพหลัวเหงื่อเย็นไหลริน เขารีบกลับไปอยู่ข้างกายหลัวฉีและพูดคุยเสียงแผ่วเบา

ขอเพียงเวลานี้หลี่ชิเย่ชี้ตัวว่าต้องการหลัวฉีล่ะก็ นาทีนี้แม่ทัพหลัวไหนเลยกล้าปฏิเสธ เมื่อไรที่ฝ่าบาทกริ้วขึ้นมา ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่ไม่สามารถรักษาอำนาจทางทหารของตนเอาไว้ แม้แต่ตระกูลหลัวก็จะหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว

แม้ว่าบ้านตระกูลหลัวพวกเขาไม่เบาทีเดียว และเป็นคนของราชสำนัก แต่ว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของฮ่องแต้ไท่ชิง

ยิ่งไปกว่านั้น จางเจี๋ยตี้พูดไม่ผิด ถ้าหากสามารถเกาะราชวงศ์ได้คือความโชคดีและเกียรติของตระกูลหลัวพวกเขา ไม่แน่นักอาจทำให้อำนาจบ้านตระกูลกลัวพวกเขาก้าวขึ้นไปได้อีกก้าวหนึ่ง

สมควรทราบว่า ด้วยฐานะของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ไม่รู้ว่ามีกษัตริย์ ขุนพล อำมาตย์จำนวนเท่าไรที่ต้องการประจบเล่า ไม่รู้ว่ามีตระกูลและสำนักจำนวนเท่าไรที่ยินดียกคุณหนูของตนไปให้ถึงที่

ใบหน้าของหลัวฉีพลันซีดเผือดทันทีเมื่อได้ฟังคำพูดจากผู้อาวุโสของตน ในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง โดยเฉพาะนางที่มีความหยิ่งยโสในทีย่อมไม่ยินยอมอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่นางยังมองหลี่ชิเย่เสมือนดั่งหนอนในส้วมและเชิดใส่ เวลานี้กลับเปลี่ยนชีวิตของนางโดยฉับพลัน เป็นไปได้อย่างไรที่นางจะยอมรับได้เล่า

แต่ว่า ในเวลานี้นางไม่มีทางเลือกอีกแล้ว อย่าว่าแต่ท่านอาของนางเลย แม้แต่ตระกูลหลัวทั้งตระกูลก็ช่วยนางไม่ได้!

ภายในสมองของหลัวฉีมีแต่ความว่างเปล่า ร่างสั่นเทาทั้งร่าง ในขณะนี้นางประดุจดั่งเป็นนกตัวเล็กๆ ท่ามกลางลมหนาวตัวหนึ่งเท่านั้นเอง กำลังสั่นไหวอยู่ท่ามกลางสายลม ไม่สามารถบงการชะตาชีวิตของตนได้อยู่แล้ว

“นายน้อย เรื่อง เรื่อง เรื่อง…” ในขณะนี้แม่ทัพหลัวได้นำตัวหลัวฉีไปยืนอยู่ตรงหน้าหลี่ชิเย่แล้ว นางได้ก้มหน้าลงต่ำสุด ไม่สามารถเงยหน้าที่หยิ่งยโสและถือดีได้อีกต่อไป

“หลานสาวของข้าไม่ประสา ยัง ยัง ยังต้องให้นายน้อยดู ดู ดูแลให้มาก…” เวลานี้ แม่ทัพหลัวก็ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นใด

ในเวลานี้สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้ก็คือ ส่งตัวหลานสาวของตนให้กับหลี่ชิเย่ เช่นนี้ไม่เพียงสามารถทำให้ตระกูลหลัวรอดพ้นภัยจากการถูกทำลายล้าง กระทั่งสามารถนำพาเกียรติยศและความร่ำรวยมั่งคั่งให้กับตระกูลหลัว

“ไม่มีอารมณ์” เวลานี้หลี่ชิเย่จ้องหน้าหลัวฉีทีหนึ่ง หัวเราะและกล่าวว่า “คนอย่างข้าไม่ชอบแบบนี้ เล่นไม่สนุก พากลับไปเสีย” กล่าวพลาง หันหลังเดินจากไป

แม่ทัพหลัวพลันยืนงงงันอยู่ตรงนั้นไม่สามารถเรียกสติกลับมาเป็นเวลานาน ดุจดั่งถูกฟ้าผ่าเอาอย่างนั้น ในขณะนี้เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี

ในเวลานี้ แม่ทัพหลัวก็ไม่รู้ว่านี่คือความโชคดีหรือโชคร้าย ถ้าหากว่าเป็นโชคดี นั่นก็คือทำให้คุณหนูของตระกูลหลัวรอดพ้นเงื้อมมือมารของนักเลงหัวไม้มาได้ ถ้าหากจะบอกว่าเป็นความโชคร้าย เกรงว่าเป็นการพลาดโอกาสของตระกูลหลัวที่จะได้เกาะขั้วอำนาจไป ไม่แน่นักนับจากนี้เป็นต้นไปตระกูลหลัวของพวกเขาจะถูกเนรเทศเข้าวังเย็น

ยิ่งหลัวฉีด้วยแล้ว ใบหน้าของนางขาวซีดในทันที และยืนเหม่ออยู่ตรงนั้นไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี แรกเริ่มเดิมที นางที่หยิ่งยโสมองหลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงนักเลงหัวไม้ผู้ไร้ความสามารถดั่งหนอนตัวหนึ่ง จากนั้นไม่อาจปฏิเสธต้องยอมพลีร่างให้กับเขา ซึ่งเป็นการทำลายเกียรติและความหยิ่งยโสของนางจนแหลกละเอียด แต่แล้วเวลานี้นางยินยอมที่จะพลีร่างให้แล้ว หลี่ชิเย่กลับไม่ใยดี กล่าวสำหรับนางแล้วสิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อนางมากเหลือเกิน

“คนสวย มาสนุกกันหน่อย” หลายวันนับจากนี้ ได้ปรากฎเสียงของนักเลงหัวไม้ที่ดังขึ้นภายในเมืองกัวชางเฉิน

ว้ายยย…จากการที่เสียงเช่นนี้ของนักเลงหัวไม้ที่ดังขึ้น ไม่รู้ว่ามีแม่นางจำนวนเท่าไรถูกทำให้ตกใจจนหน้าขาวซีด สลดจนหน้าถอดสีวิ่งหนีกันไป

จอมมารน้อยในร่างมนุษย์มาแล้ว…ในเวลานี้ เมืองกัวชางเฉินปรากฏชลมุนวุ่นวาย ไม่รู้ว่ามีแม่นางจำนวนเท่าไรถูกทำให้ตกใจจนไม่กล้าออกจากบ้านแม้จะเป็นกลางวันเสกๆ ต่างไม่กล้าออกมาเดินชมตลาดกันแล้ว ขณะที่หลี่ชิเย่เองก็ได้รับฉายาที่องอาจห้าวหาญว่า ‘จอมมารน้อยในร่างมนุษย์’

“เฮ่อคนเหล่านี้ไม่เป็นเอาเสียเลยกระทั่งตั้งฉายา” หลี่ชิเย่หัวเราะส่ายหน้าและกล่าวว่า “ข้าชื่อว่าคนโหดอันดับหนึ่ง ไม่ได้ชื่อจอมมารน้อยในร่างมนุษย์อะไรนั่น”

หลี่ชิเย่ที่เดินอยู่บนท้องถนน มือทั้งสองข้างกอดท้ายทอยเอาไว้ ตาทั้งสองข้างมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ใช้อำนาจบาตรใหญ่ เดินข้างเหมือนดั่งเป็นปูและผิวปาก เหมือนนักเลงหัวไม้ที่ดีๆ นี่เอง

หลายวันที่ผ่านมา จางเจี๋ยตี้ไม่ได้รู้สึกแปลกอีกแล้วสำหรับพฤติกรรมลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่

“เจี๋ยตี้เอ๊ย บรรดาแม่นางต่างวิ่งหนีไปเมื่อเห็นข้า เช่นนี้คงไม่ได้การแล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “พวกเราจะบุกฝ่าเข้าไปในบ้านของกษัตริย์ อำมาตย์ ขุนพลคนไหนสักคน จัดการฉุดเอาคนสวย ภรรยาชาวบ้านอะไรนั่นสักครั้งเป็นไร?”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *