Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2282 ต้นหวู๋ถงนกหงส์

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2282 ต้นหวู๋ถงนกหงส์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ว่านโซ่วเหล่าจวินเพียงมีท่าทีที่เย็นชาเท่านั้นเองกับคำพูดของหลี่ชิเย่ แววตาของเขาเย็นเยียบ…เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เสียดาย จะอย่างไรเสียทักษะยุทธของเจ้าก็มีขีดจำกัด เจ้าเองก็ไม่ใช่ปฐมบรรพบุรุษ ลำพังอาศัย ‘โล่เซียนเทพอัคคีย้อนอดีต’ ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้ และช่วยหุบเขาอมตะไม่ได้”

พลันที่กล่าวขาดคำ มือใหญ่ของว่านโซ่วเหล่าจวินทำท่าเหมือนดึง ดึงเอาโลกขึ้นมาโลกหนึ่ง คล้ายดึงเอาฟ้าดินขึ้นมาอีกหนึ่ง

เสียงตูม…ดังสนั่น พริบตาเดียวนั้นเอง มองเห็นเหมือนมีโลกๆ หนึ่งที่ค่อยๆ ลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ จริงๆ ที่ตรงนั้นมีพลังยิ่งใหญ่ที่น่าเกรงขามและไม่มีสิ้นสุด มีพลังที่น่าเกรงขามไม่มีสิ้นสุด ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้น ประกายราชันแต่ละสายที่เบ่งบาน เหมือนส่องสว่างไปทั่วทั้งโลก

เวลานี้โลกในลักษณะเช่นนี้ปรากฏร่างเงาที่มีรูปร่างสูงใหญ่สามร่าง พวกมันล้วนแล้วแต่เปล่งอานุภาพราชันที่อยู่เหนือสวรรค์ออกมา ดุจดั่งพวกเขาสามารถปกครองหมื่นแดนอย่างนั้น

“ราชันแท้จริง…” มีผู้ร้องเสียงดังขึ้นมา เมื่อได้เห็นร่างเงาที่สูงใหญ่ทั้งสามนี้แล้ว

“ธาตุแท้ภายในที่ราชันแท้จริงทั้งสามของแคว้นว่านโซ่วได้ทิ้งเอาไว้ มันคือจิตที่ยึดติดอย่างหนึ่ง” ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิผู้หนึ่งกล่าวด้วยความตระหนก

แคว้นว่านโซ่วได้เคยให้กำเนิดราชันแท้จริงสามคน และเคยฝากชื่อเสียงที่โด่งดังเอาไว้ การที่สำนักแห่งหนึ่งมีราชันแท้จริงถึงสามคน จึงไม่อาจโทษแคว้นว่านโซ่วที่มีใจทะเยอทะยานไปท้าทายหุบเขาอมตะ มีความทะเยอทะยานไปแย่งชิงอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ

เสียงตูมดังสนั่น พริบตาเดียวนั่นเอง ว่านโซ่วเหล่าจวินได้รับการเพิ่มพลังจากร่างเงาทั้งสามของราชันแท้จริง โดยเฉพาะร่างเงาราชันแท้จริงเป่าโซ่วที่อยู่ตรงกลางยิ่งดูเหมือนจริงมาก และเปล่งอานุภาพราชันที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าออกมา

ราชันแท้จริงเป่าโซ่วคือศิษย์ของว่านโซ่วเหล่าจวิน เวลานี้เมื่อจิตที่ยึดติดของราชันแท้จริงเป่าโซ่วเพิ่มพลังให้กับว่านโซ่วเหล่าจวินนั้น ย่อมไม่ต้องสงสัยที่สามารถเข้ากันได้ดีกว่าในฐานะที่เป็นศิษย์กับอาจารย์

แว้งค์…เวลานี้ร่างของว่านโซ่วเหล่าจวินดูจะส่งประกายละลานตายิ่งขึ้นกว่าเดิม พริบตาเดียวนั่นเองร่างทั้งร่างของว่านโซ่วเหล่าจวินถูกปกคลุมอยู่ท่ามกลางประกายราชันสูงสุด และพลังของเขาได้รับการเพิ่มสูงขึ้นอย่างยิ่งในทันใด

เสียงตูมดังสนั่นเสียงหนึ่ง นาทีนี้เองว่านโซ่วเหล่าจวินที่ควบคุมวงล้อยักษ์อยู่ ได้ทำให้วงล้อยักษ์หมุนอย่างบ้าคลั่งยิ่งขึ้น ยามที่มันหมุนด้วยความเร็วสูงมาก ดูไปแล้วเหมือนมันได้หยุดนิ่งไปอย่างนั้น

ขณะที่วงล้อยักษ์หมุนด้วยความเร็วสูงนั้น หลุมดำก็ทำความเร็วได้ถึงขีดสูงสุดเช่นกันในทันที ได้ยินเสียงดังตูม ภายใต้การยื้อยุดของหลุมดำ พลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะถูกดึงให้ไหลไปยังหลุมดำด้วยความเร็วที่รวดเร็วยิ่งกว่าเดิม

“เปิด…” จากการที่ว่านโซ่วเหล่าจวินส่งเสียงคำรามเสียงดัง ตามติดด้วยเสียงแว้งค์ที่ดังขึ้น ลำแสงดำมืดที่พุ่งโจมตีเข้ามาพลันมีขนาดเพิ่มขึ้นเท่าตัว

เสียงปังดังสนั่น จังหวะที่พลังลำแสงแห่งความมืดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น โล่เซียนเทพอัคคีย้อนอดีตต้านทานการพุ่งโจมตีของมัน ท่ามกลางเสียงดังสนั่นดังปังโล่เซียนเทพอัคคีย้อนอดีตพลันแตกละเอียดไปทันที เศษชิ้นส่วนที่พราวพร่างจำนวนนับไม่ถ้วนปลิวว่อนไปทั่วบริเวณ

ทันใดนั่นเอง ลำแสงแห่งความมืดที่มีขนาดเขื่องหอบเอาพลังที่ปราศจากผู้เทียบเทียมในหล้าพุ่งเข้าโจมตีหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีที่ทำลายฟ้าดิน จังหวะที่กำลังพุ่งถึงตัวหลี่ชิเย่ในพริบตาเดียวนั้น ได้ยินเสียงตูมดังสนั่น ปรากฎประกายที่เจิดจ้าละลานตาได้ระเบิดขึ้นมา ทันใดนั้นเองทั่วทั้งโลกเสมือนหนึ่งตาบอดสนิทไปแล้วอย่างนั้น

“จบกัน…” ทุกคนที่อยู่บนแท่นโอสถต่างขวัญหนีดีฝ่อกันหมด เมื่อมองเห็นลำแสงแห่งความมืดพุ่งโจมตีถึงตัวของหลี่ชิเย่ ทุกคนล้วนแล้วแต่นึกไม่ถึงว่าลำแสงแห่งความมืดจะมีอานุภาพแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้ ฉับพลันที่เพิ่มพลังอย่างบ้าคลั่งถึงกับโจมตีทำลายโล่เซียนเทพอัคคีย้อนอดีตจนแหลกละเอียด ดูจะพาลมากเกินไปแล้ว

ทุกคนต่างรู้สึกหวาดผวา ขณะที่ลำแสงแห่งความมืดที่ปราศจากผู้ต่อกรพุ่งโจมตีใส่หลี่ชิเย่ ทุกคนต่างเข้าใจว่าคราวนี้หลี่ชิเย่คงต้องกลายเป็นจุณแล้ว ไม่เพียงหลี่ชิเย่เท่านั้นที่กลายเป็นจุณ แม้แต่ตัวแท่นโอสถเองก็ต้องถูกทำลายไป ขณะที่ทุกคนบนแท่นโอสถก็ยากจะรอดพ้นเคราะห์กรรมไปได้ ในเวลานี้มีผู้คิดจะหลบหนีไป แต่ไม่ทันกาลเสียแล้ว

“จบสิ้นแล้ว…” แม้แต่ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิก็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ คิดว่าภายใต้การพุ่งโจมตีเช่นนี้ตัวเองก็ต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไปในทันที

ดังนั้น พริบตาเดียวนี้เอง ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องหลับตารอความตาย ต่างคาดการณ์ถึงวินาทีที่ตนเองต้องกลายเป็นเถ้าธุลีตอนนั้น

แต่ทว่า ไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น เหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกล้วนแล้วแต่ช้าไปหนึ่งจังหวะอย่างนั้น ดังนั้น จึงมีผู้ที่ได้สติกลับมาหลังจากผ่านไปครู่เดียว

ไม่มีอะไรเกิดขึ้น…ผู้คนจำนวนมากได้ก้มมองดูตนเองหลังจากได้สติกลับมา พบว่าตนเองนั้นไม่ได้มีส่วนไหนที่เสียหายแม้แต่เส้นขนสักเส้น ถึงกับดีใจอย่างยิ่ง

ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง เห็นหลี่ชิเย่ยังคงยืนอยู่ที่ตรงนั้น ไม่ได้กลายเป็นเถ้าธุลีไปอย่างที่ทุกคนจินตนาการเอาไว้ อีกทั้งลำแสงแห่งความมืดได้พุ่งโจมตีใส่ตัวของเขาแต่ไม่สามารถสังหารหลี่ชิเย่ได้

เมื่อทุกคนมองดูให้ละเอียดอีกครั้ง มองเห็นประกายที่ไม่มีจำกัดบานเบ่งขึ้นมาจากบริเวณหน้าอกของหลี่ชิเย่ เสมือนดั่งมีคัมภีร์วิเศษถูกเปิดขึ้นบริเวณหน้าอกของหลี่ชิเย่อย่างนั้น สุดยอดบทคัมภีร์สูงสุดถูกจารึกลงบนตัวของหลี่ชิเย่

‘คัมภีร์อมตะ’ มีผู้ที่ร้องเสียงดังออกมาเมื่อมองเห็นคัมภีร์อมตะที่ปรากฏบนหน้าอกของหลี่ชิเย่ รู้ว่านี่คือสุดยอดพลังสูงสุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ

ไม่ถูก…เมื่อทุกคนมองดูให้ละเอียดอีกครั้ง พบว่าไม่ได้เป็นเพียง ‘คัมภีร์อมตะ’ ง่ายดายเช่นนั้น เนื่องจากทั่วทั้งตัวของหลี่ชิเย่ ปรากฏประกายสีเขียวไหลรินอยู่ทั่วตัว พริบตาเดียวนั่นเองได้ทำให้ทั่วบริเวณเปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวา อีกทั้งความมีชีวิตชีวาเช่นนี้ใช่ว่าจะตลบอบอวลบนตัวของหลี่ชิเย่เท่านั้น แต่ตลบอบอวลไปทั่วหล้า ตลบอบอวลไปทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ

“ดูนั่นสิ…” มีผู้ที่เงยหน้าขึ้นมอง มองไปที่เขาเก็บสมุนไพรที่อยู่บนท้องฟ้า ทุกคนเบิ่งตามองไปที่ตรงนั้น มองเห็นประกายสีเขียวถูกเทราดลงมาจากเขาเก็บสมุนไพร

มองเห็นบนเขาเก็บสมุนไพรปรากฏต้นไม้ดึกดำบรรพ์ต้นหนึ่ง โดยที่ต้นไม้ดึกดำบรรพ์นี้มีขนาดยักษ์มาก ลำต้นของมันต้องอาศัยสิบกว่าคนร่วมกันจึงสามารถโอบได้โดยรอบ แต่ทว่าต้นไม้ดึกดำบรรพ์ต้นนี้ไม่ได้มีลักษณะของร่มไม้ที่ปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน มีเพียงกิ่งไม้สิบกว่ากิ่งและใบไม้สีเขียวเป็นหย่อมๆ ที่ประดับอยู่บนต้นไม้เท่านั้น

เนื่องจากต้นไม้ดึกดำบรรพ์ต้นนี้มีอายุมากเหลือเกิน กิ่งไม้จำนวนมากล้วนแล้วแต่แห้งตายไปแล้ว หลังจากเลยขึ้นไปสิบกว่าจ้างไปแล้ว ลำต้นของมันได้แห้งตายหักโค่นไปแล้ว มันเป็นต้นไม้ที่ใกล้จะตายแล้วต้นหนึ่ง เหมือนว่ามันพร้อมที่จะเหี่ยวแห้งตายในไม่ช้า

ด้วยต้นไม้ดึกดำบรรพ์ที่พร้อมจะแห้งตายต้นหนึ่งนี่แหละ มันถึงกับแผ่กระจายแสงสีเขียวลงมาอย่างไร้ขีดจำกัด แสงสีเขียวทั้งหมดได้ครอบคลุมลงบนตัวของหลี่ชิเย่ และก็เป็นมันนั่นแหละที่เปล่งความมีชีวิตชีวาที่ไม่มีสิ้นสุดออกมา สิ่งที่ทำให้ผู้คนไม่อาจจินตนาการได้ก็คือ ความมีชีวิตชีวาที่แผ่กระจายออกมาจากต้นไม้ดึกดำบรรพ์ที่พร้อมจะแห้งตายต้นหนึ่ง ถึงกับสามารถตลบอบอวลไปทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ

“ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์…” มีผู้ที่ร้องเสียงดังออกมา เมื่อมองเห็นต้นไม้ดึกดำบรรพ์ที่โผล่ขึ้นมากะทันหันบนยอดเขาเก็บสมุนไพร

“นี่มันคือต้นไม้ดึกดำบรรพ์อะไรกันแน่?” ผู้คนจำนวนมากต่างงงงันเมื่อได้เห็นต้นไม้ดึกดำบรรพ์ต้นนี้ ทุกคนต่างไม่รู้ว่ามันคือต้นอะไร ถึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้

“ตำนานเป็นเรื่องจริง…” สีหน้าของว่านโซ่วเหล่าจวินเปลี่ยนไป เมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว

เขาได้ยินตำนานเกี่ยวกับยอดเขาเก็บสมุนไพรมีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์มานานแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการยืนยันตลอดมาเท่านั้น ทุกคนได้แต่อยู่ในขั้นตอนของการคาดเดาเท่านั้น

เวลานี้ปรากฏต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาแล้วจริงๆ เป็นการยืนยันในตำนานอย่างแท้จริง

“รู้ไหมว่าเพราะอะไรข้าถึงไม่ค่อยจะลงมือ?” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “ข้าเพียงต้องการให้พวกเจ้าได้เห็นธาตุแท้ภายในของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะเท่านั้นเอง ให้ทุกคนได้รู้ว่าใครกันแน่ที่มีสิทธิ์ปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ นี้ได้อย่างแท้จริง อย่านึกว่าอาศัยเพียงแค่พลังจากวิชานอกรีตเช่นนั้นก็สามารถควบคุมพลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะได้ เจ้ามันไร้เดียงสาจริงๆ”

“เอาล่ะ ได้เวลาสมควรสิ้นสุดกันได้แล้ว ให้เจ้าได้เห็นว่าอะไรที่เรียกว่าเป็นธาตุแท้ภายใน” หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมาและกล่าวว่า “เซียนโอสถได้ทิ้งวิธีการต่างๆ มากมายเอาไว้”

พลันที่หลี่ชิเย่พูดขาดคำ สองมือหลี่ชิเย่รวบเข้าหากัน ได้ยินเสียงตูมดังสนั่น ความมีชีวิตชีวาทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกหลี่ชิเย่รวบอยู่ในมือทั้งสอง

อิ้ววว…พริบตาเดียวนั่นเอง เสียงของนกหงส์ที่ร้องออกมาดังก้องทั่วฟ้าดิน ทุกคนยังไม่ทันได้สติกลับมา มองเห็นต้นไม้ดึกดำบรรพต้นนั้นที่อยู่บนยอดเขาเก็บสมุนไพรต้นนั้นถึงกับมีนกหงส์ตัวหนึ่งบินออกมา นกหงส์ตัวนี้มีสีสันหลากสี บินร่อนอยู่บนท้องฟ้าเบื้องบน จากนั้นหุบปีกทั้งสองแล้วร่อนลงอยู่ด้านหนลังของหลี่ชิเย่ในทันที จากนั้นกางปีกออกสองข้าง คล้ายเป็นการเปิดโลกออกมาโลกหนึ่งอย่างนั้น

เสียงตูม…ดังขึ้นเสียงหนึ่ง แสงสีเขียวที่ดั่งคลื่นยักษ์พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง นาทีนี้เสมือนดั่งโลกทั้งโลกได้สูญหายไปอย่างนั้น ทั่งทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะล้วนแล้วแต่ถูกปกคลุมด้วยแสงสีเขียวที่น่ากลัวนี้เอาไว้ ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะเหมือนถูกความมีชีวิตชีวาเช่นนี้ท่วมจนจมมิดอย่างนั้น ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะล้วนแล้วแต่ตกอยู่ท่ามกลางทะเลแห่งความมีชีวิตชีวา

ต้นหวู๋ถงนกหงส์…ในเวลานี้เอง แม้แต่ผู้พเนจรหยางหมิงก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมากทีเดียว ในที่สุดนางก็รู้ชื่อของต้นไม้ดึกดำบรรพ์ต้นนี้แล้ว มันเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่สะเทือนฟ้าอย่างยิ่ง ไม่รู้ว่ามีปฐมบรรพบุรุษจำนวนเท่าไรที่เคยคิดจะได้ครอบครองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้ เพื่อปลูกเอาไว้ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตน

หากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่งได้ครอบครองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้ จะทำให้พลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธินั้นๆ เพิ่มสูงขึ้นหนึ่งระดับ แม้แต่ปฐมบรรพบุรุษของพรรคหยางหมิงก็เคยคิด แต่ทำไม่สำเร็จ ไม่นึกเลยว่าเซียนโอสถถึงกับนำเอาต้นหวู๋ถงนกหงส์ต้นหนึ่งมาปลูกเอาไว้ในยอดเขาเก็บสมุนไพรของตน

“ต้นหวู๋ถงนกหงส์ พลังจากนกหงส์!” สีหน้าของว่านโซ่วเหล่าจวินเปลี่ยนไปมากทีเดียวเมื่อได้ยินชื่อนี้แล้ว เขารับรู้ถึงความแข็งแกร่งของต้นไม้ต้นนี้ เขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเซียนโอสถถึงกับเอาต้นหวู๋ถงนกหงส์ปลูกเอาไว้บนเขาเก็บสมุนไพร แทนที่จะปลูกไว้ในหุบเขาอมตะ

ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยจึงได้เข้าใจว่าเพราะอะไรยอดเขาเก็บสมุนไพรจึงถูกสยบ ที่แท้เป็นพลังจากนกหงส์นั่นเอง

“เสียดาย สายไปเสียแล้ว” หลี่ชิเย่หวเราะเสียงดัง ฝ่ามือทั้งสองที่ทำท่าดันไปข้างหน้า ได้ยินเสียงตูมดังสนั่น ทำให้ฟ้าดินสั่นคลอน ทันใดนั้นฝ่ามือทั้งสองข้างของหลี่ชิเย่กลับกลายเป็นเหมือนดั่งวังวน และพวยพุ่งเป็นแสงสีเขียวออกมาสายหนึ่ง

ตูม ตูม ตูม…ฟ้าดินสั่นไหวโคลงแคลง แสงสีเขียวได้ปะทะกับลำแสงแห่งความมืด และอาศัยพลังชีวิตที่น่าเกรงขามไม่มีสิ้นสุดดันให้ลำแสงแห่งความมืดต้องถอยร่นไปดื้อๆ

ในเวลานี้เอง ความมีชีวิตชีวาได้ถูกเทราดลงมาอย่างไม่ขาดสาย แสงสีเขียวดูจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ มันกดดันให้ลำแสงแห่งความมืดต้องถอยร่นไปเรื่อยไ เพียงชั่วพริบตาเดียวลำแสงแห่งความมืดก็ถูกผลักดันจนพ้นไปจากเรือนโอสถ และมุ่งไปยังแคว้นว่านโซ่ว

“แย่แล้ว…” ทั้งว่านโซ่วเหล่าจวินและยี่สิบห้าบัณฑิตต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมากทีเดียว เมื่อมองเห็นแสงสีเขียวที่ดันเอาลำแสงแห่งความมืดถอยหลังกลับมายังแคว้นว่านโซ่ว

“พลังจากนกหงส์!” ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างสะเทือนหวั่นไหวกับสิ่งนี้ รวมทั้งพวกของผู้พเนจรหยินหยางที่เป็นผู้แทนจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิต่างๆ ล้วนแล้วแต่รู้สึกใจหายใจคว่ำ

“ธาตุแท้ภายในของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะลึกล้ำมากเหลือเกิน” ผู้แทนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่งถึงกับพูดพึมพำขึ้นมา

ในแดนลัทธิพรรษ หากจะว่ากันด้วยเรื่องของกำลังทหารแล้วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะไม่ได้โดดเด่นแต่อย่างใด ไม่สามารถเทียบได้กับพรรคหยางหมิง จูเซียงหวู่ถิง กระทั่งมีผู้ที่เข้าใจว่าสามารถจัดอยู่ในชั้นสองเท่านั้นเอง แต่มาวันนี้เมื่อทุกคนได้เห็นธาตุแท้ภายในของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะแล้ว ทุกคนจึงได้เข้าใจว่า ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะก็แค่ทำตัวค่อมต่ำเท่านั้นเอง

…………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *